ตอนที่ 777
โอกาสมาพร้อมกับความเสี่ยง
ดินแดนทุ่งน้ำแข็ง
ร่องรอยเมืองโบราณ
ร่องรอยซากถล่มของเมืองโบราณยาวเป็นแนวเขา เดิมทีเป็นพื้นที่รกร้างแห้งแล้ง
แต่ตอนนี้บนพื้นกลายเป็นที่ตั้งค่ายพักแรมมีชีวิตชีวา ทหารรับจ้าง
พ่อค้าและนักสู้ปราณฟ้านับหมื่นคนมาจากทั่วสารทิศและสร้างค่ายพักแรมขนาดใหญ่ที่นี่
ไกลออกไปมองเห็นได้จากท้องฟ้า
ในพื้นหิมะด้านล่างจะมีจุดดำชัดเจน
เมื่อเข้าไปใกล้จะพบว่าเป็นค่ายพักแรมเต็มลานหิมะสิ่งที่สะดุดตาที่สุดนี้ทำให้ผู้เดินทางไกลสามารถเห็นเป้าหมายได้จากระยะไกล
ใจกลางพื้นที่ตั้งค่ายพักแรมของทุ่งหิมะมีเสาเพลิงของเทพอัคคีสูงสามร้อยเมตรลุกโชติช่วงตลอดทั้งวันทั้งคืน
เปลวเพลิงลุกโชติช่วงนำทางผู้ผจญภัยจากทั่วสารทิศ
ราชาหลิงหวินเห็นเช่นนี้รู้สึกอิจฉาในใจ
ในฐานะนักสู้ระดับราชาแดนสวรรค์
เขาพยายามสร้างเสาเทพอัคคีในเมืองของเขาเองหลายครั้งคราเพื่อแสดงศักดิ์ศรีอำนาจของเขา
อย่างไรก็ตามเสาเทพอัคคีนอกจากได้รับหลังจากทำข้อตกลงกับตำหนักกลางแดนสวรรค์แล้ว
ยังสามารถสร้างเองได้
และราคาก่อสร้างแพงเป็นพันล้านเหรียญทองทำให้ราชาหลิงหวินยกเลิกความคิดเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเงินพันล้าน
เขามีแต่เขาไม่คิดว่าควรจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอย่างไม่ยับยั้งชั่งใจ
“ดูเหมือนว่าตำหนักกลางแดนสวรรค์จะล้ำหน้าเราไปก้าวหนึ่ง” เจ้าเมืองถูไห่เต็มไปด้วยความกลัว ความจริงตั้งแต่เมืองเจิ้งฝู
นอกจากเย่ว์หยางแล้ว คนอื่นไม่มีขวัญกล้าเทียมฟ้า
คนที่นั่น
แค่เพียงคนจรจัดทหารผ่านศึกที่นอนอยู่ริมถนนเมืองเจิ้งฝูก็มีพลังปราณฟ้าระดับห้า
เรื่องนี้ทำให้ราชาหลิงหวินที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับห้าขั้นสูงรู้สึกด้อย
ไม่ต้องพูดถึงถูไห่ที่มีพลังปราณฟ้าระดับห้า การแสดงอาการเช่นนั้นของพวกเขาทำให้รู้สึกน่าผิดหวัง ต่างจากเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่น เจ้าอ้วนไห่และเย่คงกับคนอื่นไม่ได้มีพลังระดับผู้นำเลย
นอกจากเย่ว์หยางที่มีพลังผิดธรรมดาแตกต่างจากคนอื่น
ทำให้พวกเขาติดตามด้วยความยากลำบาก
แน่นอนหากเจ้าอ้วนไห่และเย่คงและคนอื่นรู้สึกด้อยพลังเป็นเรื่องของความกลัวแบบหนึ่ง
พวกเขาก็แค่กลัวและหมอบลง
ราชาหลิงหวินและเจ้าเมืองถูไห่เป็นคนประเภทชอบความก้าวหน้า
ถ้าพวกเขาไม่สามารถออกจากความรู้สึกพ่ายแพ้นี้ได้
อย่างนั้นพวกเขาจะไม่มีอนาคตที่ก้าวหน้าอีกต่อไป
ความคิดในขอบเขตของนักสู้ย่อมไม่เท่ากันแน่นอน
ความคิดของนักสู้อาจไม่ได้กล้าแข็งขึ้นมาในทันที
แต่ถ้าไม่มีความคิดของนักสู้ ก็ยากจะกลายเป็นนักสู้
เส้นทางของการฝึกฝนก็เหมือนกับการแล่นเรือออกทะเล
ถ้าไปไม่ได้ก็ต้องถอย
“ก็แค่การจัดการระยะยาวขึ้นมาเล็กน้อย
ใช้เล่ห์เหลี่ยมอิทธิพลให้คนภักดี ทั้งที่หัวใจยังแฝงด้วยความโลภ” เย่ว์หยางเย้ยหยัน
แน่นอนว่าเขาจะไม่บอกว่ามีคนระดับเจ้าตำหนักของตำหนักกลางแดนสวรรค์สั่งการให้นักรบแดนทมิฬทำลายโบราณสถาน
ใช้วิธีการกวนน้ำให้ขุ่นและถือโอกาสขยายอำนาจครอบงำแดนสวรรค์ตะวันตก
กลอุบายเล็กน้อยนี้เย่ว์หยางใช้หัวแม่เท้าตรองก็ยังคิดออก
เหตุผลก็คือสามจอมภพแดนสวรรค์หนีออกมาจากผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ได้และกลับมายังแดนสวรรค์
ตำหนักกลางแดนสวรรค์พยายามฉวยโอกาสขยายอิทธิพลเข้าแดนสวรรค์ตะวันตก ถ้าพวกเขาจะไม่มีวันกลับมาอีกตลอดไป
ตำหนักกลางแดนสวรรค์จะสนับสนุนให้นักสู้ระดับจักรพรรดิให้เป็นผู้นำ
ดูเหมือนว่าตำแหน่งของสามจอมภพแดนสวรรค์ตะวันตกจะทำให้อำนาจในแดนสวรรค์ตะวันตกทั้งหมดมีความสมดุล
ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีคุณสมบัติจะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง
พวกเขาต้องการได้รับการสนับสนุนจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
จากนั้นตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะขยายอิทธิพลได้กว้างขวางในแดนสวรรค์ตะวันตก อย่างไรก็ตามซิวคง จิ่วเซียวและหมิงเยี่ยกวงกลับมาแล้ว
ทุกอย่างที่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ทำไว้ก่อนนั้นถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่ต้องการคว้าน้ำเหลว
ก่อนที่จิ่วเซียว ซิวคงและหมิงเยี่ยกวงจะฟื้นฟูพลังได้เต็มที่
ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกไม่ได้เลย
เหตุผลที่มีนักรบแดนทมิฬปรากฏออกมา
ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
เนื่องจากต้องโทษถึงตายจึงทำให้นักรบแดนทมิฬเหล่านี้ทุ่มเทกำลังเต็มที่
เรื่องนี้เย่ว์หยางไม่บอกกล่าวกับพวกแดนสวรรค์
ตรงกันข้าม เขาเก็บไว้เป็นความลับ
เพราะตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์และสามจอมภพแดนสวรรค์ซิวคง
จิ่วเซียวและหมิงเยี่ยกวงมีการต่อสู้กันเองลับๆ
สำหรับตัวเขาย่อมได้รับประโยชน์อย่างมาก
เหมือนนั่งบนภูดูเสือกัดกันซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่สุด
เย่ว์หยางแค่ต้องเติมเชื้อไฟให้แดนสวรรค์ตะวันตกปั่นป่วนวุ่นวายมากขึ้น ยิ่งวุ่นวายมาก หอทงเทียนก็ยิ่งได้เปรียบ
ทำให้มีเวลาและโอกาสชนะมากขึ้น
สองฝ่ายไม่ปรองดองกัน มือที่สามย่อมได้ประโยชน์
กล่าวคือสถานการณ์ในปัจจุบันของเย่ว์หยาง
เขาเผชิญหน้ากับโอกาสที่เขาจำเป็นต้องฉวยคว้าเอาไว้
นี่ไม่ใช่เพียงเพื่อตัวเขาเอง
แต่เพื่อโอกาสในอนาคตเมื่อนางพญาเฟ่ยเหวินหลีออกมาจากผนึกหลุมดำ
เพื่อปณิธานต่อสู้ของจักรพรรดิอวี้ เพื่อความก้าวหน้าของจื้อจุน จักรพรรดินีราตรี
และเหล่าจักรพรรดิหอทงเทียนมีมารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกร จักรพรรดิใต้พิภพ ..
เสวี่ยอู๋เสีย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เจ้าเมืองโล่วฮัว นางเซียนหงส์ฟ้า อี้หนาน
เย่ว์หวี่ เย่ว์ปิง เย่ว์ซวง ไห่อิงอู่ จุ้ยมาวอี้ (สาวขี้เมา) ราชันย์ปีศาจใต้
เจ้าอ้วนไห่ เย่คง เสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัวและนักรบรุ่นใหม่คนอื่นๆ
หลังจากตกต่ำมานานหกพันปี อย่าว่าแต่ทำให้ดีกว่าเลย
แค่ให้ได้ระดับปราณฟ้าก็ต้องใช้ความพยายามนานนับรุ่นไม่ถ้วน
เย่ว์หยางไม่ต้องการเช่นนั้น
เขารู้สึกว่าเขาควรจะยืนหยัดขึ้นและนำทุกคนไปด้วยกัน
ไล่ตามระดับปราณฟ้าให้ทันและทำให้ได้ดีกว่าบรรพบุรุษ
ก้าวเข้าสู่ระดับนักสู้ของแดนสวรรค์
เป้าหมายสูงสุดในใจเย่ว์หยางไม่ใช่หยุดอยู่แค่แดนสวรรค์ แต่เป็นการเข้าสู่โลกที่ลึกลับเต็มไปด้วยความคลุมเครือ
เทพเจ้าในตำนาน โลกและชีวิต บางทีอาจเป็นเทพเจ้า
บางทีอาจเป็นโลกของเผ่าบูรพาอมตะก็ได้
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม
โลกเหล่านี้คือเป้าหมายของเย่ว์หยาง
ใกล้เข้าไป
ใกล้เข้าไปพื้นที่ตั้งค่ายทุ่งหิมะ
ตอนนี้สามารถมองเห็นลานตั้งค่ายพักแรมมีขนาดใหญ่โตมาก
แม้จะไม่ได้อยู่ในเมืองก็ตาม
เรือเหาะที่สวยงามโอ่อ่ายังไม่ทันเข้าไปใกล้ ก็มีอัศวินกริฟฟินราวสองร้อยนาย
แต่ละนายมีพลังระดับเตรียมปราณฟ้า ที่แขนพวกเขาติดตราเครื่องหมายตำหนักกลาง
ผูกสอดเกราะรบที่สง่างามตั้งแถวรอต้อนรับ
หนึ่งในหัวหน้ากองโบกธงต้อนรับตะโกนเสียงดัง “กองพันที่สามเทพอัคคี ตำหนักกลางเขตสิบเก้ายินดีต้อนรับท่านนักสำรวจผู้กล้าหาญและยินดีด้วยกับการเดินทางเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่สมบูรณ์เราหวังว่าท่านผู้มีเกียรติจะรายงานชื่อและลงทะเบียนเพื่อไม่ให้เกิดการสับสนวุ่นวาย ที่นี่จะแตกต่างจากสมาคมสำรวจที่ตั้งไว้เพียงชั่วครั้งคราว
เราเปิดบริการฟรีทุกอย่าง
ขอต้อนรับพวกท่านอีกครั้ง!”
“เรามาจากพื้นที่รกร้างที่แปดของแดนสวรรค์ตะวันตก
ภูมิภาคง้าวเงิน ทวีปลมคำราม อาณาจักรหลิงหวิน
ข้าราชาหลิงหวินพาบริวารและสหายมาเยือน”
ราชาหลิงหวินรู้ว่าเย่ว์หยางต้องการปกปิดสถานะพลังเพื่อมาสำรวจ
และเขาจะไม่ทำตัวโดดเด่นเช่นกัน
ในฐานะราชา
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ในแดนสวรรค์ แต่ก็ยังคงมีอิทธิพลอยู่บ้าง
นายกองกองทัพเทพอัคคีที่สามตกใจ
รีบนำกลุ่มทหารแสดงความเคารพอีกครั้ง
และจัดทหารให้ดูแลราชาหลิงหวินอีกครั้ง
พวกเขาจัดให้เรือเหาะที่โอ่อ่าหรูหราจอดในที่จัดให้ต่างหากจากคนธรรมดา
สมาคมนักสำรวจและผจญภัยทราบข่าว
หลายคนเป็นนักรบปราณฟ้าระดับห้าพากันหัวเราะร่า เข้ามาทักทาย เพราะพวกเขาเป็นสหายเก่ากันอยู่แล้ว
“ข้าเคยบอกแล้วว่าเฒ่าหลิงหวิน เจ้าเอาแต่รักความสะดวกสบายเกินไป
ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ามีเวลาว่างมาสำรวจที่เสี่ยงอย่างนี้
คนร่ำรวยอย่างเจ้า ควรจะกินเหล้าเคล้านารีเสวยสุขอย่างพระราชานั้นไม่ถูกหรือ? ครั้งสุดท้ายเจ้าบอกว่าเจ้าไม่สนใจอะไร
แต่คราวนี้เจ้าใช้เรือเหาะเลิศหรูมาเยือนถึงที่นี่ได้ มามา มาเถอะ พวกเราสหายเก่าหลายคนไม่ได้ร่วมดื่มสังสรรค์กันมานานแล้ว”
บุรุษประหลาดที่เป็นผู้นำเข้ามากอดราชาหลิงหวินก่อน
“เยี่ยมมาก” ราชาหลิงหวินฝืนยิ้ม
ถ้าเขาไม่มากับคุณชายสามตระกูลเย่ว์ เขายังจะยอมมาในที่อันตรายอย่างนี้หรือ? ในที่นี้ไม่ว่าจะค้นหาสมบัติหรือไม่ก็ตาม มักอดไม่ได้ที่จะมีส่วนร่วมในวังวนการต่อสู้
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับการกลายเป็นสหายของคุณชายสามตระกูลเย่ว์
ราชาหลิงหวินรู้สึกว่าการต่อสู้เป็นเรื่องจำเป็น
ไม่มีเวลาจะสูญเสียต่อไปอีกแล้ว
เขาคาดว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์คือผู้สูงส่งจากเผ่าบูรพาอมตะ
ถ้าพลาดไม่ได้เป็นสหายกับเขาคงเป็นเรื่องที่น่าเสียใจไปตลอดชีวิต
ได้เป็นพระราชาที่มีชีวิตสงบสุขย่อมเป็นเรื่องดี แต่ปัญหาก็คือจะเป็นราชาได้สงบสุขนานแค่ไหน?
ในแดนสวรรค์ผู้คนมักจะท้าทายต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่ง ถ้าไม่มีพลังมากพอ
ไม่มีอำนาจสนับสนุนเพียงพอ
ผลสุดท้ายก็มีแต่เพียงโศกนาฏกรรม
ภายใต้ร่มเงาไม้ใหญ่อุดมสมบูรณ์
เขาให้การยอมรับว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์มีศักยภาพเติบโตเป็นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาที่สมบูรณ์
ราชาหลิงหวินจะไม่แนะนำเย่ว์หยางที่มากับเรือเขากับคนเหล่านี้
เขาแค่นำเจ้าเมืองถูไห่เข้ามาร่วมในงานเลี้ยงต้อนรับของเขา
และให้ทีมงานทำงานกันอย่างระมัดระวัง
กลุ่มปฏิบัติการนำโดยเจ้าอ้วนไห่และเย่คงและคนอื่น เข้าไปในพื้นที่ตั้งค่ายพักแรม
และแสวงหาข่าว หลังจากใช้เวลาสองชั่วโมงและเสียทองอีกหลายหมื่นเจ้าอ้วนไห่กับพวกก็กลับมาจากพื้นที่ค่ายพักแรม
แม้ว่าซากสิ่งก่อสร้างโบราณจะถูกค้นพบมาถึงครึ่งปีแล้ว แต่เพราะกำลังคนและเงื่อนไขจำกัด
ดังนั้นจึงแทบไม่มีใครเข้าไปสำรวจ
มีการรวมกลุ่มพยายามเข้าไปสำรวจเพียงครั้งเดียว
แต่ถูกทำลายหมดสิ้นเมื่อสามเดือนที่แล้ว
ตอนนี้ลานหิมะสำหรับตั้งค่ายพักแรม
มีนักสู้ปราณฟ้าถึงพันคนและระดับเตรียมปราณฟ้าอีกหมื่นคน
ยกเว้นแต่พวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์และอิทธิพลของจักรพรรดิในดินแดนหิมะ
ยังมีกองกำลังสามฝ่าย ก่อนหน้านี้ก็คือกองกำลังเขตรกร้างที่แปดของแดนสวรรค์ที่มาต้อนรับกลุ่มของราชาหลิงหวิน
ยังมีกลุ่มนักสำรวจที่ทรงอิทธิพลอีกสองกลุ่มคือ กลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงคราม
เงื่อนไขการเข้าสำรวจเมืองโบราณ
จะต้องเป็นระดับปราณฟ้าเท่านั้น
ระดับเตรียมปราณฟ้าไม่สามารถเข้าไปได้
นั่นหมายความว่ากลุ่มแรกที่ถูกทำลายไปนั้นเป็นกรณีศึกษา ทหารรับจ้างระดับปราณฟ้าเข้าเมืองโบราณ
ถ้าอยู่ได้เกินสิบนาทีจำนวนคนไม่ได้รับผลกระเทือน
ระดับนักสู้ปราณฟ้าที่อ่อนแอที่สุดรอดชีวิตอยู่ได้นานครึ่งวัน
ผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุดมีพลังปราณระดับห้า
ก่อนตายของบอกว่าเขาต้องรอดให้ได้ในเมืองโบราณนั้นให้ได้สิบวัน เพราะไปกระตุ้นการทำงานของกฎสวรรค์
ก่อนตายเขาบอกความจริงกับสหายและรีบกลับไปเสี่ยงชีวิต
“มีสมบัติเงินทองมีค่าที่พวกท่านคิดไม่ถึงอยู่ภายใน
ถ้าท่านไม่กลัวตายก็ไปได้เลย
ถ้าเจ้ากลับออกมาได้ ในไม่ช้าก็จะถูกทำลายโดยกฎสวรรค์เหมือนข้า
จากนั้นเจ้าจะกลายเป็นผู้ส่งสารแดนสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มาเถิดนักรบผู้กล้า
ความขลาดเขลาไม่มีทางจะทำให้เทพธิดาแห่งโชคอยู่กับเจ้า ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว
กระดูกของเรายังจะเดินหน้าต่อไป” นี่คือคำพูดของนักสู้หัวหน้ากลุ่มสำรวจก่อนตาย
เพราะคำเตือนของเขาทำให้กลุ่มสำรวจที่มาทีหลังไม่กล้าด่วนลงมือ
ทั้งยังเป็นเพราะประสบการณ์ของเขา ทหารรับจ้างผู้กล้าหาญต่างเดินทางเข้ามา
กระแสของนักรบแดนสวรรค์กล้าแกร่งเป็นพิเศษ
โอกาส
การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มักผูกพันกับความแข็งแกร่งเสมอ
หากต้องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ครั้งใหญ่
ก็ต้องมีพลังเพียงพอ
ขณะเดียวกันต้องกล้าเดินหน้าเสี่ยงโดยไม่เสียใจภายหลัง!
“น่าสนใจ ดูเหมือนจะไม่ใช่การหลอกลวง
ข้าชักจะสนใจบ้างแล้ว”
เย่ว์หยางเริ่มคิดว่าร่องรอยเมืองโบราณนี้อาจเป็นแผนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
ข้อมูลในตอนนี้ดูเหมือนว่าเมืองโบราณจะมีอยู่จริง
นอกจากนี้โอกาสเสี่ยงมีพอสมควร...
8 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น