วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 233 สู้ศึกด้วยตัวเอง

ตอนที่  233 สู้ศึกด้วยตัวเอง

การตรวจพบความตั้งใจสู้ของอาหู่ทำให้ปิงเริ่มเลือดเดือด

แต่เขาไม่ได้อยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง กลับควบคุมพยัคฆ์ฟ้าอย่างสงบ
จิ้งจอกหิมะผงะตกใจกับความเร็วของพยัคฆ์ฟ้า  ความเร็วของเขาเหนือกว่าอาวุธจักรกลใดๆ ที่เขาเคยเห็นมา
นั่นคืออาวุธจักรกลใหม่หรือนี่?
ความสงสัยเกิดขึ้นในใจของจิ้งจอกหิมะ  อาวุธจักรกลนี้ความจริงมีวิศวกรจักรกลอยู่เบื้องหลังมัน และมาตรฐานของวิศวกรจักรกลจะเป็นตัวกำหนดมาตรฐานของอาวุธจักรกล
ห้ามือสังหารได้เดินทางมามากและฆ่านักสู้อาวุธจักรกลมาหลายคน  แต่ที่จะทำให้จิ้งจอกหิมะรู้สึกว่าเขามีมาตรฐานฝีมือดี กลับมีไม่มาก  วิศวกรจักรกลและนักสู้จักรกลเป็นเหมือนพี่น้องคู่กัน  ทั้งสองอาชีพนี้เกิดขึ้นจากความบันเทิงของผู้มั่งคั่ง
แต่นักสู้จักรกลที่อยู่ต่อหน้าเราดูเหมือนจะแข็งแกร่ง
จิ้งจอกหิมะตื่นเต้น  เขายืดระยะห่างระหว่างพวกเขาโดยอัตโนมัติ  เขาต้องการดูว่านักสู้จักรกลและตัวอาวุธจักรกลมีมาตรฐานเช่นไร
ปีกของพยัคฆ์ฟ้าคลี่ออกและเหมือนประกายสายฟ้าสีน้ำเงิน เขาหายไปในอากาศ
ปิงรู้ว่าคู่ต่อสู้ต้องการดูเขาเพิ่ม แต่นี่หมายความว่าเขากำลังเล่นอยู่ในมือเขา  เขาไม่เคยเห็นอาหู่โกรธมาก่อน  แม้ว่าเขาไม่เคยเห็นอาหู่โกรธมาก่อน ตั้งแต่วันที่เขาได้พยัคฆ์ฟ้ามา  อาวุธจักรกลชุดนี้ได้ขุดรื้อความรู้สึกเก่าในเรื่องอาวุธจักรกลของเขาออก ความสามารถหลายๆ อย่างเขาต้องค้นหาด้วยตนเอง และแม้แต่เซรีนก็ยังไม่รู้วิธีใช้อาวุธจักรกลที่นางสร้างขึ้นมานี้
ปิงจำเป็นต้องค้นหาทีละนิดทีละนิด และในช่วงเวลาที่สวมใช้สอยมันนี้  เขาเรียนรู้ได้สองสามอย่าง  การทำงานของพยัคฆ์ฟ้าเชื่อมโยงกับอาหู่ (พยัคฆ์) โดยตรง และอาหู่ก็คือจิตวิญญาณพลังยุทธพร้อมกับพลังใช้งานที่ต่างจากเครื่องจักรกล  พลังงานของอาหู่มีผลต่อความสามารถของพยัคฆ์ฟ้า
(อาหู่ – จิตวิญญาณพลังยุทธที่ควบคุมเกราะ,  พยัคฆ์ฟ้า – ตัวเกราะ)
สำหรับนักสู้จักรกล การทำความเข้าใจอาวุธจักรกลของเขาและสามารถใช้ศักยภาพพลังงานได้มากที่สุดเป็นความสามารถพื้นฐานที่สุด
ความสนใจของปิงในอาหู่มีมากกว่าจิ้งจอกหิมะเสียอีก
พยัคฆ์ฟ้าจะได้รับผลกระทบจากความโกรธของอาหู่ได้ยังไง?
เขาสังเกตดูอย่างรอบคอบ อาวุธจักรที่มีชีวิตนี้ทำให้เขาไม่คุ้นเคย  แต่เต็มไปด้วยความสงสัยและความคาดหวัง  เพราะมันฉลาดมาก เทียบกับเขาในอดีตที่รู้วิธีใช้อาวุธจักรกลทั้งหมด
ภายใต้ความโกรธของอาหู่  ความเร็วของพยัคฆ์ฟ้าเพิ่มขึ้น ปฏิกิริยาเร็วขึ้น  สัญชาตญาณโจมตีก็แข็งแกร่งขึ้นโดยอัตโนมัติ  ตราบใดที่เขาออกคำสั่งให้โจมตี  มันจะตื่นเต้น  แต่ถ้าเขาสั่งให้มันตั้งรับ มันจะมีท่าทีขัดขืนปฏิเสธ
หลายอย่างที่คนอื่นไม่สามารถรับรู้ได้กลับหลั่งไหลเข้ามาในใจของปิงเหมือนสายน้ำ
**********************************

ม้าศึกตัวใหญ่ที่สุดและสูงที่สุด บนอกของเขาสักเป็นรูปม้าดำ ดังนั้นเขาจึงมีชื่อว่า ม้าศึก
เขาเจอฝ่ายตรงข้ามมากที่สุด
ชายชราตาบอด, คนใช้ใบ้และขุนพลวิญญาณที่ใช้ขลุ่ย
หนึ่งในสามคนนี้สู้กับเขาตามลำพังย่อมไม่ใช่คู่มือเขา  แต่เมื่อร่วมมือกัน เขาพบว่ายากเกินไปที่จะรับมือได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเผชิญหน้ากับนักสู้สายเสียงเพลงถึงสองคน  พวกเขามีความลงตัวเข้ากันได้เมื่อร่วมมือกันทำให้เขาสูญเสียสมาธิและถูกกดดันโดยคนใช้ใบ้ทันที
เฒ่าบอดซอกำศรวลนั้น ม้าศึกจำเขาได้
จากรายชื่อพลังของทั้งสองคนต่างกันมาก เฒ่าบอดอยู่อันดับที่ 9900  ขณะที่เขาอยู่ในอันดับที่ 9870 แม้ว่าเขาจะดีกว่าถึงสามสิบอันดับ  ในทำเนียบสวรรค์วิถี แม้ว่าพลังจะแตกต่างเพียงอันดับเดียวแต่ก็อาจแตกต่างกันมาก ทั้งสองแตกต่างกันอย่างน้อยสิบอันดับ นั่นไม่ใช่ระดับความห่างที่ธรรมดา
อันดับต่างกันสามสิบอันดับก็หมายความว่าถ้าทั้งสองต่อสู้กัน ม้าศึกจะชนะโดยอัตโนมัติ
แม้ว่าจะมีคนใช้ใบ้ แต่ก็ไม่เพียงพอเพิ่มโอกาสชนะให้ชายชราตาบอด เมื่อต่อสู้ด้านจำนวน และด้วยระดับฝีมือที่ใกล้เคียงกัน  ถ้าพลังของคู่ต่อสู้แตกต่างกันมากเกินไป ไม่ว่าจะเพิ่มคนมากเท่าใด พวกเขาคงไม่เพิ่มระดับจนพลังใกล้เคียงได้แต่อย่างใด
นักสู้ผู้แข็งแกร่งสามารถเปลี่ยนธรรมชาติและเคลื่อนย้ายแผ่นดินได้เพียงแค่ยกมือ  พวกเขาสามารถทำลายหมู่ดาวได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว  หลายอย่างเคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์มาก่อนและนักสู้หลายๆ คนก็ทำได้สำเร็จสามารถสร้างตำนานให้ตนเอง
ม้าศึกพบกุญแจระหว่างพวกเขาแล้ว นั่นก็คือขุนพลวิญญาณผู้ใช้ขลุ่ยบรอนซ์!
พลังของขุนพลวิญญาณไม่สูง ปราณแท้ของเขาอ่อนแอ แต่เพลงของเขาประหลาด และมักทำลายจังหวะการโจมตีของเขา  และบ่าวใบ้ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ  แต่ภายใต้อิทธิพลของเสียงเพลง  เขากลับกล้าหาญและไม่ต้องป้องกันการโจมตี  ซึ่งทำให้เป็นปัญหาใหญ่ของม้าศึก
จังหวะของเขาถูกทำลายอย่างต่อเนื่องและเขาถูกคนใช้ใบ้โจมตีอย่างต่อเนื่อง  ม้าศึกโกรธจัด
แต่เขาเป็นคนฉลาด ด้วยสำเนียงวิชาที่สมบูรณ์แบบขนาดนั้น  ขุนพลวิญญาณนี้ต้องมีประวัติที่ทรงพลังด้วยเช่นกัน
ในช่วงเวลาสั้นๆ เขารู้สึกว่าเขามีความรู้สึกที่ไร้ประโยชน์
****************************

ติงตังรู้สึกเหลือเชื่อขณะที่นางมองดูการต่อสู้ที่ชัดเจนข้างหน้า
ความจริงถังเทียนไม่ได้เสียเปรียบ...
แต่นั่นคือห้ามือสังหาร.....
ถังเทียนและคนอื่นไม่รู้จักห้ามือสังหาร แต่ติงตังเดินทางวิ่งเต้นเพื่อติดต่อตามข้อมูล  ดังนั้นนางจึงคุ้นเคยกับชื่อนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีทั้งหมด  นางรู้จักพลังของห้าอสูรสังหาร
ห้ามือสังหารเริ่มมีชื่อเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว เมื่อนักสู้สวรรค์วิถีห้าคนร่วมกันจัดตั้งกลุ่มของตนขึ้น  ในเวลานั้นได้ก่อให้เกิดความวุ่นวาย  ทุกคนจึงได้รู้ว่าห้าอสูรมือสังหารแข็งแกร่งทรงพลังมากเพียงไหน
แน่นอนจากวันที่กลุ่มห้าอสูรมือสังหารก่อตั้งขึ้น พวกเขายังอยู่ได้อย่างสบาย  บรรดาสี่สิบสองหมู่ดาวท้องฟ้าด้านใต้ มีอย่างน้อยสิบห้าหมู่ดาวที่ถูกพวกเขาขู่ขวัญ  การเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายแสดงให้เห็นถึงชื่อเสียงความโหดร้ายของพวกเขา
และมือสังหารทั้งห้านี้เจ้าเล่ห์เพทุอาย  ด้วยการรวมพลังกันของทั้งห้าคน  พวกเขาแทบไม่มีศัตรูต้านติด  เว้นแต่พวกเขาพบกับนักสู้ผู้แข็งแกร่งที่มีระดับ 9500 และที่ต่ำกว่านั้น
ในเวลาอันรวดเร็ว มือสังหารทั้งห้าคนก็สร้างชื่อเสียงได้ แต่ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ได้ปกปิดร่องรอยของตน และค่อยๆ หายไปจากสายตาผู้คนและกบดานตัวเองอยู่ในความมืด  ผู้คนสามารถติดต่อพวกเขาได้เป็นครั้งเป็นคราวบนดาวดวงใดดวงหนึ่ง
แต่...ถังเทียนก็ขัดขวางห้าอสูรมือสังหารได้จริงๆ
ติงตังไม่อยากเชื่อสายตานางเอง  หลังจากสู้เป็นเวลานาน ไม่มีคนใดคนหนึ่งในพวกเขาที่ปรากฏแววแพ้เลย
คนกลุ่มนี้เป็นใครกันแน่?
*******************

ถังเทียนกับจ้าวกิเลนสู้กันไม่หยุด  ตั้งแต่เริ่มพวกเขาพยายามทดสอบระดับฝึกปรือกัน จากนั้นทั้งสองฝ่ายเพิ่มพลัง และการต่อสู้กลายเป็นตื่นเต้นมากขึ้น
กรงเล็บแมวโลหิตในมือของถังเทียนตวัดอยู่ในความมืด ขณะที่เพลิงสีแดงเข้มทั้งจางและลุกไหม้ได้ในขณะเดียวกัน
จ้าวกิเลนตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน
วิทยายุทธที่เขาฝึกฝนก็คือประทีปปัญญาซึ่งเป็นการ์ดวิญญาณชั้นทองระดับเจ็ด  เขาต้องใช้เงินถึงยี่สิบเจ็ดล้านเหรียญดาวถึงจะได้มา นั่นคือเงินเก็บสะสมของเขาทั้งหมด เขายอมจ่ายเพื่อให้ได้การ์ดนี้  หลังจากทดสอบพลังประทีปปัญญาแล้วและรู้สึกพอใจกับวิชานี้
วิทยายุทธนี้ทำให้เขาเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีเมื่อใดก็ได้ที่เขาต้องการแต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือมันสามารถสร้างเปลวเพลิงรูปแบบพิเศษ
มีเพลิงรวมเจ็ดชั้นอยู่ในประทีปปัญญาและแต่ละชั้นเป็นเพลิงที่พิเศษแตกต่างกัน  จ้าวกิเลนฝึกจนถึงขั้นที่ห้าและเปลวเพลิงที่เขาได้ฝึกมีชื่อว่าประทีปปัญญาสีแดง
เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะมีคนฝึกฝนประทีปปัญญาจนถึงขั้นที่ห้าได้  จ้าวกิเลนภูมิใจตนเองมาก
แต่เขาไม่เคยคิดว่า เขาจะพบคนที่ข่มเขาได้ในแง่วิชาต่อสู้
วิชากรงเล็บที่แปลกประหลาดความจริงไม่ด้อยไปกว่าวิชาประทีปปัญญาของเขา การ์ดวิชาชั้นทองระดับเจ็ด มูลค่ายี่สิบเจ็ดล้านเหรียญดาวราคาสูงเทียมฟ้า ถือว่าเป็นเรื่องเคร่งเครียดจริงจังกว่าเขาจะมาถึงระดับในวันนี้ได้  ในทำนองเดียวกันราคาก็มีความโปร่งใสชัดเจนอยู่แล้ว
การ์ดวิชาชั้นทองระดับเจ็ดธรรมดาจะมีราคาสี่ถึงห้าล้าน  แต่วิชาประทีปปัญญามีราคาถึงยี่สิบเจ็ดล้าน  จึงถูกมองว่าเป็นการ์ดระดับชั้นยอดในบรรดาการ์ดวิชาระดับเจ็ด
แต่วิทยายุทธของคู่ต่อสู้ของเขาไม่ด้อยไปกว่าวิชาประทีปปัญญาแต่อย่างใด
แต่เจ้ากิเลนถูกกดดันเพราะไม่เพียงแต่ถังเทียนมีวิทยายุทธระดับสูงเท่านั้น  แต่การแต่งกายของเขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าทำให้จ้าวกิเลนเต็มไปด้วยความริษยา
เกราะของเขาเป็นชุดเกราะเงิน  เจ้ากิเลนสามารถแยกแยะได้ง่ายว่าด้วยความโปร่งเบาสบายจากท่าทางร่างกาย ก็ประเมินได้ว่าเกราะของเขาทรงพลังเพียงไหน
หลังจากวิเคราะห์แล้วเขารู้สึกกดดันมากขึ้น
จากนั้นก็เป็นกรงเล็บแมวโลหิตซึ่งเป็นอาวุธสมบัติอีกชิ้นหนึ่งจากกลุ่มดาวลิงซ์ เป็นเรื่องง่ายที่จะระบุอาวุธสมบัติจากสภาพสมบัติดวงดาว  ของเหล่านั้นมักเป็นหัวข้อสนทนาอยู่เสมอ และบังเอิญจ้าวกิเลนก็ประทับใจกรงเล็บแมวโลหิต ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเศร้า!
เขาเป็นหัวหน้าของห้ามือสังหารก็ยังถูกกดดันอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ และคู่ต่อสู้ก็เป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง
น่าขายหน้าจริงๆ
ถังเทียนก็ถูกตรึงพลังโจมตีเช่นกัน และเป็นครั้งแรกหลังจากตระหนักว่าเขากำลังสู้อย่างไม่มีความกังวล  ถังเทียนสร้างกรงเล็บภูตพรายในแบบฉบับของตนเองและด้วยการเผาผลาญพลังแท้ของเขา ได้ผลที่น่าทึ่ง
มันช่วยเพิ่มความคล่องแคล่วว่องไวให้กับเกราะนกยูง  ถังเทียนยิ่งดูเชี่ยวชาญยิ่งขึ้น
ในที่สุดกรงเล็บแมวโลหิตก็ทำให้ถังเทียนได้ตระหนักถึงพลังของอาวุธสมบัติ เสียงที่เหมือนแมวขู่สร้างพลังที่แปลกประหลาดส่งผลต่อคนอื่น
ถังเทียนไม่รู้ว่าว่าเสียงแปลกประหลาดนั้นความจริงก็คือเคล็ดสังหารของกรงเล็บแมวโลหิต
สำเนียงแมวปีศาจ
สภาพจิตใจของศัตรูได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากเสียงร้องของแมว และเป็นจ้าวกิเลนที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดนี้
ถ้าจ้าวกิเลนรู้ว่าถังเทียนไม่เพียงแต่มีอาวุธสมบัติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  เขาจะรู้สึกอย่างไร?
ลูกปัดแสงกระเรียนฟ้ายังเป็นแหล่งพลังงานสำรองที่มั่นคง  ดังนั้นขณะที่ถังเทียนต่อสู้ เขาจึงไม่รู้สึกเหนื่อยล้า
นอกจากได้รับการสนับสนุนจากอาวุธสมบัติและเกราะแล้ว  ถังเทียนค่อยๆ กดดันเจ้ากิเลนอีกด้วย
จ้าวกิเลนกังวลใจ  เขาสูดหายใจลึกทำให้แสงสีแดงสายหนึ่งลงมาอยู่ที่ลำคอและเลื่อนลงไปที่บริเวณอกและไปหยุดอยู่ที่นัยน์ของรอยสักกิเลนที่หน้าอกของเขา
เหมือนกับว่ากิเลนห้าสีลืมตาของมันที่มีสีแดงดังเลือด
ในเวลานั้น ถังเทียนรู้สึกว่าปลายนิ้วของเขาทะลุผ่านชั้นม่านพลังและนิ้วของเขาผ่อนคลาย
นัยน์ตาของเขาเป็นประกายทันที
วิชากรงเล็บเพลิงภูตพรายระดับปรมาจารย์ของเขาในที่สุดก็เข้าถึงขั้นระดับปรมาจารย์ได้
เขาฝนทั่งสำเร็จหมดแล้ว  แต่กรงเล็บเพลิงภูตพรายของเขาก็ยังไม่ถึงระดับเดียวกับชั้นปรมาจารย์จนกระทั่งเดี๋ยวนี้  กรงเล็บเพลิงภูตพรายของเขาก็ถึงระดับเดียวกับปรมาจารย์ได้ในที่สุด
ความรู้สึกผ่อนคลายและอ่อนโยนที่ไม่สามารถอธิบายได้หลั่งไหลออกมาจากนิ้วทั้งสิบของเขา เหมือนกับว่าปลายนิ้วของเขาไม่มีข้อต่อ ไม่มีขีดจำกัด และเหมือนกับไม่มีอากาศคงอยู่รอบๆ เลย
ระดับปรมาจารย์... นี่คือวิชาระดับปรมาจารย์
ตาของถังเทียนหรี่แคบ  วิชาระดับปรมาจารย์สำเร็จแล้ว  อย่างนั้นเรามาลองใช้จ้าวกิเลนเลือดนี้มาฉลองชัยกัน
เขายกฝ่ามือขวาและงอนิ้วทั้งห้า ทันใดนั้นมีพลังระเบิดออกมาพร้อมกับแสงรังสีสว่างเจิดจ้า
กรงเล็บเพลิงภูตพรายใหม่ระเบิดพลังแท้  จะมีอะไรปรากฏออกมาหลังจากได้บรรลุวิชาระดับปรมาจารย์?  ข้ารอดูไม่ไหวจริงๆ
กรงทั้งห้าที่เหมือนตะขอยิงดาวสว่างห้าดวงพุ่งโค้งเข้าหาจ้าวกิเลน!

6 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ค้างมาก

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยคับ

Su.suksom กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Smaile กล่าวว่า...

อวยกันสุดๆ

แสดงความคิดเห็น