วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 770 วันมหาวินาศ


ตอนที่  770  วันมหาวินาศ
เจ้าเมืองถูไห่ติดตามจนพบตัวชายาขององค์ชายอูไห่สาวงามแห่งเผ่ากระเรียนมงกุฏและนำตัวมาที่เมืองลี่จ้าว   นี่ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นโชคลาภและพึงพอใจเป็นอย่างมาก
 
แน่นอนว่าโชคลาภทั้งหมดนี้เป็นของคุณชายสามตระกูลเย่ว์
ถ้าเขาไม่ปรากฏตัวออกมา
อย่างนั้นหลายๆ อย่างจะตกอยู่ในสภาพเลวร้าย  และเมืองลี่จ้าวจะถูกทำลายหมดสิ้น
 “ลูกข้ายังมีชีวิตอยู่หรือ?”  หญิงงามเผ่ากระเรียนถามครั้งแล้วครั้งเล่า และนางกระวนกระวายอยากจะพบกับบุตรของนาง  สององครักษ์สาวชาวเหยี่ยวมังกรยังอยู่ในอาการบาดเจ็บหนัก องครักษ์ทั้งสองเป็นนักสู้ระดับปราณฟ้า ดูจากสีหน้าพวกนางไม่ได้แสดงความรู้สึกเห็นอกเห็นใจอีกฝ่ายเมื่อพบความจริงในที่สุด
กลับกลายเป็นว่าตอนแรกมังกรปีศาจทั้งสองบังเอิญพบเจอสาวงามเผ่ากระเรียนมงกุฏกำลังกลับมายังบ้านเกิด  พวกมันจึงเริ่มเข้าโจมตีอย่างโหดร้าย
แม้ว่าองครักษ์ทั้งสองจะมีพลังระดับปราณฟ้า  แต่เพราะมังกรปีศาจมีพลังร้ายกาจน่ากลัวไม่สามารถจะเอาชนะได้จึงทำได้แต่เพียงพาพระชายาชาวเผ่ากระเรียนหนี  ในช่วงระหว่างที่หลบหญิงงามเผ่ากระเรียนเจ็บท้องคลอดก่อนกำหนด ให้กำเนิดเป็นไข่แฝดสองใบ  มังกรปีศาจไล่มาทันและชิงไข่ไปหนึ่งใบไปต่อหน้าต่อตา  มังกรปีศาจมีพลังปราณฟ้าระดับสอง  แต่หญิงองครักษ์ทั้งสองมีพลังปราณฟ้าระดับหนึ่งเท่านั้นไม่สามารถชิงไข่กลับมาได้จึงได้แต่กล้ำกลืนความกังวลและความโกรธพาชายาที่อยู่ในสภาพอ่อนแอหนีจากไป  เมื่อกลับมาที่เมือง ทั้งสามคนคิดว่าไข่ที่ถูกขโมยไปคงจะไม่รอด แต่โชคดีที่รางวัลสองล้านสำหรับตามหาร่องรอยมังกรปีศาจ  และรายงานกลับมายังเมืองลี่จ้าวหวังว่าองค์ชายแปดจะกลับมา
คาดไม่ถึงเลยว่ามังกรปีศาจไม่ได้ทำลายไข่
แต่ไม่รู้ว่าไข่ตกไปอยู่ในมือของทหารรับจ้างเมืองลี่จ้าว และส่งเข้าไปขายในร้านอสูรเสริมศักยภาพได้ยังไง และขายต่อมาให้เป่าเอ๋อ
องค์ชายอูไห่เพิ่งมาถึงที่นี่ก็พูดถึงเรื่องนี้  หลังจากคุณชายสามช่วยขจัดความสงสัย เป่าเอ๋อคืนไข่ให้เจ้าของผู้มีสิทธิ์ที่แท้จริงซึ่งนับเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด  ตั้งแต่องค์ชายแปดอูไห่ได้รับไข่จนถึงได้พบกับพระชายาอีกครั้ง นับเป็นช่วงเวลาที่น่าปลาบปลื้มใจ
ถูไห่ตื่นเต้นมาก ดังนั้นความหายนะผ่านไปได้ด้วยความโชคดีจากตัวมันเอง  แล้วยังจะมีอะไรป้องกันการผ่านเข้าไปที่แดนสวรรค์บนของเขาได้อีกหรือ?  ตอนนี้ไม่เพียงแต่ได้รู้จักองค์ชายอูไห่แห่งเผ่ากาทองเท่านั้น  แต่ยังได้ผูกมิตรกับคุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้ลึกลับอีกด้วย...ก่อนนี้ถูไห่เกรงว่าองค์ชายแปดอูไห่จะกลับมาอย่างร้อนรนอีกครั้ง และหวังว่าองค์ชายอูไห่จะไม่วู่วามและกลับมาพบเจอชายาของเขา 
ด้วยความดีความชอบนี้เชื่อได้ว่าเขาคงจะไม่เอาผิดเมืองลี่จ้าว  มีแต่รู้สึกสำนึกบุญคุณเท่านั้น
 “ฮ่าฮ่า!
ฟ้าเบื้องบนโปรดเขาแล้ว เขานอนหลับและตื่นได้อย่างสบายใจแล้ว
ขณะที่เจ้าเมืองถูไห่เตรียมงานเลี้ยง ตั้งใจจะจัดดื่มกินตลอดทั้งคืนรอให้องค์ชายแปดอูไห่ปรากฏตัวอีกครั้ง ทันใดนั้นท้องฟ้าพลันมืดครึ้ม
เกิดอะไรขึ้น
เกาะสุริยันต์แห่งเมืองลี่จ้าวก่อนหน้านี้นักสู้ปราณฟ้าของแดนสวรรค์ใช้ต้านทานพวกหอทงเทียน มีประสบการณ์ใช้ต่อสู้มานานนับครั้งไม่ถ้วนยังไม่เคยมืดจนมองแทบไม่เห็นอย่างนี้  เจ้าเมืองถูไห่ ราชาหลิงหวินรวมทั้งผู้อยู่อาศัยมองดูท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจ  หญิงงามเผ่ากระเรียนมงกุฎและองครักษ์ทั้งสอง พวกนางอดสั่นสะท้านไม่ได้ สัญชาตญาณเตือนพวกนางว่าจะเกิดเรื่องคาดไม่ตามมาไม่นานนี้
แม้แต่เย่ว์หยางก็ตกใจเล็กน้อย
ความเปลี่ยนแปลงวันนี้ไม่ใช่เขาทำ
เดิมทีเขาตั้งใจจะใช้ทัศนวิสัยเพื่อดึงดูดเจ้าเมืองถูไห่และราชาหลิงหวินให้จากไป เพื่อเปลี่ยนสถานะของเขาและลอบไปสำรวจคุกใต้ดิน  คิดไม่ถึงเลยว่าเขาไม่ต้องรอหาโอกาสแล้วเพราะท้องฟ้าในตอนนี้มีความผิดปกติที่ส่งผลต่อภูมิประเทศ
 “เป่าเอ๋อ เข้าไปในคัมภีร์เดี๋ยวนี้”  เย่ว์หยางสั่งฮุยไท่หลางให้ปกป้องคัมภีร์ของเป่าเอ๋อพร้อมกับฟ่านหลุนเถี่ยและอาจารย์จิ้งจอกเฒ่ารวมทั้งคนอื่นในทันที
 “ท้องฟ้ามีรอยแยก!  เจ้าอ้วนไห่ร้องเตือน  กลางท้องฟ้าที่มืดสลัวไม่ชัดเจนพลันมีรอยเส้นหนาขยายใหญ่ขึ้นและพาดผ่านแบ่งท้องฟ้าเป็นสองส่วน
 “ดูเหมือนกาลมิติจะแตกเล็กน้อย”  เย่คงคาดเดาแต่ไม่ยืนยัน เพราะนั่นใหญ่เกินไป
 “กาลและมิติไม่มีอะไรผิดปกติ  แต่ไม่รู้ว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงสมบัติประดิษฐ์กระมัง” ราชาหลิงหวินหนักใจ
หากรอยแยกกาลมิติแบ่งออกเป็นสองส่วน วันจะเปลี่ยนไป
นั่นคงจะดีกว่า
ถ้านี่เป็นสมบัติประดิษฐ์  อย่างนั้นก็จบสิ้นแน่
ไม่รู้ว่านักสู้แบบไหนกันที่สร้างรอยแยกกาลและมิติได้ใหญ่ขนาดนี้
เย่ว์หยางไม่พูด เขาส่งสัญญาณมือให้เย่คง เจ้าอ้วนไห่ เสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัวและคนอื่นมารวมอยู่ข้างเขาทันที ความรู้สึกถึงอันตรายที่ร้ายแรงทำให้เย่ว์หยางต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง  ถึงเวลานี้พระชายาเผ่ากระเรียนมงกุฎที่มาถึงก็พบกับความวุ่นวายมองดูราชาหลิงหวิน และถูไห่ นางมองดูเย่ว์หยางและก้าวเข้าหาเย่ว์หยางเหมือนกับรู้ว่าอยู่ใกล้เย่ว์หยางจะปลอดโปร่งโล่งใจมากกว่า
องครักษ์สตรีกรีดร้องขึ้น
พวกนางอยู่ในตระกูลเหยี่ยวมังกรตระกูลนักรบหญิงชั้นสูงที่สุด ยังเหนือกว่าพวกหอทงเทียนมากมาย  “แดนทมิฬในตำนาน วิญญาณที่ตายแล้วแห่งแดนทมิฬ วิญญาณชั่วร้ายนับไม่ถ้วนกำลังตรงมาที่นี่
แดนทมิฬเป็นส่วนหนึ่งของแดนสวรรค์
โดยเฉพาะถ้ากล่าวว่านักรบยุคโบราณบางคนเป็นนักโทษพิเศษจะถูกคุมขังไว้ในที่พิเศษที่จัดสร้างมาเพื่อนักรบผู้เต็มไปด้วยบาปและความผิดร้ายกาจคล้ายกับคุกเรือนจำในดินแดนมนุษย์และมีผนึกโบราณกำกับไว้ทำให้ไม่มีใครหนีออกไปได้  นักรบแดนสวรรค์สามารถโยนนักรบผู้กระทำความผิดเข้าไปในที่ซึ่งเชื่อมโยงกับแดนทมิฬในหุบเขาหรือห้องขังที่ปิดผนึก  ความจริงวิชาผนึกลับขนาดใหญ่เช่นนี้ได้สูญหายมาหลายพันปีแล้ว  ผู้มีอำนาจพลังในแดนสวรรค์สามารถควบคุมได้เฉพาะเรือนจำที่มีขนาดเล็กอย่างเช่นคุกในเกาะสุริยันต์ของเมืองลี่จ้าว  ไม่สามารถเนรเทศคนเหล่านี้ไปยังแดนทมิฬได้
แดนทมิฬถูกจัดสร้างโดยนักสู้ครั้งโบราณ
ผนึกมีความแข็งแกร่งมาก
เป็นเวลาหลายหมื่นปีแล้ว แทบไม่มีนักรบที่ถูกคุมขังอยู่ในแดนทมิฬบุกฝ่าผนึกออกมาได้
มีแต่เวลานั้น นางพญาเฟ่ยเหวินหลีจับได้ว่าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เตรียมตัวทำลายคุกมืดที่มีนักรบที่ทำผิดอยู่ภายใน
มีช่วงเวลารบกวนเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามเมื่อนักรบที่เป็นนักโทษบุกฝ่าออกมารบกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลี  ผนึกแดนทมิฬยังคงทำงานอยู่
เมื่อพวกเขาพ่ายแพ้นางพญาเฟ่ยเหวินหลี ทั้งหมดก็ถูกพลังผนึกดูดกลับไป  เมื่อพวกเขาถูกนางพญาเฟ่ยเหวินหลีผนึกกลับเข้าไป พวกเขาไม่มีเวลาได้เข่นฆ่าคนในแดนสวรรค์ ก็ถูกผนึกกลับเข้าไปอีก
 “ทุกคน! ระวังรอยแยกกาลมิติด้วย แม้แต่นักสู้ปราณฟ้าระดับห้าก็ยังมีจำนวนถึงสิบ”  เย่ว์หยางส่งเสียงเตือน คำพูดของเขาเป็นการยืนรับรององครักษ์หญิงทั้งสองว่าถูกต้อง และเจ้าเมืองถูไห่และราชาหลิงหวินสีหน้าเปลี่ยนไปทันที พวกเขาต้องการเปลี่ยนความเป็นไปได้อย่างอี่น  แต่รอยแยกกาลมิติแดนทมิฬกลับเปิดขึ้นที่ท้องฟ้าเมืองลี่จ้าว
เพราะในคุกของเกาะสุริยันต์นี้ มีผนึกที่คล้ายกับแดนทมิฬ
ทั้งสองนี้แทบจะคล้ายกัน
ต่างกันที่ขนาดเท่านั้น
เมื่อหกพันปีที่แล้วการสร้างผนึกคุกนี้นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้เตือนไว้ถึงการเชื่อมโยงภายในแดนทมิฬ  แต่ผู้บัญชาการระดับสูงในอดีตไม่รับรู้  ยิ่งกว่านั้นหลายปีต่อมาผู้บัญชาการระดับสูงก็ลืมเรื่องนี้เช่นกัน
เมื่อได้ยินข่าวนี้ในตอนแรก นี่ใม่ใช่สถานการณ์ที่ภูมิปัญญาความสามารถของเขาจะคิดแก้ได้
ควรจะทำอย่างไรดี?
จะหนีไป?
หรือจะต้องเดินหน้า?
ถ้าจะหลบหนีไป คนในเมืองลี่จ้าวนับล้านจะกลายเป็นผีใต้คมดาบของศัตรู  ถ้าจะต่อสู้อย่างกล้าหาญ ด้วยพลังในปัจจุบันเทียบกับศัตรูแล้ว ก็เหมือนกับส่งอาหารจานโปรดให้ศัตรู  จะขอความช่วยเหลือก็สายเกินไป ช้าเกินไป... เจ้าเมืองถูไห่กระซิบคำสองสามคำกับราชาหลิงหวิน เขารีบไปหาเย่ว์หยาง  “คุณชายสาม  ถ้าท่านต้องการออกไปจากที่นี่  ข้าถูไห่ไม่มีอะไรจะพูด   ข้าแค่หวังว่าท่านจะสามารถพาพระชายาเชียวออกไปด้วย”
เย่ว์หยางส่ายศีรษะเล็กน้อย  “ข้าสามารถดูแลชายาเชียวขององค์ชายได้ชั่วคราว  แต่ข้าจะไม่ไปจากเมืองลี่จ้าวจนกว่าจะถึงนาทีสุดท้าย  ตอนนี้ไม่มีที่ไหนปลอดภัยแล้ว”
 “ยอดเยี่ยมมากคุณชายสาม! โปรดมาที่เส้นทางลับกับเรา เราจะใช้ทางแสงสว่างเพื่อต่อต้านป้องกันศัตรูและรอกำลังเสริม ทางลับนี้จะมีพลังผนึกที่แข็งแกร่ง นักรบวายร้ายเหล่านั้นไม่สามารถโจมตีได้”  ถูไห่ได้ยินข่าวดีนี้ก็จริง แต่โชคดีที่คุณชายสามตระกูลเย่ว์นี้ไม่ยอมหนีไป มิฉะนั้นต่อให้มีทางลับแสงสว่าง  แต่คงไม่อาจต้านทานนักรบแดนทมิฬได้
 “ปัง!
ในที่ไกลลิบในท้องฟ้ามีเสียงระเบิดของการต่อสู้
รัศมีราวกับแสงอาทิตย์ฉายประกายทั่วท้องฟ้าจนคนธรรมดาไม่อาจมองด้วยตาเปล่าได้
หญิงงามเผ่ากระเรียนหงอนหวีดร้องตกใจ
ทันใดนั้นถูไห่และราชาหลิงหวินเห็นว่านักรบทมิฬที่มีพลังปราณฟ้าระดับห้าแปดคนผลัดกันโจมตีองค์ชายอูไห่ ใต้เท้าพวกเขามีมังกรปีศาจ  ตอนนี้ทุกคนถึงได้ตระหนักขึ้นบ้างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น  แดนทมิฬไม่ใช่เพิ่งเปิดในวันนี้ แต่เปิดออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว  เพียงรอยแยกเดิมไม่ใหญ่พอ ทำให้มีคนออกมาได้สองคน
พวกเขาใช้มังกรปีศาจเป็นพาหนะขับต้อนสิ่งมีชีวิตรอบตัวพวกเขา  ไม่ใช่เพื่อฆ่า
แต่เพื่อดึงดูดความสนใจของคนอื่น
ผลก็คือพวกเขามีเวลาพอจะเปิดรอยแยกกาลมิติได้   แผนของคนเหล่านี้ไม่มีข้อผิดพลาด ดูเหมือนจะสำเร็จเต็มที่ และรอยแยกกาลมิติเปิดออกได้จริงๆ
นักรบที่ถูกจองจำไม่ได้ออกมาข้างนอกเป็นเวลาหมื่นๆ ปี ได้กลับมายังแดนสวรรค์เชื่อว่าสามารถก่อสงครามที่ปั่นป่วนแดนสวรรค์ได้  ถ้านักรบที่ถูกจองจำในแดนทมิฬผ่านรอยแยกกาลมิติได้สำเร็จ  อย่างนั้นกระแสนักรบแดนทมิฬที่ไม่หมดสิ้นจะข้ามผนึกโบราณผ่านรอยแยกกาลมิติและเข้าสู่แดนสวรรค์
 “งดงามจริงๆ!  เจ้าอ้วนไห่มองเห็นนักรบแดนทมิฬอย่างน้อยหมื่นคนกำลังจะออกมาผ่านรอยแยกในท้องฟ้าถึงกับถอนหายใจอย่างไร้สติ
ความจริงการบุกผ่านผนึกนี้ โอกาสจะผ่านรอยแยกกาลมิติได้เป็นเรื่องต่ำมาก
นักรบเชลยบางส่วนเทเลพอร์ตออมาได้แค่ครึ่งทาง
และถูกกระแสวังวนมิติดูดกลับเข้าไป
บางส่วนก็ออกมาแต่เพียงศพ บางส่วนก็ถูกส่งออกมาแต่กะโหลก แน่นอนว่ามีพวกโชคดีที่เทเลพอร์ตออกมาได้สำเร็จ   นักรบเชลยเกือบหมื่นคนได้รับบาดเจ็บ ตราบเท่าที่พวกเขายังรอดชีวิตและรวมระดับหัวหน้าหลังจากนั้น ส่วนใหญ่เป็นระดับเตรียมปราณฟ้า และนักรบเชลยไม่ถึงร้อยคนเป็นนักรบระดับปราณฟ้า
 “นี่เป็นแค่กลุ่มแรก”  เย่ว์หยางรู้ว่าผนึกประเภทนี้ทะลวงผ่านได้ยากมากกว่าผนึกของปีศาจแดนนรกที่เข้าสู่ทวีปมังกรทะยานในหอทงเทียน  อย่างไรก็ตามหลังจากสะสมจำนวนในแดนทมิฬเป็นพันๆ ปี ก็มีนักสู้ปราณฟ้าอยู่ไม่น้อย
เป็นนักสู้ปราณฟ้าที่แข็งแกร่งมากกว่า น่ากลัวมากกว่า ร้ายกาจมากกว่า
และยังคงอยู่ข้างหลัง
เจ้าเมืองถูไห่รีบเข้าไปในในจวนและกดหินผนึกสุริยันต์ของเจ้าเมือง
ทั่วทั้งเกาะสุริยันต์เปล่งประกายแสงสดใสแสดงให้เห็นพลังของผนึกพิเศษทันที  พลังผนึกนี้ไม่ส่งผลต่อคนทั่วไป  แต่สำหรับนักรบเชลยในแดนทมิฬหรือนักรบชาวหอทงเทียนที่ถูกจองจำ นี่ถูกบันทึกว่ามีพลังร้ายกาจแข็งแกร่ง พลังของนักรบปราณฟ้ายากจะต้านทานได้
องค์ชายอูไห่พ่ายแพ้ฝ่ายตรงข้ามกลับมา  ทั้งแปดคนผนึกกำลังกันตอบโต้ โชคดีที่เขาเป็นองค์ชายแปดแห่งสายตระกูลกาทองของเผ่าภูตบูรพา  ฝ่ายตรงข้ามเกรงว่าจะขว้างมุสิกก็กลัวภาชนะเสียหาย  ไม่อย่างนั้นเขาคงหนีออกมาไม่สำเร็จ
 “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”  องค์ชายอูไห่เห็นชายาหลั่งน้ำตาเข้ามาหา ก็ประหลาดใจ
 “รีบเข้ามาที่ทางแสงสว่างเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นจะสายเกินไป”  เจ้าเมืองถูไห่ไม่อาจให้คู่สามีภรรยาสนทนารำพึงกันได้  เขาเร่งให้ทั้งสองรีบเข้ามา
 “ที่นี่มีประตูลับแดนทมิฬด้วยหรือ?”  เย่ว์หยางรู้ดีว่ามีคนถือปลอกคอถูไห่อยู่ จึงแกล้งพูดด้วยความโมโห “ท่านต้องการพาเราไปตายหรือ?”  คนพวกนี้เชื่อมโยงกับประตูลับแดนทมิฬได้ พวกเขาจะฆ่าคนที่อยู่ข้างในทั้งหมด และเกาะสุริยันต์ทั้งหมดจะล่มสลาย!
 “ไม่ คนที่ถูกจองจำอยู่ข้างในแตกต่างจากพวกนักรบแดนทมิฬ  พวกเขาไม่ได้ร่วมมือกับนักรบแดนทมิฬ  นอกจากนี้ต่อให้เกาะสุริยันต์ล่มสลายแต่ทางลับแสงสว่างนี้จะยังคงอยู่  คุณชายสาม!  ข้าจะไม่นำพาทุกคนไปอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังแน่นอน  หนีเถอะเราไม่สามารถต้านทานพวกแดนทมิฬได้ เราทำได้แค่เพียงปกป้องเส้นทางลับ  แต่ว่าทำได้อย่างจำกัด  สำหรับการปฏิบัติการภายในของพวกแดนทมิฬ เราหยุดพวกเขาไม่ได้  เราไม่ใช่เทพเจ้า นี่ไม่ใช่สิ่งที่พลังของเราจะป้องกันได้!  เจ้าเมืองถูไห่มองดูนักรบปราณฟ้านับร้อยรวมตัว รวมพลังกัน ก็รู้ว่าสถานการณ์ยากจะกอบกู้ได้
 “เป็นอย่างนี้นี่เอง” เย่ว์หยางแอบดีใจ เขากำลังเตรียมตัวช่วยเหลือนักรบจากหอทงเทียน เพียงแต่หาโอกาสที่เหมาะไม่ได้
ตอนนี้ดูเหมือนไม่ต้องลงมือด้วยตนเอง กลับเป็นนักรบปราณฟ้าแดนทมิฬมาช่วยเปิดผนึกให้
ทุกอย่างพร้อมแล้ว เพียงแค่รอให้ลมพัดเท่านั้น
สิ่งเดียวที่ขาดไปก็คือถ้านำผู้เฒ่าเต่ามังกรมาแดนสวรรค์จะช่วยให้เขาได้รู้จักกับสหายของเขา   เพราะฉะนั้นไม่ว่าเย่ว์หยางช่วยใครก็ตาม เขาก็ไม่รู้จักคนผู้นั้น !-!

8 ความคิดเห็น:

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

ช่วยให่หมดเลย คนไหนช่วยผิดก็ให้เป็นอาหารหมา อิอิ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chay กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น