วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 779 โจมตี สาเหตุความตายลึกลับ


ตอนที่  779  โจมตี สาเหตุความตายลึกลับ
หุบเขาพิรุณมีทางเลี้ยวเก้าแห่ง ทางผ่านตรงสิบแปดแห่ง
 
สิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดก็คือทางเดินเขาวงกตนี้เต็มไปด้วยทางเดินเชื่อมถึงกันมากมาย ไม่ใช่แค่มีทางเลือกเดียวสำหรับเดินขึ้นหน้า ภายใต้พายุลมรุนแรง ผู้เข้าทดสอบจะหลงตำแหน่งทิศทางได้ง่าย จนถึงบัดนี้เย่ว์หยางจึงค่อยเข้าใจชัดเจนว่าทำไมถึงไม่อนุญาตให้บินขึ้นฟ้า  เพราะการบินขึ้นฟ้าจะทำให้มองเห็นเขาวงกตได้ทั้งหมด และไม่อนุญาตให้อัญเชิญอสูร เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้อสูรที่มีประสาทดมกลิ่นที่ดีในการนำทาง  โดยให้ผู้เข้าทดสอบสามารถใช้ความสามารถของตนเองหาทางออกที่แท้จริงในหุบเขาพิรุณให้พบ
นี่คือการฝึกฝนอย่างหนึ่ง
เย่ว์หยางรออยู่ที่สามแยกอยู่นานและพบว่ารองเจ้าตำหนักไม่พบเส้นทางที่แท้จริงถึงสองครั้ง  เขาไม่สามารถค้นพบเส้นทางที่แท้จริง จึงอดรู้สึกเบื่อไม่ได้
รองเจ้าตำหนักก็มีความสามารถในการจำดีเป็นพิเศษ  ตราบใดที่มีทางผ่านไปได้ เขาจะไม่มาย้อนซ้ำทางเดิม  อย่างไรก็ตามในการเผชิญกับทางแยกที่แปลกประหลาดอย่างสิ้นเชิง เขาได้แต่เลือกเส้นทางในลักษณะเสี่ยงดวงเท่านั้น และไม่สามารถมองออกได้เหมือนกับเย่ว์หยางที่ใช้พลังตาทิพย์
 “อ๊า.....”
มีเสียงร้องโหยหวนดังในที่ห่างไกลออกไป
แม้ว่าจะมีพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรง แต่เสียงร้องโหยหวนของการโจมตีและมีคนได้รับบาดเจ็บยังคงดังชัดเจนเหมือนฟ้าร้องกึกก้องดังผ่านท้องฟ้า
แม้แต่รองเจ้าตำหนักที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าหันขวับกลับมาทันที ด้วยสีหน้าระมัดระวัง
นอกจากตัวเขาเองแล้ว ยังมีคนอื่นเข้ามาในสถานที่นี้
นอกจากนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่คนเดียว
รองเจ้าตำหนักวิ่งไปตำแหน่งนั้นทันทีและพบบุรุษชุดดำถือดาบสั้นเปื้อนเลือด
มีดสั้นระดับศักดิ์สิทธิ์สีเข้มเหมือนหมึก เลือดแต่ละหยดที่หยดลงน้ำ จะก่อให้เกิดพิษกลายเป็นควันสีฟ้ากลุ่มหนึ่ง  บุรุษชุดดำเมื่อเห็นรองเจ้าตำหนักมาแต่ไกลเขาแค่นเสียงเยาะเย้ยทันที “ผู้ที่ขวางทางข้าก็คือเจ้าตำหนักเว่ยซู่นี่เอง  ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ประกาศว่าจะไม่เข้ามาแทรกแซงการสำรวจไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมไม่รักษาสัญญา?”  “หมอปีศาจเว่ยจิงหลิว!  ความตั้งใจเดิมของข้าคือไม่เข้าไปยุ่ง แต่เจ้ากระทำการวุ่นวายไร้เหตุผลเกินไป ทั้งพวกเจ้าก็ฆ่ากันเองและชิงสมบัติกันอย่างโหดเหี้ยมที่นี่ ถ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ของข้าไม่เข้ามาก้าวก่าย จะให้ข้านั่งดูนักสำรวจที่มาตั้งค่ายจำนวนมากต้องสูญเสียชีวิตไปหรือ?”  รองเจ้าตำหนักเว่ยซู่มีประสบการณ์ต่อสู้ยาวนาน เขาปรับตัวตามสถานการณ์อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ยอมถูกฝ่ายตรงข้ามกล่าวหา  เขาถามด้วยความสงสัย “ใครกันที่วางพิษในร่างหมอปีศาจอย่างเจ้าได้? จักรพรรดิในจักรพรรดิ หรือว่าเป็นจักรพรรดิแห่งแดนดิน?”
 “ไม่ใช่, มันคือราชาเนตรปีศาจ”  หมอปีศาจเว่ยจิงหลิวแค่นเสียงตอบ
 “ราชาเนตรปีศาจก็มาด้วยหรือ?”  เว่ยซู่ได้ยินชื่อก็ประหลาดใจเล็กน้อย
 “ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ราชันย์หกจักรา ราชันย์วารีฟ้าและราชันย์กลืนสมุทรก็มา แต่พวกเขาอยู่ในหุบเขาพิรุณทิ้งข้ากับราชันย์เนตรปีศาจไว้ล่วงหน้าไปก้าวหนึ่ง”  หมอปีศาจเว่ยจิงหลิวถอนหายใจพ่นหมอกดำคลุมตัว และร่างกายที่บาดเจ็บหนักของเขาฟื้นฟูเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
รองเจ้าหนักเว่ยซูซ่อนรังสีฆ่าฟันไว้ครึ่งหนึ่ง ดวงตามีแววเสียใจ และเสียดายที่พลาดโอกาสสำคัญได้
แน่นอนว่าคำเตือนของเขาก็มีส่วนจริง
หมอปีศาจเว่ยจิงหลิวแม้ว่าระดับพลังจะไม่แข็งแกร่งเท่าเขา แต่ขึ้นชื่อในการใช้พิษ ระดับเทียบได้กับนักสู้แดนสวรรค์ระดับราชาชั้นธรรมดาในดินแดนที่ห่างไกล
แม้ว่าจะมีโอกาสที่ดี แต่รองเจ้าตำหนักเว่ยซู่ไม่สามารถกำจัดเขาได้ง่าย ก็เหมือนกับหมอปีศาจ ถ้าไม่สามารถฆ่าเขาได้ เขาจะสร้างความยุ่งยากได้ไม่สิ้นสุด  นอกจากนี้ยังมีราชันย์เนตรปีศาจ ราชันย์หกจักรา ราชันย์วารีฟ้าและราชันย์กลืนสมุทร แม้ว่ารองเจ้าตำหนักเว่ยซู่จะคิดว่าเขามีระดับสูงกว่าเล็กน้อย  แต่ทุกคนไม่อาจประมาทศัตรูได้
ถ้าสามารถมองหาพันธมิตรสักคน เช่นร่วมมือกับหมอปีศาจเว่ยจิงหลิว นั่นถือว่าเป็นความคิดที่ดี
สองต่อสี่ ต่อสู้กับสี่ราชันย์ที่แข็งแกร่งมากกว่า
รองเจ้าตำหนักคิดได้เช่นนี้ และหัวเราะทันที “หมอปีศาจ, สถานการณ์บังคับเช่นนี้ทำไมเราไม่ร่วมมือกันเล่า?  ถ้าสามารถค้นพบสมบัติในหุบเขาพิรุณได้ ข้าจะให้เจ้าเลือกก่อน ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เราให้ความสำคัญแก่พันธมิตรเสมอ เราไม่เคยคืนคำ” หมอปีศาจเว่ยจิงหลิวพูดประชดทันที “ใช่สิ, ถ้าราชันย์เนตรปีศาจทำให้สมองข้ากระทบกระเทือนได้ ข้าคงเชื่อเจ้าแน่!” “ความจริงไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์บังคับหรือมีความสนใจร่วมกัน ความร่วมมือของเราย่อมไม่มีความอันตรายแน่นอน ทำไมเจ้าถึงไม่เต็มใจที่จะเอาชนะศัตรู?” เว่ยซู่เหมือนกับว่าไม่ได้ยินคำพูดประชดประชันของหมอปีศาจ เขาหัวเราะ “ข้าเชื่อว่าราชันย์เนตรปีศาจคงซ่อนอยู่ในที่ห่างออกไป ตราบเท่าที่เราร่วมแรงกัน นอกจากเขาแล้ว ศัตรูที่เหลือยังมีราชันย์หกจักรา ราชันย์วารีฟ้า และราชันย์กลืนสมุทร เจ้าเองก็รู้ว่าราชันย์หกจักราเจ้าเล่ห์ นอกจากนั้นยังเห็นแก่ตัว คาดว่าเขาจะรักษาความเป็นกลางจะไม่เข้าร่วมต่อสู้ระหว่างเรา  ที่เหลือก็คือราชันย์วารีฟ้าและราชันย์กลืนสมุทร  พวกเขาจะขัดแย้งกันเสมอ แม้ว่าจะถูกบังคับให้ร่วมมือกัน แต่พลังความแข็งแกร่งก็ยังต่ำกว่าเรา  ข้าขอรับประกัน ตราบใดที่เจ้าร่วมมือกับข้าเว่ยซู่ ในการต่อสู้ทั้งหมด จะไม่ใช้ชีวิตของพันธมิตรแลกเอาชัยชนะแน่นอน คิดว่ายังไง?”  “พูดน่าฟัง แต่ข้าจะไม่เชื่อใจใครอีก  ราชันย์เนตรปีศาจกับข้าเป็นสหายรักมาหลายร้อยปีแล้ว  ทั้งหมดนั้นเริ่มมาจากผลประโยชน์  เจ้ายังจะยกเว้นได้หรือ?”  หมอปีศาจเว่ยจิงหลิวปฏิเสธการร่วมมือ และใช้มีดสั้นดำนำทาง
 “เอาเถอะ, เรายังมีเวลา เจ้าค่อยๆ คิดดู”  เว่ยซู่ไม่รีบร้อน และการกระทำของทั้งสองฝ่ายไม่ถือว่าจำเป็น
ตราบใดที่มีความต้องการเร่งด่วน ย่อมจะมีพันธมิตรคอยช่วยเหลือในเส้นทาง
ในเวลานั้นไม่ใช่แต่เพียงเขาเองเท่านั้น  หมอปีศาจเว่ยจิงหลิวก็ต้องการคนช่วย ดังนั้นความเป็นพันธมิตรดังกล่าวจึงถูกนำมาพิจารณาโดยธรรมดา ในสนามรบเว่ยซู่มีประสบการณ์มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อออกจากเขาวงกตของหุบเขาพิรุณเว่ยซู่ได้ยินเสียงแผ่วเบา
แม้จะไม่ชัดเจนในท่ามกลางเสียงลมและฝน แต่เว่ยซู่แน่ใจว่านี้คือราชันย์เนตรปีศาจ
ถ้าตกอยู่ภายใต้การโจมตีของราชันย์เนตรปีศาจและตอบโต้กลับได้สำเร็จ และทำร้ายราชันย์เนตรปีศาจจนบาดเจ็บสาหัสได้  เชื่อได้ว่าหมอปีศาจเว่ยจิงหลิวจะต้องยอมเชื่อความจริงใจของเขา
เพื่อให้บรรลุความเป็นพันธมิตร หรือกำจัดคู่แข่งที่มีศักยภาพไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็สมควรทำ  รองเจ้าตำหนักเว่ยซู่ลอบตื่นตัว อย่างนั้นก็ต้องเป็นราชันย์เนตรปีศาจลอบโจมตี  ถ้าไม่ใช่เพราะในหุบเขาพิรุณเต็มไปด้วยพลังกฎสวรรค์ แต่เป็นสถานที่อื่น เว่ยซู่คงรอรับการโจมตีจากราชันย์เนตรปีศาจไปแล้ว เพราะว่าด้วยพลังของรองเจ้าตำหนัก จะจัดการกับนักสู้ระดับราชาถือว่ามีพลังเพียงพอ  น่าเสียดายที่ในหุบเขาพิรุณ พลังของเขาลดลงไปมาก
แน่นอนว่าราชันย์เนตรปีศาจก็มีขีดจำกัดมากกว่าเช่นกัน
ทำยังไงจึงจะคว้าโอกาสโจมตีได้เต็มที่และทำให้ราชันย์เนตรปีศาจบาดเจ็บหนัก?
ราชันย์เนตรปีศาจมีพลังที่แข็งแกร่งมากและถนัดในเรื่องพลังโจมตีวิญญาณ  ตราบเท่าที่ใครมองดูตาของเขา จะตกอยู่ในความปั่นป่วนและพลังอ่อนแอลง และอาจทำให้ราชันย์เนตรปีศาจใช้เนตรปีศาจทำลายวิญญาณโดยตรง และฆ่าได้ทันที
อย่างไรก็ตามราชันย์เนตรปีศาจยังมีจุดอ่อน นั่นคือตาที่ใช้สร้างแสงสว่างจะได้รับบาดเจ็บ
จุดอ่อนนี้รองเจ้าตำหนักเว่ยซู่ก็เพิ่งรู้
 “หือ?”
ดูเหมือนว่าเป็นเสียงลมและเหมือนกับเป็นเสียงสายฝน
เว่ยซู่เข้าใจว่านี่เป็นเสียงลมและฝนที่ราชันย์เนตรปีศาจสร้าง  นี่คือการเริ่มต้นของฝ่ายตรงข้าม
 “ราชันย์เนตรปีศาจ ข้ารอเจ้ามานานแล้ว” รองเจ้าตำหนักเว่ยซู่ระเบิดออกมาเต็มที่ทันที  ทั่วทั้งร่างของเขาเปล่งแสงราวกับดวงอาทิตย์ รัศมีแสงส่องผ่านม่านสายฝนส่องสว่างไปทั่วหุบเขาพิรุณ ทำให้คนไม่สามารถลืมตาขึ้นได้  ในมือขวาของรองเจ้าตำหนักเว่ยซู่ ควบแน่นลูกบอลพลังแสงสว่างเทียบได้กับดวงอาทิตย์
ในขณะนั้นเองมันหมุนรอบตัวเอง เว่ยซู่ตวัดมือยอย่างรวดเร็วบอลแสงสว่างพุ่งผ่านราวกับสายฟ้า “ราชันย์เนตรปีศาจ  จงตาบอดเสียเถอะ!
บอลแสงระเบิดทันที
แรงระเบิดทำให้ทั่วทั้งหุบเขาพิรุณสั่นสะเทือน และพลังแสงสว่างเจิดจ้าทำให้ฟ้าและดินสูญเสียสีสัน
และประกายแสงส่องอยู่ทั่วทั้งหุบเขาพิรุณอยู่นาน
จนกระทั่งสามนาทีผ่านไปแสงจึงค่อยสลัวลงจนหายไปเหมือนเมื่อก่อน
หมอปีศาจเว่ยจิงหลิวไม่ต้องการก่อความยุ่งยาก  แต่ก็อดอยากรู้ไม่ได้ เขาต้องการเห็นว่ารองเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์จะมีพลังระดับไหน  นักสู้ปราณฟ้าระดับราชาจะต้านรับพลังนี้ได้หรือไม่  ราชันย์เนตรปีศาจและรองเจ้าตำหนักเว่ยซู่ไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าใด?
ภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตาเขาทำให้เขาตกตะลึง
น่าตกตะลึงอย่างเหลือเชื่อ
หมอปีศาจเว่ยจิงหลิวยืนนิ่งอยู่กับเป็นเวลานานราวกับโดนฟ้าผ่าใส่ ศีรษะมึนชาคิดอะไรไม่ออก
ไม่รู้ว่าเงาร่างสามร่างมาอยู่เงียบๆด้านหลังหมอปีศาจเว่ยจิงหลิวเมื่อใด  พวกเขาต้องการฉวยโอกาสนี้ฆ่าหมอปีศาจผู้ไม่ต้องการเห็นฉากภาพข้างหน้า และได้แต่หยุดตกตะลึง  และไม่รู้ตัวว่าจะตอบสนองอย่างไรเป็นเวลานาน   ที่ด้านหน้าของคนสี่คน พื้นที่ถูกพลังระเบิดเป็นหลุมขนาดใหญ่  นอกจากนี้มีการปกป้องพื้นที่โดยรอบด้วยพลังกฎสวรรค์ ด้านล่างถูกระเบิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่เท่าอุโมงค์เข้าเหมือง
ที่กลางอุโมงค์มีเสาหลักเพียงเสาเดียว
มีคนยืนอยู่บนนั้นคนเดียว
รองเจ้าตำหนักเว่ยซู่
เว่ยซู่ยังคงอยู่ในท่าควบคุมบอลพลังแสงเข้าโจมตีศัตรู แต่ร่างที่เห็นนั้นเป็นร่างตายแล้ว
แม้แต่เว่ยซู่ไม่รู้ว่าเขาตายเมื่อไหร่ แต่ใบหน้าของเขามีความพึงพอใจเหมือนกับว่าเขาเห็นราชันย์เนตรปีศาจกลายเป็นคนตาบอด  อย่างไรก็ตามเขาตายไปแล้ว.. ไม่มีบาดแผลบนร่างกาย  ยกเว้นดวงตาสูญเสียประกายชีวิตของคนที่มีชีวิตพึงมี และรอยฟัน  แม้แต่เกราะสมบัติก็ยังรักษาสมดุลร่างกายไว้ได้
ใครกันที่ฆ่าเว่ยซู่จากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้?
นี่คือรองเจ้าตำหนักที่มีสุดยอดพลังปราณฟ้าระดับหก เทียบกับนักสู้ปราณฟ้าระดับราชาเว่ยซู่ยังน่ากลัวมากกว่า แต่เขากลับตายอย่างเงียบงันในหุบเขาพิรุณนี้  ใครมีพลังความสามารถที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้?
หมอปีศาจมองดูด้วยสีหน้าตกตะลึง
เขานึกไม่ถึง
 “ลักษณะของเว่ยซู่ดูเหมือนเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ  แต่ภายในร่างกายเขามีบาดแผลรุนแรงอย่างน้อยสามแห่ง จุดแรกผลึกพลังงานในศีรษะของเขาแหลก ตราบเท่าที่เว่ยซู่ไม่มีสิ่งนี้เขาไม่สามารถสู้ได้  ประการที่สอง หัวใจปีศาจถูกฉกออกไป ในทำนองเดียวกันไม่มีหัวใจปีศาจ ต่อให้เว่ยซู่ไม่ตาย เขาก็ไม่สามารถรักษาร่างกายได้ ประการที่สามจุดเชื่อมวิญญาณ เว่ยซู่แผ่จุดเชื่อมวิญญาณไปที่แขนเพื่อค้นหาศัตรูและทำลาย  ดังนั้นแม้เว่ยซู่จะมีเกราะสมบัติป้องกันร่างกาย ต่อให้มีผลึกสวรรค์คืนชีพ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรอดชีวิตได้อีก  เพราะวิญญาณของเขาถูกทำลาย”  เงาร่างที่ผอมสูงพูดเสียงเย็นชาราวกับมนุษย์น้ำแข็ง
 “ราชันย์เนตรปีศาจ!  เป็นฝีมือเจ้าหรือเปล่า?”  เงาร่างทางซ้ายมือของสามคนเปล่งเสียงขึ้น
 “เหลวไหล!  ราชันย์หกจักรา!  เจ้าคิดว่าเนตรปีศาจของข้าสามารถฆ่ารองเจ้าตำหนักของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หรือ?  ถ้ามีพลังขนาดนี้ทำไมข้าต้องมาเสี่ยงชีวิตที่นี่  มิสู้ไปที่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ท้าทายตำแหน่งรองเจ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่ดีกว่าหรือ?”  คนผอมสูงและราชันย์เนตรปีศาจหลับตา
 “เจ้าไม่ได้ทำ  อย่างนั้นใครทำ?”  หนึ่งในสามคนพูดถึงปัญหานี้
 “ต้องมีคนอื่นอีกแน่ อาจจะมีมากกว่าคนหนึ่ง”  เงาร่างที่อยู่ขวามือสุดของสามคนคาดการณ์เช่นนี้
 “สามารถฆ่าเว่ยซู่ได้อย่างง่ายดายก่อนเรามาถึง คนผู้นี้อย่างน้อยต้องมีพลังระดับจักรพรรดิ  คราวนี้เราตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว”  หมอปีศาจเว่ยจิงหลิวหัวเราะ  “สั่นกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าสถานที่โบราณ ทุกชีวิตไร้ค่า ขนาดชีวิตของรองเจ้าตำหนักแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ยังไม่มีค่าอะไร  ฆ่านักรบปราณฟ้าระดับราชาได้ก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน! อยู่ต่อหน้านักสู้ที่แท้จริงเราแค่ใหญ่กว่ามดแมลงเล็กน้อยเท่านั้น ฮ่าฮ่าฮ่า!
 “ดีแล้ว คนที่ฆ่ารองเจ้าตำหนักของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูของเรา”  ราชันย์เนตรปีศาจแค่นเสียง  “ข้าคิดว่าเรื่องเดียวที่เราต้องกังวลในตอนนี้ก็คือตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  พวกเขาจะได้ข้ออ้าง และส่งกองทัพเข้ามา”
ในจุดค่ายพักแรมที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ บุรุษคนหนึ่งอยู่ในชุดคลุม
เมื่อเขาเห็นลูกผลึกบนโต๊ะแตกออกเป็นชิ้นๆ  เขาลุกขึ้นยืนทันทีและจับมือผู้อาวุโสของตำหนักด้วยความเคารพ  เขาโบกมือไปที่นอกประตูและสั่งการ  “สหายเว่ยซู่ที่อยู่ในเส้นทางสำรวจ ถูกฆ่าตายแล้ว เตรียมการเดี๋ยวนี้  แก้แค้นเพื่อล้างอายให้ได้ ฆ่านักสู้ปราณฟ้าที่อยู่ข้างในให้หมด ส่วนพวกที่ตั้งค่ายพักแรมข้างนอกเมื่อเราจากไป ปล่อยให้นักรบแดนทมิฬลงมือโจมตีทันที... แดนสวรรค์ตะวันตกสงบสุขมานานเกินไปแล้ว” !-!

8 ความคิดเห็น:

WingF กล่าวว่า...

ใครลงมือ พี่เย่ หรือ น้องฮุย

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

หมาฆ่ารึป่าว

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Lex กล่าวว่า...

ใช่ไอ้สาม กะ น้องฮุย หรือเปล่าที่ลงมือฆ่า

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chay กล่าวว่า...

เจ้าตำหนักเปนฆาตกร ฟันธง

แสดงความคิดเห็น