ตอนที่ 7-8
มือข้างนั้น
ในลานที่เป็นสัดส่วนเงียบสงบภายในวัง
สมาชิกคนสำคัญที่สุดของราชตระกูลแห่งเมืองเฟนไลมารวมตัวกันรวมทั้งเคลย์, ราชินี,
พระสนมและโอรสธิดาของเขาอีกหลายคน
“ทั่วทั้งเมืองเฟนไลมีอสูรเวทเพ่นพ่านเต็มไปหมด
เราไม่อาจรวมตัวเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ได้อย่างแน่นอน เพราะจะตกเป็นเป้าสนใจดึงดูดอสูรเวทที่พลังมากเข้ามาก็เป็นได้” เคลย์พูดอย่างเคร่งเครียด
เหตุผลนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจได้และเป็นเหตุผลที่ผู้อำนวยการไมอาและมอนโร
ดอว์สันเดินทางด้วยกองคาราวานเล็ก
กองคาราวานของคนไม่กี่สิบคนมีอยู่ทั่วเมืองเฟนไลและจะไม่ตกเป็นที่สนใจแต่อย่างใด
แต่กองคาราวานที่มีคนหลายร้อยจะดึงดูดความสนใจของอสูรเวทระดับเก้าและบางทีอาจส่งผลให้อสูรเวทระดับเซียนเข้าโจมตีก็ได้
เรื่องที่อันตรายที่สุดในตอนนี้ก็คือ
การตกเป็นเป้าดึงดูดความสนใจจากอสูรเวท
“คาร์ล! เจ้ากับแม่ของเจ้าจะต้องเป็นผู้นำกองทัพพายุสายฟ้า
นี่คือการ์ดเครดิตเวทที่ยังไม่ได้ใช้หรือดัดแปลง จำเอาไว้
นี่คือสมบัติที่สั่งสมมาเป็นพันๆ ปีของราชตระกูลพวกเรา” เคลย์มองดูบุตรชายของตนอย่างจริงจัง
มีคนในราชตระกูลไม่มากนัก พวกเขาต้องแยกกันไปเป็นกลุ่ม
เคลย์ไม่ต้องการให้ตระกูลของเขาถูกกำจัด
วิธีแยกกลุ่มกันเดินทาง อย่างน้อยที่สุด โอกาสรอดชีวิตจะมีมากขึ้น
“พะย่ะค่ะ, พระบิดา” คาร์ลตื่นเต้นดีใจ
สมบัติที่สั่งสมมาหลายพันปี...
นั่นจะมีมูลค่ามากมายเพียงไหน?
“ชาร์ค! เจ้า,
แม่ของเจ้าและน้องสาวเจ้าจะต้องนำกองกำลังพายุสายฟ้าอีกหน่วยหนึ่ง และนี่การ์ดเครดิตเวทห้าใบสำหรับเจ้าเช่นกัน”
เคลย์ดึงการ์ดเครดิตเวทออกมาและยื่นให้โอรสองค์รอง เจ้าชายทั้งสองตื่นเต้นมาก
หน้าของเคลย์จริงจังมาก เขากล่าว “ทหารฝีมือดีของตระกูลเราถูกแบ่งเป็นสามกอง คาร์ล, ชาร์คและข้าเอง
ไม่ว่าใครจะรอดได้ในที่สุด อย่างน้อยตระกูลของเราก็ยังดำเนินต่อไปได้ เอาล่ะพอแค่นี้ ไปกันได้แล้ว!”
“ไกเซอร์ในฐานะผู้นำกองกำลังพายุสายฟ้า เจ้าจะต้องมากับข้า” เคลย์มองดูไกเซอร์
“พะย่ะค่ะ, ฝ่าบาท” ไกเซอร์พยักหน้ารับคำ
กองกำลังพายุสายฟ้าเป็นหน่วยคุ้มกันที่แข็งแกร่งทรงพลังที่สุดในอาณาจักรเฟนไล
กองกำลังในหน่วยนี้ทั้งหมดรวมทั้งไกเซอร์มีเพียงร้อยคน จึงแบ่งออกเป็นสามหน่วยๆ ละ
33 คน แต่แม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนที่น้อย พวกเขาก็ยังมีสมรรถนะที่สูงส่ง
สมาชิกที่อ่อนแอที่สุดในกองกำลังนี้เป็นนักรบระดับเจ็ด
ครั้นแบ่งกองกำลังออกเป็นสามหน่วยแล้ว ราชตระกูลก็เริ่มแยกย้ายกันหนีไปสามทางทันที
….
“ควั่บ!” ลินลี่ย์กระโดดขึ้นด้วยความเร็วสูง
ขณะเดียวกันมีประกายแสงม่วงวูบหนึ่ง
เพกาซัสปีกสายฟ้าที่กำลังตามราวีลินลี่ย์ถูกตัดเป็นสองท่อนทันที
ลินลี่ย์ยังคงวิ่งมุ่งหน้าไปวังหลวงด้วยความเร็วสูง
ระหว่างทางเขาผ่านซากศพมนุษย์และอสูรเวทมากมาย
“ถึงวังแล้ว”
ลินลี่ย์พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนร่างของเขากลายเป็นภาพเลือนราง
และในแต่ละย่างก้าวเขาจะไปได้ไกลหลายสิบเมตร
ความเร็วที่น่าทึ่งระดับนี้ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่เหล่าอสูรเวทระดับห้าและระดับหกจะหยุดเขาได้
“ฟิ้ววว”
ลินลี่ย์กระโดดขึ้นไปในอากาศสูงเกินกว่าสิบเมตรได้อย่างง่ายดาย
และพลิกตัวเข้าไปในวัง
“โฮกกกกก!” เสียงคำรามของอสูรเวทสามารถได้ยินจากภายใน พอๆ
กับเสียงร้องของทหารดังออกมา
ตอนนี้ไม่มีทหารเฝ้าประตูวังอีกต่อไป สิ่งที่ปรากฏอยู่ตอนนี้มีแต่ซากศพ
เลือด และเนื้อที่ถูกฉีกขาด และซากศพของอสูรเวทขนาดมหึมาเป็นระยะ
ลินลี่ย์คล่องแคล่วเหมือนแมวป่า
เขากระโจนขึ้นไปบนยอดอาคารราชวัง
แต่เมื่อลินลี่ย์ขึ้นไปถึงด้านบนสุดของยอดอาคารหลังหนึ่ง ทันใดนั้นเขามองเห็นขบวนพาหนะไกลออกไป ตอนนี้ไม่มีใครใช้รถม้าโดยสารอีกต่อไป
รถม้าโดยสารช้าเกินไปสำหรับใช้หนี
“นั่นมัน....”
ทันใดนั้นลินลี่ย์สามารถจำบุรุษผมทองที่อยู่กลางขบวนได้
เขาคือราชสีห์ทองเคลย์
ตอนนี้เคลย์กำลังออกคำสั่งให้ทหารของเขาฆ่าอสูรเวทที่รายล้อมพวกเขา การทำงานกันเป็นกลุ่มนี้น่าทึ่งมากจริงๆ
เมื่อกลุ่มของนักรบฝีมือดีระดับเจ็ดและแปดร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
พวกเขายังแข็งแกร่งทรงพลังมากกว่ากลุ่มนักรบที่มีขนาดเท่ากันเป็นเพียงนักรบระดับแปด
แต่ไม่มีการทำงานเป็นทีม
“เคลย์”
ลินลี่ย์นัยน์ตาเป็นประกาย
“เจ้านาย, เราลงมือกันเถอะ” บีบีก็ตื่นเต้นเช่นกัน
“เดี๋ยวก่อน
เราอาจผิดพลาดได้ในเวลานี้ รอให้หน่วยทหารเข้ามาใกล้เราเสียก่อน และจากนั้นเราค่อยลอบโจมตีฉับพลัน” ลินลี่ย์ยังคงอยู่บนหลังคา
นัยน์ตาเยียบเย็นขอเขาจ้องมองขบวนเดินทางที่อยู่ห่างออกไป
….
“อย่ามัวแต่เสียเวลา, เร็วเข้า” เคลย์ควงดาบยักษ์ในมือเขาและฟันใส่เหยี่ยวมังกรที่โฉบลงมาจากอากาศ
ช่วงเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เคลย์ได้ขับพิษสลายโลหิตออกไปจากสายเลือดได้บ้างทำให้เขาฟื้นพลังปราณขึ้นมาได้หนึ่งในสิบ แม้ว่าจะเป็นพลังเพียงหนึ่งในสิบส่วน
แต่ก็ยังมีพลังมากกว่านักรบระดับแปด
แต่เคลย์จำได้ว่าเขาจะต้องใช้เวลาอีกครึ่งปีจึงจะกำจัดพิษสลายโลหิตอีกเก้าส่วนที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย
“อสูรเวทพวกนี้มาจากไหนกันมากมายอย่างนี้
บัดซบจริงๆ” เคลย์ยิ่งโกรธมากขึ้น
อสูรเวทเหล่านี้ทำลายเมืองหลวงของเขา และตอนนี้พวกมันยังคุกคามชีวิตของเขา
และเขาจะไม่โกรธพวกมันได้ยังไง?
“เร็วเข้า”
หลังจากฆ่าอสูรเวทที่บุกเข้าโจมตีทุกตัวแล้ว
เคลย์เร่งรัดคนของเขาให้รีบและกองกำลังอัศวินก็เดินหน้าไปอีกครั้ง ขณะที่เคลย์และคนของเขาเดินทางไปตามเส้นทางด้วยความเร็วสูงระหว่างอาคารในวัง
พวกเขาไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครบางคนกำลังหมอบรออยู่บนหลังคา
เมื่อเห็นเคลย์และบริวารของเขาเคลื่อนขบวนเข้ามาใกล้ทุกที
ลินลี่ย์หรี่ตา
ขนบนตัวของบีบีลุกชัน
“ตอนนี้..ได้เวลาแล้ว!”
เสียงของลินลี่ย์ดังขึ้นในหัวของบีบีและคนกับอสูรเวททั้งสองบินมาด้วยความเร็วสูงตรงเข้าหาเคลย์
ในเสี้ยววินาที
ตลอดทั้งตัวลินลี่ย์ปกคลุมไปด้วยชั้นเกล็ดสีดำทันที หนามแหลมงอกออกมาจากหน้าผากของเขา
ข้าศอกและเข่าและหางมังกรงอกออกมาจากด้านหลังด้วยเช่นกัน
ร่างมังกร
กลุ่มของอัศวินนั้นมีชื่อเสียงเป็นพวกที่มีฝีมือดี
ทันทีที่ลินลี่ย์และบีบีบินตรงมาทางพวกเขา
พวกเขาก็สังเกตได้และตอบสนองทันที
แต่ลินลี่ย์กับบีบีเร็วเกินไป
“อ๊า, เป็นเจ้า!”
ทันใดนั้นเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว เคลย์ไม่สงสัยเลยว่าลินลี่ย์มาถึงแล้ว
เขาไม่มีเวลาประหลาดใจว่าทำไมลินลี่ย์ถึงยังไม่ตาย เพราะหางมังกรของลินลี่ย์หวดใส่เขาอย่างเกรี้ยวกราดกระเด็นไปสองเมตร ด้านหลังเขา
ไกเซอร์ถูกหนูเงาสีดำพัวพันอยู่ไม่สามารถปลีกตัวมาช่วยเขาได้
“ควั่บ!”
หางมังกรลินลี่ย์ฟาดใส่อย่างไม่ปราณีและเคลย์หลบกลิ้งกับพื้นได้อย่างรวดเร็ว
หางของลินลี่ย์จึงหวดถูกม้าและแม้ม้าก็ขาดเป็นสองท่อนเพราะแรงหวดที่รุนแรงนั้น
ม้าศึกร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะล้มลง
พอร่วงลงพื้น
เคลย์แนบตัวกับพื้นแล้วใช้หมัดยันพื้นดึงตัวถอยอย่างรวดเร็ว
แต่ครั้งนี้ลินลี่ย์ไล่ตามเขาอย่างกระชั้น
“ควับ ควับ” ขณะเดียวกันหอกวาววับแปดเล่มพร้อมกับปราณยุทธเต็มเปี่ยมพุ่งเข้าหาลินลี่ย์
“อ๊า....”
ปราณยุทธเลือดมังกรในร่างของลินลี่ย์ระเบิดออกและเขาใช้ขาขวาของเขาถีบพื้นอย่างรุนแรง
เขาไปถึงทันทีด้วยแรงดันที่สูง
เขาพุ่งเข้าหาราวกับลูกหินที่ถูกยิงด้วยความโกรธ
ร่างของลินลี่ย์กระแทกใส่หอกอย่างดุร้าย
หอกทั้งแปดเล่มสั่นเกือบจะในเวลาเดียวกันและกระแสพลังทั้งแปดเป็นหลักต้านทานพลังโจมตีของลินลี่ย์
“อย่างนี้คงจะลำบาก” ลินลี่ย์หงุดหงิด
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าอัศวินทั้งแปดจะสามารถป้องกันพลังโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย
แต่สิ่งที่ลินลี่ย์ไม่รู้ก็คืออัศวินทั้งแปดคนนั้นตกใจและหวาดหวั่นเช่นกัน
อัศวินทั้งแปดคนนี้เป็นองครักษ์ส่วนตัวของเคลย์ และทั้งหมดฝีมือดีที่สุดของหน่วยพายุสายฟ้า
ทุกคนเป็นนักรบระดับแปด การร่วมสู้ด้วยกันทำให้ทั้งแปดคนสามารถต้านได้กระทั่งนักรบระดับเก้า
อย่างไรก็ตาม
แม้นักรบระดับเก้าจะไม่กล้าวิ่งประจันหน้ากับหอกของพวกเขาโดยตรง แต่ลินลี่ย์กล้า
“พลังป้องกันที่น่าทึ่ง”
เคลย์ซ่อนตัวอยู่ในที่ห่างไกลและถูกอัศวินที่เหลือปกป้องไว้ เขาใจสั่นสะท้าน
“ชรีคคคคค!”
บีบีปล่อยเสียงกรีดแหลม
จากนั้นตวัดกรงเล็บใส่ไกเซอร์อย่างดุร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า
ขณะที่บางทีมันก็ใช้เขี้ยวกัดเขาด้วยเช่นกัน
แต่ไกเซอร์สามารถใช้ดาบยักษ์ของเขาป้องกันการโจมตีแต่ละครั้งของบีบีไว้ได้ วิชาดาบของไกเซอร์ดูเหมือนเรียบง่าย แต่ทรงประสิทธิภาพสูง
เขาถอยหลังหนึ่งก้าวจากนั้นใช้ดาบแทงใส่ซึ่งดูเหมือนยากจะป้องกันได้
“เคลย์, วันนี้ใครจะมาช่วยเจ้าได้?” ลินลี่ย์มองดูนักรบที่ทรงพลังต่อหน้าเขาและคำราม “ก็ได้
พวกเจ้าต้องการผนึกพลังเป็นกลุ่มร่วมโจมตีใช่ไหม?”
ทันทีที่ลินลี่ย์พูดจบเขาพุ่งเข้าจู่โจมใส่อัศวินคนหนึ่งทันที
ลินลี่ย์ไม่กลัวหรือต้องระมัดระวังการโจมตีของอัศวินคนอื่น
เขาโถมตัวเข้าหาอัศวินคนหนึ่งตรงๆ
ตอนนี้
การร่วมพลังโจมตีของพวกเขาไร้ประโยชน์
“ควั่บ!” ลินลี่ย์รวดเร็วเกินไป ในพริบตา
เขาก็มาถึงด้านข้างนักรบระดับแปดผู้นั้น
เขาเปลี่ยนจากการใช้กรงเล็บเป็นกำหมัดและปล่อยหมัดเข้าใส่นักรบคนนั้น
นักรบผู้นั้นเอนหลังหลบหมัด แต่ถึงตอนนี้
หางมังกรของลินลี่ย์หวดไปข้างหน้าและกระแทกใส่กะโหลกของนักรบผู้นั้น
“ซาร์!” อัศวินหลายคนร้องกราดเกรี้ยวด้วยความแค้น
กองทหารพายุสายฟ้ามักจะฝึกฝนด้วยกันเสมอ
ความผูกพันของพวกเขาแต่ละคนไม่ต่างจากพี่น้องร่วมสายโลหิต นักรบหลายคนโจมตีใส่ลินลี่ย์อย่างเกรี้ยวกราด
และแม้ว่าพวกเขาจะโกรธ แต่พวกเขาก็ยังสามารถร่วมประสานโจมตีได้ดีมาก ขณะที่ดาบยักษ์โจมตีต่อเนื่องได้สมบูรณ์แบบ
“ควั่บ!”
เทพกระบี่เลือดม่วงปรากฏอยู่ในมือของลินลี่ย์ทันที
สกัดการโจมตีที่มุ่งเป้ามาที่เขา
ลินลี่ย์บินไปที่อัศวินอีกคนขณะที่แทงกระบี่เลือดม่วงตรงใส่นัยน์ตาของเขา กระบี่เสียบทะลุกะโหลกของเขา
บุรุษคนนั้นตายทันที
“ตาย!”
อัศวินคนหนึ่งใช้หอกของเขาแทงใส่ศีรษะของลินลี่ย์ทันที
ลินลี่ย์พลิกตัวหมุนหลบและโจมตีตอบโต้ ขณะที่อัศวินคนนั้นพยายามตั้งท่าป้องกัน
กระบี่เลือดม่วงพุ่งโค้งฉับพลันในกลางอากาศและตัดศีรษะของอัศวินผู้นั้น แม้ว่าจะไม่ได้ถ่ายพลังปราณยุทธลงไป แต่เทพกระบี่เลือดม่วงในมือของลินลี่ย์ก็สามารถสังหารนักรบระดับเจ็ดได้อย่างง่ายดาย และตอนนี้ลินลี่ย์เสริมปราณเลือดมังกรลงไป
เทพกระบี่เลือดม่วงก็ยิ่งมีความสามารถสังหารนักรบระดับแปดได้เช่นกัน
พลังโจมตีประหลาด!
นักรบระดับแปดสามคนตายลงในพริบตา
“ข้าต้องการดูว่าพวกเจ้าจะขัดขวางข้ายังไง!” ลินลี่ย์พุ่งเข้าโจมตีเคลย์อีกครั้ง
เทพกระบี่เลือดม่วงที่ร้ายกาจเป็นประกายในอากาศไม่หยุด ไม่มีอัศวินคนใดกล้าเข้ามาใกล้ลินลี่ย์ เพราะเทพกระบี่ในมือของลินลี่ย์แปลกประหลาดเกินไป
“โฮกกกกก!”
ทันใดนั้นเสียงคำรามดังขึ้นได้ยินแต่ไกล
“ครืน, ครืน ครืน” เสียงฝีเท้าที่หนักอุ้ยอ้ายดังจนพื้นดินสะเทือน
เสียงนั้นดังทุ้มและสั่นสะเทือนชัดเจนมากขึ้นทุกที
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าอสูรเวทขนาดมหึมากำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขาและมันเข้าใกล้เข้ามาทุกขณะ
แต่ลินลี่ย์ไม่สนใจอะไรอื่นเมื่อมาถึงจุดนี้
“ขัดขวางเขาไว้, ขัดขวางเขาไว้!”
เคลย์ตะโกนลั่น ขณะที่เขายังคงถอยต่อไป
ทันใดนั้นลินลี่ย์กระโจนขึ้นในอากาศทิ้งตัวลงจากกำแพงและบินเข้าหาเคลย์ด้วยความเร็วสูง
ไกเซอร์ดีดตัวถอยไปเช่นกันและร่างเขาดูเลือนรางพร้อมกับวาดดาบยักษ์ในมือใส่ลินลี่ย์
“เข้ามา”
ลินลี่ย์ไม่ได้พยายามป้องกันดาบยักษ์เลยแม้แต่น้อย
ยังคงแทงเทพกระบี่เลือดม่วงในมือใส่เคลย์
“ครั้งสุดท้าย เจ้ามีเกราะชะตาระดับเซียนคอยคุ้มครองเจ้าและไฮเดนส์มาช่วยเหลือเจ้า
ข้าอยากดูว่าใครจะมาช่วยเจ้าในครั้งนี้”
นัยน์ตาสีทองเข้มของลินลี่ย์จ้องมองเคลย์ไม่กระพริบและเทพกระบี่เลือดม่วงในมือของเขาฉกเข้าหาลำคอของเคลย์เหมือนกับอสรพิษ ตอนนี้เคลย์แทบจะเป็นบ้าแล้ว ขณะที่เขาเริ่มตวัดดาบยักษ์ในมือของเขาพยายามป้องกันตัว
“ฮ่าห์!” ทันใดนั้น ไกเซอร์ปล่อยดาบของของตนให้พุ่งแหวกอากาศ
“บึ้ม!” ลินลี่ย์ตอบสนองไม่ทันเวลา
และแขนขวาของเขาถูกดาบยักษ์กระแทกใส่อย่างรุนแรง
ในช่วงเวลานั้นพลังปราณที่เผาผลาญแฝงอยู่ในดาบยักษ์ก็ระเบิดออกมา ลินลี่ย์รู้สึกว่าแขนของเขาชาทันที
เนื่องจากแรงกระแทกครั้งนี้ทำให้เทพกระบี่เลือดม่วงในมือของเขาพลาดเป้าหมายก็คือเคลย์ไปหนึ่งเมตร
“ฮึ่ม!”
เทพกระบี่เลือดม่วงแหวกโค้งในกลางอากาศและพันรอบดาบยักษ์ในมือของเคลย์
จากนั้นเลื่อนลงมาจนพันข้อมือของเคลย์ แล้วตัด!
“ฉับ!”
มือขวาเคลย์ถูกตัดร่วงหล่นกับพื้น
ทั้งมือทั้งนิ้วและดาบร่วงลงกับพื้นเช่นกัน
นอกจากนี้มือข้างที่ถูกตัดนั้นมีแหวนติดอยู่ด้วย
แหวนนั้นคือของที่มีค่ามากที่สุดของราชตระกูลเฟนไล แหวนมิติเก็บสมบัติ
“มือของข้า! เอาคืนมา, เอามันคืนมา” หน้าของเคลย์ซีดขาวด้วยความเจ็บปวด
แต่เขาก็ยังตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
แหวนมิติเก็บสมบัตินี้บรรจุการ์ดเครดิตเวทไว้ยี่สิบสองใบ
มูลค่ารวมสองพันสองร้อยล้านเหรียญทอง!
นอกจากนี้ยังมีสมบัติมีค่าอีกนับสิบที่ราชตระกูลสั่งสมมาเป็นเวลานับพันปี
เคลย์รู้สึกอยากตายที่ปล่อยให้แหวนมิติเก็บสมบัติสูญหายไป
นี่คือความมั่งคั่งที่สั่งสมไว้ผ่านมาหลายชั่วรุ่นนับไม่ถ้วน
“ควั่บ!”
เงาร่างดำวาบผ่านมาแล้วเก็บมือที่ขาด
จากนั้นกระโจนขึ้นไปอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์
“เจ้านาย, มีบางอย่างที่เคลย์ยิ่งต้องการมาก
เราจะต้องป้องกันไม่ให้เขาได้มันไป” บีบียืนอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์ มันพูดกับลินลี่ย์ผ่านทางใจ “แต่เจ้านาย
ทำไมเขาถึงต้องการมือที่ขาดข้างนี้นักเล่า?
มือของเขาไม่มีอะไรพิเศษนี่ หรือว่าเขาต้องการแหวนวงนี้?”
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น