ตอนที่ 773 แอบฟัง
หลังจากระเบิดครั้งใหญ่
พื้นโลกได้รับความเสียหาย
เมืองขนาดใหญ่อย่างเมืองลี่จ้าวไม่ปรากฏเหลือให้เห็นอีกต่อไป ทิ้งไว้แต่เพียงปล่องหลุมลึกขนาดมหึมา
มองเห็นพื้นล่างอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ใช่เพียงเท่านั้น
หุบเขาและยอดเขาที่อยู่ห่างออกไปถูกทำลายถล่มทลาย เหนือพื้นที่เคยเขียวชอุ่ม
ไม่เหลือสิ่งมีชีวิตให้เห็นอีกต่อไป
ไม่ทราบว่ากลุ่มนักรบแดนทมิฬโผล่มาจากที่ใด
พวกเขาค่อยๆ มารวมตัวกัน
ร่องรอยจากการระเบิดครั้งใหญ่ปรากฏอยู่ด้านหลังพวกเขา
นักสู้ปราณฟ้าระดับห้าที่เป็นหัวหน้ารวมตัวปรึกษาพูดคุยกันอยู่นานมาก
ไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างดีที่สุด
“สหายของข้า! พวกเจ้าทำได้ดีมาก ก่อนที่จะคุยกันถึงภารกิจครั้งต่อไป
ข้าขอถือโอกาสชื่นชมพวกเจ้าก่อน”
มีคนผู้หนึ่งมีร่างเปล่งแสงทองราวกับเทพเจ้า
เมื่อเขาพูด
เสียงเขาดังมาจากที่ไกลสุดขอบฟ้า
พูดยังไม่ทันจบประโยค
เขาก็เข้ามายืนอยู่ในกลางกลุ่มนักรบแดนทมิฬแล้ว
ไม่มีใครเห็นว่าเขาเคลื่อนไหวเข้ามาได้ยังไง
รู้แต่ว่าฝ่ายตรงข้ามไวจนคาดไม่ถึง
คนพวกนี้เป็นนักโทษในแดนทมิฬ
เมื่อเห็นคนผู้นี้มีรัศมีแวววาวราวกับเทพ และหน้าของเขาน่าหวาดกลัวราวกับปีศาจ
แม้แต่สิบผู้นำที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับห้าพอเห็นคนผู้นี้ก็หวาดกลัวราวกับพบเจอเสือรีบเข้ามาคารวะทักทายเขาทันที
“ช่างเถอะ
การคารวะทักทายแบบปากไม่ตรงกับใจไม่ค่อยถูกนิสัยกับเราผู้เป็นเจ้าตำหนัก
นั่นเป็นแค่พิธีการข้าไม่เคยให้ความสนใจ ข้าให้ความสนใจกับผลงานมากกว่า
ตราบเท่าที่พวกเจ้าบรรลุภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จ
ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ไม่สำคัญ”
บุรุษผู้มีรัศมีราวกับเทพเจ้าโบกมือไม่ถือสาราวกับเป็นคนรุ่นอาวุโสมองดูเด็กๆ
“คลื่นพลังปณิธานเมืองลี่จ้าวเป็นเพียงการทดสอบ
ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าด้วย
พวกเจ้าถือว่าสอบผ่าน ดังนั้นข้าจะมอบภารกิจที่แท้จริงกับพวกเจ้า
ตราบใดที่เจ้าทำได้สำเร็จทางตำหนักนิรโทษให้พวกเจ้าเหมือนที่ยกเว้นให้กับเด็กและสตรีมีครรภ์”
“ภารกิจต่อไปคืออะไร?”
หนึ่งในสิบของคนในกลุ่มหัวหน้ายืนขึ้น
เขาไม่ยินดีจะก้มหัวแสดงความเคารพฝ่ายตรงข้ามและถามขึ้น
“ในดินแดนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ มีร่องรอยโบราณสถานปรากฏขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง
พวกเจ้าต้องร่วมกับนักสู้ปราณฟ้าฆ่าคนที่นั่นทุกคน
อย่าไว้ชีวิตแม้แต่คนเดียว” บุรุษร่างแสงสว่างอ้าปาก
“ท่านเจ้าตำหนัก, คนของเรามีน้อยเกินไป” หัวหน้านักสู้ปราณฟ้าคนหนึ่งพยายามอธิบาย
“นอกจากนี้ร่างของเรายังถูกผนึกพลังไว้ส่วนหนึ่งอยู่ไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่”
“ถ้าท่านสามารถปลดผนึกให้เราชั่วคราวได้
นั่นก็ยังดี” หัวหน้าคนที่ตัวใหญ่ที่สุดเข้ามายืนใกล้
“ตอนนี้เราสามารถใช้พลังได้เพียงครึ่งเดียว”
คนที่พูดคนสุดท้ายเป็นคนกลุ่มหัวหน้าร่างผอมเล็ก
“สหายข้า, จงฟังและจำไว้ให้ดี อย่าได้สงสัยคำพูดของข้าอีกต่อไป เข้าใจไหม? คำที่เจ้าตำหนักพูดไม่มีทางผิด
และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ด้วยสติปัญญาของเจ้า
พวกเจ้าเปลี่ยนพลังปณิธานของเจ้าตำหนักได้หรือ? ไม่มีทาง!
อีกอย่างหนึ่งพวกเจ้าคิดว่าข้าพูดกับพวกเจ้าโดยไม่ใช้สมองคิดหรือ?
ไม่มีทาง คำพูดของเราเจ้าตำหนักเป็นตัวแทนของวิหารได้
เว้นแต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ในแง่ศักดิ์ศรี
ความถูกต้องเกินกว่าใครจะเทียบได้”
เสียงของเขาดังกึกก้องทำให้ภูเขาสั่นสะเทือน
ขณะนั้นนักรบแดนทมิฬหวาดกลัวพากันถอยกรูด
บุรุษรัศมีทองพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
เขามีสีหน้าแสดงความสงสาร
และพูดกับนักรบแดนทมิฬ “อย่ากลัวไปเลย
เราเจ้าตำหนักไม่ทำร้ายพวกเจ้า
ตราบเท่าที่นักรบส่วนใหญ่ในวิหารเบื่อหน่าย พวกเจ้าจะมีความสุขอยู่กับพวกแดนทมิฬที่ถูกเนรเทศ
และในใจเราเจ้าตำหนักมีแต่เวทนาเห็นใจพวกเจ้า”
“เกี่ยวกับภารกิจ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล
ไม่ต้องใช้ความอดทน เราเจ้าตำหนักจะจัดการให้พวกเจ้า มิฉะนั้นพวกเจ้าก็ไร้ประโยชน์
เป็นเวลาหลายพันปีแล้วที่พวกเจ้า และผู้อาวุโสของพวกเจ้าเอาแต่ส่งเสียงดัง
มันมีประโยชน์อันใดเล่า?
ล้วนแต่ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น
ต้องมีการลงทุนถึงจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้
นี่คือหลักการของแดนสวรรค์ พวกเจ้าต้องการได้รับอิสรภาพ
อารมณ์แบบนี้ข้าเข้าใจเป็นอย่างดี
แต่ความหวังที่พวกเจ้าต้องให้ความสนใจเกี่ยวข้องกับการลงทุน ยิ่งเจ้าลงทุนมากเจ้าก็จะได้รับผลมากพอกัน ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆ โดยไม่ลงทุนลงแรง! พวกเจ้าต้องการอิสรภาพ
พวกเจ้าก็แค่ต้องจ่ายกลับมาในระดับมูลค่าที่เท่าเทียมกัน ถ้าเป็นเจ้าตำหนักคนอื่น
คำขอของพวกเจ้าเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีเป็นที่สุด
แต่สำหรับข้ายินดีให้อภัยกับพวกเจ้า และข้าสามารถอธิบายและแนะนำพวกเจ้าได้”
“สหายข้า!
อย่าพยายามใช้สติปัญญาของมนุษย์คาดเดาการตัดสินใจของเทพ แม้ว่าประกายเทพของเจ้าตำหนักจะตกลงมาเป็นสายฝน
แต่ก็เป็นการคงอยู่ระดับเทียมเทพของพวกเจ้าผู้อยู่ในแดนทมิฬ ดังนั้นการตัดสินใจที่ข้าทำนั้น
ถูกต้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้เจ้าไม่ต้องรอรับแรงบันดาลใจเพื่อขับเคลื่อนการกระทำ นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะคิดกัน มีหลายอย่างในโลกนี้ที่พวกเจ้าทำไม่ได้
และนี่เป็นหนึ่งในปัญหานั้น
บางอย่างที่เป็นความแข็งแกร่งของพวกเจ้า
ที่เจ้าจะต้องทำก็คือดำเนินการอย่างสุดกำลังทำให้สำเร็จ!”
นักรบปราณฟ้าจากแดนทมิฬไม่พอใจบุรุษที่เหมือนเทพผู้นี้
แต่พวกเขาได้แต่คำนับและตอบรับเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นพลังหรืออำนาจ ฝ่ายตรงข้ามเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยากจะต่อต้าน
นักสู้แดนทมิฬแม้ว่าจะไม่พอใจอยู่ในใจ
แต่ก็ต้องยอมแพ้อยู่ดี
“ก่อนที่ข้าจะจากไป ข้าอยากจะบอกพวกเจ้า สหายทั้งหลาย บางครั้งถูกและผิด พ่ายแพ้และชนะ ธรรมะและอธรรม
ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะคิดถึงได้ เมื่อพวกเจ้าทำภารกิจได้สำเร็จ และพูดเอาแต่ตามใจตนเอง ดึงดันถือดี
ในการพบกันครั้งต่อไป เราเจ้าตำหนักคงไม่อาจพูดกับพวกเจ้าได้อย่างสงบใจเย็นได้
ข้าสามารถทำอะไรก็ได้ที่พวกเจ้าขอ แต่ผลลัพธ์จะต้องสอดคล้องกับคำขอ พวกเจ้าไม่ต้องคิดอะไรมาก ถ้าพวกเจ้าต้องการคิด คิดดูให้ดีพวกเจ้ายังมีคนรักอีกมากรอให้เจ้าทำงานแลกอิสรภาพ” บุรุษรัศมีทองโบกมือ ลำแสงสีทองก็ฉายออก
ตรงไปยังร่างของหัวหน้านักรบแดนทมิฬทั้งสิบ
ขณะที่นักรบแดนทมิฬตกใจกันหมด
ปรากฏยันต์อักษรรูนสวรรค์และปลดผนึกในตัวของพวกเขาให้ชั่วคราว
แม้ว่าจะเจ็บปวด
แต่พลังของหัวหน้านักรบแดนทมิฬทั้งสิบก็เพิ่มมากขึ้น บาดแผลบนร่างกายสมานตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะจากไปบุรุษรัศมีทองถาม “องค์ชายเผ่ากาทองหนีรอดได้หรือเปล่า?”
“มีเด็กหนุ่มที่ทรงพลังน่ากลัวยิ่งกว่าองค์ชายแปดเผ่ากาทองโผล่ออกมา
และเราไม่สามารถห้ามเขามิให้จากไปได้”
หัวหน้าคนแรกตอบ
แม้ว่าเขาจะตอบความจริงก็ตาม
แต่เขาไม่ได้อธิบายลักษณะของเย่ว์หยางและไม่ได้อธิบายถึงอายุ เขาไม่พูดถึงแม้แต่วิชาที่เย่ว์หยางใช้
บุรุษรัศมีทองจึงฟังเหมือนกับว่าเป็นบุรุษนักสู้ปราณฟ้าที่ทรงพลัง
แต่ไม่รู้ว่าเย่ว์หยางยังเยาว์วัยเหลือเชื่อ
ถ้าหัวหน้าคนแรกพูดถึงเรื่องนี้
บุรุษร่างทองจะต้องเกิดความสงสัยแน่นอน และจะต้องสาวรอยจนถึงที่สุด
อย่างไรก็ตามเพราะคำพูดของหัวหน้าคนแรกของสิบผู้นำแดนทมิฬ
ทำให้เขาพลาดโอกาสเช่นนั้น
ถ้าเขาใส่ใจศักดิ์ศรีของนักรบแดนทมิฬเหล่านี้ เขาจะไม่มีทางพลาดข้อมูลเช่นนั้น
สิบหัวหน้านักรบแดนทมิฬคนอื่นไม่มีใครพูด
พวกเขาไม่แน่ใจว่าเย่ว์หยางเป็นใคร
แต่พวกเขาแน่ใจว่าถ้าเด็กหนุ่มผู้นี้เติบโตขึ้นจะต้องเป็นนักสู้ที่สั่นสะเทือนแดนสวรรค์แน่นอน
ถ้าเด็กหนุ่มที่กำลังเติบโตเช่นนี้ถูกตำหนักกลางแดนสวรรค์พบเจอก่อน พวกเขาจะต้องทำลายแน่นอน แม้ว่านักรบแดนทมิฬจะไม่รู้จักเย่ว์หยาง
แต่เมื่อเห็นศัตรูของตำหนักกลางแดนสวรรค์แข็งแกร่งพวกเขาจะปกปิดไว้ให้ แต่ถึงจะรายงานขึ้นไป
พวกเขาอาจจะไม่เห็นคุณค่าก็ได้
เขาพูดอีกครั้ง “ตราบเท่าที่พวกเจ้าไม่พูดอะไร พวกเจ้าอาจทำให้ตำหนักกลางโชคร้ายในอนาคตได้”
ในฐานะนักรบจากแดนทมิฬ พวกเขาสามารถต้านได้หรือ?
“องค์ชายแปดแห่งเผ่ากาทอง ถ้าข้ารู้ว่าเป็นเขา ข้าคงจะมาเร็วกว่านี้สักสองวัน น่าเสียดาย
ครั้งนี้เผ่าภูตบูรพาสามารถตั้งหลักได้
แต่ช่างเถอะ ยังคงมีโอกาส พวกเจ้าไม่ต้องสนใจทุกเรื่อง แค่ทำตามที่ข้าสั่ง
ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร พวกเจ้าสามารถฆ่าได้
ถ้าฆ่าไม่ได้ก็ส่งรายงานไปที่ทูตพิเศษ และร่วมมือกับทูตพิเศษ ความต้องการของข้าง่ายมาก
นั่นคืออย่าไว้ชีวิตใคร”
บุรุษรัศมีทองพูดจบก็โบกมือ
ร่างของเขาสว่างเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์
เมื่อนักรบแดนทมิฬลืมตาได้
บุรุษรัศมีทองก็หายไปแล้ว
“จะไปดินแดนทุ่งหิมะจริงๆ หรือ? โบราณสถานที่นั่นมีนักสู้ปราณฟ้าอย่างน้อยพันคนไปที่นั่น เราจะฆ่าพวกเขาไหวหรือ? ภารกิจนี้เป็นไปไม่ได้เลย” หัวหน้านักสู้แดนทมิฬร่างผอมหน้าเขียวคล้ำและโกรธ
“นักสู้ปราณฟ้าเป็นพัน? ข้าเกรงว่าจะเป็นหมื่นด้วยซ้ำ” หัวหน้าผอมอีกคนหนึ่งมองโลกในแง่ร้าย
“โอว..ไม่ว่ายังไงเราก็ทำตามสุภาพบุรุษผู้นั้น
เท่าที่เขาพูดครั้งสุดท้ายเราต้องไปทำภารกิจกันเดี๋ยวนี้
อย่าถามเขาเป็นดีที่สุด”
หัวหน้านักรบแดนทมิฬคนแรกดูซึมเศร้าเล็กน้อย
เขาโบกมือให้นักรบแดนทมิฬทั้งหมดมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ขณะเดียวกันเขาตบไหล่ปลอบโยนหัวหน้าร่างผอมที่ยังไม่หายโกรธเบาๆ “เราทนมาได้หมื่นปีเพื่ออะไร? เพื่อฟื้นฟูไงเล่า ความหวังในการฟื้นฟูทุกอย่าง
เพื่อลูกหลานของเรา
ถ้าไม่ใช่เพื่อคนรุ่นหลังในอนาคต เราจะไม่มีทางออกมาจากแดนทมิฬได้
ไม่มีทางได้รับอิสรภาพ”
“สักวัน นักสู้รุ่นหลังของเราจะฆ่าพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
และเหยียบย่ำเจ้าผู้ทำตัวสูงส่งพวกนี้ไว้ในใต้เท้า” หัวหน้าร่างผอมมีนัยน์ตาน่ากลัวทันที “ข้าหวังว่า ข้าจะมีชีวิตได้เห็นวันนั้น”
“ถูกแล้ว ตราบใดที่ยังมีความหวัง วันนั้นคงอยู่ไม่ไกล” หัวหน้าที่รูปร่างสูงที่สุดแค่นเสียง
รอจนนักรบแดนทมิฬไปไกล
บนพื้นที่เป็นเปลวไฟกลุ่มหนึ่งที่ลุกไหม้
แท้จริงนั่นคือภูตเพลิงฟ้าที่ไม่มีรูปร่าง
ไม่ว่านางไปที่ใดเปลวเพลิงทั้งหมดดูเหมือนจะเชื่อฟังคำสั่งโค้งเปิดทางให้โดยอัตโนมัติ” เย่ว์หยางเดินออกมาจากภายในอย่างสบายๆ
ในดวงตาของเขามีแววเยาะเย้ย
ในวันเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดินเย่ว์หยางสงสัยว่าเรื่องนี้มีกลิ่นไม่ดี เจ้าตำหนักจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวข้องเรื่องทั้งหมด
และเรื่องนี้ชัดเจนแล้ว
“เทียบกันแล้ว
ยายเฒ่าจักรพรรดินีฟ้านั่นยังรับมือยากกว่า อย่างไรก็ตามเจ้าผู้นี้ก็ยังแข็งแกร่งมาก
แต่ยังไม่มีอะไรมาก” เย่ว์หยางยักไหล่
ขณะเตรียมจะจากไป เขาไม่ลืมคิดที่จะลงไปสำรวจปล่องแรงระเบิดที่ก้นหลุมขนาดยักษ์อยู่นาน
และเก็บรวบรวมผลึกที่กระจัดกระจายเข้าไว้ด้วยกัน
“โชคดีเป็นบ้า!
ไม่คิดเลยว่าผลึกสวรรค์ต้องห้ามแดนสวรรค์เมื่อหกพันปีก่อนจะรอดพ้นจากแรงระเบิดใหญ่ครั้งนี้ มาแดนสวรรค์คราวนี้ไม่เสียเที่ยวเปล่าเลยจริงๆ!”
11 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากเลยนะครับ
แอบฟัง ขโมยของ ครบเชียว
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ไม่มีของติดมือกลับบ้าน คงไม่ใช่เย่วหยางสินะ
แบบนี้มันเป็นปล้น ฆ่า ริบทรัพย์อีกวิธีหนึ่งนะ
ไม่ต้องทำอะไรเลย รอเก็บของดรอบอย่างเดียว
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ฆ่า ระเบิด ปล้นจ้า
แสดงความคิดเห็น