ตอนที่ 776 ตามหาคน สมาชิกครอบครัว หญิงวัยกลางคน
จากเมืองเจิ้งฝู เย่ว์หยางได้ผลเก็บเกี่ยวยิ่งใหญ่โดยไม่รู้ตัว
คุ้ก แคริบเบียนก็คือจักรพรรดิแดนฟ้านั่นเอง
แต่เขากำลังทำความเข้าใจเสี่ยวเหวินหลีที่อยู่ต่อหน้ารูปปั้นยักษ์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี
เมื่อเย่ว์หยางมาถึงรูปปั้นใหญ่สูงเทียมฟ้า
เสี่ยวเหวินหลีออกมาทันที
เธอกำลังค้นหาสิ่งของบางอย่างๆ
ต่อเนื่อง ผ่านรูปปั้นนักรบทหารองครักษ์เกือบร้อยรูป
ในที่สุดเธอเงยหน้ามองดูรูปปั้นใหญ่ขนาดรองลงมาสูงสองร้อยเมตร
รูปปีศาจอสรพิษทางขวา
เธอจ้องมองเขม็ง
ดูเหมือนกับว่ารูปปั้นนี้ทำให้เธอระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เย่ว์หยางมองดูรูปปั้นปีศาจอสรพิษนั้น
นางกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีดูคล้ายกันมาก บนศีรษะนางสวมมงกุฏเงินสดใส
เหมือนเจ้าหญิงในราชตระกูลงดงามไม่มีใครเทียบได้ นางจับดาบคู่ทอดตามองดูระยะไกลเหมือนกับว่าเชื่อฟังนางพญาเฟ่ยเหวินหลี
พร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ
ในบรรดารูปปั้นองครักษ์มากมาย มีหลายรูปที่มาจากเผ่าปีศาจอสรพิษ มีแต่รูปปั้นนี้ที่ดูคล้ายกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีมากที่สุด
เสี่ยวเหวินหลียืนนิ่ง
เป็นเวลานาน
ราวกับรูปปั้น
จนกระทั่งพระอาทิตย์อัสดงค์ แสงสายัณห์สุดท้ายลับขอบฟ้า
รูปปั้นปีศาจอสรพิษที่อยู่ใต้เงารูปปั้นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเหลือให้เห็นแต่เค้าโครง
ร่างของเสี่ยวเหวินหลีเปล่งรัศมีสีทองออกมาในทันใด
ทั้งนี้ไม่ได้ใช้พลังกฎสวรรค์ของเย่ว์หยางช่วยสนับสนุน รัศมีนั้นหลอมรวมเป็นร่างมายาของปีศาจอสรพิษทองขนาดใหญ่
ร่างมีขนาดสองร้อยเมตรโดยอัตโนมัติมองดูมีขนาดเท่ากับรูปปั้นปีศาจอสรพิษเต็มที่
พวกทหารผ่านศึกบนถนนต่างมองดูภาพที่ปรากฏนี้ด้วยความประหลาดใจ
ปีศาจอสรพิษทั้งสองคล้ายกันมาก
เสี่ยวเหวินหลีกรีดร้องออกมาในท่ามกลางความเงียบ
คลื่นเสียงกระจายไปทั่วปลุกจนคนตกใจกันทั้งเมือง
แม้แต่พวกขี้เมาและขอทานแก่ที่งีบหลับอยู่บนพื้นต่างสะดุ้งตกใจตื่น
หันมองมาทางตำแหน่งรูปปั้นยักษ์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
มงกุฏเงินที่ศีรษะของรูปปั้นปีศาจอสรพิษแตกสลายกลายเป็นแสงหลากสีสัน
พลังแสงหลากสีสันไหลเข้าไปในร่างปีศาจอสรพิษทอง
ร่างของนางเปล่งประกายรัศมีหลากสีสัน เกราะรบ
อักษรรูนและผิวพรรณบนร่างกายดูละเอียดอ่อนสมจริง
ราวกับว่าท่านผู้นั้นปรากฏมีชีวิตอีกครั้ง
แต่ร่างปีศาจอสรพิษทองที่ฉายจากเสี่ยวเหวินหลีนั้นหลั่งน้ำตา ดูเหมือนว่าทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้าเธอปลุกให้เธอระลึกถึงความทรงจำที่ยาวนาน
บนตัวของเสี่ยวเหวินหลีมีอักษรรูนสีเงินผุดขึ้นเหมือนกับอักษรรูนที่ปรากฏอยู่บนเกราะรบของปีศาจอสรพิษทอง
แม้แต่ดาบคู่ในมือก็ยังวิวัฒนาการส่องประกายหลากสีสัน
เปลี่ยนรูปเป็นดาบศึกชนิดใหม่
ดาบดูคล้ายดาบคู่มือของเดิมที่มีขนาดเล็กกว่า
แต่ดาบคู่ใหม่นี้มีขนาดใหญ่กว่า ยาวกว่าและคมกว่า
เย่ว์หยางไม่กล้ารบกวนเสี่ยวเหวินหลีที่กำลังทำความเข้าใจถึงความรู้สึกในอดีต
เขาหวังจะให้ลูกรักของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เย่ว์หยางคิดว่าเสี่ยวเหวินหลีจะได้ฟื้นฟูความทรงจำจากครั้งก่อน
คาดไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวเหวินหลีจะปาดน้ำตาและโผเข้าอ้อมกอดของเย่ว์หยางและกลับไปเป็นเหมือนก่อน
“ไม่เป็นไร เจ้าเกิดใหม่แล้วไม่สามารถกลับคืนความทรงจำปกติได้
ได้มาเท่านี้ก็นับว่าไม่เลว”
เขาลูบหลังเสี่ยวเหวินหลีอย่างนุ่มนวลและปลอบโยนเธอ
ไม่ว่าเธอจะจำความทรงจำเก่าได้หรือไม่ก็ตาม
เขาก็ยังรักเธอเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง!
“เกิดอะไรขึ้น?”
เย่ว์หยางไม่กล้ารบกวนเสี่ยวเหวินหลีที่กำลังสำรวจรูปปั้นอย่างสงบ
เจ้าอ้วนไห่ เย่คงกระตือรือร้นใคร่รู้
ราชาหลิงหวิน เจ้าเมืองถูไห่และคนอื่นต่างกลัวผู้เฒ่าในร้านเหล้า แต่เพราะความผันผวนของพลังงาน
พวกเขาจึงวิ่งออกมานอกร้านเหล้ารีบโลดแล่นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เสี่ยวเหวินหลีกลายเป็นแสงสีรุ้งกลับเข้าไปอยู่ในร่างของเย่ว์หยาง
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย
แม้แต่ทหารผ่านศึกที่ใกล้ที่สุดก็ยังไม่รู้ไม่เห็นความคงอยู่ของเสี่ยวเหวินหลี
พวกเขามาถึงนานแล้ว
แต่ทั่วทั้งรูปปั้นยักษ์ทั้งหมดมีโล่พลังงานกันไว้ห้ามมิให้ใครเข้ามา
สิ่งที่พวกเขาสามารถเห็นได้ก็คือภาพปีศาจอสรพิษทองสูงสองร้อยเมตรกว่า
ที่เกิดจากพลังงาน ขณะรอคอยให้ม่านพลังขัดขวางหายไป
และผู้คนบินเข้ามา เสี่ยวเหวินหลีก็กลับเข้าไปซ่อนตัวแล้ว
เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นมองเห็นว่ารูปปั้นยักษ์ค่อยๆ
หักและพังทลายลงทีละชิ้นไม่หยุดหย่อนและถล่มลงกับพื้นกลายเป็นเศษซากก้อนศิลา
“ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรา
ข้าเพิ่งมาถึง”
เจ้าอ้วนไห่ยืนอยู่ข้างเย่ว์หยางและเสแสร้งว่าไม่เกี่ยวกัน ความจริงเขารู้แน่นอนว่านี่เป็นการกระทำของเย่ว์หยาง
แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญ เรื่องแบบนี้ไม่มีทางยอมรับได้แน่นอน
“ดูนั่น ไปกันเถอะ!” เย่คงแนะนำเย่ว์หยางให้จากไป
ไม่มีใครสนใจเจ้าอ้วนไห่และเย่คง
ทหารผ่านศึกเหล่านี้ตกใจและกลับคืนความสงบอีกครั้ง
กองเศษรูปปั้นมีคนหลายร้อยคนพันคนมองดูอยู่ ไม่มีใครพูดอะไร
พื้นที่เงียบกริบ
บรรยากาศกดดันจนถึงขีดสุด
ราชาหลิงหวินและถูไห่คิดว่าผู้เฒ่านี้จะต้องโกรธแน่นอน
ทันทีที่เขาระเบิดอารมณ์โกรธเหมือนสายฟ้าฟาด พวกเขาควรจะทำยังไง?
ราชาหลิงหวินไม่เชี่ยวชาญพลังวิญญาณพื้นฐานทั้งหก ได้แต่มองดูเย่ว์หยาง เขากับถูไห่ไม่ใช่คนโง่และรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณชายสามแน่นอน
เพราะก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้ขึ้น เขายืนอยู่หน้ารูปปั้น มิหนำซ้ำยืนถึงสองชั่วโมง
เย่ว์หยางดูเหมือนไม่เห็นภาพเหมือนจะขอความช่วยเหลือของราชาหลิงหวิน
เขายืนนิ่งอยู่กับที่อย่างสบายใจเหมือนกับว่าเขามีสิทธิ์จะยืนดู
ผู้เฒ่าที่อยู่ในร้านเหล้าเดินออกมา
จากนั้นก็เป็นชายชราที่หลับอยู่บนพื้น หญิงชราที่กวาดพื้น
ทั้งสามคนอยู่ข้างกองหินและก้าวไปบนกองหินมองหาชิ้นส่วนขนาดเล็กอย่างระมัดระวังตามลำดับและเก็บไว้ในอกไม่พูดอะไรและเดินออกไปเงียบๆ
ผู้เฒ่าในร้านเหล้าคงกลับไปดื่มเหล้า
ขอทานเฒ่ามองหามุมสงบและล้มตัวลงนอน
แต่แม่เฒ่ากวาดพื้นยังคงทำความสะอาดถนนต่อไปเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทหารผ่านศึกเดินมาข้างหน้าและทำอย่างเดียวกัน
ทุกคนเก็บเศษหินไว้คนละชิ้น
เมื่อเก็บแล้วก็เดินออกมาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
เจ้าอ้วนไห่และเย่คงกับคนอื่นยืนงงอยู่กับที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี
ห่างออกไปนอกเมืองห้าสิบกิโลเมตร มีขโมยระดับปราณฟ้าคนหนึ่งรีบเร่งเดินทางด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
ที่เมืองเจิ้งฝูในระยะห้าสิบกิโลเมตรเป็นพื้นที่ห้ามส่งเทเลพอร์ต
โจรผู้มีพลังปราณฟ้าผู้นี้ลอบออกมาจากเมืองขณะที่รูปปั้นปีศาจอสรพิษพังทลายกลายเป็นเศษซากหิน
เสียงกรีดร้องปลุกทุกคนในเมืองขณะที่มองดูด้วยความงงงวย เขารีบเร่งบินด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อส่งข่าว
หนึ่งกิโลเมตรสำหรับเขาใช้เวลาไม่กี่วินาที
โจรระดับปราณฟ้าดึงหินผลึกเทเลพอร์ตสีทองออกมาจากอก
ผลึกเทเลพอร์ตนี้มีราคาถึงหมื่นเหรียญทองแดนสวรรค์ ผลึกเทเลพอร์ตในเมืองธรรมดาเป็นสิ่งที่มีค่ามาก
ไม่มีใครยินยอมใช้กันง่ายๆ ตอนนี้เขาต้องใช้เพื่อจะได้จากไปอย่างปลอดภัย
เขาเชื่อว่าเมื่อส่งข่าวนี้ออกไปจะทำเงินได้เป็นจำนวนมากแน่นอน และจะมีแต่รายรับเพิ่มพูนทับทวีเป็นพันเท่า
ขณะที่เขาวิ่งหลบออกมาในระยะห้าสิบกิโลเมตรพ้นเขตจำกัดการเทเลพอร์ต
เขาใช้มือกระแทกผลึกเทเลพอร์ตสีทองทันที
รัศมีเทเลพอร์ตฉายแสงสว่างวาบ
เขาจะสามารถหนีได้อย่างรวดเร็วทันที
ขโมยปราณฟ้าดูมีสีหน้ากระหยิ่มปลาบปลื้มในโชคดีของตนเอง
เขาไม่ได้รู้สึกเลยว่า ในที่ด้านหลังมีกุหลาบสีแดงกำลังเร่งไล่ล่าตามหลังอย่างเร่งร้อน
ดอกกุหลาบบินอย่างแผ่วเบาเข้าที่หลังศีรษะของขโมยระดับปราณฟ้าและทะลุออกระหว่างคิ้วของเขา...
รัศมีเทเลพอร์ตฉายประกายวาบ
แต่ที่ผ่านเทเลพอร์ตเข้าไปได้นั้นเป็นร่างไร้วิญญาณ
ขณะนั้นในเมืองเจิ้งฝู
มีสวนดอกไม้ที่หญิงวัยกลางคนปลูกไว้ นางกำลังตำหนิเด็กสาวที่ขายข้าวสาลีหิมะหวาน “ถ้าเจ้าไม่อยากถูกกำจัด
ก็ต้องเร่งลงมือก่อน ปล่อยให้แมลงเล็กแมลงน้อยหนีไปได้ยังไม่เท่าใด แต่ทำให้ข้าสิ้นเปลืองดอกกุหลาบไปด้วยนี่สิ!”
เด็กสาวหวาดกลัวและแอบแลบลิ้นรับปากว่าครั้งต่อไปไม่กล้าแล้ว
“ข้าวสาลีหวานนี้ขายยังไง
ขายยังไง?” เย่ว์หยางไม่ทราบว่ามายืนข้างพวกนางเมื่อใด
และถือวิสาสะเปิดตะกร้าของเด็กสาวและหยิบของออกมา
“ข้าไม่ขายให้เจ้า ของหวานของข้าขายให้เฉพาะคนที่มีสายตาชื่นชมเท่านั้น” เด็กสาวถลึงตาใส่
นางไม่เคยเห็นคนไร้มารยาทหยาบคายเหมือนอย่างเย่ว์หยางที่เที่ยวเปิดตะกร้าของผู้หญิงโดยไม่บอกกล่าว
นางต้องการเอาคืนแต่เย่ว์หยางใส่ปากเคี้ยวหน้าตาเฉย ดังนั้นนางถลึงตาไม่พอใจ
“งั้นแสดงว่าฟรี”
ปฏิภาณของเย่ว์หยางไม่มีใครเทียบได้
เขาเอาของในจานในตะกร้าเทใส่กระเป๋าเขาโดยตรง
หญิงสาวแทบอยากกรีดร้อง
เจ้าผู้นี้เป็นใครกัน?
ของๆ ผู้หญิงใครจะหยิบฉวยได้หรือ?
ใบหน้าของสตรีวัยกลางคนมีสีหน้าเอ็นดูคนทั้งสอง
เหมือนกับผู้ใหญ่มองดูเด็กเล่นหยอกหัวกัน
เย่ว์หยางนอกจากจะกลั่นแกล้งหญิงสาวแล้ว
เขายังทำธุระที่สมควร
เขาดึงภาพวาดด้านหน้าแม่สี่ออกมาและให้หญิงวัยกลางคนดูและถามด้วยความจริงใจ
“ท่านเคยเห็นคนที่คล้ายกับรูปวาดนี่บ้างไหม? ถ้าท่านรู้จักนาง
ช่วยเล่าเรื่องนางให้ข้าฟังสักเล็กน้อยได้ไหม?
ข้าเกรงอยู่บ้างเหมือนกัน ข้าตามหานางมาเป็นเวลานานแล้ว!”
สตรีวัยกลางคนมองดูภาพวาดและส่ายศีรษะเล็กน้อยบอกว่านางไม่รู้
นางถามลอยๆ “นางเป็นเป็นอะไรกับเจ้า?”
“สมาชิกครอบครัว”
เย่ว์หยางตอบตามความเป็นจริง
“ข้าอิจฉานางจริงๆ มีสมาชิกมาตามหานางในแดนสวรรค์
สัมพันธ์ครอบครัวที่เก่าแก่ โอว..บางทีข้าเกรงว่า...” ดูเหมือนสตรีวัยกลางคนจะนึกถึงเรื่องในอดีตบางเรื่องได้
สีหน้านางดูสลดลงเล็กน้อย จากนั้นสีหน้านางคืนเป็นปกติ
นางยิ้มขณะมองเย่ว์หยางด้วยความเอ็นดู
“หนุ่มน้อยเจ้าแค่มาเที่ยวหรือตามหาญาติ? มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าต้องการหาคนช่วย
ข้ายังไม่พบเจอคนที่เหมาะสม
เจ้าจะช่วยข้าสักเล็กน้อยได้ไหม?”
“ถ้าให้ดูแลเด็ก อย่าถามหาข้า!” เมื่อเย่ว์หยางพูดเช่นนี้เขาหันไปมองทางหญิงสาวที่กำลังโกรธ
“เจ้าคิดว่าใครยังเป็นเด็ก?
ช่างไม่รู้จักดูตัวเองเสียเลย อายุแค่ยี่สิบ ยังเป็นแค่เด็กน้อย
ข้ายังเป็นผู้ใหญ่กว่าเจ้ามาก” หญิงสาวไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้เปรียบ
ลักษณะเขายังดูเด็ก แต่ไม่ได้หมายความเด็กจะถูกแกล้งไม่ได้
“ผู้ใหญ่เค้าจะคุยกัน เด็กอย่าพูดแทรกสิ” เย่ว์หยางโต้ตอบทันควันทำให้หญิงสาวโกรธมากขึ้น
“ไม่ต้องรบกวนให้เจ้ามาดูแลนาง
ข้าคงไม่สบายใจนักถ้าปล่อยให้นางวิ่งวุ่นไปทุกที่
บางทีหลังจากผ่านไปสักช่วงหนึ่งข้าคงจะพานางกลับไปดูแลก็ได้ !
ข้าอยากขอให้เจ้าช่วยตามหาสหายเก่าสองคน
เดิมทีเรามีกันสามคน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราพบกับศัตรูแข็งแกร่งทรงพลังหลายคน ข้าได้รับบาดเจ็บไม่รู้จะไปที่ไหน ข้าอยากให้เจ้าช่วยตามหาให้ที”
หญิงวัยกลางคนถอดแหวนระดับแค่เป็นรองสมบัติชั้นเทพจากนิ้วและส่งให้เย่ว์หยางเพื่อระบุว่านี่เป็นของที่ระลึกที่ทั้งสองรู้จัก
“ตามหาคนหาย
ภารกิจนี้ไม่ยาก เอาของให้ข้าก็ได้! “ เย่ว์หยางมองดูคนทั้งสอง
และรับแหวนระดับเป็นรองจากสมบัติเทพไว้ และตบอกรับรองว่าไม่มีปัญหา
“คนผู้นี้ไม่น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย!” หญิงสาวมึนงง นางคิดว่าเย่ว์หยางจะทำเสียของ
“รอข่าวดีจากข้าก็แล้วกัน”
เย่ว์หยางไม่สนใจหญิงสาวหันกายจากไปอย่างอารมณ์ดี
ขณะเดียวกันก็ชื่นชมแหวนระดับรองสมบัติเทพ ซึ่งทำให้หญิงสาวโกรธมาก
นางยกเท้าเตะเย่ว์หยางหลายเท้า น่าเสียดายที่เย่ว์หยางเหมือนกับมีตาข้างหลังใช้ท่าเท้าหลบหลีกได้อย่างแยบยล
หญิงสาวไล่จับอย่างอารมณ์เสีย ตะกร้าข้าวสาลีหิมะหวานตกลงพื้น
นางชูกำปั้นด่าว่าไล่หลัง “เจ้าวายร้าย สักวันข้าจะต้องเอาชนะเจ้า
และดูซิว่าเจ้าจะกระหยิ่มใจได้นานแค่ไหน”
“วันนี้อากาศดี๊ดี!”
เย่ว์หยางหัวเราะไม่สนใจหญิงสาวที่กำลังโกรธ เขารู้สึกสดชื่น
“เจ้าคนขี้โกง” นางร้องอย่างโมโห
“หนุ่มน้อยที่น่าสนใจ เด็กคนนี้เป็นใครกัน?” หลังจากเห็นภาพนี้สตรีวัยกลางคนคิดอยู่นาน ในที่สุดนางได้แต่ส่ายศีรษะหาคำตอบไม่ได้!
7 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ จะเพิ่มอีกสักคนหล่ะสิ
ยังยัง ยังไม่หยุดปักธงอีก
แกล้งเด็ก หึ หึ
บางครั้งอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลี่ กับ เสี่ยวเหวินหลี่ คือคนๆเดียวกัน
แต่มันจะเป็นแบบนั้นไหมน้อ.....
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น