วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 134 กู้อู่

ตอนที่  134  กู้อู่
เมอเรย์ลืมตา ตัวของเขารู้สึกเมาเล็กน้อย

เมอเรย์นั่งค้ำคออยู่เงียบๆ จากนั้นล้วงเหล้าออกมาอีกขวดและดื่มเอง  กู้เสวี่ยนั่งอยู่ด้านข้างถือขวดสองใบในมือเหมือนกับว่านางไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า
เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นทำลายความเงียบ
 “ฮ่าฮ่าฮ่า!  น้องเสวี่ยผู้น่ารักของข้า  ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ข้ารอจนเบื่อแล้ว ถ้าเกิดมีอุบัติเหตุใดๆ ตามรายทาง ข้าอาจจะต้องเสียใจกับชีวิตที่เหลือก็ได้”
บุรุษสูงใหญ่ล่ำสันเบียดตัวผ่านกลุ่มคนเข้ามา  เขาคือกู้อู่ จมูกเขาคด นัยน์ตาตี่ ริมฝีปากบางและปากแหลม  แต่เขามีนัยน์ตาสีน้ำตาลแดงเหมือนกับกู้เสวี่ย เขาจ้องมองกู้เสวี่ยอย่างหื่นกระหาย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบกับกู้เสวี่ย  แต่กู้เสวี่ยที่ยืนต่อหน้าเขาตอนนี้หน้าแดง  เขาถึงกับหายใจหนักหน่วงโดยไม่รู้ตัว  นางช่างงามยิ่งนัก
 “กู้อู่ ระหว่างทางที่ข้ามาที่นี่  ข้าพบกับไซอา  เจ้าส่งเขาไปใช่ไหม?” กู้เสวี่ยถามขึ้นทันที
กู้อู่ได้ยินชื่อของไซอา ม่านตาเขาถึงกับหดเล็ก  เนื่องจากเป็นคนคิดเร็ว ความหื่นกระหายจางไปจากนัยน์ตาเขาทันที “ไซอา? นักฆ่าราตรีไซอา!  เจ้าพบเขาด้วยหรือ?”
กู้อู่อดยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ได้  เขามองดูรอบๆ และสังเกตว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ พวกเขา  เขายิ่งสงสัยมากขึ้น  ด้วยพลังอย่างเมอเรย์ เขาไม่มีทางปกป้องกู้เสวี่ยโดยไม่เสียชีวิตเมื่อสู้กับไซอา  เป็นไปไม่ได้เลย
เว้นแต่ มีใครบางคนช่วยเหลือพวกเขา?
มีความคิดมากมายอยู่ในใจเขา แต่หน้าของเขาก็ยังสงบใจเย็นอยู่ได้  “น้องเสวี่ย, อย่าใส่ความข้า ทำไมข้าต้องยื่นมือไปแตะต้องน้องเสวี่ยด้วยเล่า?  ข้ารอให้น้องเสวี่ยมาเป็นผู้ให้กำเนิดลูกชายให้ข้าอยู่”
 “ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”  กู้เสวี่ยตอบอย่างใจเย็น  “สายเลือดรุ้งหิมะในตัวข้า คนอื่นอาจจะไม่รู้  แต่พี่อู่เป็นญาติของข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรกัน?  น่าเสียดายที่มันเป็นสายเลือดซ่อนเร้น  มิฉะนั้นจะมีคนทรยศตระกูลเราได้ยังไง? พี่อู่ว่าจริงไหม?”
สายเลือดรุ้งหิมะ!
พวกบริวารรอบๆ กู้อู่ปากอ้าค้าง สายเลือดรุ้งหิมะ เป็นสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลกู้ ทันทีที่ได้รับการกระตุ้นให้ทำงาน จะฉายรังสีรุ้งหิมะงดงามอยู่รอบตัว  ในตระกูลกู้ ทุกคนรู้จักสายเลือดรุ้งหิมะดี  เพราะวิทยายุทธที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลกู้ ดาบสายรุ้งต้องเป็นนักสู้ที่ผ่านการกระตุ้นสายเลือดรุ้งหิมะจึงจะใช้ได้
ตระกูลกู้มีประวัติศาสตร์นานสองร้อยปี  ไม่มีผู้ใดครอบครองสายเลือดรุ้งหิมะ  ความปรารถนาสายเลือดรุ้งหิมะของตระกูลกู้ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกจะเข้าใจได้  แต่ละครั้งที่มีเด็กผู้หญิงถือกำเนิด  พวกเขาจะคิดหาวิธีตรวจสอบเพื่อดูว่าพวกเขาจะได้รับสายเลือดรุ้งหิมะหรือไม่  แน่นอนว่ายังมีเลือดประเภทที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ และนั่นเรียกว่าสายเลือดซ่อนเร้น
สายเลือดซ่อนเร้นจะปรากฏในตัวคนหลังจากที่อายุสิบหกปีขึ้นไปแล้ว  ไม่มีทางที่ผู้ใดจะกระตุ้นสายเลือดซ่อนเร้นได้  แต่ถ้ามันถูกส่งต่อผ่านการให้กำเนิดคนรุ่นต่อไป อย่างนั้นมีโอกาสสูงที่เด็กจะได้ครอบครองสายเลือดรุ้งหิมะ
กู้อู่สีหน้าเปลี่ยน  เขาไม่เคยคิดว่ากู้เสวี่ยจะบอกความลับเช่นนี้กับเขาจริงๆ  เขาไม่ใช่เป็นเพียงคนเดียวในตระกูลกู้  เขามั่นใจว่าข่าวของเขาจะกระจายไปยังสมาชิกตระกูลกู้คนอื่นๆ ได้รับรู้กันในคืนนี้
ไม่ว่าเขาจะจับกู้เสวี่ยได้ในคืนนี้หรือไม่ก็ตาม   สิ่งที่ได้กระทำลงไปแล้วไม่สามารถยกเลิกได้  ถึงเวลานั้นก็จะไม่มีใครทำอะไรเขาได้
กู้อู่หัวเราะ “หิมะตกหนักแล้ว น้องเสวี่ยยืนอยู่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเป็นหวัดได้  ถ้าจะให้ดีมากับข้าเถอะ”
กู้เสวี่ยส่ายหน้า “ขอบคุณพี่อู่ที่เมตตา  คืนนี้ข้าจะอยู่ที่นี่  ข้าไม่ต้องการจะไปไหนทั้งนั้น”
กู้อู่ยิ้ม  “ต้าเว่ย, พาคุณหนูกลับไปที่พัก”
บุรุษร่างกำยำดูเย็นชาเดินตรงมาหากู้เสวี่ย
ปัง!
ทันใดนั้น หมัดๆ หนึ่งปรากฏอยู่หน้าต้าเว่ย  ต้าเว่ยหรี่ตาและเขาจิกเท้าลงพื้นเบาๆ เพื่อหยุดยั้งตัวเอง  เมอเรย์พาตัวเองเข้ามายืนขวางไว้   ดวงตาที่แฝงความเมามายเป็นประกายวาววับ
 “ใครบังอาจแตะต้องนาง, ถ้านางบอกว่านางไม่ต้องการจะจากไป?”
ต้าเว่ยคำราม “ไปตายซะ!
ไม่ทราบว่ามีดสั้นสองเล่มมาอยู่ในมือเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ มีดสั้นมีสีฟ้าสดใส ลักษณะบ่งบอกได้ว่าฉาบพิษไว้ พอขยับตัวร่างเขาก็หายไป
ตาของเมอเรย์โปนด้วยความโกรธ เขาตะโกนลั่น “เจ้ากำลังหาที่ตาย”
เปลวเพลิงเขียวเปล่งออกมาจากตัวของเขา  เมอเรย์มีไฟลุกโชนมองดูเหมือนกับเทพเจ้าสงคราม เขารวบฝ่ามือขวาเป็นกำปั้น เพลิงเขียวรวมตัวอยู่ที่กำปั้นของเขาด้วยระดับความเร็วที่น่าตกใจ  จากนั้นเขาก็ปล่อยออกไป
ปัง!
เปลวไฟพุ่งออกไปและเงาร่างหนึ่งเด้งออกมา
ต้าเว่ยสะบัดมีดในมือเบาๆ เพลิงสีเขียวก็กระจายหายไป  เขาดูเคร่งเครียด
 “ฟ้าครามเมอเรย์ เจ้าก็เป็นคนมีชื่อเสียงเหมือนกัน  ข้าได้ยินมาว่าคนที่มีสายเลือดเขียวสวรรค์มีนิสัยกล้าหาญซื่อสัตย์กันทุกคน ถ้าเจ้าเต็มใจนะเมอเรย์ ข้ายินดีรับเจ้าไว้เป็นมือขวาของข้า” กู้อู่พูดขณะจ้องมองเมอเรย์
 “เจ้าน่ะเหรอ?” เมอเรย์ดูถูก  เขาแค่นเสียงออกจมูก “เจ้าคู่ควรหรือ?”
กู้อู่หน้าบึ้งทันที “เนื่องจากเจ้าไม่รู้จักผ่อนปรน  อย่างนั้นอย่าตำหนิข้าว่าไร้น้ำใจ  ต้าเว่ย, อย่าปล่อยให้ใครรอดชีวิตไปได้”
โดยไม่ต้องพูดสักคำ ต้าเว่ยขยายตัวจากหมอก
ม่านตาของเมอเรย์หดเล็ก “เงาหมอก!
สายเลือดเงาหมอกเป็นสายเลือดระดับเงิน  เขาสามารถเปลี่ยนตนเองเป็นหมอกได้  เขายากที่จะจัดการได้  แต่ในใจของเมอเรย์ไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย สายเลือดเขียวสวรรค์ของเขาก็เป็นระดับเงินเช่นกัน
เมอเรย์แผดเสียงและปล่อยเพลิงสีเขียวเพิ่มขึ้น
เขาก้าวเท้ายาวย่อเอวและปล่อยหมัดออกไป  ด้วยระดับความเร็วน่าตระหนก เพลิงเขียวรวมตัวอยู่ที่หมัดของเขา เปลวไฟที่พันรอบหมัดของเขาพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
หมัดเกลียวเพลิงสวรรค์
ต้าเว่ยเคลื่อนตัวด้วยวิธีที่แปลกประหลาดชั่วร้าย ในรูปเงาหมอกลอยตัว คาดการณ์ได้ยาก
เมอเรย์สู้ความเร็วด้วยระดับความเร็วที่ช้ากว่าของเขา  ด้วยพลังที่แข็งแกร่ง  ขณะที่ต้าเว่ยว่องไวราวกับสายฟ้า
รังสีเขียวกับเงาสีเทาโรมรันพันตูกัน บางครั้งก็มีเสียงปะทะกัน  เมื่อใดก็ตามที่ต้าเว่ยปรากฏตัว เขาจะมาพร้อมกับหมอก พอหมอกหนาแน่นยิ่งขึ้น เมอเรย์ก็เริ่มเหนื่อยล้า
หมอกเป็นเหมือนใยแมงมุมขนาดยักษ์ที่มองไม่เห็นจับเขาไว้
เมอเรย์สูดลมหายใจลึกและเปลี่ยนวิธีใช้หมัดของเขา เมื่อดันหมัดออกไปก็ปรากฏพายุหมุนเพลิงเขียว
เขาก้มหน้าแล้วสาวหมัดออกมาหมัดแล้วหมัดเล่า ในพริบตาเขาสร้างพายุหมุนเพลิงถึงสิบสองลูก พายุหมุนเพลิงทั้งสิบสองนี้หมุนวนเวียนรอบตัวเมอเรย์และสร้างวงแหวนเพลิงสีเขียว ทุกที่ที่พายุหมุนเพลิงเคลื่อนผ่าน หมอกก็จะสลายไป
ร่างของต้าเว่ยเพิ่มความเร็วทันที  หมอกเพิ่มหนาขึ้นอีกครั้ง หมอกสีเทาลอยเข้าหาเมอเรย์
เปลวพายุหมุนเพลิงที่น่ากลัวเริ่มช้าลง
 “ฮ่าฮ่า! น้องเสวี่ย, ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการให้ข้าเชื้อเชิญเจ้าเป็นการส่วนตัวสินะ”  กู้อู่หัวเราะอยู่นานจากนั้นเขายืดตัวกางแขนเหมือนนกแล้วพุ่งเข้าหากู้เสวี่ย
 “เจ้ากล้าหรือ” นัยน์ตาของเมอเรย์เต็มไปด้วยความโกรธ  เขาใช้หมัดทั้งสองต่อยใส่กู้อู่ที่อยู่ในกลางอากาศทันที
รัศมีแสงหมัดสีเขียวสองสายเต็มอยู่ในอากาศ
 “เจ้าควรรู้ขีดจำกัดของตัวเองซะบ้าง”  กู้อู่เยาะเย้ย
ทันใดนั้น ฝ่ามือทั้งสองมีแสงสีเงินเรืองรองหุ้มอยู่  เขารับรังสีหมัดแสงสีเขียวโดยไม่หลบ เพียงแต่ตบออกไปเบาๆ เท่านั้น
เผียะ!
รังสีหมัดแตกสลายเหมือนกับลูกโป่งสองใบ
ในอากาศ หน้าของกู้อู่เปลี่ยนเป็นสีแดง  แต่ในเสี้ยววินาที ก็กลับคืนเป็นปกติ  เขาพุ่งเข้าหากู้เสวี่ยโดยไม่เปลี่ยนท่าร่าง
ตาของเมอเรย์เป็นประกาย  มีดสั้นเรืองแสงฟ้าเล่มหนึ่งปรากฏที่ข้างเอวของของเมอเรย์เหมือนปลาสีน้ำเงิน
ฉัวะ!
เลือดกระจายออกมา บาดแผลย้อมด้วยแสงสีน้ำเงิน มองดูน่ากลัว
เมอเรย์ชะงัก สีน้ำเงินลุกลามไปทั่วร่างของเขา
 “ฮ่าฮ่าฮ่า” เมื่อเห็นกู้เสวี่ยใกล้ๆ  หัวใจกู้อู่ร้อนรนแทบมอดไหม้  เขาหัวเราะอย่างชั่วร้าย  “น้องเสวี่ย จากวันนี้ไป เจ้าเป็นของข้าแล้ว”
เขาเหยียดแขนและกางนิ้วทั้งห้า
 “ไสหัวไป ไอ้บัดซบ” เสียงของคนแปลกหน้าดังกรอกอยู่ข้างรูหูของกู้อู่
กู้อู่ถึงกับหนังตากระตุก  โดยไม่ทันได้สนองตอบ  หมัดๆ หนึ่งก็ขยายจนบดบังทัศนวิสัยของเขาไว้
บัดซบเอ๊ย!
กู้อู่ว่าเร็วพอแล้ว เมื่อตอนที่เขาตบหมัดทั้งสองของเมอเรย์ ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรก็จริง  แต่ความจริง นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หมัดนี้รวดเร็วและสมบูรณ์แบบจนเขาไม่มีเวลาตั้งตัว
ในช่วงที่ตื่นเต้นนี้ เขาทำได้แต่เพียงใช้ฝ่ามือปิดใบหน้าไว้
ปัง!
เขารู้สึกว่าพลังยิ่งใหญ่ระเบิดจากฝ่ามือของเขา เหมือนกับว่าเขาเพิ่งถูกหวดด้วยค้อนอย่างแรง
ร่างของเขาปลิวกระเด็นไปกลางอากาศ
นี่มัน...
เขาไม่มีเวลาได้แหกปากร้อง ปั้ก.. อีกหมัดหนึ่งกระทุ้งเข้าที่บริเวณท้องของเขา เขาตัวงอเป็นกุ้ง และดวงตาแทบถลนออก  สีหน้าบิดเบี้ยว
บะ..บัดซบเอ๊ย..
 “คุณชาย!  ต้าเว่ยตกตะลึง เขาทิ้งเมอเรย์โดยไม่ลังเลใจและพุ่งเข้าหาถังเทียน
 “ระยำอย่างพวกแกทุกคน สมควรตายได้แล้ว!” ถังเทียนรังเกียจ รังสีฆ่าฟันของเขารุนแรงขึ้น  ขณะที่เขาวิ่งมาที่นี่และเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น  เขารู้สึกชิงชัง
ถังเทียนพุ่งเข้าหาต้าเว่ยที่กำลังวิ่งเข้าหาเขาเช่นกัน
เจ้าระยำพวกนี้สมควรตายทุกคน!  เจตนาฆ่ารุนแรงเพิ่มขึ้นในหัวใจเขา  ถึงตอนนี้ เขาต้องการฆ่าพวกบัดซบทุกคนนี้อย่างไม่ปราณี
เขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ชักช้าเช่นกัน
ฝ่ามือซ้ายรวบเป็นกำปั้นก่อเป็นระลอกคลื่นขึ้น เหมือนกับว่ามีใยแมงมุมภายใต้การควบคุมของเขา ถังเทียนสร้างระลอกคลื่นสั่นสะเทือนขึ้นมาชุดหนึ่ง
ต้าเว่ยวิ่งเข้าหาหมัดสะท้านฟ้าถึงกับเฉื่อยลง ระลอกคลื่นทั้งหมดกระทบร่างเขาทันที กล้ามเนื้อเขาทั้งหมดชะงักค้าง
นี่คือ..ระลอกสั่นสะเทือน!
หัวใจต้าเว่ยเย็นเฉียบ  แต่เขาไม่กลัว  เมื่อเขาตวาดลั่น เขาใช้มีดสั้นแทงใส่ถังเทียนรวดเร็วราวกับสายฟ้า
รังสีน้ำเงินจางสองสายกรีดผ่านอากาศ
ตาของถังเทียนเยือกเย็น  ถ้าเขาใช้เงาหมอกสู้กับเขา เขาอาจไม่พบกับความลำบากก็ได้  แต่ถ้าเขาต้องการหาความลำบาก  ถังเทียนก็ไม่ยอมสูญเสียโอกาส
หลังจากสูดลมหายใจลึกแล้ว เขายุบอกทันที รวบรวมพลังทั้งหมดในร่างของเขา  เขาเงื้อหมัดขวาและปล่อยออกไป
หมัดหนักพอๆ กับแผ่นเหล็ก
ประทับหัตถ์ใหญ่!
รอยแสงสีน้ำเงินและเกราะผนึกจากประทับหัตถ์ใหญ่ปะทะกัน
แสงสีน้ำเงินแทงลึกลงไปในผนึกของประทับหัตถ์ใหญ่  ต้าเว่ยไม่ได้ถูกวิทยายุทธระดับห้าคุกคาม แต่ต้าเว่ยไม่ประมาท เขาไม่สามารถบอกได้ว่าพลังสายเลือดของเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นแบบไหน
เป็นธรรมดาที่จะใช้พลังสายเลือดเหมือนกับใช้เคล็ดสังหาร
ถ้าเขาไม่มีพลังสายเลือด  อย่างนั้นประทับหัตถ์ใหญ่ไม่มีทางต้านทานหนามครามได้
หนามครามเป็นวิทยายุทธระดับหก ด้วยระดับที่แตกต่างกัน ก็หมายความว่านักสู้ทั้งสองคนแตกต่างกันแค่เพียงระดับเดียว
ปัง!
ผนึกประทับหัตถ์ใหญ่สลายหายไปไม่เหลือร่องรอย  ต้าเว่ยรู้สึกว่ามีดในมือของเขากระดอนออกและเขาสูญเสียพลังในมือ
เขาคิดว่าเป็นเคล็ดสังหารที่น่ากลัวบางอย่าง ก็แค่เพียงพลังมังกรฟ้าและระดับของมันยังไม่สูง
ต้าเว่ยประเมินพลังของเจ้าเด็กนี่ได้ทันที  ระดับห้า และเขามั่นใจมาก เว้นแต่เขาจะมีพลังสายเลือดที่ทรงพลังมาก  ถ้าไม่อย่างนั้น เขาเองจะเป็นฝ่ายชนะในศึกนี้  เขาพลิกฝ่ามือและจับมีดสั้นไว้ และงอตัวทำท่าเหมือนกับสัตว์ป่าเตรียมจะล่าเหยื่อ
ทันใดนั้น ต้าเว่ยหายวับทันที
รังสีมีดสั้นเย็นเฉียบผสานกันและสว่างวาบบดบังการมองเห็นของถังเทียน
ถังเทียนตั้งท่าประหลาด เป็นท่านั่งม้า ทั้งมือและนิ้วเหยียดออกเหมือนกับว่าเขากำลังโอบลูกบอลยักษ์
นั่นทำไปเพื่ออะไร?
ขาทั้งสองของเขาจมลึกลงไปในพื้นและเขาย่อร่างต่ำ
ทันใดนั้น ประกายแสงที่คมเหมือนกระบี่ฉายผ่านดวงตาของถังเทียน

3 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น