วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 773 แอบฟัง


ตอนที่  773  แอบฟัง
หลังจากระเบิดครั้งใหญ่ พื้นโลกได้รับความเสียหาย
 
เมืองขนาดใหญ่อย่างเมืองลี่จ้าวไม่ปรากฏเหลือให้เห็นอีกต่อไป  ทิ้งไว้แต่เพียงปล่องหลุมลึกขนาดมหึมา มองเห็นพื้นล่างอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ใช่เพียงเท่านั้น หุบเขาและยอดเขาที่อยู่ห่างออกไปถูกทำลายถล่มทลาย เหนือพื้นที่เคยเขียวชอุ่ม ไม่เหลือสิ่งมีชีวิตให้เห็นอีกต่อไป
ไม่ทราบว่ากลุ่มนักรบแดนทมิฬโผล่มาจากที่ใด พวกเขาค่อยๆ มารวมตัวกัน  ร่องรอยจากการระเบิดครั้งใหญ่ปรากฏอยู่ด้านหลังพวกเขา  นักสู้ปราณฟ้าระดับห้าที่เป็นหัวหน้ารวมตัวปรึกษาพูดคุยกันอยู่นานมาก ไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างดีที่สุด
 “สหายของข้า!  พวกเจ้าทำได้ดีมาก  ก่อนที่จะคุยกันถึงภารกิจครั้งต่อไป ข้าขอถือโอกาสชื่นชมพวกเจ้าก่อน”
มีคนผู้หนึ่งมีร่างเปล่งแสงทองราวกับเทพเจ้า
เมื่อเขาพูด เสียงเขาดังมาจากที่ไกลสุดขอบฟ้า
พูดยังไม่ทันจบประโยค เขาก็เข้ามายืนอยู่ในกลางกลุ่มนักรบแดนทมิฬแล้ว
ไม่มีใครเห็นว่าเขาเคลื่อนไหวเข้ามาได้ยังไง รู้แต่ว่าฝ่ายตรงข้ามไวจนคาดไม่ถึง
คนพวกนี้เป็นนักโทษในแดนทมิฬ เมื่อเห็นคนผู้นี้มีรัศมีแวววาวราวกับเทพ และหน้าของเขาน่าหวาดกลัวราวกับปีศาจ แม้แต่สิบผู้นำที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับห้าพอเห็นคนผู้นี้ก็หวาดกลัวราวกับพบเจอเสือรีบเข้ามาคารวะทักทายเขาทันที
 “ช่างเถอะ การคารวะทักทายแบบปากไม่ตรงกับใจไม่ค่อยถูกนิสัยกับเราผู้เป็นเจ้าตำหนัก นั่นเป็นแค่พิธีการข้าไม่เคยให้ความสนใจ ข้าให้ความสนใจกับผลงานมากกว่า  ตราบเท่าที่พวกเจ้าบรรลุภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ไม่สำคัญ”   บุรุษผู้มีรัศมีราวกับเทพเจ้าโบกมือไม่ถือสาราวกับเป็นคนรุ่นอาวุโสมองดูเด็กๆ “คลื่นพลังปณิธานเมืองลี่จ้าวเป็นเพียงการทดสอบ  ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าด้วย  พวกเจ้าถือว่าสอบผ่าน ดังนั้นข้าจะมอบภารกิจที่แท้จริงกับพวกเจ้า ตราบใดที่เจ้าทำได้สำเร็จทางตำหนักนิรโทษให้พวกเจ้าเหมือนที่ยกเว้นให้กับเด็กและสตรีมีครรภ์”
 “ภารกิจต่อไปคืออะไร?” หนึ่งในสิบของคนในกลุ่มหัวหน้ายืนขึ้น เขาไม่ยินดีจะก้มหัวแสดงความเคารพฝ่ายตรงข้ามและถามขึ้น
 “ในดินแดนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ  มีร่องรอยโบราณสถานปรากฏขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง  พวกเจ้าต้องร่วมกับนักสู้ปราณฟ้าฆ่าคนที่นั่นทุกคน อย่าไว้ชีวิตแม้แต่คนเดียว” บุรุษร่างแสงสว่างอ้าปาก
 “ท่านเจ้าตำหนัก, คนของเรามีน้อยเกินไป”  หัวหน้านักสู้ปราณฟ้าคนหนึ่งพยายามอธิบาย “นอกจากนี้ร่างของเรายังถูกผนึกพลังไว้ส่วนหนึ่งอยู่ไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่”
 “ถ้าท่านสามารถปลดผนึกให้เราชั่วคราวได้ นั่นก็ยังดี” หัวหน้าคนที่ตัวใหญ่ที่สุดเข้ามายืนใกล้
 “ตอนนี้เราสามารถใช้พลังได้เพียงครึ่งเดียว”  คนที่พูดคนสุดท้ายเป็นคนกลุ่มหัวหน้าร่างผอมเล็ก
 “สหายข้า, จงฟังและจำไว้ให้ดี อย่าได้สงสัยคำพูดของข้าอีกต่อไป  เข้าใจไหม? คำที่เจ้าตำหนักพูดไม่มีทางผิด และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ด้วยสติปัญญาของเจ้า  พวกเจ้าเปลี่ยนพลังปณิธานของเจ้าตำหนักได้หรือ?  ไม่มีทาง!  อีกอย่างหนึ่งพวกเจ้าคิดว่าข้าพูดกับพวกเจ้าโดยไม่ใช้สมองคิดหรือ? ไม่มีทาง  คำพูดของเราเจ้าตำหนักเป็นตัวแทนของวิหารได้ เว้นแต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ในแง่ศักดิ์ศรี ความถูกต้องเกินกว่าใครจะเทียบได้”  เสียงของเขาดังกึกก้องทำให้ภูเขาสั่นสะเทือน
ขณะนั้นนักรบแดนทมิฬหวาดกลัวพากันถอยกรูด บุรุษรัศมีทองพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
เขามีสีหน้าแสดงความสงสาร
และพูดกับนักรบแดนทมิฬ “อย่ากลัวไปเลย เราเจ้าตำหนักไม่ทำร้ายพวกเจ้า  ตราบเท่าที่นักรบส่วนใหญ่ในวิหารเบื่อหน่าย  พวกเจ้าจะมีความสุขอยู่กับพวกแดนทมิฬที่ถูกเนรเทศ และในใจเราเจ้าตำหนักมีแต่เวทนาเห็นใจพวกเจ้า”
 “เกี่ยวกับภารกิจ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ไม่ต้องใช้ความอดทน เราเจ้าตำหนักจะจัดการให้พวกเจ้า มิฉะนั้นพวกเจ้าก็ไร้ประโยชน์ เป็นเวลาหลายพันปีแล้วที่พวกเจ้า และผู้อาวุโสของพวกเจ้าเอาแต่ส่งเสียงดัง มันมีประโยชน์อันใดเล่า?  ล้วนแต่ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น  ต้องมีการลงทุนถึงจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ นี่คือหลักการของแดนสวรรค์  พวกเจ้าต้องการได้รับอิสรภาพ อารมณ์แบบนี้ข้าเข้าใจเป็นอย่างดี  แต่ความหวังที่พวกเจ้าต้องให้ความสนใจเกี่ยวข้องกับการลงทุน  ยิ่งเจ้าลงทุนมากเจ้าก็จะได้รับผลมากพอกัน  ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆ โดยไม่ลงทุนลงแรง!    พวกเจ้าต้องการอิสรภาพ พวกเจ้าก็แค่ต้องจ่ายกลับมาในระดับมูลค่าที่เท่าเทียมกัน  ถ้าเป็นเจ้าตำหนักคนอื่น คำขอของพวกเจ้าเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีเป็นที่สุด  แต่สำหรับข้ายินดีให้อภัยกับพวกเจ้า และข้าสามารถอธิบายและแนะนำพวกเจ้าได้”
 “สหายข้า! อย่าพยายามใช้สติปัญญาของมนุษย์คาดเดาการตัดสินใจของเทพ  แม้ว่าประกายเทพของเจ้าตำหนักจะตกลงมาเป็นสายฝน แต่ก็เป็นการคงอยู่ระดับเทียมเทพของพวกเจ้าผู้อยู่ในแดนทมิฬ  ดังนั้นการตัดสินใจที่ข้าทำนั้น ถูกต้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  นอกจากนี้เจ้าไม่ต้องรอรับแรงบันดาลใจเพื่อขับเคลื่อนการกระทำ  นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะคิดกัน  มีหลายอย่างในโลกนี้ที่พวกเจ้าทำไม่ได้ และนี่เป็นหนึ่งในปัญหานั้น  บางอย่างที่เป็นความแข็งแกร่งของพวกเจ้า  ที่เจ้าจะต้องทำก็คือดำเนินการอย่างสุดกำลังทำให้สำเร็จ!
นักรบปราณฟ้าจากแดนทมิฬไม่พอใจบุรุษที่เหมือนเทพผู้นี้
แต่พวกเขาได้แต่คำนับและตอบรับเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นพลังหรืออำนาจ  ฝ่ายตรงข้ามเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยากจะต่อต้าน
นักสู้แดนทมิฬแม้ว่าจะไม่พอใจอยู่ในใจ แต่ก็ต้องยอมแพ้อยู่ดี
 “ก่อนที่ข้าจะจากไป ข้าอยากจะบอกพวกเจ้า สหายทั้งหลาย  บางครั้งถูกและผิด พ่ายแพ้และชนะ ธรรมะและอธรรม ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะคิดถึงได้  เมื่อพวกเจ้าทำภารกิจได้สำเร็จ  และพูดเอาแต่ตามใจตนเอง ดึงดันถือดี ในการพบกันครั้งต่อไป เราเจ้าตำหนักคงไม่อาจพูดกับพวกเจ้าได้อย่างสงบใจเย็นได้ ข้าสามารถทำอะไรก็ได้ที่พวกเจ้าขอ  แต่ผลลัพธ์จะต้องสอดคล้องกับคำขอ  พวกเจ้าไม่ต้องคิดอะไรมาก  ถ้าพวกเจ้าต้องการคิด คิดดูให้ดีพวกเจ้ายังมีคนรักอีกมากรอให้เจ้าทำงานแลกอิสรภาพ”   บุรุษรัศมีทองโบกมือ ลำแสงสีทองก็ฉายออก
ตรงไปยังร่างของหัวหน้านักรบแดนทมิฬทั้งสิบ
ขณะที่นักรบแดนทมิฬตกใจกันหมด ปรากฏยันต์อักษรรูนสวรรค์และปลดผนึกในตัวของพวกเขาให้ชั่วคราว
แม้ว่าจะเจ็บปวด แต่พลังของหัวหน้านักรบแดนทมิฬทั้งสิบก็เพิ่มมากขึ้น  บาดแผลบนร่างกายสมานตัวอย่างรวดเร็ว  ก่อนที่เขาจะจากไปบุรุษรัศมีทองถาม  “องค์ชายเผ่ากาทองหนีรอดได้หรือเปล่า?”
 “มีเด็กหนุ่มที่ทรงพลังน่ากลัวยิ่งกว่าองค์ชายแปดเผ่ากาทองโผล่ออกมา และเราไม่สามารถห้ามเขามิให้จากไปได้”  หัวหน้าคนแรกตอบ  แม้ว่าเขาจะตอบความจริงก็ตาม แต่เขาไม่ได้อธิบายลักษณะของเย่ว์หยางและไม่ได้อธิบายถึงอายุ  เขาไม่พูดถึงแม้แต่วิชาที่เย่ว์หยางใช้ บุรุษรัศมีทองจึงฟังเหมือนกับว่าเป็นบุรุษนักสู้ปราณฟ้าที่ทรงพลัง แต่ไม่รู้ว่าเย่ว์หยางยังเยาว์วัยเหลือเชื่อ  ถ้าหัวหน้าคนแรกพูดถึงเรื่องนี้  บุรุษร่างทองจะต้องเกิดความสงสัยแน่นอน และจะต้องสาวรอยจนถึงที่สุด
อย่างไรก็ตามเพราะคำพูดของหัวหน้าคนแรกของสิบผู้นำแดนทมิฬ ทำให้เขาพลาดโอกาสเช่นนั้น
ถ้าเขาใส่ใจศักดิ์ศรีของนักรบแดนทมิฬเหล่านี้  เขาจะไม่มีทางพลาดข้อมูลเช่นนั้น
สิบหัวหน้านักรบแดนทมิฬคนอื่นไม่มีใครพูด
พวกเขาไม่แน่ใจว่าเย่ว์หยางเป็นใคร  แต่พวกเขาแน่ใจว่าถ้าเด็กหนุ่มผู้นี้เติบโตขึ้นจะต้องเป็นนักสู้ที่สั่นสะเทือนแดนสวรรค์แน่นอน
ถ้าเด็กหนุ่มที่กำลังเติบโตเช่นนี้ถูกตำหนักกลางแดนสวรรค์พบเจอก่อน  พวกเขาจะต้องทำลายแน่นอน  แม้ว่านักรบแดนทมิฬจะไม่รู้จักเย่ว์หยาง แต่เมื่อเห็นศัตรูของตำหนักกลางแดนสวรรค์แข็งแกร่งพวกเขาจะปกปิดไว้ให้ แต่ถึงจะรายงานขึ้นไป พวกเขาอาจจะไม่เห็นคุณค่าก็ได้
เขาพูดอีกครั้ง  “ตราบเท่าที่พวกเจ้าไม่พูดอะไร  พวกเจ้าอาจทำให้ตำหนักกลางโชคร้ายในอนาคตได้”
ในฐานะนักรบจากแดนทมิฬ พวกเขาสามารถต้านได้หรือ?
 “องค์ชายแปดแห่งเผ่ากาทอง  ถ้าข้ารู้ว่าเป็นเขา ข้าคงจะมาเร็วกว่านี้สักสองวัน  น่าเสียดาย  ครั้งนี้เผ่าภูตบูรพาสามารถตั้งหลักได้  แต่ช่างเถอะ ยังคงมีโอกาส พวกเจ้าไม่ต้องสนใจทุกเรื่อง แค่ทำตามที่ข้าสั่ง ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร พวกเจ้าสามารถฆ่าได้  ถ้าฆ่าไม่ได้ก็ส่งรายงานไปที่ทูตพิเศษ และร่วมมือกับทูตพิเศษ  ความต้องการของข้าง่ายมาก นั่นคืออย่าไว้ชีวิตใคร”
บุรุษรัศมีทองพูดจบก็โบกมือ
ร่างของเขาสว่างเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์
เมื่อนักรบแดนทมิฬลืมตาได้ บุรุษรัศมีทองก็หายไปแล้ว
 “จะไปดินแดนทุ่งหิมะจริงๆ หรือ?  โบราณสถานที่นั่นมีนักสู้ปราณฟ้าอย่างน้อยพันคนไปที่นั่น  เราจะฆ่าพวกเขาไหวหรือ?  ภารกิจนี้เป็นไปไม่ได้เลย”  หัวหน้านักสู้แดนทมิฬร่างผอมหน้าเขียวคล้ำและโกรธ
 “นักสู้ปราณฟ้าเป็นพัน?  ข้าเกรงว่าจะเป็นหมื่นด้วยซ้ำ”  หัวหน้าผอมอีกคนหนึ่งมองโลกในแง่ร้าย
 “โอว..ไม่ว่ายังไงเราก็ทำตามสุภาพบุรุษผู้นั้น เท่าที่เขาพูดครั้งสุดท้ายเราต้องไปทำภารกิจกันเดี๋ยวนี้ อย่าถามเขาเป็นดีที่สุด”  หัวหน้านักรบแดนทมิฬคนแรกดูซึมเศร้าเล็กน้อย เขาโบกมือให้นักรบแดนทมิฬทั้งหมดมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ขณะเดียวกันเขาตบไหล่ปลอบโยนหัวหน้าร่างผอมที่ยังไม่หายโกรธเบาๆ  “เราทนมาได้หมื่นปีเพื่ออะไร?  เพื่อฟื้นฟูไงเล่า  ความหวังในการฟื้นฟูทุกอย่าง เพื่อลูกหลานของเรา  ถ้าไม่ใช่เพื่อคนรุ่นหลังในอนาคต เราจะไม่มีทางออกมาจากแดนทมิฬได้ ไม่มีทางได้รับอิสรภาพ”
 “สักวัน นักสู้รุ่นหลังของเราจะฆ่าพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ และเหยียบย่ำเจ้าผู้ทำตัวสูงส่งพวกนี้ไว้ในใต้เท้า”  หัวหน้าร่างผอมมีนัยน์ตาน่ากลัวทันที  “ข้าหวังว่า ข้าจะมีชีวิตได้เห็นวันนั้น”
 “ถูกแล้ว ตราบใดที่ยังมีความหวัง  วันนั้นคงอยู่ไม่ไกล” หัวหน้าที่รูปร่างสูงที่สุดแค่นเสียง
รอจนนักรบแดนทมิฬไปไกล
บนพื้นที่เป็นเปลวไฟกลุ่มหนึ่งที่ลุกไหม้ แท้จริงนั่นคือภูตเพลิงฟ้าที่ไม่มีรูปร่าง
ไม่ว่านางไปที่ใดเปลวเพลิงทั้งหมดดูเหมือนจะเชื่อฟังคำสั่งโค้งเปิดทางให้โดยอัตโนมัติ”  เย่ว์หยางเดินออกมาจากภายในอย่างสบายๆ
ในดวงตาของเขามีแววเยาะเย้ย  ในวันเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดินเย่ว์หยางสงสัยว่าเรื่องนี้มีกลิ่นไม่ดี  เจ้าตำหนักจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวข้องเรื่องทั้งหมด และเรื่องนี้ชัดเจนแล้ว
 “เทียบกันแล้ว  ยายเฒ่าจักรพรรดินีฟ้านั่นยังรับมือยากกว่า  อย่างไรก็ตามเจ้าผู้นี้ก็ยังแข็งแกร่งมาก แต่ยังไม่มีอะไรมาก”  เย่ว์หยางยักไหล่ ขณะเตรียมจะจากไป เขาไม่ลืมคิดที่จะลงไปสำรวจปล่องแรงระเบิดที่ก้นหลุมขนาดยักษ์อยู่นาน และเก็บรวบรวมผลึกที่กระจัดกระจายเข้าไว้ด้วยกัน  “โชคดีเป็นบ้า!  ไม่คิดเลยว่าผลึกสวรรค์ต้องห้ามแดนสวรรค์เมื่อหกพันปีก่อนจะรอดพ้นจากแรงระเบิดใหญ่ครั้งนี้  มาแดนสวรรค์คราวนี้ไม่เสียเที่ยวเปล่าเลยจริงๆ!

11 ความคิดเห็น:

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะครับ

WingF กล่าวว่า...

แอบฟัง ขโมยของ ครบเชียว

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Emptiest กล่าวว่า...

ไม่มีของติดมือกลับบ้าน คงไม่ใช่เย่วหยางสินะ

ulomzx กล่าวว่า...

แบบนี้มันเป็นปล้น ฆ่า ริบทรัพย์อีกวิธีหนึ่งนะ

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

ไม่ต้องทำอะไรเลย รอเก็บของดรอบอย่างเดียว

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chay กล่าวว่า...

ฆ่า ระเบิด ปล้นจ้า

แสดงความคิดเห็น