วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 774 ความรุ่งเรืองในอดีต


ตอนที่  774  ความรุ่งเรืองในอดีต
อาณาจักรหลิงหวิน
เมื่อเย่ว์หยางมาถึงเมืองหลวง ราชาหลิงหวิน เจ้าเมืองถูไห่และข้าราชการก็ได้ยินเสียง องค์ชายแปดอูไห่และชายาต่างก็รออยู่นานแล้ว เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและพวกพ้องยังคงอยู่ในอาการสงบ แต่พอไม่มีราชาหลิงหวินอยู่ด้วย พวกเขาตื่นเต้นเมื่อได้เห็นเย่ว์หยาง
 
พวกเขารู้ว่าเย่ว์หยางจะไม่เกิดปัญหาหรืออุบัติเหตุ อย่าว่าแต่ระเบิดครั้งใหญ่เลย  ต่อให้เป็นระเบิดดวงดาวที่จักรพรรดินีฟ้าในช่วงเวลาใกล้ตายเรียกระเบิดดวงดาวออกมาเพื่อทำลายล้างบันไดสวรรค์ชั้นห้า แต่เย่ว์หยางร่วมมือกับจื้อจุนทำลายสิ่งนั้นได้
เพียงแต่ระเบิดดวงดาวต้องห้ามเทียบกับระเบิดดวงดาวของจักรพรรดินีฟ้า ถึงแม้จะมีพลังมาก แต่ความเสี่ยงก็ยังต่ำกว่ามาก
เย่คง เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นไม่รู้ว่า ความจริงผลกระทบของระเบิดดวงดาวนั้นไม่ส่งผลแค่จื้อจุนและเย่ว์หยาง
แต่เพราะพวกเขาไม่รู้สถานการณ์ชัดเจน พวกเขาจึงมีความคิดเช่นนั้น
 “คุณชายสาม!  ท่านหนีพ้นจากพลังระเบิดต้องห้ามได้ยังไง?”  แม้ว่านี่จะเป็นคำถามที่อุกอาจเล็กน้อย  แต่ถูไห่อดประหลาดใจไม่ได้
ยังไม่ต้องพูดถึงหัวหน้านักรบแดนทมิฬสิบคนที่มีพลังปราณฟ้าระดับห้า แค่นักรบแดนทมิฬระดับปราณฟ้าเกือบร้อยคนก็ยากจะทนรับได้  พึงรู้ว่านักรบแดนทมิฬระดับปราณฟ้าหลายคนมีพลังมากกว่าปราณฟ้าระดับสาม ยิ่งพวกเขาผนึกกำลังสู้ พวกเขาสามารถทำลายโลกและสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย  คุณชายสามสามารถหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยไร้เรื่องราว ไม่ถูกพลังระเบิดที่น่ากลัวทำอันตราย  ความแข็งแกร่งระดับนี้ ในแดนสวรรค์จะมีสักกี่คน?
ถูไห่ไม่ได้ฟังคำตอบของเย่ว์หยาง  เขาเพียงแต่คิดว่าคุณสามผู้นี้ลึกลับยากหยั่งถึง
เมืองลี่จ้าวพังทลายไปแล้ว
หน้าที่เฝ้าระวังนักรบหอทงเทียนจบลงแล้ว  แต่เขากลับไม่ได้ทำอะไรเลย
พูดตามตรง ดูเหมือนว่ามีข้อน่าสงสัยกับภารกิจโดยตรง และผู้เฒ่าหมากรุกตาย ไม่มีหลักฐานการตายโดยตรง  จะอธิบายได้อย่างไรว่ามีนักรบปราณฟ้าแดนทมิฬปรากฏตัว? แม้มีร้อยปากก็ยากอธิบายเรื่องนี้ได้
ดูผิวเผินตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์คงกลบเกลื่อนความจริงเอาไว้
จากนั้นในเวลาต่อมาก็หาข้ออ้างเพื่อลงโทษเขา
ถ้าไม่ลงทุนให้นักสู้คอยปกป้องก็อาจจะตกเป็นเหยื่อถามหาความรับผิดชอบของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตได้ แค่อาศัยกำลังตนเองเพื่อปกป้องตนเองย่อมเป็นไปไม่ได้!
ถ้าคุณชายสามยินดีรับเขาเป็นบริวาร เขาอาจจะหลีกหนีความรับผิดชอบของตำหนักกลางศักดิ์สิทิ์ได้
ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาไม่รู้ก็คือคุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้สูงศักดิ์นี้ยินดีจะยอมรับเขาไหม แม้จะเป็นการแอบอ้างโดยปริยายก็ตาม
 “ความจริงนักรบปราณฟ้าแดนทมิฬเหล่านั้นยังไม่ได้ลงมือโจมตีเต็มที่ ก่อนที่ระเบิดต้องห้ามจะทำงาน ทุกคนต่างละทิ้งเผ่นหนีสงคราม ยังไม่ได้ต่อสู้ตัดสินชี้ขาด แน่”  แน่นอนว่าเย่ว์หยางคงจะไม่พูดความจริง แม้ว่าก่อนหน้านั้นพวกตำหนักกลางจะแอบสังเกตดูจะมีความเสียหายแฝงอยู่เบื้องหลังหรือไม่  ราชาหลิงหวินและเจ้าเมืองถูไห่เป็นนักสู้ในพื้นที่ท้องถิ่น แต่พวกเขาเป็นกุ้งเล็กกุ้งน้อยในแดนสวรรค์เท่านั้น
 “คุณชายสาม, ท่านปลอดภัยก็ดีแล้ว” ราชาหลิงหวินมีความรู้สึกตื่นเต้น เมื่อฟังเสียงราบเรียบของคุณชายสามนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเขายังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่
ถ้าทุ่มสู้สุดกำลังเกรงว่านักสู้ปราณฟ้าแดนทมิฬคงไม่สามารถรั้งเขาได้แน่
คุณชายสามน่าจะเป็นเช่นนั้น
ถ้าสามารถเป็นสหายกับเขาได้ในอนาคตสถานะในแดนสวรรค์จะเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน... และเขาจะแสดงความจริงใจสร้างสัมพันธ์กับคุณชายสามได้ยังไง?  อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้ขาดแคลนหญิงงาม ทั้งยังมีสาวงามเอลฟ์ทองอยู่ด้วย พลังอำนาจก็ไม่สามารถยกให้เขาได้ตามต้องการ แล้วจะเป็นสหายที่ดีกับคุณชายสามได้หรือไม่?  เรื่องนี้ต้องทำให้เสร็จในวันนี้ มิฉะนั้นองค์ชายแปดเผ่ากาทองคงจะเชิญเขาเป็นอาคันตุกะ จากนั้นท่านคงไม่สามารถทำอะไรได้
ราชาหลิงหวินนึกขึ้นมาได้ทันที เขาถามเย่ว์หยางอย่างกระตือรือร้น “คุณชายสาม!  เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองลี่จ้าว เราหลิงหวินและถูไห่ต้องขออภัยกับท่านด้วย  แม้ว่าข้ากับคนอื่นๆ จะควบคุมไม่ได้ก็ตาม แต่ที่สำคัญถือว่าเป็นการเสียมารยาทที่เกิดเหตุการณ์คล้ายสงครามอย่างนั้น  ทั้งยังต้องรบกวนให้คุณชายสามช่วยปกป้องและคุ้มครองรั้งท้าย ทำให้ข้าและบริวารรู้สึกละอายใจ  เพื่อเป็นการชดเชยความผิดพลาดข้าหลิงหวินยินดีจะเป็นคนนำทางไปยังดินแดนหิมะประหลาดเพื่อค้นหาตำนานโบราณสถานที่อยู่ไกลโพ้น มิทราบว่าคุณชายสามจะเห็นเป็นเช่นไร?”
 “เป็นความคิดที่ไม่เลว” เย่ว์หยางไม่สามารถคัดค้านข้อเสนอของราชาหลิงหวินได้อยู่แล้ว  “ข้าเกรงว่าต้องการจะเข้าไปดูดินแดนโบราณอาจไม่ใช่เรื่องง่าย มีราชาหลิงหวินร่วมนำทางย่อมประหยัดเรี่ยวแรงไปมาก
เย่ว์หยางหันไปมององค์ชายแปดอูไห่แห่งเผ่ากาทองและชายา
องค์ชายแปดอูไห่ยินดีที่ได้พบเย่ว์หยางจากใจจริง
เขากล่าวขออภัยและแจ้งเหตุผล “ขออภัยคุณชายสามจริงๆ อูไห่ไม่สามารถร่วมทางกับท่านได้ เชียวเอ๋อเพิ่งให้กำเนิดทารกได้ไม่นาน ข้าตั้งใจจะพานางกลับหุบเขาอาทิตย์อุทัย  หลังจากลูกเกิดแล้วหากคุณชายสามมีข่าวใดต่อให้อยู่ไกลพันล้านลี้ ไม่ว่ายังไงอูไห่จะต้องมาแน่นอน”
หลังจากผ่านเหตุการณ์ชีวิตครั้งนี้ไปแล้ว แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ องค์ชายแปดอูไห่ถือเย่ว์หยางเสมือนเป็นสหายคนหนึ่ง
ถ้าไม่ใช่เพราะรอให้เย่ว์หยางกลับมาก่อน เขาคงพาชายากลับไปยังหุบเขาอาทิตย์อุทัยแล้ว
 “องค์ชายแปด! มีเวลาย่อมได้กลับมาพบกันอีกครั้ง  เมื่อใดจึงจะได้พบกับท่านอีก?”  เย่ว์หยางมีความคิดจะเข้าไปดูแวดวงเผ่าภูตบูรพา แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไปว่าจะสูญเสียร่องรอยติดตาม
 “ยินดี! เราอูไห่ยินน้อมรอพบพานอีกครั้ง” จากนั้นเขากล่าวอำลาราชาหลิงหวินและคนอื่น
เมื่อเผ่าตระกูลกาทองจากไปแล้ว ความเครียดในใจของราชาหลิงหวินผ่อนคลายเล็กน้อย
เมื่อครู่นี้องค์ชายแปดจะเชิญคุณชายสามไปยังหุบเขาอาทิตย์อุทัย เป็นไปได้ว่าคุณชายสามจะต้องมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่มาก
โชคดีที่ก่อนนี้เขากระตือรือร้นพูดถึงเมืองโบราณในดินแดนหิมะแปลกประหลาด ไม่อย่างนั้นคุณชายสามอาจจะอำลาเขาและร่วมทางไปกับเผ่ากาทองก็เป็นได้  ราชาหลิงหวินรีบจัดงานเลี้ยงต้อนรับเย่ว์หยางอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งยังจัดเตรียมอากาศยานพิเศษสำหรับเดินทางหลังงานเลี้ยงรับรองเสร็จสิ้น และส่งเย่ว์หยางขึ้นเรือเหาะเพื่อแล่นเข้าสู่ดินแดนหิมะและเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นอีกด้วย
ไม่ต้องพูดถึงเย่ว์หยางเท่านั้น แม้แต่เจ้าอ้วนไห่ เย่คง เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวก็ยังได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดีจากในอาณาจักรหลิงหวิน
แม้ว่าเจ้าอ้วนไห่และเย่คงจะปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ราชาหลิงหวินและเจ้าเมืองถูไห่มอบสมบัติระดับทองให้พวกเขา อาวุธสายฟ้า อาวุธสังหารและเกราะ
ภาพของทั้งสองยังไม่ดูดีเหมือนทุกวันนี้
เมื่อใส่เกราะสมบัติระดับทอง จะมีระดับที่ต่างออกไป
ภายใต้แสงสว่างเจิดจ้าจะทำให้ร่างนักสู้เลือนราง  แม้ว่าพลังยังจะขาดไปบ้าง  แต่นักสู้ปราณฟ้าอื่นแตกต่างไปจากราชาหลิงหวินสิ้นเชิง  เขาเห็นแววเติบโตในอนาคตอย่างไร้ขีดจำกัด ความสำเร็จในอนาคตของพวกเขาบางทีไม่ต่ำทรามกว่าราชาหลิงหวิน
เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวเลือกหนังสือและดอกไม้ประหลาดของแดนสวรรค์
พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธความปรารถนาดีของราชาหลิงหวินได้
แน่นอนว่าผู้เยาว์ทั้งสองเลือกของขวัญให้เสวี่ยอู๋เสียและเจ้าเมืองโล่วฮัวเพื่อให้พี่สาวของตนมีความสุข บางทีพวกเขาอาจได้คำแนะนำที่ดีด้วย
สำหรับสมบัติประดิษฐ์ เย่ว์หยางเพียงแต่รับไว้เพื่อจัดการ
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ต้องการอะไรอื่น
พี่น้องตระกูลหลี่ขอรองเท้าเดินทางในแดนสวรรค์สองคู่  ความจริงแล้วรองเท้าและเกราะสมบัติดีๆ เย่ว์หยางมีมาก แต่พี่น้องตระกูลหลี่ไม่ค่อยจะใช้อาวุธ เหตุผลเพราะเย่ว์หยางบอกว่า “มนุษย์โหดเหี้ยมโดยตัวเอง เมื่อต่อสู้อย่างยากลำบากมากขึ้น พลังจะเพิ่มขึ้นมาก  ถ้าไม่ใช่แกล้งกระทำ อาวุธของพวกเขาจะใช้ไม่ได้ เหมือนกับเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่น การสู้โดยไม่มีอาวุธเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด
ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดเรือเหาะก็ผ่านประตูเทเลพอร์ตมาถึงดินแดนทุ่งน้ำแข็ง
นี่เป็นอีกโลกหนึ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ทุกแห่งหนอากาศเย็นยะเยือก และพื้นเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนเป็นสีเดียวกัน
ดินแดนหิมะน้ำแข็งหมื่นปีที่แล้วไม่ได้ตั้งชื่อไว้เฉพาะ  แต่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีเคยตั้งค่ายอยู่ในแดนหิมะ และตั้งป้อมปราการทำสงครามกับทหารพันธมิตรแดนสวรรค์ ทำให้โลกที่นี่ยากจนไม่ได้รับความนิยม
คล้ายกับเมืองลี่จ้าว ถ้าไม่ใช่เพราะจักรพรรดิอวี้ทำสงครามกับแดนสวรรค์ ใครจะรู้ว่าแดนสวรรค์มีเมืองลี่จ้าวอยู่ด้วย?
จักรพรรดิอวี้แตกต่างออกไป  ในปีนั้นเมืองเจิ้งฝู (เมืองชัย) สร้างโดยนางพญาเฟ่ยเหวินหลี แดนสวรรค์ได้เก็บรักษาไว้เพื่อเป็นเกียรติที่ระลึก  แม้ว่ากองทัพพันธมิตรแดนสวรรค์ได้พ่ายแพ้ที่เมืองเจิ้งฝู  พวกผู้ยิ่งใหญ่และตำหนักกลางแดนสวรรค์ต้องยอมรับว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีคือนางพญาผู้พิชิต และต้องเซ็นสัญญาที่แดนสวรรค์รู้จักกันในชื่อว่าสนธิสัญญานางพญาผู้พิชิต แต่นักรบแดนสวรรค์ไม่มีใครยอมรับศึกครั้งนี้  ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์และตำหนักกลางแดนสวรรค์ร่วมรบกันถือเป็นเกียรติอย่างสูง และสงครามนี้เป็นสงครามแรกที่สร้างชื่อเสียงให้กับนางพญาเฟ่ยเหวินหลี นางทุ่มชีวิตสู้กับศัตรูทีละคนโดยไม่ทำให้ศัตรูตาย หรือตกเป็นเชลยศึกเลย
สงครามนี้นอกจากจะกำเนิดนักสู้คนหนึ่งแล้ว ยังหมายถึงจุดสิ้นสุดของยุค
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีพอสร้างชื่อเสียงได้ก็ถูกผนึก  หอทงเทียนไม่เคยปรากฏนักสู้อย่างนางที่สามารถกวาดไปทั่วแดนสวรรค์ได้เลย
แม้ว่าจักรพรรดิอวี้จะแข็งแกร่งน่ากลัว  แต่ไม่มีทางจะทำได้อย่างนางพญาเฟ่ยเหวินหลี  หลังจากนั้นมาเป็นไปไม่ได้ที่จะกวาดล้างชื่อเสียงความประทับใจที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้สร้างไว้  ตำหนักกลางแดนสวรรค์และผู้ยิ่งใหญ่ยอมรับการมีอยู่และพลังที่ยิ่งใหญ่ของนาง และถ้าสามารถเอาชนะนางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้ จะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังสูงส่ง
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีถูกผนึก ชาวหอทงเทียนไม่รู้เรื่องนี้
แต่ความจริงก็คือตำหนักกลางแดนสวรรค์และผู้ยิ่งใหญ๋ในแดนสวรรค์ต่อต้านนางพญาผู้พิชิตและต่อสู้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีเป็นความภูมิใจ
 “เมืองเจิ้งฝู?”  เย่ว์หยางเคยได้ยินข่าวมาบ้างแล้วเขาตื่นเต้นเล็กน้อย
 “ใช่แล้ว ในเมืองเจิ้งฝูงมีอดีตนานถึงหมื่นปี” จนถึงบัดนี้รูปปั้นยักษ์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีสูงตระหง่าน ในทุกปีผู้เลื่อมใสของนางจะมารวมตัวกัน ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกที่เป็นบริวารเก่าของนางในอดีตและร่วมขบวนพาเหรดเพื่อเป็นการระลึกถึงนางพญาผู้พิชิต  ในเมืองเจิ้งฝู ใครๆ ก็สามารถอ้างตัวเป็นเจ้าเมืองหลีได้ แม้จะถูกสบประมาทจากตำหนักกลาง  แต่พวกเขาไม่ยอมให้ใครดูหมิ่นจักรพรรดินีของพวกเขา  ที่น่ากลัวก็คือการพูดเหยียดหยามจะถูกคนในท้องที่ลงโทษอย่างโกรธเกรี้ยว เทียบได้กับการเสนอท้าสู้โดยตรง เมื่อได้ยินว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เมืองเจิ้งฝูมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่ไม่ควรพลาดจริงๆ  แน่นอนว่านั่นเป็นที่รู้จักกันมาก
 “นางพญาจงเจริญ!” เจ้าอ้วนไห่กับเย่ว์หยางมองหน้ากันเองและมีสีหน้าร่าเริง!

8 ความคิดเห็น:

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

chay กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น