วันอังคารที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 236 สุสานกระบี่และกระบี่มหาสุญญตา

ตอนที่  236  สุสานกระบี่และกระบี่มหาสุญญตา

“เจ้าคือลูกหลานของซินอู่ใช่ไหม?”

เซี่ยชิงมองดูทำอะไรไม่ถูกเมื่อเขาเห็นภาพที่น่าตื่นตะลึงกับตาตัวเองจนกระทั่งมีเสียงเลือนรางดังขึ้นในหู  เขาจึงได้กลับคืนสู่ความเป็นจริงเบื้องหน้า  เขาได้ตระหนักว่าเขาไม่ได้ถูกตรึงไว้ จึงคุกเข่าคุกเข่าลงกับพื้นทันที
 “ศิษย์เซี่ยชิง  บรรพบุรุษของข้าคือเซี่ยซินอู่”
 “ซินอู่เป็นเด็กดี”  เขาถอนหายใจเบาๆ ราวกับว่าเขาคือสายลมที่อยู่เหนือทะเลหมอก
ด้านบนสุดของแท่น ร่างเงาร่างหนึ่งยืนหันหลังให้เขาอยู่ในท่ามกลางกลุ่มกระบี่ชำรุดที่รายล้อมเขาอยู่นับแสนเล่ม  ทุกคนพยายามเข้าไปดูลักษณะของเขาใกล้ๆ  เขามีร่างกายผอมดูราวกับคนอายุสี่สิบ มีนัยน์ตาลึกและเขาสวมชุดมือกระบี่สีเทาดูหลวมเล็กน้อย
ถังเทียนสะบัดแขนเสื้อของตนและเขารู้สึกว่าร่างกายเขาขยับได้  เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง
จ้าวกิเลนและพวกหลุดเป็นอิสระเช่นกันและได้มารวมตัวกัน  ถังเทียนและพวกก็รวมตัวอยู่อีกด้านเช่นกัน
 “เขาคือจิตวิญญาณพลังยุทธ!  จิ้งจอกหิมะพึมพำ  นัยน์ตาเขาเปล่งประกายไม่หยุด  “เราอยู่ในสนามพลังวิญญาณของกระบี่ผนึกปีศาจ”
ทุกคนตะลึง  จิ้งจอกหิมะมีประสาทสัมผัสที่อ่อนไหวและเป็นผู้ที่มีความรู้มากที่สุดในกลุ่มพวกเขา
 “มันคือสมบัติชั้นเซียนแน่นอน  ทรงพลังมากจริงๆ”  จิ้งจอกหิมะถอนหายใจชมเชย  “ถ้าเราเอาชนะเขาได้  เราก็จะได้กระบี่นั่นมา”
 “เขาแข็งแกร่งมากทีเดียว”  เขี้ยวอสรพิษพูดอย่างเย็นชา
 “ต้องใช้วิชานั้น”  จิ้งจอกหิมะพูดอย่างไม่ลังเล “มีแต่ใช้วิชานั้น เราถึงจะมีโอกาส  ถ้าเราชนะ กระบี่นั่นก็ตกเป็นของเรา  สมบัติเซียน  นี่เป็นโอกาสครั้งเดียวที่มีในชีวิตของเรา”
ทุกคนเงียบ นั่นก็ถูก สมบัติเซียนนี้อยู่เพียงแค่เอื้อม  นี่คือโอกาสเดียวในชีวิตของพวกเขา  พวกเขาโชคดีเป็นบ้าแล้ว ถ้าพวกเขาพลาดโอกาสนี้ไป  พวกเขาอาจไม่มีโอกาสครั้งอื่นอีก
แต่, ถ้าพวกเขาใช้วิชานั้น...
สายตาทุกคู่มองมาที่จ้าวกิเลน  พวกเขากำลังรอการตัดสินใจของเขา
จ้าวกิเลนพูดไม่ออก
******************

ร่างกายของถังเทียนฟื้นคืนสู่สภาพปกติ ถังเทียนที่กลับสู่สภาพปกติแล้วถามด้วยความสงสัย “นี่มันที่ไหนกัน?  ทำไมถึงมีแต่หมอกเทาเต็มไปหมด แปลกที่ข้ามองอะไรได้ไม่ไกลเลย”
 “นี่คือสนามพลังวิญญาณของกระบี่ผนึกปีศาจ”  อาเฮ่อตอบอย่างใจเย็น
 “สนามพลังวิญญาณ?”  ถังเทียนตกใจ  ทุกคนหันมาทางอาเฮ่อ
 “อืมมม, มีแต่สมบัติระดับทองที่มีความสามารถเช่นนี้”  อาเฮ่ออธิบายอย่างระมัดระวังเมื่อทุกคนมีท่าทีเหมือนกับว่าไม่เข้าใจ  “พวกท่านต้องเข้าใจไว้ก่อนว่าสมบัติทุกชิ้นเหมือนกับโลกใบเล็ก  โลกเหล่านี้เป็นแหล่งพลังงานของจิตวิญญาณพลังยุทธ มีบางชิ้นก็สมบูรณ์แบบ  ขณะที่บางชิ้นก็หักๆ พังๆ  สำหรับสมบัติระดับทอง  จิตวิญญาณพลังยุทธจะแข็งแกร่งมาก ดังนั้นพวกเขาสามารถสร้างพื้นที่มิติให้พวกเขามีแหล่งพลังงานสำหรับพวกเขา”
 “ฟังดูแล้วลึกซึ้งจริงๆ”  ถังเทียนพึมพำ
หลิงซิ่วบ่น “ไม่ว่าจะเป็นสนามพลังหักๆ พังๆ ยังไงก็ช่าง ข้าจะใช้หอกของข้าทะลวงให้หมด”
อาเฮ่อหัวเราะ..
ติงตังอารมณ์ไม่ดี  นางเหลือบมองหลิงซิ่ว “ใครยังจะเคลื่อนไหวภายใต้พลังนี้ได้เล่า?  พลังของสนามพลังวิญญาณแข็งแกร่งมาก ต่อให้เจ้ามีพลังเท่ากับสมบัติ เจ้ายังจะมีโอกาสทำลายสนามพลังวิญญาณได้หรือ  สนามพลังวิญญาณที่เราอยู่ในตอนนี้ อย่าคิดว่าใครๆ ก็สามารถทำลายได้นะ”
 “ทำไมล่ะ?”  ถังเทียนถามด้วยความสงสัย
 “ก็เพราะสนามพลังวิญญาณนี้ ก็จิตวิญญาณพลังยุทธที่คุ้มครองอยู่นี้คือเซียนกระบี่น่ะสิ”  ติงตังมีสีหน้าจริงจัง  “ใครยังจะสามารถทำลายสนามพลังวิญญาณแบบนี้ได้กันเล่า?”
ตอนนี้ทุกคนพูดไม่ออกแล้ว
ถูกแล้ว ต่อให้กลายเป็นจิตวิญญาณพลังยุทธเซียนกระบี่ก็ยังน่าเกรงขาม  ทุกคนคงได้เคยเจอมาก่อนหน้านี้แล้ว  มีนักสู้นับไม่ถ้วนที่ได้ฝึกวิชากระบี่  แต่มีคนเพียงหยิบมือในประวัติศาสตร์ที่สามารถเรียกตนเองได้ว่าเซียน
เห็นได้ชัดว่า ติงตังรู้เรื่องราวของเซียนกระบี่ลับมากมาย  นางบ่นต่อไป “เซียนกระบี่แต่ละคนจะมีแท่นเซียน ซึ่งก็คือแท่นนั้นนั่นเอง  แท่นเซียนของเซียนกระบี่ลับเรียกว่าสุสานกระบี่  ยอดบนของสุสานกระบี่จะมีกระบี่หักชำรุดหนึ่งแสนเล่ม  กระบี่ชำรุดทั้งแสนเล่มถูกเซียนกระบี่ใช้งานก่อนที่เขาจะได้ฉายาเช่นนี้
เฮ้อ..ทุกคนถอนหายใจและมองดูด้วยความตกใจ
กระบี่แสนเล่มหักชำรุดเกิดจากการฝึกฝน...
อาเฮ่อที่ใจเย็นเป็นปกติก็พลอยประหลาดใจไปด้วย ทันใดนั้นเขาไปมองด้านบน  แท่นเซียนกระบี่มองดูน่าเกรงขามจริงๆ  เขาก็ฝึกฝนวิชากระบี่ด้วยเช่นกัน  เขาไม่รู้เรื่องแท่นเซียนได้ยังไง?
เมื่อเซียนกระบี่ได้รับฉายา  เขาจะสื่อสารความตั้งใจของเขากับสวรรค์และโลก  สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะได้ยินเสียงกระบี่จากแท่นเซียนตามความปรารถนาของเขา
แท่นเซียนกระบี่ของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป  ตามคำเล่าลือ แท่นเซียนกระบี่จะแสดงความเข้าใจของเซียนกระบี่ที่มีต่อกระบี่
สุสานกระบี่!
สุสานกระบี่ ชื่อแปลกจริงๆ  นั่นคือเป้าหมายในอนาคตของเขา
เซียนกระบี่!
แค่เพียงสองคำก็ทำให้เขาเลือดลมพลุกพล่าน เขาค่อยๆ กระชับกระบี่กระเรียนในมือแน่น  ไม่มีใครรู้ว่ากระบี่ในมือของเขาก็คือกระบี่กระเรียน เป็นสมบัติเซียน
นี่คือสมบัติชั้นทองในกลุ่มดาวกระเรียน
เหมือนกับว่าเขาเชิดหน้าขึ้นขณะที่กระบี่กระเรียนในมือของเขาสั่นเล็กน้อย
********************************

 “ทำให้เจ้าต้องลำบากแล้ว”
ด้วยคำพูดนี้ เซี่ยชิงนัยน์ตาพร่าเลือน  ผู้อาวุโสมากมายเผชิญกับทุกอย่างก็เพื่อประโยคนี้  ทันทีที่เขาเข้าใจหลายเรื่อง ผู้อาวุโสในหมู่บ้านมักจะบอกเล่าเรื่องให้เขาฟัง  พวกเขาทุกคนคือองครักษ์พิทักษ์กระบี่
คำพูดเหล่านี้ผุดขึ้นมาในความทรงจำของเขา
หมู่บ้านได้คุ้มครองพื้นที่ซึ่งแห้งแล้ง คุ้มครองกระบี่ที่เทพเจ้าไม่รู้  พวกเขาเคร่งครัดคำสั่งสอนของบรรพบุรุษโดยไม่มีความสงสัย สิ่งเหล่านี้ไม่เคยถูกละเลยมาก่อน
เซี่ยชิงไม่กล้าเอ่ยปากพูด เพราะเขากลัวว่าตนเองอาจจะร้องไห้   วันนี้เขาร้องไห้หลายครั้งซึ่งมากกว่าตลอดชีวิตยี่สิบปีของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักว่าเขาไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ควรจะเป็น
 “นับจากวันนี้ไป เจ้าคือศิษย์ของเซียนกระบี่ลับรุ่นปัจจุบัน”
ราวกับถูกสายฟ้าฟาด ทั้งความคิดและความตั้งใจนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในใจของเซี่ยชิง
กระบี่สีเทาเยียบเย็นกดลงบนไหล่ของเขาขณะที่เสียงแว่วดังขึ้นในหัวของเขา
 “แม้ว่าเจ้าจะคุณสมบัติที่ธรรมดามาก  แต่เจ้าเป็นคนดี ข้ารู้สึกวางใจที่กระบี่ลับตกอยู่ในมือเจ้า เพราะกระบี่เล่มนี้ ข้าได้ผนึกมันไว้ในสนามพลังวิญญาณ  เมื่อสามารถฝึกวิทยายุทธเฉพาะของสำนักได้สำเร็จ มันก็จะได้รับการกระตุ้นให้ทำงาน”
เซี่ยชิงโพล่งออกมา  “วิชาเฉพาะอะไรกัน?”
เสียที่ดังอยู่บนศีรษะเขายังคงเงียบอยู่
ทันใดนั้น มีระเบิดปราณที่แข็งแกร่งท่วมท้นเต็มท้องฟ้า  เซี่ยชิงรู้สึกมึนงง  จากเขารีบหันไปมอง
ห้ามือสังหารล้อมเป็นวงกลมมือของพวกเขาประกบกัน รอยสักสัตว์ร้ายทั้งหมดบนอกพวกเขากลายเป็นมีชีวิตคือ จิ้งจอกหิมะ, อาชาเหล็ก, จระเข้และงูยักษ์ พวกมันเคลื่อนไปตามแขนพวกเขาและไปรวมกับกิเลนห้าสีบนร่างจ้าวกิเลน
อสูรทั้งห้ารวมตัวกันเป็นหนึ่ง
ปราณที่ร้ายกาจรุนแรงนั้นระเบิดออกมาจากร่างของจ้าวกิเลน
ระเบิดปราณมรณะทะลักเข้าหาพวกเขาเหมือนคลื่นทะเลคลั่ง
ถังเทียนใบหน้าเปลี่ยนไปมาก  ปัจจุบันนี้ปราณของจ้าวกิเลนแข็งแกร่งขึ้นมาก  แม้ว่าเป็นแค่ผลพวงที่ตามมา  แต่ถังเทียนกำลังสำลักจากชั้นพลังใหม่นี้ ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น ทุกคนรอบๆ ตัวเขามีใบหน้าเหยเกตะลึงกันไปหมด
พวกมันเหมือนกับสัตว์อสูรในตำนานที่ตื่นขึ้นจากการหลับลึก
แค่ปราณของพวกเขาก็เพียงพอทำให้ทุกคนสำลักหายใจไม่ออกแล้ว
 “เกิดอะไรขึ้น?”  ถังเทียนถามอย่างกังวลใจ  “ทำไมพวกเขาถึงได้แข็งแกร่งขึ้นกะทันหันเล่า?”
 “นั่นคือวิชารวมพลัง!  นั่นคือวิชารวมพลังจริงๆ ด้วย!  หน้าของติงตังซีดไม่มีสีเลือด เสียงของนางสั่น  “พลังของทุกคนผสานรวมกันเป็นหนึ่ง พระเจ้า, นักสู้สวรรค์วิถีห้าคนรวมพลังกันได้...”
ใบหน้าของอาเฮ่อไม่มีรอยยิ้มอีกต่อไป  มีแต่เพียงความกังวลอยู่ในดวงตาของเขา  ทรงพลังมาก
แย่แน่!
เพราะเป็นครั้งแรกที่เขามีความรู้สึกล้มเหลว  เขาจับกระบี่กระเรียนในมือแน่น  แต่ความรู้สึกพ่ายแพ้ในใจของเขาไม่ได้ลดลง
หมอกเทาทั้งหมดในเมืองวิญญาณถูกเป่ากระจายออกไปอย่างบ้าคลั่งด้วยปราณที่น่ากลัวนี้  พื้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับว่าสนามพลังวิญญาณกำลังจะพังทลาย
ทันใดนั้น จ้าวกิเลนหัวเราะอย่างชั่วร้าย
กิเลนบนอกของเขาเพิ่มความตั้งใจสู้เต็มที่ อสูรอื่นอีกสี่ตัวประจำอยู่ที่แขนขาทั้งสี่ของเขา กระแสพลังเต็มอยู่ในทุกซอกมุมของร่างกายเขา  เหมือนกับว่าทั้งสวรรค์และโลกอยู่ใต้เท้าของเขา
ความรู้สึกนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก
ในตอนนี้ สหายทั้งสี่ของเขากำลังนอนอยู่บนพื้น
ช่างน่าเสียดายที่พลังนี้คงอยู่ชั่วคราว
จ้าวกิเลนเลียริมฝีปากและจ้องเซียนกระบี่ลับด้วยความละโมบ  ตราบใดที่เขาได้กระบี่นี้ไป  พลังที่เขาครอบครองนี้จะไม่ใช่พลังชั่วคราวอีกต่อไป
สมบัติเซียน!
เมื่อเขาย่ำลงบนพื้น สนามพลังวิญญาณที่เต็มไปด้วยทะเลหมอกก็ฟุ้งเหมือนถูกฟาดก่อกวน  พื้นที่กว้างไม่มีที่สิ้นสุดเกิดรอยร้าวใสหลายแห่งทันที
มือของเซี่ยชิงเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง ขณะที่เขาต้องการตะโกนบอกคนอื่น  กระบี่ที่แตะอยู่ที่ไหล่ของเขาพลันถูกดึงกลับทันที
ยอดฝีมือกระบี่ชุดเทาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขา  เซียนกระบี่กำลังเดินเฉื่อยชาเหมือนกับว่าเขาไม่เห็นรอยร้าวรอบๆ สนามพลังวิญญาณ  ก้าวย่างของเขาดูผ่อนคลายและเชื่องช้า
เมื่อเดินไปได้สามก้าว  จู่ๆ เขาก็หยุดและพูดคำหนึ่งทันที
 “เจ้าถามว่าวิชาเฉพาะของสำนักเราคืออะไรใช่ไหม?”
เซียนกระบี่ลับกลับเงียบและตอบทันที  “อย่างนั้นให้ข้าบอกเจ้าก็ได้  นั่นเรียกว่า.....”
น้ำเสียงของเขาสงบมากและทะเลหมอกที่น่ากลัวก็จางลงราวกับว่ามีมือยักษ์ที่มองไม่เห็นกวาดทะเลหมอกออกไปจนเบาบาง
จ้าวกิเลนเอียงคอมองดูคู่ต่อสู้ของเขาด้วยแววตาเย้ยหยัน
เซียนกระบี่  อย่างนั้นเจ้าก็เป็นเซียนกระบี่สินะ?
ขุนพลวิญญาณเซียนกระบี่ที่อยู่มาเกินร้อยปีแล้ว  ใครจะรู้กันว่าพลังเจ้าเสื่อมโทรมลงมากแค่ไหน แค่เพียงย่ำเท้าครั้งเดียว ข้าก็สร้างรอยร้าวในสนามพลังวิญญาณได้หลายที่แล้ว  อ่อนเสียจริง
เขายกแขนช้าๆ และยิ้มเจ้าเล่ห์  โง่จริง ใครจะสนกันเล่าว่าเจ้ามีวิชาเฉพาะแบบไหน
ข้าต้องการแค่กระบี่นี้!
ไปตายซะ!
จ้าวกิเลนเบิกตากว้างร่ายรำหมัด เกิดเสียงหวีดหวิวแหวกอากาศทันใด
 “กระบี่มหาสุญญตา!
ชื่อนี้ก้องสะท้อนไปทั่วสุสานกระบี่ทำให้สนามพลังวิญญาณสั่นสะเทือน!
กระบี่เล่มหนึ่งแทงใส่สมองของจ้าวกิเลน  จ้าวกิเลนจ้องมองอย่างตกตะลึงขณะที่เขาชะงักค้าง   พลังที่น่ากลัวทั้งหมดในร่างของเขาปะทะกันเอง เหมือนกับว่านั่นคือเปลวไฟซึ่งสูญเสียการควบคุม
กระบี่นี้....
มาจากตรงไหน....
บึ้ม!
จ้าวกิเลนระเบิดกลายเป็นลูกไฟระยิบระยับ
 “จำชื่อไว้ให้ดี”
เสียงแว่วดังมาจากสุสานกระบี่ ที่มีเงาร่างสีเทายืนอยู่

5 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

และแล้วการรวมพลังของเหล่าเรนเจอร์ก็......
555555555

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ เห็นด้วยกับความเห็นของ Ticha นะครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

รอบที่แล้วก็คงเซี๊ยเหล็ง สายรุ้งวาบละลานตา กระบี่เสียบขั้วหัวใจไร้ร่องรอย
บัดนี้กล่าวจบกระบี่เจาะสมอง!!!

พลังระดับคอนเซบชัดๆ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

คัท! ปิดกล้อง จ้าวกิเลนและทีมงานจบบทแล้วมารับเงินได้

แสดงความคิดเห็น