วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 674 คำขอของแบร็ดลี่ย์


ตอนที่  674  คำขอของแบร็ดลี่ย์
พลังโจมตีที่สลายไปโดยฝีมือเฉินจื่อหลิน เข้าไปในร่างของอาหลุน  แต่ไม่สามารถกระตุ้นทำอะไรกับบุรุษเหล็กได้

เขายังคงยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น ทำเป็นเหมือนไม่สนใจอะไร  เพราะความคงอยู่ของเฉินจื่อหลิน  เขาสามารถทดสอบถึงพลังรุกที่อันตรายและทรงพลังได้ซึ่งใช้สร้างวิชาสามก้าวโจมตี  เขาไว้วางใจเฉินจื่อหลิน ทำให้พวกเขาเชื่อมโยงกันในระดับที่ลึกซึ้งมาก  อาหลุนผู้ไม่มีความกลัวเป็นเหมือนสัตว์ร้าย  มีความกล้าหาญอดทนของชาวกลุ่มดาวหมาป่า สามารถแสดงความสามารถออกมาได้อย่างโชกโชน
อาหลุนสังเกตเห็นศัตรูยุ่งเหยิงอยู่หน้าเขา  เขายังคงตั้งท่าระมัดระวังของเขาเอาไว้  ขณะที่ทหารของเขา  ยังตั้งท่ารุกเอาไว้เพียงเพื่อกดดันอีกฝ่าย
แม้ว่าสีหน้าของแม่ทัพอีกฝ่ายจะเริ่มคลายอาการตกใจได้  แต่ทหารก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและมึนชา  แสดงให้เห็นว่ากองพลนี้สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปแล้ว
แต่อาหลุนไม่ผ่อนคลายลงเพราะใบหน้าของพวกเขา  ถ้าพวกเขาไม่อยู่ในดินแดนพวกเขา  เขาคงถือโอกาสฆ่าและกวาดล้างกำจัดอันตรายที่เป็นไปได้ออกไป
ตาของอาหลุนสงบราบเรียบลึกยากจะหยั่ง  แม้จะเสี่ยงโจมตีอย่างนั้น  แต่ไม่มีระลอกแววแม้แต่น้อย
นี่คืออาหลุน
อดทนและไม่กลัวตาย กล้าหาญและสงบ เป็นคุณสมบัติของขุนพลผู้ยิ่งใหญ่
หน้าของเจโรมซีดขาว มือของเขาอ่อน สภาพอารมณ์ที่ศัตรูแสดงออกมาต่อหน้าทำให้เขากลัวต่อการสู้รบ  เขาไม่สามารถเรียกความกล้าใดๆ ออกมาต่อต้านพวกเขา  ทันใดนั้นเขาเต็มไปด้วยความละอายและพ่ายแพ้ ภายใต้การโจมตีของกองทัพไร้ชื่อ  ได้สร้างความสับสนและพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง
ชั่วขณะนั้น เขารู้สึกสูญเสียและไม่รู้จะทำยังไง
ไม่มีใครพูดอะไร นี่เป็นเรื่องใหญ่โตมาก  ทั่วทั้งสถานที่เงียบมีแต่เสียงลมพัดสลายความร้อนที่พุ่งทะยานจากทหารภูผาน้ำแข็ง
พวกเขาเป็นสีเงินเหมือนกัน  แต่พวกเขาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แสงที่เฉิดฉายนั้นทำให้ชาวกลุ่มดาววัวรู้สึกเจ็บปวดในแววตา  พวกเขาต้องการหลับตา  แต่ฉากภาพข้างหน้าดูเหมือนจะมีพลังดึงดูด พวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้  จึงได้แต่ทนดู
พวกเขาพ่ายแพ้ หวาดกลัว ถูกความตกใจครอบงำ ในความมึนงง ในความผิดหวัง  สีหน้าของพวกเขาซบเซา  ริมฝีปากสั่น  แม้แต่สิบเซียนที่ป้องกันพลังสามก้าวโจมตีก็ยังพูดไม่ออกในตอนนี้  มือของพวกเขาสั่นไม่หยุด
ทันใดนั้น ครืน ครืน
เสียงฝีเท้าดังขึ้นทำลายความเงียบ
เป็นเสียงสีเท้าจากร่างที่สูงใหญสวมชุดสีเงินเยือกเย็นก้าวเท้าออกมาข้างหน้า
แต่ก่อนที่ทหารจะฟื้นจากอาการตกใจ  ตายของเจโรมที่สูญเสียการมองการณ์ไกล ค่อยกลับมีความรู้สึกอีกครั้ง
อาหลุนหยุดห่างจากอีกฝ่ายหนึ่ง 30 เมตร ซวบ.. ดาบเงินใหญ่แทงลงไปที่พื้น
นี่คือ...
หัวใจเจโรมสั่นสะท้าน
มือที่ถือดาบยักษ์เงินสั่นสะท้าน ชี่... รังสีคมดาบตัดผ่านพื้นเหมือนกับตัดกระดาษเป็นเส้นยืดออกมาในระยะไกล
รอยดาบถูกหยุดกันเอาไว้ที่หน้ากองกำลังเขากระทิง
 “ใครก็ตามที่กล้าทำตัวเป็นทูตจะถูกสังหาร!
อาหลุนเปล่งคำพูด และหันหลังกลับเข้ากองกำลังของตนโดยไม่มองเจโรม
เลือดขึ้นหน้าเจโรม หน้าของเขาแดงก่ำ จนเลือดแทบทะลุออกมาตามรูขุมขน  เขากำหมัดแน่นสั่นไปทั้งตัว  เส้นที่ขีดนี้เหมือนกับแทงเข้าไปในใจของเขา  นี่เป็นคำเตือนไม่ให้ก้าวล้ำเส้นเข้ามา
 แต่ว่า..นี่คือกลุ่มดาววัว  นี่คือแผ่นดินของเรา
คนกลุ่มดาววัวอารมณ์รุนแรงเหมือนภูเขาไฟ  พวกเขาโกรธและเริ่มตะโกนเสียงดัง  บางคนก็พูดว่านี่เป็นการแสดงให้อาหลุนและพวกดู
หน้าของแบร็ดลี่ย์เขียวคล้ำ  ขณะที่พยายามหาเซรีน  ครั้งนี้เซรีนไม่ได้ปฏิเสธเขา
 “การที่ฝ่ายเจ้าทำแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าพวกเจ้ากำลังยั่วยุเรา!  แบร็ดลี่ย์จ้องมองเซรีน เสียงของเขาเย็นชา
 “อย่างนั้นหรือ?”  เซรีนตอบอย่างอ่อนโยน  “พวกเขาแค่มีปฏิกิริยาสนองตอบ  ปกป้องความปลอดภัยของข้า  แค่นี้มีปัญหาด้วยหรือ?  ความจริงเป็นทหารฝ่ายขุนนางของท่านที่เริ่มบุกใส่เราอย่างต่อเนื่องจนดูเหมือนจะแสดงควมเป็นปฏิปักษ์ต่อเรา”
 “พวกเขาแค่คิดจะวิ่งเข้ามาต้อนรับฝ่ายเจ้า  แต่ก็ยังพบกับการโจมตีจากเจ้า นอกจากนี้ ที่นี่คือกลุ่มดาววัว!  แบร็ดลี่ย์พูดอย่างมีอารมณ์  “ไม่ว่าเราจะทำอะไร เราต้องขอความเห็นจากพวกเจ้าด้วยหรือ?”
 “ท่านเข้าใจผิดไปอย่างหนึ่ง,  ที่นี่คือกลุ่มดาววัวก็จริง  แต่เดี๋ยวนี้เล่า”  เซรีนตอบอย่างเกียจคร้าน  “ด้วยสภาพการณ์ในปัจจุบันแล้ว  อาจเป็นเรื่องยากที่จะยึดครองเอาไว้ได้ในอีกสองสามปี”
แบร็ดลี่ย์โกรธจนหัวเราะออกมา  “โอว, หรือว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่ต้องการจะฝังกรงเล็บกลุ่มดาววัวของข้าด้วย?  คุณหนูเซรีนเจ้าเป็นอาคันตุกะของเรา  แต่เราก็มีความอดทนจำกัด...”
 “เป็นฝ่ายท่านที่ขอให้ข้ามานะ”  เซรีนขัดจังหวะคำพูดของเขา,  นางมองดูเขาและยิ้มเยาะเย้ย  “ท่านต้องการให้ข้าไปตอนนี้เลยไหม?  ก็ดีแล้ว เวลาของข้ามีน้อย ข้ายังมีงานทดลองอยู่อีกหลายอย่าง  ถ้ากลุ่มดาววัวไม่ต้อนรับข้า,  ข้าจะออกไปเดี๋ยว ทุกคนจะได้ไม่เสียเวลา”
แบร็ดลี่ย์สะอึก
 “โธ่เว้ย!’
เขารู้สึกเหมือนมีเปลวไฟเผาไหม้อยู่ในอก  เขารู้เนื้อหาของการประนีประนอมที่ทำขึ้นซึ่งในขณะนั้นเป็นเหมือนเปลวไฟที่ลามเลียอยู่ในหัวใจของเขา
ตาของเซรีนกลายเป็นเย็นชาทันที และพูดอย่างเฉื่อยชา  “ไม่ว่ากลุ่มดาววัวจะเป็นหรือตาย ข้าจะเกี่ยวข้องอะไรด้วย?  ไม่ต้องเริ่มต้นที่ตระกูลอีวานก็ได้  ข้าไม่ได้มาหาเรื่องลำบากใจอะไรให้พวกเขา  พวกเขาก็ควรจะขอบคุณข้าแล้ว  ถ้าท่านยังคงจะหมกมุ่นอยู่กับยุคของบรรพบุรุษของท่าน  อย่างนั้นเราคงไม่มีอะไรต้องคุยกัน บ้านที่พังไปแล้ว ก็ปล่อยให้พังสลายไปเถอะ อย่าได้ทำให้ข้าเสียเวลาอีกเลย”
 บ้านพังทลาย ก็ปล่อยให้สลายไปหรือ...
ปากของแบร็ดลี่ย์รู้สึกขมขื่นมาก  เขาต้องการขึ้นเสียงปฏิเสธอีกฝ่าย  แต่เมื่อมีคำเป็นหมื่นคำมาถึงที่คอของเขา ดูเหมือนจะติดอะไรบางอย่างไม่สามารถพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว
Sai Lei’s words were like a venomous sword, stabbing right into Bradley’s chest.
“นี่ควรจะเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของท่านแล้วสินะ”  เซรีนทำเหมือนกับว่านางไม่เห็นสีหน้าของแบร็ดลี่ย์  และพูดต่อ  “เอาชนะได้ในท่าเดียว โอว, ข้าไม่ควรจะสบประมาทพวกเจ้ามากเกินไป บางทีพวกเจ้าสามารถสู้ได้อีกสองกระบวนสุดท้าย” คำพูดของเซรีนเป็นเหมือนกระบี่อาบยาพิษทิ่มแทงอกของแบร็ดลี่ย์
 “เจ้ามาที่นี่แค่เพียงมาเยาะเย้ยถางถางเราใช่ไหม?”  แบร็ดลี่ย์พูดเค้นเสียงรอดไรฟันด้วยสีหน้าที่แดงก่ำ ตาของเขาเป็นประกายด้วยความโกรธ
 “เยาะเย้ยถากถางท่านน่ะหรือ? ไม่ ไม่ ไม่!  เซรีนยืนขึ้น  นางยืนอยู่บนส่วนที่สูงที่สุดของยานโดยสาร มองมาด้วยสายตาดูถูก  “พวกท่านคู่ควรให้ข้าเยาะเย้ยหรือ?  พวกท่านไม่มีอะไรเลย มีแต่ผลาญสมบัติที่บรรพบุรุษของพวกท่านตกทอดไว้  พวกท่านทุกคนสวมใส่อาภรณ์ประดับกาย ตั้งหน้าตั้งตาโกหกตัวเองว่าพวกท่านหรูหรามั่งคั่งขนาดไหน  คนแบบนั้นยังจะคู่ควรให้ข้าเยาะเย้ยถากถางอีกหรือ?”
หน้าของแบร็ดลี่ย์เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวก็เป็นสีแดง  ความหยาบคายที่เกิดในใจของเขาลดลง
 พวกเขามาที่นี่เพื่อหยามเรา!!  พวกเขาไม่จริงใจแม้แต่น้อย!  ไม่จริงใจในการประนีประนอม ไม่มีอะไรแลกเปลี่ยน  ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เรามีแต่จะถูกพวกเขาหยามหยัน
 “ข้ามาที่กลุ่มดาววัวด้วยวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียว
คำพูดของเซรีนทำให้แบร็ดลี่ย์ที่เตรียมจะเดินจากไปต้องหยุดฟัง
 “ข้าแค่ต้องการเห็นกองพลทอรัสผู้มีศักดิ์ศรีและลือชื่อเหมือนในอดีต  ถ้าพวกเขายังทิ้งหน่อเนื้อเชื้อไขไว้สักเล็กน้อย  และข้าจะไปหาความหวังฟื้นฟูพวกเขาได้จากที่ไหน?”
ตลอดทั้งร่างของแบร็ดลี่ย์สั่นสะท้าน, เขามองดูอย่างเหลือเชื่อ และพูดตะกุกตะกัก  “กะ กองพล ทะ ทอรัส.. ฟื้นฟูกองพลทอรัส...”
เซรีนไม่สนใจเขา และยังคงพึมพำกับตัวเอง  “แต่ เรื่องแบบนี้เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?  ไม่ว่ากองพลทอรัสจะฟื้นฟูขึ้นมาได้หรือไม่  ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับข้าเลย”
 “เจ้าสามารถฟื้นฟูกองพลทอรัสได้หรือ?”
แบร็ดลี่ย์เดินขึ้นมาทันที  เขามีสีหน้าปลาบปลื้มดีใจ  กล้ามเนื้อแต่ละส่วนในร่างกายเขาสั่นระริก  แต่เมื่อก้าวมาได้เพียงครึ่งเดียว  เขาถูกตรึงอยู่กับที่จากรังสีฆ่าฟันของมอนตา  มอนตาและเซียนที่เหลือมองดูอย่างเย็นชา
แบร็ดลี่ย์ตื่นเต้นยังคงเดินเข้ามาหาเซรีน ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ทันใดนั้นร่างของเขามีรอยกรีดบาดอยู่รอบตัว เลือดกระเด็นไปทั่ว รังสีอำมหิตของมอนตาและเซียนกลายเป็นคมมีด
แบร็ดลี่ย์ไม่สนใจพวกเขา  ตาของเขามองดูแต่เซรีน  เขาถามเสียงสั่น  “เจ้าสามารถฟื้นฟูกองพลทอรัสได้จริงหรือ?"
เซรีนว้าวุ่นใจ เมื่อเห็นสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ของแบร็ดลี่ย์ นางลอบตื่นเต้น
 ไม่ใช่ว่าทุกคนที่นี่ที่จะยินดีจมอยู่กับความผิดพลาด’
นางยกมือส่งสัญญาณให้มอนตาและพวกหยุด
 “นั่นเป็นแค่แนวคิดของข้า”  เซรีนพูดตามตรง  “กองพลทอรัสหายสาบสูญมานานหลายปีแล้ว  จะฟื้นฟูได้หรือไม่ ข้ายังตอบไม่ได้จริงๆ  สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับกองพลทอรัสก็คือเกราะทอง  ข้ามีความคิดของข้าอยู่  แต่ท่านต้องรู้ แค่มีเกราะอย่างเดียวไม่ได้หมายความว่า...”
 “ข้าขอร่วมด้วย!”  แบร็ดลี่ย์ไม่สนใจอะไรทุกอย่าง  เขาคุกเข่ากับพื้นทันที  และเริ่มอ้อนวอนเซรีน  เขาตื่นเต้นจนคำพูดของเขาไม่ปะติดปะต่อ  “ได้โปรดให้ข้าได้ร่วม  ไม่ว่าเงื่อนไขใดๆ  ข้าต้องการเข้าร่วม!  ข้าต้องการฟื้นฟูกองพลทอรัส  ข้าต้องการฟื้นฟูจริงๆ...”
คำพูดที่ไม่ปะติดปะต่อของเขาบวกกับการร้องไห้  น้ำตาไหลลงคลุกฝุ่นใต้เท้าเขา
เซรีนมองดูแบร็ดลี่ย์อย่างประหลาดใจ  นางไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นเช่นนี้  นางแค่เพียงคิดว่ากลุ่มดาววัวเสื่อมทรามเกินกว่าจะเยียวยา  แต่ยังมีคนที่ยังมีความฝัน ยินดีทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้ตระหนักถึงฝัน ทอดทิ้งศักดิ์ศรีและขอร้องอ้อนวอนอย่างเจ็บปวด
นางเห็นแต่เพียงความหลงใหลดังกล่าวอยู่ในกลุ่มดาวหมีใหญ่เท่านั้น  และนางมักจะคิดอย่างเดียวเดียวว่า พวกเขาเท่านั้นที่มีอารมณ์แบบนี้
ทุกคนที่อยู่ด้านข้างมองด้วยความประหลาดใจ  แบร็ดลี่ย์สูญเสียการควบคุมตัวเอง  และหลังจากเงียบเป็นเวลาสั้นๆ พวกเขาก็ส่งเสียงฮือฮา  หน้าของพวกเขาแค่นเสียงโกรธ เย้ยหยัน มีสีหน้าละอาย  บางคนเอาแขนเสื้อปิดหน้าทนดูไม่ได้
 “พระเจ้า!  เกิดอะไรขึ้นกับฝ่าบาท?  น่าละอายเกินไปแล้ว!”
 “ฟื้นฟูกองพลทอรัส?  เรื่องไร้สาระอย่างนั้น ฝ่าบาทเชื่อว่าทำได้จริงหรือ เขาไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”
 “ใช่แล้ว!  ฝ่าบาทคิดอยู่แค่ว่ามีพระองค์คนเดียวเท่านั้นที่ห่วงใยกลุ่มดาววัว  หยาบเกินไปแล้ว  เรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น
……

แบร็ดลี่ย์ที่กำลังคุกเข่าอยู่กับพื้นกำลังสั่นไปทั้งตัว  กำปั้นของเขากำแน่นจนนิ้วขาวซีด  คำพูดทั้งหมดเหมือนคมมีดกรีดเนื้อเขา
 “ท่านได้ยินคำพูดพวกเขาไหม?  ข้าเพียงแต่มีความคิดนี้  แค่ความคิดเช่นนี้ มันคุ้มค่าที่จะทำอย่างนี้หรือ?”
คำพูดของเซรีนดังขึ้นมาจากด้านบน
นางยืนอยู่บนยานโดยสาร มองลงมาดูแบร็ดลี่ย์
แบร็ดลี่ย์เงยหน้ามอง  น้ำตาหยุดไหลแล้ว  ลึกลงไปในดวงตาเขา ความเจ็บปวดลึก และความเศร้าที่มองไม่เห็น  แต่ใบหน้าของเขามีความมุ่งมั่นไม่มีที่สุด  “ตราบใดที่มีความหวังสักเล็กน้อย  แบร็ดลี่ย์ยอมเสียสละชีวิตโดยไม่เก็บงำไว้แม้แต่น้อย”
 “ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจท่าน  ท่านอาจจะถูกเยาะเย้ย ท่านอาจจะสูญเสียสถานะปัจจุบันและสูญเสียทุกสิ่ง  และด้วยศักยภาพที่ไม่มีอะไร  ท่านอาจจะไม่ได้รับอะไรก็ได้”
แบร็ดลี่ย์เงยหน้า และจ้องมองเซรีนเขม็ง  เขาเหมือนกับทหารคนหนึ่งขณะพูดเสียงดัง  “ไม่มีความฝันที่ได้มาโดยไม่เสียสละ  ข้ายินดีจะทุ่มเทสละทุกอย่าง”
ในสายตาของเขาร้อนแรง
เซรีนยิ้มหวาน และพูดอย่างมีความหมาย
 “ขอต้อนรับขึ้นเรือ(โจร)”

11 ความคิดเห็น:

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

Unknown กล่าวว่า...

ขอบใจจ้า

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เอิกลูกพี่ยังไงลูกน้องยังงัยเลย

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ประโยคสุดท้ายเกือบดีแล้วหล่ะ จากซึ้งเป็นฮาซะงั้น

Boybravo กล่าวว่า...

ต้อนรับการฝึกหฤโหดบนเรือโจร 555

heartismyname กล่าวว่า...

โดนจิกหัวใช้จนเข็ดแน่บักแบร็ดลี่

Unknown กล่าวว่า...

แผนรวม12กลุ่มดาวแหงมๆ

Neoplasm24 กล่าวว่า...

ขอให้ได้อยู่กับหัวหน้าแก๊งใจดีนะ

ขาย เช่า ซ่อม กล่าวว่า...

เมื่อไรพระเอกจะเจอนางเอกสักทีคับ 555 รอลุ้นตั้งแต่งตอรแรก ถึงนี้ยังไม่เจอกันที่ พระเอกจะครองโลกยุแล555

มารทมิฬ กล่าวว่า...

เตรียมขยาย กำลัง อิอิ

แสดงความคิดเห็น