วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 651 กลับทวีปซางโจว


ตอนที่  651  กลับทวีปซางโจว
พายุพลังงานดำเนินต่อไปราวสิบนาที
หน้าของเหมยเฉินซิ่วยิ่งหน้าเกลียดมากขึ้น ความหนาแน่นของพลังงานรอบๆ ตัวพวกเขาเบาบางลงมาก บางยิ่งกว่าแต่ก่อน  มันเหมือนกับว่าพลังงานในเกาะใต้ถูกขโมยเอาไป

 เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เหมยเฉินซิ่วไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน
 “นายท่าน ความหนาแน่นของพลังงานด้านนอกต่ำมาก”  น้ำเสียงของรองหัวหน้า เต็มไปด้วยความตกใจอย่างมาก  “มันเริ่มสร้างเป็นพลังงานกดดันที่ตรงกันข้ามแล้ว  เราจำเป็นต้องออกไปเดี๋ยวนี้!
เดิมที ความหนาแน่นพลังงานภายในเรือรบจะหนาแน่นมากกว่าความหนาแน่นของพลังงานในอากาศ  แต่ถ้าความหนาแน่นพลังงานในอากาศเบาบางมาก ก็จะส่งผลให้เกิดพลังงานด้านลบ  พลังงานที่เบาบางในอากาศ  จะสร้างพลังดูดที่รุนแรงทำให้พลังงานในเรือรบสูญหายไป
วัสดุใช้สร้างเรือรบก็แพง ดังนั้นการสูญเสียพลังครั้งนี้จะทำให้เกิดความเสียหายถาวร
เหมยเฉินซิ่วกัดริมฝีปากแน่น  ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำ
สูญเสียเรือรบเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดที่สามารถเกิดกับพวกเขาได้  ต้องรู้ไว้ก่อนว่าพวกเขายังอยู่ในทวีปทรายขาว  และกองทัพระดับเงินสามกองทัพของทวีปทรายขาวยังจะเข้ามาเสริมได้
กับการเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนั้น  ถ้าทวีปทรายขาวไม่ทำอะไรโต้ตอบ พวกเขาคงเป็นตัวโง่งมอย่างแท้จริง
ถ้ากองเรือที่เหมยเฉินซิ่วยังสั่งการอยู่เป็นกองทัพของทวีปหมิงกวง  เขาก็คงไม่กลัว  เขาไม่เห็นแม้แต่กองพลที่หนึ่งของซัวปี่อยู่ในสายตาของเขา  แต่เขากำลังนำกองกำลังโจรสลัด แม้ว่าแกนหลักของโจรสลัดก็เป็นทหารฝีมือดีของทวีปกวงหมิง  แต่มาตรฐานของทหารยังอ่อนแอเกินไปเมื่อเทียบกับกองทัพระดับเงิน
เมื่อพวกเขาเข้าไปตอแยกับกองทัพระดับเงิน  พวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย
แต่สิ่งที่ทำให้เหมยเฉินซิ่วเลือกยอมแพ้ก็คือเรือรบธนูดำ  พลังงานในเกาะใต้ทั้งหมดถูกสูบไปโดยเรือรบธนูดำ  ถ้าพลังงานทั้งหมดในทะเลพลังงานจะถูกบีบอัดเข้าไปไว้ในเรือลำเดียว  แล้วข้างในจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เหมยเฉินซิ่วสงสัยและหวั่นเกรงพอกัน
ในการสู้รบ ถ้ามีพลังงานมหาศาลขนาดนั้นมารวมตัวกัน  มักจะมีนัยสำคัญต่อการโจมตีที่มีขนาดใหญ่
กลุ่มสลัดอื่นเริ่มถอยกัน  ภายใต้สภาพแวดล้อมที่แรงดันของพลังงานเป็นลบ  ยิ่งพวกเขาอยู่นาน ก็ยิ่งสร้างความเสียหายให้กับเรือรบ  ขณะนั้นแม้ว่าพวกเขาต้องการจะถอย  แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้
นอกจากนี้ พวกเขามั่นใจในผลงานที่แท้จริงแล้ว  ห้าตระกูลเกาะใต้ถูกทำลายไปแล้ว และสิ่งที่เหลือก็คือเด็กกลุ่มหนึ่ง  พวกเขาจะก่อกวนอะไรได้?
เหมยเฉินซิ่วกัดฟัน  “ถอนกำลัง!
ความย่อยยับทั้งหมดเพราะกลุ่มเล็กๆ จะเป็นเรื่องน่ากลัวที่สุดและสิ่งที่ทำให้เขากังวลมากขึ้นก็คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในเรือรบธนูดำ  เพราะเหตุผลบางอย่าง ความเปลี่ยนแปลงที่น่าประหลาดใจทำให้เขารู้สึกถูกคุกคามอย่างไม่เคยมีมาก่อน
แต่เขาไม่สามารถหาข้อผิดพลาดของสหายของเขาที่เลือกจะถอย เพื่อรักษาพลังของพวกเขาและตัดสินใจดำเนินการต่อไป
เหมยเฉินซิ่วแค่นเสียงอย่างมีอารมณ์และฟื้นฟูความมั่นคงของตนเอง  ตาของเขาเป็นประกายเย็นชา
 ทวีปทรายขาวไม่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวใหญ่ในเกาะใต้ได้อย่างไร?  หลังจากนี้ สามกองพลระดับเงินจะต้องไล่ล่าเราอย่างแน่นอน
 บางที นี่อาจเป็นโอกาสดี  พวกเขาจะไม่คิดถึงเรื่องนี้แน่  ถ้าเราตอบโต้ในครั้งนี้
แผนชั่วร้ายเริ่มก่อขึ้นในใจของเหมยเฉินซิ่ว
เมื่อเรือรบธนูดำกลับคืนสภาพปกติ  โจรสลัดทั้งหมดก็หายไปไม่เหลือร่องรอยแล้ว  ศิษย์ของห้าตระกูลที่เพิ่งได้รับพลังใหม่ หวนกลับไปที่เกาะใต้ซึ่งพังย่อยยับ  ในสายตาอ้างว้างของพวกเขา ไม่มีชีวิตใดเหลืออยู่  ทุกคนร้องไห้
พวกเขาร้องไห้และฝังร่างครอบครัวของพวกเขา
ในท้องฟ้า สือเซินมองดูด้วยท่าทีเวทนา  “นายท่าน เราจะไปช่วยพวกเขาไหม?”
พวกคนข้างตัวเขาก็มีความรู้สึกอย่างเดียวกัน
 “ไม่!” ถังเทียนปฏิเสธทันควันอย่างคาดไม่ถึง  สายตาของเขามองดูซากปรักหักพังข้างล่าง  เขาพูด “ชีวิตและอนาคตของพวกเขา แลกมาด้วยครอบครัวและญาติพี่น้องของพวกเขาเอง  ฝังญาติพี่น้องด้วยตนเองไม่มีใครทำแทนได้  ก็เหมือนกับความแค้นและความรับผิดชอบของพวกเขา  ไม่มีใครที่มีคุณสมบัติช่วยพวกเขา”
สือเซินปากอ้าค้าง  เขาต้องการพูดบางอย่าง  แต่ไม่สามารถพูดได้สักคำ
 “ท่านคิดว่าข้าอำมหิตหรือ?”  ถังเทียนไม่ได้หันหลังกลับมา  เขาไม่หันเหสายตา น้ำเสียงยังคงสงบ  “คนตายก็ตายไปแล้ว  พวกเขาเสียสละไปแล้ว  อย่าให้สิ่งที่เขาเสียสละต้องสูญเปล่า”
 “เจ้ากำลังบอกว่าอนาคตของพวกเขาจะต้องแบกความแค้นไม่ใช่หรือ?  เจ้าไม่คิดว่ามันหนักเกินไปสำหรับเขาหรือ?”  หลิงเซี่ยไม่สบายใจกับท่าทีของถังเทียน
ถังเทียนมองดูหลิงเซี่ย  “ใช่แล้ว มันจะต้องหนักแน่  พวกเขาไม่มีสิทธิ์เลือก  ไม่ว่าพวกเขาจะคิดเรื่องนี้หรือไม่ อนาคตของพวกเขามาจากความเสียสละของตระกูลพวกเขา  ความหวังและความคาดหวังสุดท้ายจากตระกูลของพวกเขา  พวกเขาจะต้องแบกรับเอาไว้และมีชีวิตต่อไป
หลิงเซี่ยเงียบ
 “นายท่านพูดถูก!
เป็นเว่ยหาว, หวีชิงอี้และพวกที่เหลือ  พวกเขาเพิ่งฝังสมาชิกครอบครัวเสร็จและตาของพวกเขายังแดงอยู่ พวกเขาเพิ่งได้ยินคำพูดของถังเทียน  และคำพูดเหล่านั้นแทงเข้าไปในใจ  ดวงตาที่บวมแดงของพวกเขาเต็มไปด้วยประกายใหม่ ในท่ามกลางความเจ็บปวดและเศร้าโศกพวกเขาพบเป้าหมายชีวิตใหม่
 “แบกความหวังเอาไว้  เราจะมีชีวิตต่อไป!
ประโยคนี้ก้องอยู่ในหัวใจพวกเขา
 “ใช่แล้ว!  ถังเทียนพูดอย่างสุภาพ  “ความหวังจากการเสียสละของพวกเขาไม่ใช่เพื่อคนขี้ขลาด!  ถ้าพวกเจ้าไม่จำใส่ใจไว้ให้ดี  ความรับผิดชอบนี้จะกลายเป็นภาระที่หนักหน่วงของพวกเจ้า  พวกเจ้าอาจจะกลายเป็นขุดหลุมฝังตนเองก็ได้”
ดวงตาของเย่ชิงอี้และพวกเป็นประกาย
 “เด็กชาวฟ้าจำเป็นต้องกล้าหาญ”  ถังเทียนตบอกตนเอง ด้วยสีหน้าทระนงองอาจ  “พวกเจ้ารู้ไหมว่าหนุ่มชาวฟ้าผู้นี้กล้าหาญยังไง?  ไม่ใช่ว่าจะไม่กลัว ไม่มีใครไม่เคยกลัว ต่อให้กลัวก็ต้องเอาชนะมัน!  สวะเท่านั้นที่มักจะหาข้ออ้างเพื่อบรรเทาความเศร้าและความเจ็บปวด  หนุ่มชาวฟ้ามีแต่จะเดินหน้า  และมุ่งหน้าต่อไปอย่างเดียว!  ถ้าพวกเจ้าไม่กลัวก็ไปต่อ  ถ้าพวกเจ้ากลัว ก็นึกถึงภาระของพวกเจ้าและไปต่อ ถ้าพวกเจ้าเศร้า อย่างนั้นก็แบกความเศร้าและไปต่อไป  ถ้าพวกเจ้าสิ้นหวัง อย่างนั้นก็จงสู้  จงสู้อย่างสุดกำลังของพวกเจ้า  พวกที่ชอบพูดว่าพวกเขาไม่เห็นความหวัง หรือว่าเปลืองกำลัง นั่นมันก็แค่หาข้ออ้างให้ตัวเอง ถ้าพวกเจ้ากำลังจะตาย  พวกเจ้าจะคุกเข่าร่ำไห้หรือ?  ต่อให้สัตว์ป่าที่ติดอยู่ในกรง มันก็ยังพยายามดิ้นรน พยายาม  ดิ้นรนจนกระทั่งมันยอมตาย  ดังนั้นในฐานะเด็กชาวฟ้า ก็ควรจะเดินหน้าต่อไป  อย่าหยุดยั้ง ไป ไป ไป!
ทุกครั้งที่ถังเทียนพูดวลีว่า หนุ่มชาวฟ้า ใบหน้าที่อึดอัดของเขามักจะแสดงถึงความภาคภูมิใจ และแสดงท่าทางแปลกประหลาดน่าขบขัน  ทุกครั้งที่เขาพูดว่า ไป ไป ไป เขาจะต้องชูมือขึ้นในอากาศด้วยท่าทางห้าวหาญ  และตะโกนดังๆ
แต่ไม่มีใครหัวเราะ  ทุกคนตะลึง
คำพูดที่ไร้เดียงสาและน่าขันเหล่านี้ ท่าทางแบบเด็กๆ และตลกกระทบใจพวกเขา
ถังเทียนไม่สนใจว่าคำพูดของเขาจะกระทบใจพวกเขา  คำพูดที่ไม่ได้มีความหมายต่อพวกเขา แต่มีความหมายต่อเขา!  หลังจากตะโกนแล้ว เขารู้สึกหมอกควันในอกจางหายไป และทุกอย่างกระจ่างชัดสำหรับเขา
เขากำหมัดแน่น  ตลอดทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยพลัง ปณิธานและความตั้งใจสู้ในใจของเขาเปี่ยมล้น
 ใช่แล้ว  ข้าคือหนุ่มชาวฟ้า!  ใช่แล้ว ข้าจะสู้แบบนั้นต่อไป!’
 ใช่แล้ว  ข้าจะไม่หยุดยั้ง!’
ถังเทียนชูแขนทั้งสองขึ้นและหัวเราะทันที
ถังเทียนและพวกพ้องออกจากเกาะใต้ และกลับไปรวมสมทบกับถังโฉ่วที่กำลังนำกองกำลังนางแอ่นและหน่วยกะโหลก  พวกเขาจะออกจากบ้านพักทันทีและกลับไปทวีปซางโจวโดยมีสวีจินตามมาสมทบกับพวกเขา
เหตุผลที่ถังเทียนเลือกจากมาเพราะที่พักของเขาแน่นเกินไป  สตรีจากตระกูลสูงที่เขาได้ช่วยเหลือครั้งล่าสุดล้วนเป็นคนสำคัญในทวีปทรายขาวและทวีปใกล้เคียงต่างๆ  ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญู  ทุกครอบครัวเริ่มเข้ามาทักทายเขาไม่รู้จบสิ้น ทำให้โรงแรมเต็มไปหมด
และหลายตระกูลก็มีอำนาจและแม้แต่เจ้าครองทวีปคนใหม่ก็ยังห้ามพวกเขาไม่ได้ จึงต้องนำพวกเขามาพบกับถังเทียนด้วยตนเอง
เมื่อคิดถึงสถานการณ์แบบนั้นแล้ว  ถังเทียนรู้สึกปวดหัว  ดังนั้นเขาจึงเลือกออกมาโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด
ดังนั้นเอง ถังเทียนจึงโยนภาระการรับหน้าตระกูลทั้งหมดให้ฉินอวี่หรันซึ่งมีประสบการณ์ในการปรับตัวนางเอง  และด้วยความช่วยเหลือของป้าชิว  ถังเทียนค่อยผ่อนคลายมากขึ้น มีเขาคอยหนุนหลังนางและความสัมพันธ์กับทวีปทรายขาว  เขาเชื่อว่าจะไม่มีใครทำอะไรนางได้
ถังเทียนซึ่งปลีกตัวออกมาจากความรับผิดชอบทั้งปวงกลับสู่ทวีปซางโจว
 เราจากมานานมากแล้ว  ในที่สุดก็ได้กลับเสียที!’
***************************

สองสามวันที่ผ่านมาปิงใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลาย  หลังจากจุดไฟให้ทวีปฝานซิงโจว  ในที่สุดพวกเขาก็รู้สึกถึงอันตรายและส่งคนไปเจรจาต่อรองในที่สุด
ปิงที่สามารถรีดเลือดจากยุงได้ บวกกับอาเฮ่อผู้ฉลาด ทำให้ทวีปฝานซิงโจวไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจ่ายเงินจำนวนมากอย่างไม่เต็มใจ
ทวีปฝานซิงโจวตกอยู่ในสถานการณ์น่ากลัว  พวกจำเป็นต้องกำจัดไฟที่ไหม้อยู่ข้างหลังอย่างเร็วที่สุด  เพียงแค่นั้นพวกเขาก็สามารถรับมือทวีปรอบๆ ได้เต็มที่
ความจริงระดับสูงของทวีปฝานซิงโจวรู้ว่าพวกเขาอาศัยตนเองคงต้องป้องกันทวีปฝานซิงโจวอย่างยากลำบาก
ทวีปฝานซิงโจวอ่อนแอลงมากเพราะมีจุดอ่อนมากมาย  ทวีปต่างๆ โดยรอบทั้งหมดเป็นเหมือนหมาป่าหิวโหย รอโอกาสกระโจนขย้ำพวกเขา
ในเวลาอันรวดเร็วทูตจากทวีปฝานซิงโจวก็มาถึงทวีปซางโจวเป็นครั้งที่สอง
ทวีปฝานซิงโจวต้องการพันธมิตร และต้องเป็นพันธมิตรที่ทรงพลัง และด้วยพันธมิตรที่ทรงพลังนี้  พวกเขาอาจช่วยยับยั้งหมาป่าหิวโหยที่รายล้อมพวกเขาไว้ได้  เห็นได้ชัดเจนว่าคนผู้ลึกลับแห่งทวีปซางโจวนั้นสมบูรณ์แบบ  สามารถเอาชนะกองทัพระดับเงินได้สองกองทัพติดต่อกัน  และป้อมไพรกระบี่ที่แปลกประหลาดของพวกเขา   พลังของพวกเขาเห็นได้ชัด
ทวีปซางโจวเป็นทวีปที่ยากจนและแร้นแค้น  และนี่จะเป็นการต้อนรับพวกสังเกตการณ์และหน่วยสอดแนมอีกมากมาย
การดำเนินการของทวีปซางโจวดึงดูดสายตาจากหลายทวีป  พวกเขาสงสัยมหาอำนาจลึกลับที่เกิดขึ้นมากระทันหัน
ปิงไม่สนใจ  เขารู้ว่าชัยชนะของพวกเขามาจากโอกาสโชคดีที่มากมาย  ความจริงพลังที่เขาถือครองอยู่นั้นมีข้อจำกัดมาก  พวกเขาดูแข็งแกร่ง แต่ความเป็นจริงแล้วอ่อนแอ  ดังนั้นเขาไม่สนใจหน่วยสังเกตการณ์และสอดแนม  และมุ่งฝึกฝนทหารที่อยู่ในความควบคุมของเขา
ข่าวดีก็คือมีคนที่แข็งแกร่งจริงๆ  ที่เข้ามาหาหวังจะได้ร่วมกองทัพทวีปซางโจว
ปิงรู้ว่ามีมหาอำนาจหลายแห่งที่ส่งหน่วยสังเกตการณ์และสืบหาข้อมูลเข้ามาในทวีปซางโจว  แต่พวกเขาก็ยังรับไว้ทั้งหมด  พวกเขาจะไม่รับเอาไว้ได้ยังไง  พวกเขาคือกำลังพล
ปิงต้องการกำลังพล
เงื่อนไขของทวีปซางโจวก็คือไม่สามารถรักษาการพัฒนาของพวกเขาต่อไปได้  ตัวอย่างเช่น ปากอ่าวทะเลพลังงานของพวกเขาเล็กเกินไป  และเรือลำใหญ่ไม่สามารถเข้ามาได้  ในแง่การป้องกัน นั่นอาจเป็นการได้เปรียบ  แต่ในแง่การทำธุรกิจ มันคือความสูญเสียขนาดใหญ่
อนาคตของทวีปซางโจวจะต้องผลิตทองดำและสินค้าจากสวรรค์วิถี  ทุกอย่างจะต้องผ่านทวีปซางโจว
นอกจากนั้น  พวกเขายังต้องสร้างป้อมใกล้ปากอ่าว  ปากอ่าวไม่มีป้อมที่เหมาะสมคอยป้องกัน จะปล่อยให้ศัตรูเข้ามาทวีปซางโจว  และนั่นคือสิ่งที่ปิงยอมรับไม่ได้
ดังนั้นงานทั้งหมดจำเป็นต้องใช้คนเป็นจำนวนมาก  ประชากรของทวีปซางโจวก็น่าสงสารพออยู่แล้ว
ปิงที่แทบจะตะโกนในใจอย่างต่อเนื่อง
 เชิญเข้ามาเลย เจ้าพวกหน่วยสอดแนมหรือสังเกตการณ์  ใครก็ได้ส่งมาให้หมด

7 ความคิดเห็น:

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ 😁

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Ton กล่าวว่า...

รับได้หมด ถ้าปิงสดชื่น...

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มามะมาให้ใช้แรงคว..แรงคนสะดีดีเอิกๆๆ

Unknown กล่าวว่า...

จากนั้นไม่นานทวีปซางโจวก็เปลี่ยนชื่อเป็นวากานดา แล้วเรียกทองคำว่าไวเบรเนียม

Unknown กล่าวว่า...

เอาแล้วไง คนไม่พอก็ล่าคนมาสร้างป้อมมันซะเลย นี้สินะ ปล้นจนรวยจริง แถม มีวิธีออกดาบทองกันทั้งทีมแบบนี้โครตโกงเลย

แสดงความคิดเห็น