วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 548 เจดีย์ปราบปีศาจ, เพลิงฟ้าเมฆดำ



ตอนที่  548  เจดีย์ปราบปีศาจ, เพลิงฟ้าเมฆดำ

เมื่อพวกเขาได้ยินชื่อของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีมาก่อน ทำให้พวกเขาตะลึง

แม้ว่าพวกเขาจะทำเป็นสงบอยู่ได้ แต่คนตาบอดก็เห็นได้ถึงความกลัวและตกใจอยู่ในดวงตาพวกเขา
หลังจากได้ยินสิ่งที่เย่ว์หยางพูด ยักษ์เพลิง, บุรุษร่างน้ำเงินเข้มและแม้แต่ชางเหยียนเชื่อเขาสนิท ที่สำคัญคือ มีแต่ผู้แข็งแกร่งอย่างนางพญาเฟ่ยเหวินหลีจึงจะอบรมศิษย์อย่างเย่ว์หยางได้  นี่เป็นเหตุผลที่เหมาะสมเพียงประการเดียวที่สามารถอธิบายถึงประวัติที่แปลกประหลาดของคุณชายสามตระกูลเย่ว์ได้   อีกประการหนึ่ง แม้จะได้ยินเรื่องนี้แล้วก็ตาม จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีก็ยังคงไม่แยแส  ทั้งนี้เพราะชื่อของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์นานแล้ว  นางเป็นสุดยอดนักสู้ระดับสูงจากเมื่อหมื่นปีที่แล้ว  นอกจากในแดนสวรรค์แล้ว สถานะของนางไม่มีบันทึกไว้ในที่อื่น
ขนาดมีคนพูดถึงเทียนหลุน, เชียนเย่และอู๋เซ่อ นักสู้อาวุโสทั้งสามนี้ จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีก็ยังไม่คุ้นเคยชื่อของเขา  พวกนางรู้จักประวัติการคงอยู่ของพวกเขาจากบันทึกประวัติบางส่วนเท่านั้น
ประวัติศาสตร์หกพันปีเผาผลาญความงดงามหายไปมากมาย
คนเหล่านี้เป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดชาวมนุษย์ซึ่งมีช่วงเวลาที่ได้สร้างชื่อเสียงในแดนสวรรค์   เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกเรื่องที่เกิดในหอทงเทียนกลายเป็นเรื่องในอดีต
 “ชางเหยียน, จัดการฆ่าเจ้าเด็กนั่นซะ”  ยักษ์เพลิงมอบภารกิจให้ชางเหยียนฆ่าเย่ว์หยาง
 “ท่านเหยียนจง, ชางเหยียนจะทำตามคำสั่งท่าน”  แม้ว่าชางเหยียนเปลือกนอกจะดูนิ่ง  แต่เขาแอบสบถด่าอยู่ในใจ  ถ้าเจ้าเด็กเย่ว์หยางนี่เป็นศิษย์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีจริงๆ และชางเหยียนฆ่าเขาได้จริงๆ เมื่อนางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้ทราบข่าวนี้  นางคงบุกแดนสวรรค์แน่นอน เมื่อเทียบกับนางพญาผู้ที่ครั้งหนึ่งทรงพลานุภาพอยู่ในแดนสวรรค์  ตำหนักกลางจะยอมปกป้องเขาที่เป็นผู้อาวุโสตำหนักเพลิงระดับต่ำและป้องกันการรุกรานของนางได้หรือ?
เป็นไปไม่ได้!
แม้ว่าเขาจะได้ชื่อว่าเป็นผู้อาวุโสตำหนักไฟ แต่เขาก็ยังมีคุณค่าน้อย
ตำหนักกลางมีคนมากมาย เฉพาะจากเผ่าพันธุ์ที่ใช้ไฟก็มีถึงหกสำนักแล้ว
ในบรรดาสำนักเหล่านี้ สำนักเทพอัคคีแข็งแกร่งที่สุดและสำนักเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นศัตรูคู่แค้นกันมาหมื่นปีแล้ว  สามพันปีที่แล้ว ถ้าตำหนักเพลิงฟ้าไม่ได้ก่อตั้งเพื่อถ่วงดุลอำนาจทั้งสามฝ่ายแล้ว สำนักเทพอัคคีและสำนักเพลิงศักดิ์สิทธิ์คงไม่อ่อนข้อให้กัน เขาคงไม่มีทางได้เป็นผู้อาวุโสตำหนักไฟชั้นนอกของตำหนักกลางแน่นอน  ถ้าเขาพ่ายแพ้ ศิษย์ของสำนักเทพอัคคีและสำนักเพลิงศักดิ์สิทธิ์คงจะฉลองกันด้วยความยินดี
แม้ว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่ได้มีความเคลื่อนไหวมานานถึงหมื่นปีแล้ว  แต่ชื่อเสียงของนางมิได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด
เมื่อใดก็ตามที่นางพญาอสรพิษนี้กลับคืนแดนสวรรค์ จะต้องมีสหายเก่าและบริวารเก่ามาติดตามนางแน่นอน....
ถ้านางบุกแดนสวรรค์หลังจากได้ทราบข่าวแล้ว  ตำหนักกลางคงมีแนวโน้มมากว่าจะยอมส่งศีรษะของเขาไปให้ทันทีที่นางพญาสุดยอดนักสู้ปรากฏตัว  เทียบกับสุดยอดนักสู้อย่างนางพญาเฟ่ยเหวินหลีแล้ว เขาเปรียบเหมือนมดที่ไม่มีความสลักสำคัญอะไรเลย
ชางเหยียนใจสั่นสะท้าน
เขาทำใจยอมติดตามเหยียนจงและเหยียนจุน ถ้าพวกเขาสามารถฆ่าจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีได้  อย่างนั้นเขาค่อยฆ่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ก็ยังได้
ตราบใดที่ทุกคนตายที่นี่กันหมด  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็คงจะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนลงมือ
วิธีนี้เท่ากับเขาใช้กระสุนนัดเดียวฆ่านกได้สองตัว  ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถกำจัดเย่ว์หยางที่น่ารำคาญได้เท่านั้น  เขายังสร้างความโปรดปรานให้กับเหยียนจงและเหยียนจุนผู้มีอำนาจมากในตำหนักเพลิงฟ้าเป็นรองแค่ราชินีเพลิงฟ้าเท่านั้น  อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาไม่โจมตี เขาจะยังไม่เร่งรัดตัวเองอย่างแน่นอน
มิฉะนั้น เขาคงจะเป็นฝ่ายที่พบกับจุดจบอย่างน่าอนาถ
ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาต้องไม่เป็นฝ่ายรุกรานสุดยอดนักสู้อย่างนางพญาเฟ่ยเหวินหลีที่เขาไม่มีทางเอาชนะนางได้เลย
 “.....”  ยิ่งชางเหยียนมองดูเย่ว์หยาง เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าสมเหตุผลแล้วที่เขาได้เป็นศิษย์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี  ถ้าไม่ใช่เพราะนักสู้อย่างนางพญาเฟ่ยเหวินหลีคอยปกป้องเด็กคนนี้อยู่  เขาจะกล้าหยิ่งผยองมากขนาดนั้นเชียวหรือ?  นึกถึงตอนนั้นเขายังเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสาม เขายังคงมีชีวิตอยู่ด้วยเรี่ยวแรงกำลังของตน ยังไม่กล้าแม้แต่จะผายลม  ต่อเมื่อเขาถึงขึ้นปราณฟ้าระดับห้าได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสตำหนักไฟชั้นนอก เขาจึงค่อยกล้าเงยหน้าขึ้นบ้าง
 “....” ยักษ์เพลิงเหยียนจงยังคงรู้สึกว่าเย่ว์หยางมิใช่จะรับมือง่ายๆ ความสามารถของเขายังไม่ถึงระดับปราณฟ้า แต่ก็กล้าบุกโจมตีแดนสวรรค์อีกหรือ?
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน  เขาคิดว่าแดนสวรรค์คือโรงเตี๊ยมที่เขานึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไปตามใจชอบได้อย่างนั้นหรือ?
หากไม่ได้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีปกป้อง ต่อให้เขาพกความบ้าระห่ำมาเต็มเปี่ยม  เขาคงไม่กล้ามาที่นี่เป็นแน่
แต่สำหรับบุรุษร่างน้ำเงินเข้มเหยียนจุน เมื่อเขาเห็นเย่ว์หยางทำร้ายพะยูนปีศาจจนบาดเจ็บด้วยวงจักรล้างโลก  เขารู้สึกลำบากใจเช่นกัน  คงไม่ใช่เรื่องยากหากจะฆ่าเด็กคนนี้  แต่ถ้าเขาคือศิษย์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี  เรื่องราวทั้งหลายจะซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาแค่แกล้งทำเป็นไม่เห็นเขาดีกว่า
ทั้งสามคนแสร้งทำเป็นไม่เห็นเย่ว์หยาง น้อยเรื่องลงบ้างดีกว่าเพิ่มปัญหาพิเศษ  ถ้าพวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงไม่มีปัญหากับนางพญาเฟ่ยเหวินหลี  อย่างนั้นพวกเขาก็สามารถหลีกเลี่ยงหาเรื่องตาย
การตอแยสุดยอดนักสู้อย่างนางพญาเฟ่ยเหวินหลีคงไม่มีจุดลงเอยง่ายๆ แค่คนตายไม่กี่คนแน่
วังเพลิงฟ้าคงถูกกำจัดออกไปทั้งหมด...
 “วันนี้เราก้าวหน้ามาพอแล้ว  แล้วค่อยกลับมาสะสางทีหลังเถอะ  เราควรจะกลับกันได้แล้ว”  ดูเหมือนว่าจื้อจุนที่ต้องการจะสู้ แต่หลังจากนางใคร่ครวญดูแล้ว นางตัดสินใจปล่อยวางเรื่องราว
 “เฮ้อ!” เหยียนจง, เหยียนจุนและชางเหยียนลอบถอนหายใจ  ขอบคุณพระเจ้าที่คู่ต่อสู้ยอมอ่อนข้อให้  ถ้าพวกเขาตัดสินใจสู้จนถึงที่สุด  หลายเรื่องคงยุ่งยากแน่
 “ขอเวลาข้าสักเดี๋ยว”  เย่ว์หยางค่อยๆ ใช้เพลิงอมฤตกลั่นเม็ดพลังของพะยูนนรก ขู่ขวัญพะยูนนรกสองตัวที่ยังมีชีวิตอยู่ บังคับให้มันยอมแพ้ทันทีแม้ว่าเหยียนจงยังอยู่ที่นั่นก็ตาม
ด้านบนของเย่ว์หยางนกหงส์เพลิงบินขึ้นไปในอากาศแล้ว
ลักษณะแบบนั้นหมายความว่ายังไง?
พะยูนปีศาจทั้งสองรู้ตัวแน่นอน เว้นแต่พวกมันยอมจำนน  ไม่อย่างนั้นพวกมันจะต้องตาย!
เมื่อพวกเขาเห็นเย่ว์หยางใช้เพลิงอมฤตจากหงส์เพลิงได้  เหยียนจงและเหยียนจุนหน้าเขียวคล้ำด้วยความริษยาทันที
ในดินแดนสวรรค์ทั้งหมด เพลิงอมฤตที่นักสู้สายอัคคีปรารถนาจะได้ทั้งวันทั้งคืนแต่ไม่มีใครได้  นอกจากเจ้าเด็กผู้นี้  แบบนี้จะทนรับได้อย่างไร นักสู้สายอัคคีทั้งหมดจากสำนักเทพอัคคี, เพลิงศักดิ์สิทธิ์และวังเพลิงฟ้าล้วนแสวงหาเพลิงอมฤตมาอย่างไม่หยุดยั้งหลายหมื่นหลายพันปีแล้ว!  ตอนนั้นอาจารย์ของเขาสอนเขาว่าตราบที่ยังมีคนตามหาเพลิงอมฤตไม่หยุดหย่อน ก็จะได้รับความยอมรับจากเพลิงอมฤตสักวัน ในที่สุด พวกเขาทุกคนก็ได้แต่ไล่ตามหาดอกไม้ในกระจกและพระจันทร์ในทะเลสาบ ที่ไม่มีทางสมหวัง
เหยียนจงและเหยียนจุนรู้สึกว่าหัวใจพวกเขาแหลกสลาย
ถ้าไม่มีคนมองอยู่ พวกเขาแทบอยากจะร้องไห้ไปแล้ว หลังจากใช้เวลาหลายพันปีพยายามบรรลุความสำเร็จเพื่อให้ได้เพลิงสูงสุดอย่างเพลิงอมฤตมา ทุกอย่างกลับกลายเป็นแค่ฝัน  ตอนนี้ พวกเขาตื่นจากความฝันแล้ว...
การปรากฏขึ้นของเพลิงอมฤตทำให้นักสู้สายอัคคีสองคนเหยียนจงและเหยียนจุนละอายใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าชางเหยียน พวกเขาไม่กล้าเชิดหน้าแสดงความเป็นผู้อาวุโส
ชางเหยียนไม่ได้พูดถึงเพลิงอมฤตของเย่ว์หยางมาก่อน  เขาเพียงแต่อธิบายว่าจื้อจุนทรงพลังขนาดไหน  ถ้าเขาพูดถึงเพลิงอมฤต  พวกเขาไม่มีทางมาที่นี่แน่  นักสู้ผู้ครอบครองเพลิงอมฤต มีร่างของเพลิงอมฤต เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเขาได้ง่ายๆ ต่อให้พวกเขาฆ่าเขาได้ เพลิงอมฤตก็จะสร้างร่างของเจ้าของขึ้นมาใหม่  ถ้าพวกเขาไม่ทำลายวิญญาณเขาอย่างเด็ดขาด  ทุกอย่างที่พวกเขาทำลงไปล้วนเปล่าประโยชน์
มิน่าเล่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีถึงปล่อยให้เจ้าเด็กนี่ทำตามต้องการ แม้แต่เรื่องการบุกแดนสวรรค์ แทบจะไม่มีใครสามารถสังหารเขาได้...
 “เนื่องจากพวกเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว  ถ้าเราไม่ต้อนรับอาคันตุกะพิเศษจากทวีปมังกรทะยานเราก็คงเป็นเจ้าบ้านที่แย่”  ยักษ์เพลิงเหยียนจงตัดสินใจรักษาหน้าไว้  แม้ว่าเขาไม่สามารถฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้  อย่างน้อยเขาก็ควรเอาชนะเขาได้  มิฉะนั้น ถ้าข่าวแพร่ออกไปว่าวังเพลิงฟ้าไม่กล้าต่อต้านนักสู้จากทวีปมังกรทะยาน พวกเขาคงจะเสียหน้ากันหมด
 “ให้ข้าต้อนรับเลี้ยงชาอาคันตุกะพิเศษเอง”  เหยียนจงคิดอย่างเดียวกัน
 “.....”  ชางเหยียนทำเป็นไม่เห็นเย่ว์หยางที่กำลังบังคับพะยูนนรกให้เข้าไปใน “เจดีย์ปราบปีศาจ” (ของขวัญที่จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้มอบให้รับขวัญลูกเขย เมื่อก่อนแปลเป็นปีศาจค้ำเจดีย์ ตอนนี้ขอใช้ชื่อนี้ครับ)
ความจริงเย่ว์หยางไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนั้น  แต่เขามีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น
ประการแรก  เขาไม่ต้องการปล่อยพะยูนปีศาจให้หลบหนีไป  ความสามารถในการควบคุมพลังกฎรหัสโบราณและความตายของเฮยหูต้องรักษาไว้เป็นความลับ  ประการที่สอง เขาไม่ต้องการเสียพะยูนนรกไป  แม้ว่าพวกมันจะไม่ฉลาด แต่อย่างน้อยก็พอมีปัญญา  ยิ่งกว่านั้นพวกมันเป็นอสูรฟ้าระดับสอง พวกมันจะเป็นผู้คุ้มกันชั้นยอดในทวีปมังกรทะยาน  ประการที่สาม เขาต้องการทดสอบพลังของเจดีย์ปราบปีศาจ
เย่ว์หยางไม่เคยมีโอกาสได้ใช้เจดีย์ปราบปีศาจ
ในอดีตเป็นเพราะเขายังไม่มีศัตรูที่แข็งแกร่งเพียงพอ  แต่ตอนนี้หลายอย่างแตกต่างไปแล้ว   ต่อให้ราชาเฮยอวี้หรือจักรพรรดิชื่อตี้ พวกเขาต้องถูกผนึกแน่นอน
เย่ว์หยางกังวลว่าทั้งสองตัวนี้อาจไม่ตายง่ายๆ  อย่างไรก็ตามเขาถนัดในเรื่องการผนึก ดังนั้นเจดีย์ปราบปีศาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด... ถ้าได้ผลดีในการทดสอบกับพะยูนปีศาจ  เขาค่อยลองใช้กับจ้าวอสูรเพชฌฆาตโบราณและเพชฌฆาตโบราณอีกยี่สิบตัวก็ได้
แม้ว่าพะยูนนรกทั้งสองยังหวังจะให้เหยียนจง เหยียนจุนและชางเหยียนช่วยพวกมัน  แต่ปัญหาก็คือทั้งสามแกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไร  พะยูนนรกได้แต่ยอมเข้าไปในเจดีย์ปราบปีศาจและกลายเป็นของเย่ว์หยาง  พวกมันไม่ต้องการตาย ไม่ว่าจะเป็นวงจักรล้างโลกหรือเพลิงอมฤต  พวกมันไม่ต้องการถูกสิ่งนี้โจมตีใส่พวกมันทั้งนั้น... ตอนนี้เฮยหูเจ้านายของมันตายแล้ว ความภักดีทั้งหมดเปล่าประโยชน์  ตอนนี้มันได้แต่หวังว่าเจ้านายคนนี้จะดูแลพวกมันอย่างดี
แสงทองงดงามส่องฉายออกมาล้อมรอบพะยูนนรกนั้นไว้
ในท้ายที่สุด พวกมันมองดูชางเหยียนอย่างมีความหวัง
ที่สำคัญคือ พวกเขาเคยเป็นสหายของเจ้าของพวกมัน
ในเมื่อพวกเขาเคยเป็นสหายกัน  เขาจะช่วยพวกมันได้ไหม?
ชางเหยียนมองท้องฟ้าอย่างไม่ไยดี แสดงว่าเขาไม่สนใจเหมือนกับคนที่ผ่านทางมา  น้ำตาไหลนองหน้าพะยูนปีศาจทั้งสอง...
 “เข้าไป!  ถ้าข้าผู้เป็นนายน้อยไม่เบื่อเกินไปในช่วงหลายวันนี้  ข้าจะไม่ใส่ใจพวกเจ้าทั้งสอง”  เย่ว์หยางเตะก้นพะยูนนรกที่น่าสงสารทั้งสอง  พะยูนนรกทั้งสองต้องการจะตอบโต้  แต่ภายใต้อำนาจเจ้าของคนใหม่  พวกมันได้แต่คืบคลานเข้าไปในเจดีย์ปราบปีศาจ
พวกมันตระหนักว่าเจดีย์ปราบปีศาจนี้ ต้องคลานเข้าไป เจ้านายใหม่ของพวกมันไม่ยอมเปิดช่องเทเลพอร์ตให้ เพียงแต่เว้นช่องแคบๆ ไว้ให้พวกมันเข้าไปเอง
ในทันใดนั้น พวกมันมองเห็นแต่อนาคตที่มืดมน
แน่นอนว่า พวกมันไม่รู้ว่าเย่ว์หยางเองก็ไม่รู้วิธีเปิดเจดีย์ปราบปีศาจ..
เหยียนจงและเหยียนจุนตัดสินใจร่วมพลังกันแสดงให้มนุษย์ทั้งสามต่อหน้าพวกเขาได้ตระหนักสิ่งที่พวกเขาทำ ด้วยเหตุผลสองประการคือ ทดสอบความสามารถของพวกเขาและกู้หน้าพวกเขากลับคืนมา
แน่นอนว่า ศิษย์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีหยิ่งยโส  แต่ในฐานะนักสู้ปราณฟ้าระดับหก  ถ้าพวกเขาก้มหัวให้เขา พวกเขาลืมเรื่องการอยู่ในแดนสวรรค์ไปได้เลย  เพราะพวกเขาจะกลายเป็นตัวตลกใหญ่ในแดนสวรรค์
 “ทุ่งเพลิงฟ้า!  ยักษ์เพลิงเหยียนจงโบกมือ ขณะที่ทะเลเพลิงม่วงทองลามออกมา
จื้อจุนไม่ขยับเขยื้อน
เปลวเพลิงทั้งหมดสะท้อนกลับไปโดยโล่พลังรอบๆ ตัวนาง  มันไม่มีผลแต่อย่างใดเหมือนกับที่ชางเหยียนเคยโจมตีก่อนหน้านั้น
ด้วยสนามพลังดารานภากาศ จักรพรรดินีราตรีใช้แต่เพียงวงแหวนเหมันต์ป้องกันเพลิงฟ้าได้ทั้งหมด
มีแต่เพียงเย่ว์หยางที่รู้สึกทรมาน
เขาถูกเพลิงฟ้าเผาไหม้เจ็บปวดแทบจะสำลัก
อย่างไรก็ตาม เหยียนจงไม่ยินดีกับความเจ็บปวดของเย่ว์หยางแม้แต่น้อย แต่เขากลับรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้น
เย่ว์หยางจงใจปล่อยให้เพลิงฟ้าเผาผลาญเขา  เขากำลังกลืนกินพลังเพลิงฟ้าของเหยียนจง  หลังจากถูกเผาแล้ว ก็ยังผสานรวมกันกับบัวเพลิงฟ้าพิโรธ  พลังของบัวเพลิงฟ้าพิโรธจึงได้ทำการยกระดับ  ยิ่งกว่านั้น เพลิงฟ้าเกินกว่าครึ่งที่ไม่ได้ผสานกับบัวเพลิงกลับกลายเป็น เพลิงฟ้าเมฆดำ หลังจากที่ถูกเพลิงอมฤตกลั่น  เพลิงฟ้าเมฆดำคือเพลิงที่เหยียนจงใช้ความพยายามสร้างมานานพันปีก็ยังไม่สามารถสร้างได้สำเร็จ
เพลิงฟ้าเมฆดำคือเพลิงฟ้าที่สามารถอยู่เหนือขีดจำกัดพลังประเภทเพลิง สามารถเปลี่ยนจากหยางเป็นหยินได้
เป็นเวลาพันปีแล้ว เหยียนจงต้องการจะยกระดับเพลิงฟ้า แต่ก็ทำไม่ได้
วันนี้ เย่ว์หยางใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ทำสิ่งที่เขาไม่เคยทำได้สำเร็จให้สำเร็จได้
แม้จะไม่มีเพลิงอมฤต  แต่บัวเพลิงฟ้าพิโรธของเย่ว์หยางก็มีพลังข่มได้  ถ้าเขาสามารถสร้างเพลิงฟ้าเมฆดำได้  อย่างนั้นเพลิงของเขาคงอยู่เหนือเหยียนจงที่ฝึกฝนมาเป็นพันปี
การเยาะเย้ยอย่างไม่กริ่งเกรงกันทำให้เหยียนจงเสียหน้ามาก
เขาโกรธจนถึงระดับแทบขาดสติ
 

13 ความคิดเห็น:

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Umurei กล่าวว่า...

ทำคนกระอักเลือดน้ำตาตกในมากี่คนแล้ว​ คุณชายสาม

serialnu กล่าวว่า...

ไม่ได้แกล้งโง่นะฮะ ไม่รู้จริงๆ เย่วหยางกล่าวไว้

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

555+ งานนี้สงสัยคงมีคนได้กระอักเลือดด้วยความริษยาเป็นแน่

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

อย่าลืมเอาคันชั่งเทพไปเปิดเวทีเองด้วยนะ 555

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

โดนดูดไปใช้ 555

Sky กล่าวว่า...

ทำไมรู้สึกพะยูนน่ารัก 555+

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น