เล่ม
20 มงกุฎปริศนา - ตอนที่ 8 จะไปทางไหน?
“อย่างไรก็ตาม..” โอลิเวอร์พูดอย่างขมขื่น “แม้ว่าข้าจะฆ่าคนพวกนั้นได้หมด
แต่พวกเขามีมากเกินไป ข้าต้องปกป้องเดยาและเลยาลูกทั้งสองของข้าในเวลาเดียวกัน ข้าเพียงแต่สามารถป้องกันได้เพียงสองในสาม ป้องกันไม่ได้ทั้งหมด!
เห็นได้ชัดว่าโบนินนั่นออกคำสั่งให้มาฆ่าข้าและลูกชายทั้งสองของข้า! ในการต่อสู้นั้นเลยาตาย! พลังของข้าเพียงพอแค่ปกป้องเดยาเท่านั้น”
ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ
แม้ว่าพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมาก
แต่โอลิเวอร์เองมีภาระแบกอยู่บนบ่าสองคน! อย่างไรก็ตามศัตรูเป็นเทพชั้นสูงกลุ่มใหญ่ เมื่อพวกเขาลงมือโจมตีอย่างหนัก..
แค่โอลิเวอร์ปกป้องลูกได้คนเดียวก็นับว่าน่าทึ่งแล้ว
“โอลิเวอร์, เจ้ามีลูก
ทำไมเจ้าไม่ส่งเด็กไปอยู่ในเมือง?”
ลินลี่ย์อดถามไม่ได้
ถ้าโอลิเวอร์ปล่อยเด็กไว้ในเมือง
พวกเขาจะปลอดภัยหรือ?
“ข้าไม่มีเวลามากพอ” โอลิเวอร์พูดอย่างขมขื่น “ข้าต้องการทำอยู่แล้ว ถ้าข้าเที่ยวไปตามลำพังข้าคงเข้าไปในเมืองได้ แต่ข้าต้องนำเด็กสองคนไปด้วย พวกเขายังไม่ได้เป็นแม้แต่เทพ
เป็นแค่เซียน
ความเร็วในการบินของศัตรูเร็วมาก
ความเร็วของข้าได้รับผลกระทบ เพราะข้าต้องนำพวกเขาไปด้วย นอกจากนี้ไดอาน่ากับข้าอาศัยอยู่หุบเขาห่างไกล
เนื่องด้วยพลังของเราพวกโจรไม่กล้ามาก่อเรื่องยุ่งยากกับเรา
แต่หุบเขานั่นอยู่ห่างเมืองที่ใกล้ที่สุดด้วยการเดินทางประมาณปีครึ่ง”
ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ
ความเร็วของโอลิเวอร์ช้าเกินไป! ก่อนที่จะหลอมรวมกับประกายเทพ
โอลิเวอร์เป็นเพียงเทพชั้นสูงธรรมดา จะเคลื่อนไหวได้เร็วเพียงไหน
เนื่องจากมีลูกสองคนเป็นภาระอยู่?
“หลังจากฆ่าคนพวกนั้นแล้ว ในที่สุดข้าจึงเข้าเมืองกับลูกชายข้า ข้าให้เดยาพักรออยู่ในโรงแรม ส่วนตัวข้าเองบุกไปที่เทือกเขายูสโตนแห่งแคว้นสกายเมาท์” โอลิเวอร์คำราม
“แคว้นสกายเมาท์?” ลินลี่ย์คำราม
ทวีปบลัดริจกว้างใหญ่ไพศาล แคว้นสกายเมาท์ตั้งลึกเข้าไปในใจกลางทวีปบลัดริจ
และอยู่ห่างจากแคว้นอินดิโกร้อยล้านกิโลเมตร
“ใช่แล้ว
เจ้าโบนินนั่นอยู่ที่แคว้นสกายเมาท์”
โอลิเวอร์พยักหน้า
“โบนินหยิ่งยโสมาก
เมื่อเขาพาตัวไดอาน่าไป
เขาบอกข้าว่า..ถ้าข้ามีความสามารถ
ก็ให้ข้ามาหาเขาที่ภูเขายูสโตน แคว้นสกายเมาท์ เขาจะรอข้าอยู่ที่นั่น”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อยขณะที่เขาฟังเรื่องนี้ เขาสามารถนึกภาพได้ว่าโบนินหยิ่งยโสเพียงไหน
“เมืองที่ข้าเข้าไปนั้นอยู่ไม่ไกลจากเทือกเขายูสโตนแห่งแคว้นสกายเมาท์มากนัก
ด้วยความเร็วของข้าเพิ่มมากหลังจากที่ข้าหลอมรวมพลังเทพชั้นสูงสองรูปแบบ ในเวลาปีเดียวข้าก็ไปถึงเทือกเขายูสโตน หลังจากลอบสืบดู ข้ารู้มาว่าโบนินนี้เป็นลูกของเจ้าแคว้นสกายเมาท์” โอลิเวอร์หัวเราะอย่างเย็นชา
“ข้าไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าเขาเป็นลูกของเจ้าแคว้นสกายเมาท์
ทั้งหมดที่ข้าต้องการก็คือฆ่าโบนินผู้นี้ ช่วยไดอาน่า ภรรยาของข้า”
ลินลี่ย์เข้าใจว่าเมื่อถึงจุดนี้แล้ว
โอลิเวอร์อยู่ในสภาพจนตรอก
“โบนินเป็นคนหัวรั้นและว่ายาก เขาไม่มีสัมพันธ์ที่ดีกับบิดาเขา ดังนั้นเขาจึงไม่อยู่กับบิดาของเขา แต่กลับอาศัยอยู่ในเทือกเขายูสโตนแทน เขาสร้างปราสาทไว้ที่นี่” โอลิเวอร์แค่นเสียง “ข้าลอบเข้าไปตั้งใจจะหาตัวโบนิน จากนั้นฆ่าเขา
และหลังจากหลอมรวมกับประกายเทพแล้ว พลังของข้าเหนือกว่าเขาระดับหนึ่ง! ข้าเกือบฆ่าเขาได้...”
“แต่...เขา..มีหยดพลังมหาเทพ!”
โอลิเวอร์ฝืนหัวเราะขณะที่เขาพูด
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว หยดพลังมหาเทพเป็นไปได้ว่าเป็นสิ่งที่เจ้าแคว้นสกายเมาท์มอบไว้ให้ลูกชายของเขา
เป็นมาตรการป้องกันและช่วยชีวิตเท่าที่จำเป็น
“หลังจากใช้พลังมหาเทพ พลังของเขาอยู่เหนือข้ามากมาย! ทั้งหมดที่ข้าทำได้ก็คือหนี และเวลานั้น
ไดอาน่าภรรยาข้ามาช่วยขัดขวางโบนินไว้เช่นกัน ขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย โบนินถูกขัดขวางชั่วขณะ ข้าจึงหนีไปได้” โอลิเวอร์พูดขมขื่น “หลังจากล้มเหลวแล้ว
ข้าเข้าใจว่าข้าคงไม่สามารถฆ่าเขาด้วยตัวข้าเอง
ดังนั้นข้าไม่มีทางเลือก จึงได้แต่ลอบหนีมา ข้ากลับไปพาตัวเดยาและมาแคว้นอินดิโก ข้าตั้งใจว่าเนื่องจากเจ้ากำลังฝึกฝนอยู่ที่นี่เงียบๆ ข้าก็จะทำอย่างเดียวกันบ้าง”
แม้ว่าโอลิเวอร์จะมีพลังเพิ่มขึ้นมากมาย
แต่การเดินทางมาแคว้นอินดิโกก็ยังใช้เวลามากกว่าสิบปี ขณะที่เขาพาลูกมากับเขาด้วย
เด็กคนนั้นก็โตเป็นเด็กหนุ่มด้วยเช่นกัน
ลินลี่ย์เพิ่งเข้าใจเหตุผลที่เดยาเย็นชา
ห่างเหิน และดูน่ากลัว
เห็นได้ชัดว่า..เดยาโตขึ้นมาในท่ามกลางความเกลียด
“ข้าเข้าใจว่าหลังจากการต่อสู้ครั้งนั้น โบนินคงจะอยู่แต่ในเทือกเขายูสโตน ถ้าเขายังมีพลังมหาเทพอีกมาก
ก็คงไม่มีอะไรต้องกลัว ถ้าเขาไม่มี
บางทีเขาคงกลัวว่าข้าจะกลับไปพาตัวไดอาน่าและจากไป บิดาของเขาเป็นเจ้าแคว้น
ต่อให้ข้าฝึกไปอีกสิบล้านปีข้าคงไม่สามารถล้างแค้นให้ลูกข้าหรือตามหาตัวไดอาน่าได้!”
เขาตกอยู่ในสภาพผิดหวังเศร้าใจ ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือฝึกฝีมือเงียบๆ แต่แล้ว..โอลิเวอร์ได้ยินคนอื่นพูดว่าลินลี่ย์กลายเป็นเทพพารากอนแล้ว
“ข้าเองยกเลิกความหวังทั้งมวลไปแล้ว แต่..แต่ข้าได้ยินว่า ลินลี่ย์ ว่าเจ้ากลายเป็นเทพพารากอนไปแล้ว” โอลิเวอร์มองดูลินลี่ย์
โอลิเวอร์รู้ว่าลินลี่ย์ทรงพลังมากเท่ากับระดับอสูรเจ็ดดาว
แต่เบื้องหลังของโบนินเป็นเจ้าแคว้นสกายเมาท์
ดังนั้น..โอลิเวอร์ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับลินลี่ย์
เนื่องจากเขาไม่ต้องการลากลินลี่ย์เข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้
“แคว้นสกายเมาท์?”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ความเศร้าและความทุกข์ใจของโอลิเวอร์ทำให้ลินลี่ย์รู้สึกเห็นใจมาก ภรรยาของเขาถูกชิงไป และลูกชายคนหนึ่งถูกฆ่า แต่เขาก็ยังไม่มีพลังสู้ตอบโต้เพื่อล้างแค้น
“โอลิเวอร์! ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะไปกับเจ้า” ลินลี่ย์พยักหน้า
“ขอบคุณ”
โอลิเวอร์เมื่อได้ยินคำตอบรับของลินลี่ย์
ก็อดพูดขอบคุณไม่ได้
“อย่างนั้น..ลินลี่ย์เราควรจะไปเมื่อใด?”
“เรื่องนี้...”
ลินลี่ย์ลังเลเล็กน้อย
“เอาอย่างนี้เป็นไง เราจะไปกันพรุ่งนี้ดีไหม?” โอลิเวอร์ไม่สามารถทนรอได้ ภรรยาของเขาถูกชิงและลูกชายถูกฆ่า
ความเกลียดชังรุมเร้าอยู่ในใจของโอลิเวอร์เหมือนพยาธิ ตอนนี้เปลวไฟแค้นที่มีอยู่ในใจของเขามีมากขึ้นๆ โอลิเวอร์ไม่ต้องการเสียเวลาอีกต่อไป
“พรุ่งนี้หรือ?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
พรุ่งนี้ลินลี่ย์ตั้งใจจะไปโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์!
ความจริงลินลี่ย์รู้สึกกระวนกระวายใจเกี่ยวกับการเดินทางไปโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์คราวนี้หลังจากได้ยินสิ่งที่กัซลีสันพูด
เขาเกรงว่าประมุขมหาเทพแห่งแสงจะลดตัวลงมาสังหารเขา แต่เขาไม่มีทางเลือกถ้าเขาต้องการช่วยมารดาเขา เขามีเพียงทางเลือกเดียว
คือขอให้ประมุขมหาเทพแห่งแสงปล่อยนาง!
ดังนั้น
แม้ว่าจะอันตราย แต่ลินลี่ย์ก็ยังคงจะไป
ลินลี่ย์แต่เดิมตั้งใจจะให้ร่างแยกธาตุดินของเขาไปที่โลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์
ร่างแยกธาตุดินของเขาเป็นแค่ร่างแยกร่างหนึ่ง แต่ก็เป็นวิญญาณกลายสภาพเหมือนกัน
สามารถหลอมรวมกับพลังปณิธาน แม้ว่าพลังของปณิธานจะไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับร่างหลักของลินลี่ย์ก็ตาม
พลังของร่างแยกธาตุดินของเขายังคงเทียบได้กับพลังของเทพพารากอน
ร่างหลักของลินลี่ย์ทรงพลังมากกว่าในแง่พลังและปณิธานมากกว่าเทพพารากอนอื่น
สำหรับร่างแยกธาตุดิน
ลมและน้ำของเขา พลังปณิธานจะอ่อนกว่าเล็กน้อย
ดังนั้นร่างแยกเหล่านั้นจะอ่อนแอกว่าพารากอนเพียงเล็กน้อย
เพื่อมารดาของเขา
ลินลี่ย์ยินดีจะส่งร่างแยกธาตุดินของเขาไปที่นั่น
แม้ว่าประมุขมหาเทพแห่งแสงจะไร้ยางอายจนฆ่าเขาก็ตาม ลินลี่ย์อาจจะสูญเสียร่างแยกธาตุดินได้
แต่ลินลี่ย์ก็ยังเป็นยอดฝีมือระดับพารากอนอยู่ดี
แต่..กับคำขอร้องของโอลิเวอร์ ลินลี่ย์ในตอนนี้อยู่สถานะที่ลำบากใจ
ความจริงลินลี่ย์สามารถปล่อยให้ร่างแยกธาตุดินไปยังโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์และร่างหลักของเขาร่วมเดินกับโอลิเวอร์ไปแคว้นสกายเมาท์
แต่..ถ้าร่างแยกทั้งสองเปิดเผยพลังระดับเทพพารากอนอย่างต่อเนื่องในโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์และในแดนนรก
ทุกคนจะสรุปและเข้าใจได้ทันทีว่าลินลี่ย์เป็นวิญญาณกลายสภาพ!
นี่เป็นเพราะเทพพารากอนโดยทั่วไปพวกเขาจะเชี่ยวชาญในกฎธาตุเดียว
เป็นไปไม่ได้เลยที่คนผู้หนึ่งเป็นเทพพารากอนในธาตุหนึ่ง
และจากนั้นจะกลายเป็นพารากอนด้วยร่างแยกอื่นของเขา
เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากแล้วที่ใครบางคนจะกลายเป็นพารากอนในธาตุอย่างหนึ่ง
คนที่มีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์สองร่างเป็นระดับพารากอนเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลย
ถ้าลินลี่ย์เปิดเผยพลังระดับพารากอนในที่ต่างกันสองแห่งด้วยร่างสองร่าง
คนอื่นจะพบว่าเป็นเรื่องประหลาดและจะมีการตรวจสอบ!
ความลับของวิญญาณกลายสภาพ..ในตอนนี้
ลินลี่ย์ไม่ต้องการเปิดเผย!
“ลินลี่ย์, เจ้า..เจ้ากำลังมีงานยุ่งหรือ?” โอลิเวอร์ถาม
“ข้า..”
ลินลี่ย์ลังเล
“ถ้าเจ้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ อย่างนั้นเรื่องของข้าเลื่อนไปก่อนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเร่ง” โอลิเวอร์รีบกล่าว
แต่ลินลี่ย์เข้าใจว่าเนื่องจากลูกของโอลิเวอร์ถูกฆ่าและภรรยาของเขาถูกพรากตัวไป
โอลิเวอร์ย่อมต้องคิดล้างแค้นทุกขณะอย่างมิต้องสงสัย เขาต้องการช่วยเหลือภรรยาของเขา
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ ท่านประมุขกำลังมา” เสียงของบีบีดังขึ้นจากข้างนอก
“ท่านประมุขเผ่า?” ลินลี่ย์หันหน้าไปเห็นกัซลีสันกำลังก้าวยาวเดินเข้ามา
เห็นได้ชัดว่ากำลังรีบ
“ท่านประมุข”
ลินลี่ย์ลุกขึ้นยืนต้อนรับเขาทันที
และโอลิเวอร์ที่อยู่ใกล้ก็รีบเช็ดน้ำตาและยืนขึ้นทันที
เมื่อเข้ามาในห้องกัซลีสันรีบกล่าว “ลินลี่ย์
“เมื่อครู่นี้ข้าทำตามที่เจ้าบอกกับข้า
และข้าได้ส่งคนฝากข้อความไปที่ลอร์ดเบรุต
ลอร์ดเบรุตให้คำตอบทันที
เขาขอให้ข้าบอกเจ้า..ว่าไม่ว่ายังไง อย่าไปโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์!”
ลินลี่ย์ตะลึง
“โลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์?” โอลิเวอร์เพิ่งเข้าใจตอนนี้เอง เป็นไปได้ว่าเหตุผลที่ลินลี่ย์ลังเลก่อนนั้นเป็นเพราะเขาต้องไปทำธุระที่โลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์
“ทำไมลอร์ดเบรุตถึงบอกอย่างนั้น?” ลินลี่ย์สับสนไปหมด
“ลอร์ดเบรุตบอกว่าเมื่อตอนร่างแยกธาตุไฟของเจ้าอยู่ที่ทวีปยูลาน เจ้าได้คุยบอกกับเขาเรื่องช่วยบิดาเจ้า
สหายและมารดาเจ้า
ดังนั้นเขาเดินทางไปยังโลกธาตุแสงและขอให้ประมุขมหาเทพแห่งแสงให้ช่วยตามคำขอของเจ้า
ที่สำคัญไม่มีความแค้นระหว่างลอร์ดเบรุตและประมุขมหาเทพแห่งแสง”
ลินลี่ย์อดรู้สึกขอบคุณมิได้ ร่างแยกธาตุไฟของเขาก็บอกเรื่องนี้เช่นกัน
แต่เบรุตยังคงไปเยี่ยมประมุขมหาเทพแห่งแสงด้วยตนเอง
“แต่..ประมุขมหาเทพแห่งแสงไม่ตกลง!” กัซลีสันพูดพลางถอนหายใจ “ลอร์ดเบรุตยังขอให้มหาเทพบลัดริจช่วย
และมหาเทพบลัดริจตอบว่า...เป็นไปไม่ได้ที่จะบังคับให้ประมุขมหาเทพแห่งแสงคืนอิสรภาพให้เทวทูต ต่อให้มหาเทพไปขอเป็นการส่วนตัวก็ตาม
โอกาสต่ำมาก ถ้าเจ้าไป..ก็คงไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย”
ภาพท่าทีแววตาของบิดาของเขาปรากฏขึ้นในใจลินลี่ย์อีกครั้ง
“ท่านพ่อ...ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้แล้ว” ลินลี่ย์รู้สึกจนใจ
พระยายมราชก็พูดแบบนี้เหมือนกันว่า
ต่อให้นางไปขอเป็นการส่วนตัว
โอกาสก็ยังต่ำ
ตอนนี้มหาเทพบลัดริจพูดเหมือนกันและเบรุตก็ไปเป็นการส่วนตัวเองจริงๆ
“ลินลี่ย์!
เมื่อลอร์ดเบรุตพูดเรื่องนี้กับประมุขมหาเทพแห่งแสง
เขายังคงบอกว่าเจ้ายินดีจะเป็นทูตมหาเทพของประมุขมหาเทพ
เพื่อแลกเปลี่ยนอิสรภาพของมารดาเจ้า
แต่ประมุขมหาเทพแห่งแสงก็ไม่ตอบตกลง”
กัซลีสันกล่าว
ต่อให้เป็นทูตมหาเทพก็ไร้ประโยชน์หรือ?
ลินลี่ย์ไม่มีไพ่ต่อรองอีกต่อไป
“นอกจากนี้ ลอร์ดเบรุตบอกให้ข้าห้ามเจ้าไป
เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไปโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์
เป็นเรื่องดีถ้าเจ้าไม่ไป
แต่ถ้าเจ้าเผชิญหน้ากับประมุขมหาเทพแห่งแสง
เป็นไปได้ว่าประมุขมหาเทพแห่งแสงจะฆ่าเจ้าทันที
นี่ไม่ใช่เพราะปัญหาระหว่างเจ้ากับตระกูลออกุสตา ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งเช่นกัน” กัซลีสันพูดเป็นนัย
“อีกเหตุผลหนึ่ง?”
ลินลี่ย์คิดไม่ออกว่าเขาเคยล่วงเกินประมุขมหาเทพแห่งแสง
หรือว่าเป็นเพราะเขาขับแม็กนัสเข้าไปในมิติปั่นป่วน?
แต่แม็กนัสเป็นเทพพารากอนวิถีชะตา
และเป็นทูตของหัวหน้ามหาเทพแห่งวิถีชะตา ไม่ใช่ประมุขมหาเทพแห่งแสง!
เหตุผลเดียวที่เขาเลือกมาช่วยมอนเตโลเป็นเพราะเขามีสัมพันธ์ที่ยาวนานกับประมุขตระกูลออกุสตา
“มีเหตุผลอะไร?” ลินลี่ย์ถาม
“ลอร์ดเบรุตกล่าวว่าสำหรับตอนนี้ เหตุผลนี้ไม่อาจเปิดเผยโดยทั่วไปได้
ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาไม่ได้บอกผ่านมาในข้อความจดหมาย” กัซลีสันกล่าว
ลินลี่ย์พยักหน้า
หลังจากผ่านไปหลายปี ลินลี่ย์ให้ความเชื่อถือเบรุตเป็นอย่างมาก
“อย่างนั้นตอนนี้
ข้าจะยกเลิกความคิดจะไปโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์..”
ลินลี่ย์พึมพำกับตนเอง
จากนั้นเขาหันไปมองโอลิเวอร์
“โอลิเวอร์, พรุ่งนี้ข้าจะไปกับเจ้า
เราจะไปแคว้นสกายเมาท์ด้วยกัน!”
โอลิเวอ์มีสีหน้าประหลาดใจแกมดีใจ
วันต่อมาที่ประตูใหญ่คฤหาสน์ลินลี่ย์
“พี่ใหญ่ ให้ข้าไปกับท่านด้วย ข้าเบื่อจะแย่อยู่แล้ว” บีบีหัวเราะ ลินลี่ย์ไม่สามารถบอกปัดบีบีได้
ดังนั้นบีบีจึงติดตามไปด้วย
การเดินทางไปแคว้นสกายเมาท์ครั้งนี้
เท่าที่ลินลี่ย์กังวลไม่ใช่เรื่องอันตรายหรือความท้าทายอะไร แม้ว่าตามตำนาน
เจ้าแคว้นสกายเมาท์ก็ทรงพลังมาก...
เทียบกับเทพพารากอนแล้ว เขายังอ่อนแอกว่ามาก!
นี่เป็นการเดินสำหรับลินลี่ย์
บีบี โอลิเวอร์และเดยา เดยายังเป็นแค่ระดับเซียน แม้ว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะพาเขามาด้วย แต่เดยาเองยืนกรานจะไปให้ได้ ที่สำคัญมารดาของเขาอยู่ที่แคว้นสกายเมาท์!
ดังนั้นโอลิเวอร์ขอให้ลินลี่ย์เลือกเองว่าจะพวกเขาควรจะพาเดยาไปด้วยหรือไม่..และลินลี่ย์มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เขาอนุญาตให้โอลิเวอร์พาเดยาไปด้วย
“ไปกันเถอะ
เราจะไปถึงแคว้นสกายเมาท์ในเวลาไม่ถึงปี”
ลินลี่ย์ยิ้มและจากนั้นในอากาศมีอสูรโลหะโดยสารรูปกระบี่สีดำขนาดใหญ่ปรากฏ
กลุ่มของลินลี่ย์เข้าไปในอสูรโดยสารทันที
ภายใต้การควบคุมของลินลี่ย์
อสูรโลหะพุ่งตัดอากาศกลายเป็นสีดำเลือนรางหายลับขอบฟ้าภูเขาสกายไรท์มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก
10 ความคิดเห็น:
เพื่อเพื่อนไปตบเกรียนโชว์
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณผู้แปลมากๆครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
เหมือนว่าจะเป็นตีนเล็กตีนน้อย ตบเกรียนชิวๆ
แต่มั่นใจได้เลยว่าตีนเล็กๆโอลิเวอร์ไม่ ยิ่งมีบีบีไปด้วย ตีนไหลมาเทมาแน่นวล 555
โอลิเวอร์ผมมอบบทบาท "ผู้เรียกตีนโต"ให้เลยครับ ตีนที่เรียกมาแต่ละรอบ แทบตายกันทั้งนั้น
เดะคอยดูไม่ธรรมดาหรอกนะ55555
ขอบคุณครับ สำหรับการแปลครับ
รอบนี้มีแต่ตัวใหญ่ๆทั้งนั้น
แสดงความคิดเห็น