เล่ม
19 เติบโตเปลี่ยนแปลง - ตอนที่ 31 ตระกูลอันดับหนึ่ง
หลังจากไบเออร์จากไปลินลี่ย์ระบายลมหายใจโล่งอก
“เทียบกับเทพพารากอนแล้ว
ข้าน่าจะรักษาชีวิตไว้ได้
ถ้าข้ามีสมบัติมหาเทพสำหรับป้องกันพลังโจมตีวัตถุและสมบัติมหาเทพสำหรับปกป้องวิญญาณ”
ลินลี่ย์พูดไม่ออกเพราะพลังโจมตีของไบเออร์ และพลังหน่วงของมันทำให้ตัวมิติถึงกับบิดเบี้ยว
พลังที่น่าทึ่งยังเหนือกว่าสนามพลังอะเมทิสต์ของรีสเจม
เมื่อเผชิญกับพารากอน
มีเพียงคนอย่างบีบีที่มีพลังป้องกันการโจมตีวัตถุและพลังโจมตีวิญญาณที่สุดยอดทั้งสองอย่างจึงจะสามารถรอดชีวิตอยู่ได้
“เดี๋ยวก่อน ต่อให้พลังป้องกันของข้าทรงพลัง
ไบเออร์ก็อาจจับข้าโยนเข้าไปในมิติปั่นป่วนได้”
เมื่อลินลี่ย์คิดเรื่องนี้แล้ว
เขารู้สึกหวาดกลัวพลังของพารากอนมากขึ้นทันที
ก่อนหน้านี้ลินลี่ย์เคยเห็นยอดฝีมือไม่กี่คนที่หลอมรวมเคล็ดลึกลับห้าเคล็ด ลินลี่ย์คิดว่าพารากอนทรงพลัง
แต่คงไม่มากจนเหลือเชื่อ
แต่เมื่อเผชิญกับพารากอนจริงๆ ลินลี่ย์จึงตระหนักว่า..
พารากอนแค่เพียงโบกมือ
ก็ทำให้มิติบิดเบี้ยวได้ และอาจฉีกมิติได้
ระหว่างหลอมรวมเคล็ดลึกลับห้าเคล็ดและการกลายเป็นพารากอน มีพลังเพิ่มขึ้นมากมายมหาศาลอย่างชัดเจน
“ไบเออร์จะไม่มาอีกใช่ไหม?” เสียงทุ้มดังขึ้น
ลินลี่ย์หันหน้าไปมองดู คนพูดก็คือคนตัวใหญ่เรย์โฮม บีบีมีใบหน้าเปรอะเปื้อนรีบพูดขึ้นทันที “แน่นอนว่าไม่! เขาเป็นพารากอนแน่นอน ในเมื่อเขาไปแล้ว เขาจะกลับมาได้ยังไง? ต่อให้เขากลับมาข้าก็ไม่กลัวเขา” คำพูดของบีบีทำให้ลินลี่ย์
รีสเจมและเรย์โฮมมองหน้าเขาทุกคน
“เจ้าไม่กลัวหรือ?” รีสเจมถามด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ
ความจริงรีสเจมเองก็กลัว ถ้าไบเออร์บ้าเลือดขึ้นมาจริงๆ เขาอาจฆ่ารีสเจม เรย์โฮมและลินลี่ย์
จากนั้นลากบีบีเข้าไปในมิติปั่นป่วน
กับราคาที่ว่าเขาอาจเผชิญกับการไล่ล่าและโจมตีของมหาเทพเรดบุด
และจะต้องซ่อนตัวอยู่ในแดนโลกธาตุธรรมดาตลอดไป
รีสเจมกลัว
และลินลี่ย์กับเรย์โฮมก็รู้สึกอย่างเดียวกัน
ต่อหน้าไบเออร์ พวกวเขาไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย
บีบีไม่กลัวหรือ?
เมื่อถูกอีกสามคนจ้องมอง
บีบีหัวเราะแก้เก้อ “ก็ได้,
บอกตามตรงหลายว่า ความจริงข้าก็กลัวอยู่บ้าง
อยู่ต่อหน้าไบเออร์
ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าข้าได้แต่ยืนอยู่กับที่และถูกทุบตี ข้าไม่สามารถต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย เพลงแต่แปลกประหลาดนั่นทำให้ข้าไม่ได้สติ พอเขาจากไป เพลงนี้จึงได้จบ ข้าหวังว่าในอนาคต ข้าคงไม่พบเจอกับไบเออร์อีก เว้นแต่ข้าจะมีพลังระดับปู่ข้า...”
ลินลี่ย์เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็อดขำไม่ได้ จากนั้นเขามองดูรีสเจม
ครั้งนี้พวกเขาต้องขอบคุณรีสเจม
“โชคดี, รีสเจม
ท่านใช้ชื่อมหาเทพคุกคามเขาได้”
ลินลี่ย์หัวเราะถอนหายใจ
“ฮึ่ม..นั่นเป็นเรื่องที่พูด พอเวลาที่แม่ข้ามาที่นี่จริงๆ
ไบเออร์คงจะเผ่นหนีไปไกล”
รีสเจมเม้มริมฝีปาก
“โชคดีที่ไบเออร์ไม่ยอมทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่ออ็อคคลัว”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน
ถ้าอ็อคคลัวและไบเออร์มีความสัมพันธ์ที่สนิทกันเหมือนกับลินลี่ย์และบีบี
เป็นไปได้ว่าไบเออร์คงจะไม่สนใจอะไร ทุ่มเทพลังฆ่าเขาให้ได้
โชคดีทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ยังไม่ถึงระดับนั้น
“รีสเจม พลังมหาเทพนี้..”
ลินลี่ย์ถึงตอนนี้ยังมีกระติกพลังมหาเทพอยู่ในมือ
โอวสวรรค์..กระติกที่บรรจุไว้เต็ม! เป็นโชคลาภที่น่ากลัวจริงๆ!
“รีสเจม, เมื่อครู่นี้
เจ้าแค่ต้องการขู่ขวัญไบเออร์และทำให้เขารู้ว่าไม่มีทางที่เขาจะฆ่าบีบีได้
ซึ่งเป็นสาเหตุให้ท่านต้องนำกระติกพลังมหาเทพออกมา ตอนนี้เรื่องจบแล้ว
ท่านเอาของคืนไปก็ได้นะ”
ลินลี่ย์ส่งกระติกผลึกอเมทิสต์ให้รีสเจมทันที
ไม่ใช่ว่าลินลี่ย์ไม่ต้องการพลังมหาเทพ ถ้าได้สักหยดหรือสองหยด
ลินลี่ย์ก็คงจะยอมรับไว้
แต่นี่เป็นกระติก
สิ่งนี้มีค่ามากเกินไป
ทำให้ลินลี่ย์รู้สึกยากจะรับเอาไว้ได้
ขณะที่ทำงานด้วยกันกับรีสเจม
ลินลี่ย์ไม่ได้สร้างส่วนร่วมยิ่งใหญ่อะไร
ดังนั้นเขาจะรับกระติกพลังมหาเทพไว้ได้ยังไง? อย่างที่มีคำกล่าวไว้ว่าไม่มีผลงานย่อมไม่มีบำเหน็จรางวัล
เขาจะรับสมบัติไว้โดยไม่สร้างผลสำเร็จใดๆ ไว้ได้ยังไง? ลินลี่ย์รู้สึกไม่สบายใจ
“เอ๊ะ?”
บีบีตกใจ
“เอ้า..นี่ด้วย” บีบีทำอย่างเดียวกัน
“เฮ้ย!”
รีสเจมถลึงตามองลินลี่ย์และบีบี
จากนั้นพูดอย่างไม่พอใจ “ลินลี่ย์,
บีบี, พวกเจ้าสองคนทำอะไร? ฮึ..ถ้าพวกเจ้าทั้งสองคนไม่มีความจริงใจ
อย่างนั้นเราแยกกลุ่มกันได้
เจ้าไปตามทางของเจ้า
ส่วนข้ากับเรย์โฮมจะไปตามทางของเรา
เจ้าทั้งสองไม่นับถือว่าข้าเป็นพี่น้องกันเลย กับแค่พลังมหาเทพคนละกระติกน่ะหรือ?
ข้า..รีสเจมไม่เอาของที่มอบให้เป็นขวัญคืนอยู่แล้ว ถ้าเจ้าไม่ต้องการ ก็โยนทิ้งไปเลย!”
ลินลี่ย์รู้สึกพูดไม่ออก
ได้แต่ถอนใจ
“ฮ่าฮ่า, พี่ใหญ่!
รีสเจมไม่ใช่คนตระหนี่”
บีบีหัวเราะโอบไหล่รีสเจม “งั้นขอรับไว้ก็แล้วกัน” บีบีไม่ยินดีจะยอมสละแต่แรกแล้ว
เพียงแต่เขาเห็นลินลี่ย์คืน
เขาก็ต้องทำอย่างเดียวกัน
“ได้ยินไหมนั่น?” รีสเจมเลิกคิ้วดีใจ
“ทำไมเจ้าไม่โยนพลังมหาเทพนี้ทิ้งและไปตามทางของเจ้าเล่า
เรามีสามคนแล้วนะ หรือว่า..จะเก็บเอาไว้”
ลินลี่ย์ไม่ได้เกรงใจมากเกินไปตั้งแต่แรก
เพียงแต่พลังมหาเทพกระติกหนึ่งนี้มีคุณค่ามากเกินไป และเขาไม่สามารถรับเอาไว้ได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาแสดงมารยาทเช่นนั้น แต่ตอนนี้เมื่อรีสเจมแสดงออกเช่นนั้น
ลินลี่ย์จะทำอะไรได้?
ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือเก็บกระติกพลังมหาเทพไว้ในแหวนเก็บของ
“นั่นค่อยยังชั่วหน่อย” รีสเจมหัวเราะอารมณ์ดี “บอกตามตรง
ก่อนนี้เมื่อข้าเป็นเทพชั้นสูงและยังไม่หลอมรวมเคล็ดลึกลับได้มากพอ บางทีข้าคงไม่ทำใจกว้างแน่ ต่อให้เจ้าขอข้าก็ตาม”
“เอ๊ะ?
นั่นอะไร?” บีบีกล่าว
ลินลี่ย์แค่หัวเราะขณะฟังเฉยๆ มีบีบีและรีสเจมยืนอยู่ด้วยกัน
เหมือนกับทารกใหญ่คู่หนึ่ง
ตาของพวกเขาทั้งสองมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้น พวกเขาดูเหมือนพี่น้องกัน
ทั้งสี่คนคุยไปเดินไปพลาง
“สิ่งที่แม่ข้าบอกไว้ก็คือข้าจำเป็นต้องเจ้าอารมณ์!” รีสเจมพูดพลางหัวเราะ “ถ้าข้ายังไม่มีพลังถึงระดับพอ นางจึงมอบพลังมหาเทพไว้ให้ข้าเป็นจำนวนมาก
ข้าไม่เคยรู้สึกเหมือนกับว่าข้าอยู่ในอันตรายแต่อย่างใด
ซึ่งนั่นทำให้ข้าบรรลุระดับพลังใหม่ยากขึ้น
ดังนั้นหลังจากหลอมรวมพลังได้ห้าเคล็ด ดังนั้นแม่ข้าก็เลยหยุดเข้มงวดข้า
ดูสิพลังมหาเทพของเขามีมากเพียงไหน”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ไม่รู้สึกถึงอันตราย
ก็เป็นเรื่องยากที่จะยกระดับพลังได้
ลินลี่ย์สามารถเข้าใจการกระทำของมหาเทพเรดบุดได้
“โอว.. เจ้ามีพลังมหาเทพตั้งมากมาย
ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของพี่ใหญ่ยากที่จะมอบหยดพลังมหาเทพแม้แต่หยดเดียวออกไปจริงๆ” บีบีพูดพลางถอนหายใจ
รีสเจมหัวเราะลั่น “ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์? พวกเขาจะเทียบกับข้าได้ยังไง?
ตระกูลมากมายที่มีผู้คนเป็นล้านอยู่กระจัดกระจายอยู่ในสี่พิภพใหญ่
สี่มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่จึงมอบพลังมหาเทพมากมายให้พวกเขา!
แต่คนของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะรู้ถึงคุณค่าของมันหรือเปล่า พวกเขาไม่รู้! ประมุขตระกูลทั้งสี่เหล่านั้นไม่เคยคิดว่าสี่มหาเทพจะประสบเคราะห์ เมื่อสี่มหาเทพตาย..
ก็เป็นเวลาที่พวกเขาไม่สามารถได้รับพลังมหาเทพอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอีกต่อไป พวกเขาตกตะลึงกันหมด”
“เมื่อสี่มหาเทพตาย พวกเขาก็ไม่มีแหล่งพลังมหาเทพอีกต่อไป เป็นเรื่องยากลำบากของพวกเขาต่อไป แน่นอนว่าพวกเขาจะมอบให้เท่าที่จำเป็น
ครั้งละหนึ่งหยดเท่านั้น”
ลินลี่ย์ได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้า
ความตายของบรรพบุรุษทั้งสี่ส่งผลกระทบหนักหน่วงต่อตระกูลอย่างแน่นอน
“ตระกูลใหญ่อย่างนั้นชื่อเสียงของเขาสั่นสะเทือนพิภพต่างๆ
ได้ก็ยังตกต่ำได้ในลักษณะเช่นนั้น”
ลินลี่ย์ถอนหายใจ
เดิมทีเมื่อลินลี่ย์เข้าเผ่ามังกรฟ้า
ลินลี่ย์ถอนใจว่าตระกูลเคยมีพลังมหาเทพมากมายเพียงไหน แต่เดี๋ยวนี้
เขาเข้าใจแล้วว่าผู้อาวุโสแต่ละคนจะได้พลังกันหนึ่งหยดและใช้พลังกันอย่างประหยัด
เมื่อสี่มหาเทพยังมีชีวิตเป็นไปได้ว่าเผ่ามังกรฟ้าจะต้องมีการแบ่งพลังมหาเทพในลักษณะที่แตกต่างกว่านี้แน่นอน
“ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เดิมที่ก็มีความแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามในพิภพจักรวาลทั้งสิ้น พวกเขายังไม่ถือว่าเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง” รีสเจมกล่าว
“เอ๊ะ?
ยังมีตระกูลที่ทรงพลังมากกว่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อีกหรือ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ
“ตระกูลอันดับหนึ่งก็คือตระกูลออกุสตา ตระกูลแห่งโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์” รีสเจมพูดพลางหัวเราะ
ลินลี่ย์รู้เรื่องในแดนนรกและแดนยมโลกไม่มาก ยิ่งดินแดนอื่นแล้วยิ่งรู้น้อย
“ตระกูลออกุสตา?” มีสามชื่อลอยขึ้นมาในใจของลินลี่ย์ สามชื่อนี้มาจากรายงานข่าวกรองผู้บัญชาการต่างๆ
ของเบรุต สามผู้บัญชาการและทั้งสามคน...ทั้งหมดล้วนใช้ชื่อสกุลว่าออกุสตา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคนของตระกูลออกุสตา
ตอนนั้นลินลี่ย์ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
ที่สำคัญมีพี่น้องอยู่มากที่เป็นผู้บัญชาการ
สำหรับสามคนที่มีชื่อสกุลเดียวกันนี้จึงไม่น่าประหลาดใจ
“สมาชิกรุ่นที่หนึ่งของตระกูลออกุสตาก็คือประมุขมหาเทพแห่งแสง” รีสเจมพูดพลางเม้มริมฝีปาก
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจ
“มิน่าเล่าตระกูลถึงได้ทรงพลังมากนัก
พวกเขาเป็นลูกหลานของหัวหน้ามหาเทพแห่งแสง” ในฐานะประมุขของมหาเทพ ทุกคนคงคาดคิดได้ถึงสถานะที่สูงส่งและอำนาจที่ยิ่งใหญ่ซึ่งประมุขมหาเทพครอบครอง
“ประมุขมหาเทพแห่งแสงมีลูกหลานมากมาย รุ่นที่สองของตระกูลก็มีสมาชิกถึง 182 คน”
รีสเจมพูดถอนหายใจ
ลินลี่ย์และบีบีตะลึงทั้งคู่
“รีสเจม
สมาชิกรุ่นที่สองทั้งชายและหญิงของประมุขมหาเทพแห่งแสงน่ะหรือ?” ลินลี่ย์ไม่อยากเชื่อ ในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ มังกรฟ้ามีเพียงบุตรหนึ่งและธิดาอีกหนึ่งคน ขณะที่พญาหงส์เพลิงมีลูกคนเดียว พยัคฆ์ขาวมีลูกคนเดียว ส่วนพญาเต่าดำมีลูกสองคน
แต่ออกุสตาผู้นี้
เฉพาะรุ่นที่สองมีสมาชิกถึง 182 คน?
“ใช่แล้ว” รีสเจมพยักหน้า
“ประมุขมหาเทพแห่งแสงเดิมทีเป็นสมาชิกของเผ่าพันธุ์ธรรมดาก่อนจะกลายเป็นประมุขมหาเทพ ดังนั้นจึงต่างจากพวกอสูรเทพที่มีลูกเพียงไม่กี่คน เขามีถึง 182 คน อย่างไรก็ตามลูกทั้ง 182
คนเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันทั้งหมด
เป็นเพราะประชากรของตระกูลออกุสตาขยายตัวเร็วมาก
และเพราะพวกเขามีทรัพยากรอย่างเพียงพอ
เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะสร้างยอดฝีมือออกมาได้มาก อย่างไรก็ตามตระกูลออกุสตาขยายตัวอยู่แต่ในโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์
พวกเขาต่างจากตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าที่แพร่กระจายอยู่ในพิภพต่างๆ”
“คนของตระกูลออกุสตาหยิ่งยโสมาก” เรย์โฮมที่เงียบขรึมมาตลอดจู่ๆ ก็พูดขึ้น
“เอ๋?”
ลินลี่ย์มองดูเรย์โฮม
เขารู้สึกได้ถึงความโกรธที่แฝงอยู่ในคำพูดของเรย์โฮม
รีสเจมถอนหายใจและกล่าว “หนึ่งในทูตของแม่ข้าชื่อบอสลีย์ เขาเป็นสหายรักของเรย์โฮมถูกกองกำลังของตระกูลออกุสตาฆ่าตาย ตอนนี้บอสลีย์มีแต่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ที่อ่อนแอเหลืออยู่เท่านั้น
ข้าคิดว่าครั้งนี้คนของตระกูลออกุสตาคงจะมาร่วมในสมรภูมมหาพิภพด้วยเช่นกัน ถ้าเราเผชิญพบเจอพวกเขาสองคน เราจะต้องฆ่าพวกเขาบางคนเป็นการระบายความโกรธ
ฮึ่ม.. ช่างมันเถอะ พอกันทีกับไอ้ตระกูลบัดซบนี่
พูดแล้วอารมณ์เสีย”
ขณะที่กลุ่มของลินลี่ย์ไปจากสนามรบ พวกเขาไม่ได้วิ่งออกไป แค่เดินไปตามปกติ ในสมรภูมิมหาพิภพ
นอกจากพารากอนอย่างไบเออร์
ทีมล่าของพวกเขาไม่กลัวใคร
แต่การสู้รบนั้นดึงดูดความสนใจของคนมามากมายแน่นอน
บนพื้นที่รกร้างมีห้าคนปรากฏตัวขึ้น
ผู้นำเป็นบุรุษหนุ่มสวมชุดยาวสีเงินงดงามและเขามีผมยาวแพรวพราว
“โอว, ปราการอะเมทิสต์ เฮ้, นั่นไบเออร์นี่!”
บุรุษหนุ่มผมทองตาเป็นประกาย
เขาเห็นจากระยะไกลว่าไบเออร์ยืนอยู่ในท้องฟ้าเหมือนกับเทพสวรรค์ พอไบเออร์ปรากฏตัว
ทั้งห้าคนไม่กล้าเข้าไปใกล้
แต่หลังจากมองดูไกลๆ ชั่วเวลาหนึ่ง พวกเขาเห็นไบเออร์จากไป
“คุณชายมอนเตโล! นี่นับเป็นโอกาสที่ดี” บุรุษหนุ่มผมเงินในชุดสีทองร้องบอก
ตาของบุรุษหนุ่มผมทองเป็นประกาย
ขณะนี้บุรุษหนุ่มผมทองหันหน้าไปมองใกล้ๆ
มีบุรุษหนึ่งและสตรีอีกหนึ่งเดินเข้ามาสมทบ “มอนเตโล! ไม่ได้พบกันนานเลยนะ” คนนำเป็นสตรีชุดสีเงินผมดำพูดพลางยิ้มเล็กน้อย
“ราเนซซา!”
มอนเตโลหัวเราะเช่นกัน
“เจ้าเพิ่งเห็นการต่อสู้นั้นไม่ใช่หรือ? ไบเออร์ลงมือกับกลุ่มของรีสเจม ข้าสงสัยว่าผลของการสู้จะเป็นยังไง” สตรีชุดสีเงินพูดพลางหัวเราะ “แต่ข้าแน่ใจว่ารีสเจมยังมีชีวิตอยู่”
“ข้าเองก็แน่ใจเหมือนกัน” มอนเตโลพูดและหัวเราะเยือกเย็น
จากนั้นตาของเขาเป็นประกาย “ราเนซซา! เราจะร่วมกำลังกันไปสั่งสอนรีสเจมนั่นดีไหม?”
“สั่งสอนเขาน่ะหรือ?” ราเนซซาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ข้ารู้ว่ามีความแค้นกันระหว่างตระกูลของเจ้ากับรีสเจม แต่ว่า...”
ราเนซซายังรู้สถานะของมอนเตโล
มอนเตโลเป็นสมาชิกตระกูลออกุสตารุ่นที่สาม
รุ่นที่สองมีสมาชิก 182 คนและรุ่นที่สามมีสมาชิกมากกว่าพันคน”
มอนเตโลอาศัยพรสวรรค์และทักษะธรรมชาติของเขาจึงมีสถานะที่สูงส่งในตระกูลของเขา แต่เมื่อเทียบกับรีสเจม สถานะของเขาด้อยกว่าห่างไกล ที่สำคัญประมุขมหาเทพแห่งแสงมีลูกมากเกินไป มอนเตโลเป็นแค่เพียงรุ่นหลาน ขณะที่มหาเทพเรดบุดมีลูกชายเพียงคนเดียว
มีคนไม่มากนักที่กล้าคิดฆ่ารีสเจม
“ไม่ต้องห่วง
เราจะไม่ฆ่ารีสเจม”
มอนเตโลพูดพลางหัวเราะเบาๆ
“ข้าจะรับหน้าที่รั้งรีสเจมไว้
ขณะที่พวกเจ้าอีกสามคนกับคนของข้าอีกสี่คน
รวมเจ็ดจะลงมือกับสหายของรีสเจม
ถ้าเจ้าสามารถฆ่าได้สักคนก็ให้ลงมือ
พวกเจ้าฆ่าได้หมดย่อมดีที่สุด! ฮึ่ม.. ถ้าเราไม่สามารถฆ่ารีสเจมได้ เราก็ฆ่าสหายของเขา” ตาของมอนเตโลเป็นประกายเย็นชา
ราเนซซาหันไปปรึกษาบุรุษหนุ่มสองคนข้างๆ
นางจากนั้นก็หัวเราะ
มหาเทพเป็นบุคคลที่มีศักดิ์ศรีสูงส่ง ตราบเท่าที่ไม่มีการลงมือล่วงเกิน
ก็จะไม่มีปัญหาใดๆ ต่อให้พวกเขาทำร้ายรีสเจมบาดเจ็บสาหัสก็ยังไม่มีปัญหาใดๆ มหาเทพมักจะหวังว่าลูกๆ ของพวกเขา
ควรจะได้รับความพ่ายแพ้บ้างขณะเติบโต
ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ฆ่ารีสเจม ก็ไม่เป็นไร สำหรับสหายของรีสเจมและชีวิตพวกเขา
มหาเทพไม่มีเวลามาวุ่นวายกับพวกเขา
ทั้งมหาเทพจะไม่ลดตัวลงมายุ่งกับพวกเขา
โลกของเทพก็มีกฎอยู่ในตนเอง มหาเทพโดยทั่วไปจะไม่เข้ามาก้าวก่าย
“ก็ได้ อย่างไรก็ตาม
ป้ายที่ได้จากการฆ่าจะตกเป็นของเรา”
ราเนซซากล่าว
“ตกลง” มอนเตโลเห็นด้วยทันที
“อย่างนั้นไปกันเถอะ รีสเจมและคนอื่นดูเหมือนจะไปไกลแล้ว” ราเนซซากล่าว
ทันใดนั้นกองกำลังทั้งสองร่วมมือกันและทั้งแปดคนลอบติดตามไปด้วยความเร็วสูง
10 ความคิดเห็น:
หาที่ตายแล้วพวกนี้ ขอบคุณครับ
กำลังหาที่ระบาย ขนาดพารากอนยังตีไม่เข้า พวกมาใหม่จะทำอะไรได้ 😁
มีโอกาสเป็นกระสอบทรายสูงครับ55555
ขอบคุณครับ ได้ป้ายกันละทีนี้
ขอบคุณค้าบบบบ
ขอบคุณครับ
อยู่ดีๆก็มีพวกซ่าเดินมาหา rip
มีของมาส่งถึงที่แบบเดลิเวอรี่ตั้งหลายป้ายไม่ต้องไปหาเองไกลไม่ต้องรอนาน
ขอบคุณมากครับ
ป้ายทองมาส่งถึงที่เลย
แสดงความคิดเห็น