ตอนที่ 774 ความรุ่งเรืองในอดีต
อาณาจักรหลิงหวิน
เมื่อเย่ว์หยางมาถึงเมืองหลวง
ราชาหลิงหวิน เจ้าเมืองถูไห่และข้าราชการก็ได้ยินเสียง
องค์ชายแปดอูไห่และชายาต่างก็รออยู่นานแล้ว เจ้าอ้วนไห่
เย่คงและพวกพ้องยังคงอยู่ในอาการสงบ แต่พอไม่มีราชาหลิงหวินอยู่ด้วย
พวกเขาตื่นเต้นเมื่อได้เห็นเย่ว์หยาง
พวกเขารู้ว่าเย่ว์หยางจะไม่เกิดปัญหาหรืออุบัติเหตุ
อย่าว่าแต่ระเบิดครั้งใหญ่เลย ต่อให้เป็นระเบิดดวงดาวที่จักรพรรดินีฟ้าในช่วงเวลาใกล้ตายเรียกระเบิดดวงดาวออกมาเพื่อทำลายล้างบันไดสวรรค์ชั้นห้า
แต่เย่ว์หยางร่วมมือกับจื้อจุนทำลายสิ่งนั้นได้
เพียงแต่ระเบิดดวงดาวต้องห้ามเทียบกับระเบิดดวงดาวของจักรพรรดินีฟ้า
ถึงแม้จะมีพลังมาก แต่ความเสี่ยงก็ยังต่ำกว่ามาก
เย่คง
เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นไม่รู้ว่า ความจริงผลกระทบของระเบิดดวงดาวนั้นไม่ส่งผลแค่จื้อจุนและเย่ว์หยาง
แต่เพราะพวกเขาไม่รู้สถานการณ์ชัดเจน
พวกเขาจึงมีความคิดเช่นนั้น
“คุณชายสาม!
ท่านหนีพ้นจากพลังระเบิดต้องห้ามได้ยังไง?” แม้ว่านี่จะเป็นคำถามที่อุกอาจเล็กน้อย แต่ถูไห่อดประหลาดใจไม่ได้
ยังไม่ต้องพูดถึงหัวหน้านักรบแดนทมิฬสิบคนที่มีพลังปราณฟ้าระดับห้า
แค่นักรบแดนทมิฬระดับปราณฟ้าเกือบร้อยคนก็ยากจะทนรับได้
พึงรู้ว่านักรบแดนทมิฬระดับปราณฟ้าหลายคนมีพลังมากกว่าปราณฟ้าระดับสาม
ยิ่งพวกเขาผนึกกำลังสู้ พวกเขาสามารถทำลายโลกและสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย คุณชายสามสามารถหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยไร้เรื่องราว
ไม่ถูกพลังระเบิดที่น่ากลัวทำอันตราย
ความแข็งแกร่งระดับนี้ ในแดนสวรรค์จะมีสักกี่คน?
ถูไห่ไม่ได้ฟังคำตอบของเย่ว์หยาง
เขาเพียงแต่คิดว่าคุณสามผู้นี้ลึกลับยากหยั่งถึง
เมืองลี่จ้าวพังทลายไปแล้ว
หน้าที่เฝ้าระวังนักรบหอทงเทียนจบลงแล้ว แต่เขากลับไม่ได้ทำอะไรเลย
พูดตามตรง
ดูเหมือนว่ามีข้อน่าสงสัยกับภารกิจโดยตรง และผู้เฒ่าหมากรุกตาย
ไม่มีหลักฐานการตายโดยตรง
จะอธิบายได้อย่างไรว่ามีนักรบปราณฟ้าแดนทมิฬปรากฏตัว?
แม้มีร้อยปากก็ยากอธิบายเรื่องนี้ได้
ดูผิวเผินตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์คงกลบเกลื่อนความจริงเอาไว้
จากนั้นในเวลาต่อมาก็หาข้ออ้างเพื่อลงโทษเขา
ถ้าไม่ลงทุนให้นักสู้คอยปกป้องก็อาจจะตกเป็นเหยื่อถามหาความรับผิดชอบของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตได้
แค่อาศัยกำลังตนเองเพื่อปกป้องตนเองย่อมเป็นไปไม่ได้!
ถ้าคุณชายสามยินดีรับเขาเป็นบริวาร
เขาอาจจะหลีกหนีความรับผิดชอบของตำหนักกลางศักดิ์สิทิ์ได้
ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาไม่รู้ก็คือคุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้สูงศักดิ์นี้ยินดีจะยอมรับเขาไหม
แม้จะเป็นการแอบอ้างโดยปริยายก็ตาม
“ความจริงนักรบปราณฟ้าแดนทมิฬเหล่านั้นยังไม่ได้ลงมือโจมตีเต็มที่
ก่อนที่ระเบิดต้องห้ามจะทำงาน ทุกคนต่างละทิ้งเผ่นหนีสงคราม
ยังไม่ได้ต่อสู้ตัดสินชี้ขาด แน่”
แน่นอนว่าเย่ว์หยางคงจะไม่พูดความจริง
แม้ว่าก่อนหน้านั้นพวกตำหนักกลางจะแอบสังเกตดูจะมีความเสียหายแฝงอยู่เบื้องหลังหรือไม่
ราชาหลิงหวินและเจ้าเมืองถูไห่เป็นนักสู้ในพื้นที่ท้องถิ่น แต่พวกเขาเป็นกุ้งเล็กกุ้งน้อยในแดนสวรรค์เท่านั้น
“คุณชายสาม, ท่านปลอดภัยก็ดีแล้ว”
ราชาหลิงหวินมีความรู้สึกตื่นเต้น เมื่อฟังเสียงราบเรียบของคุณชายสามนี้แล้ว
ดูเหมือนว่าเขายังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่
ถ้าทุ่มสู้สุดกำลังเกรงว่านักสู้ปราณฟ้าแดนทมิฬคงไม่สามารถรั้งเขาได้แน่
คุณชายสามน่าจะเป็นเช่นนั้น
ถ้าสามารถเป็นสหายกับเขาได้ในอนาคตสถานะในแดนสวรรค์จะเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน...
และเขาจะแสดงความจริงใจสร้างสัมพันธ์กับคุณชายสามได้ยังไง? อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้ขาดแคลนหญิงงาม ทั้งยังมีสาวงามเอลฟ์ทองอยู่ด้วย
พลังอำนาจก็ไม่สามารถยกให้เขาได้ตามต้องการ
แล้วจะเป็นสหายที่ดีกับคุณชายสามได้หรือไม่?
เรื่องนี้ต้องทำให้เสร็จในวันนี้
มิฉะนั้นองค์ชายแปดเผ่ากาทองคงจะเชิญเขาเป็นอาคันตุกะ
จากนั้นท่านคงไม่สามารถทำอะไรได้
ราชาหลิงหวินนึกขึ้นมาได้ทันที
เขาถามเย่ว์หยางอย่างกระตือรือร้น “คุณชายสาม!
เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองลี่จ้าว
เราหลิงหวินและถูไห่ต้องขออภัยกับท่านด้วย
แม้ว่าข้ากับคนอื่นๆ จะควบคุมไม่ได้ก็ตาม
แต่ที่สำคัญถือว่าเป็นการเสียมารยาทที่เกิดเหตุการณ์คล้ายสงครามอย่างนั้น
ทั้งยังต้องรบกวนให้คุณชายสามช่วยปกป้องและคุ้มครองรั้งท้าย
ทำให้ข้าและบริวารรู้สึกละอายใจ
เพื่อเป็นการชดเชยความผิดพลาดข้าหลิงหวินยินดีจะเป็นคนนำทางไปยังดินแดนหิมะประหลาดเพื่อค้นหาตำนานโบราณสถานที่อยู่ไกลโพ้น
มิทราบว่าคุณชายสามจะเห็นเป็นเช่นไร?”
“เป็นความคิดที่ไม่เลว”
เย่ว์หยางไม่สามารถคัดค้านข้อเสนอของราชาหลิงหวินได้อยู่แล้ว
“ข้าเกรงว่าต้องการจะเข้าไปดูดินแดนโบราณอาจไม่ใช่เรื่องง่าย
มีราชาหลิงหวินร่วมนำทางย่อมประหยัดเรี่ยวแรงไปมาก
เย่ว์หยางหันไปมององค์ชายแปดอูไห่แห่งเผ่ากาทองและชายา
องค์ชายแปดอูไห่ยินดีที่ได้พบเย่ว์หยางจากใจจริง
เขากล่าวขออภัยและแจ้งเหตุผล
“ขออภัยคุณชายสามจริงๆ อูไห่ไม่สามารถร่วมทางกับท่านได้
เชียวเอ๋อเพิ่งให้กำเนิดทารกได้ไม่นาน
ข้าตั้งใจจะพานางกลับหุบเขาอาทิตย์อุทัย
หลังจากลูกเกิดแล้วหากคุณชายสามมีข่าวใดต่อให้อยู่ไกลพันล้านลี้
ไม่ว่ายังไงอูไห่จะต้องมาแน่นอน”
หลังจากผ่านเหตุการณ์ชีวิตครั้งนี้ไปแล้ว
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ องค์ชายแปดอูไห่ถือเย่ว์หยางเสมือนเป็นสหายคนหนึ่ง
ถ้าไม่ใช่เพราะรอให้เย่ว์หยางกลับมาก่อน
เขาคงพาชายากลับไปยังหุบเขาอาทิตย์อุทัยแล้ว
“องค์ชายแปด!
มีเวลาย่อมได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
เมื่อใดจึงจะได้พบกับท่านอีก?” เย่ว์หยางมีความคิดจะเข้าไปดูแวดวงเผ่าภูตบูรพา
แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไปว่าจะสูญเสียร่องรอยติดตาม
“ยินดี! เราอูไห่ยินน้อมรอพบพานอีกครั้ง”
จากนั้นเขากล่าวอำลาราชาหลิงหวินและคนอื่น
เมื่อเผ่าตระกูลกาทองจากไปแล้ว
ความเครียดในใจของราชาหลิงหวินผ่อนคลายเล็กน้อย
เมื่อครู่นี้องค์ชายแปดจะเชิญคุณชายสามไปยังหุบเขาอาทิตย์อุทัย
เป็นไปได้ว่าคุณชายสามจะต้องมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่มาก
โชคดีที่ก่อนนี้เขากระตือรือร้นพูดถึงเมืองโบราณในดินแดนหิมะแปลกประหลาด
ไม่อย่างนั้นคุณชายสามอาจจะอำลาเขาและร่วมทางไปกับเผ่ากาทองก็เป็นได้
ราชาหลิงหวินรีบจัดงานเลี้ยงต้อนรับเย่ว์หยางอย่างยิ่งใหญ่
ทั้งยังจัดเตรียมอากาศยานพิเศษสำหรับเดินทางหลังงานเลี้ยงรับรองเสร็จสิ้น
และส่งเย่ว์หยางขึ้นเรือเหาะเพื่อแล่นเข้าสู่ดินแดนหิมะและเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นอีกด้วย
ไม่ต้องพูดถึงเย่ว์หยางเท่านั้น
แม้แต่เจ้าอ้วนไห่ เย่คง เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวก็ยังได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดีจากในอาณาจักรหลิงหวิน
แม้ว่าเจ้าอ้วนไห่และเย่คงจะปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ราชาหลิงหวินและเจ้าเมืองถูไห่มอบสมบัติระดับทองให้พวกเขา อาวุธสายฟ้า
อาวุธสังหารและเกราะ
ภาพของทั้งสองยังไม่ดูดีเหมือนทุกวันนี้
เมื่อใส่เกราะสมบัติระดับทอง
จะมีระดับที่ต่างออกไป
ภายใต้แสงสว่างเจิดจ้าจะทำให้ร่างนักสู้เลือนราง แม้ว่าพลังยังจะขาดไปบ้าง
แต่นักสู้ปราณฟ้าอื่นแตกต่างไปจากราชาหลิงหวินสิ้นเชิง เขาเห็นแววเติบโตในอนาคตอย่างไร้ขีดจำกัด
ความสำเร็จในอนาคตของพวกเขาบางทีไม่ต่ำทรามกว่าราชาหลิงหวิน
เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวเลือกหนังสือและดอกไม้ประหลาดของแดนสวรรค์
พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธความปรารถนาดีของราชาหลิงหวินได้
แน่นอนว่าผู้เยาว์ทั้งสองเลือกของขวัญให้เสวี่ยอู๋เสียและเจ้าเมืองโล่วฮัวเพื่อให้พี่สาวของตนมีความสุข
บางทีพวกเขาอาจได้คำแนะนำที่ดีด้วย
สำหรับสมบัติประดิษฐ์
เย่ว์หยางเพียงแต่รับไว้เพื่อจัดการ
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ต้องการอะไรอื่น
พี่น้องตระกูลหลี่ขอรองเท้าเดินทางในแดนสวรรค์สองคู่ ความจริงแล้วรองเท้าและเกราะสมบัติดีๆ
เย่ว์หยางมีมาก แต่พี่น้องตระกูลหลี่ไม่ค่อยจะใช้อาวุธ เหตุผลเพราะเย่ว์หยางบอกว่า
“มนุษย์โหดเหี้ยมโดยตัวเอง เมื่อต่อสู้อย่างยากลำบากมากขึ้น
พลังจะเพิ่มขึ้นมาก ถ้าไม่ใช่แกล้งกระทำ
อาวุธของพวกเขาจะใช้ไม่ได้ เหมือนกับเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่น
การสู้โดยไม่มีอาวุธเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด
ครึ่งเดือนต่อมา
ในที่สุดเรือเหาะก็ผ่านประตูเทเลพอร์ตมาถึงดินแดนทุ่งน้ำแข็ง
นี่เป็นอีกโลกหนึ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ทุกแห่งหนอากาศเย็นยะเยือก และพื้นเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนเป็นสีเดียวกัน
ดินแดนหิมะน้ำแข็งหมื่นปีที่แล้วไม่ได้ตั้งชื่อไว้เฉพาะ แต่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีเคยตั้งค่ายอยู่ในแดนหิมะ
และตั้งป้อมปราการทำสงครามกับทหารพันธมิตรแดนสวรรค์ ทำให้โลกที่นี่ยากจนไม่ได้รับความนิยม
คล้ายกับเมืองลี่จ้าว
ถ้าไม่ใช่เพราะจักรพรรดิอวี้ทำสงครามกับแดนสวรรค์
ใครจะรู้ว่าแดนสวรรค์มีเมืองลี่จ้าวอยู่ด้วย?
จักรพรรดิอวี้แตกต่างออกไป ในปีนั้นเมืองเจิ้งฝู (เมืองชัย)
สร้างโดยนางพญาเฟ่ยเหวินหลี
แดนสวรรค์ได้เก็บรักษาไว้เพื่อเป็นเกียรติที่ระลึก
แม้ว่ากองทัพพันธมิตรแดนสวรรค์ได้พ่ายแพ้ที่เมืองเจิ้งฝู
พวกผู้ยิ่งใหญ่และตำหนักกลางแดนสวรรค์ต้องยอมรับว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีคือนางพญาผู้พิชิต
และต้องเซ็นสัญญาที่แดนสวรรค์รู้จักกันในชื่อว่าสนธิสัญญานางพญาผู้พิชิต
แต่นักรบแดนสวรรค์ไม่มีใครยอมรับศึกครั้งนี้
ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์และตำหนักกลางแดนสวรรค์ร่วมรบกันถือเป็นเกียรติอย่างสูง
และสงครามนี้เป็นสงครามแรกที่สร้างชื่อเสียงให้กับนางพญาเฟ่ยเหวินหลี
นางทุ่มชีวิตสู้กับศัตรูทีละคนโดยไม่ทำให้ศัตรูตาย หรือตกเป็นเชลยศึกเลย
สงครามนี้นอกจากจะกำเนิดนักสู้คนหนึ่งแล้ว
ยังหมายถึงจุดสิ้นสุดของยุค
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีพอสร้างชื่อเสียงได้ก็ถูกผนึก
หอทงเทียนไม่เคยปรากฏนักสู้อย่างนางที่สามารถกวาดไปทั่วแดนสวรรค์ได้เลย
แม้ว่าจักรพรรดิอวี้จะแข็งแกร่งน่ากลัว
แต่ไม่มีทางจะทำได้อย่างนางพญาเฟ่ยเหวินหลี หลังจากนั้นมาเป็นไปไม่ได้ที่จะกวาดล้างชื่อเสียงความประทับใจที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้สร้างไว้
ตำหนักกลางแดนสวรรค์และผู้ยิ่งใหญ่ยอมรับการมีอยู่และพลังที่ยิ่งใหญ่ของนาง
และถ้าสามารถเอาชนะนางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้ จะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังสูงส่ง
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีถูกผนึก
ชาวหอทงเทียนไม่รู้เรื่องนี้
แต่ความจริงก็คือตำหนักกลางแดนสวรรค์และผู้ยิ่งใหญ๋ในแดนสวรรค์ต่อต้านนางพญาผู้พิชิตและต่อสู้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีเป็นความภูมิใจ
“เมืองเจิ้งฝู?”
เย่ว์หยางเคยได้ยินข่าวมาบ้างแล้วเขาตื่นเต้นเล็กน้อย
“ใช่แล้ว ในเมืองเจิ้งฝูงมีอดีตนานถึงหมื่นปี”
จนถึงบัดนี้รูปปั้นยักษ์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีสูงตระหง่าน
ในทุกปีผู้เลื่อมใสของนางจะมารวมตัวกัน ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกที่เป็นบริวารเก่าของนางในอดีตและร่วมขบวนพาเหรดเพื่อเป็นการระลึกถึงนางพญาผู้พิชิต ในเมืองเจิ้งฝู ใครๆ
ก็สามารถอ้างตัวเป็นเจ้าเมืองหลีได้ แม้จะถูกสบประมาทจากตำหนักกลาง
แต่พวกเขาไม่ยอมให้ใครดูหมิ่นจักรพรรดินีของพวกเขา ที่น่ากลัวก็คือการพูดเหยียดหยามจะถูกคนในท้องที่ลงโทษอย่างโกรธเกรี้ยว
เทียบได้กับการเสนอท้าสู้โดยตรง เมื่อได้ยินว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เมืองเจิ้งฝูมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่ไม่ควรพลาดจริงๆ แน่นอนว่านั่นเป็นที่รู้จักกันมาก
“นางพญาจงเจริญ!”
เจ้าอ้วนไห่กับเย่ว์หยางมองหน้ากันเองและมีสีหน้าร่าเริง!
8 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากเลยนะครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น