ตอนที่ 849
ความตายมิอาจพรากความสุข
สาวลูกครึ่งเอลฟ์เห็นแพนดอราเบี่ยงเบนพลังเทพได้
และเริ่มจางหายไปต่อหน้านางทีละนิดๆ
หัวใจนางเต้นแรง
นางต้องการจะหยุดไม่ให้แพนดอราจากไป แต่นางดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชน์
ไม่ว่านางจะทำยังไงก็ตาม
นางไม่สามารถผ่านเกราะป้องกันที่แพนดอรากางกักนางไว้ สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ถูกกักไว้
นางตระหนักได้ว่าแพนดอราที่มีชีวิตอยู่กำลังจะตายไปทั้งที่ยังยิ้ม
พลังเทพวิบัติมากมายมหาศาลกระจายออกไปทั่ว
แต่อสูรโลกของเย่ว์หยางตอนนี้ขยายออกไปหมื่นเมตร พลังเทพวิบัติหายไปโดยไม่ต้องใช้เวลา ปล่อยให้อสูรโลกกลืนกินอย่างบ้าคลั่ง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในยามสงบ
ตอนนี้แพนดอรากำลังว้าวุ่นใจและพยายามจะเอาชนะตนเอง พลังเทพวิบัติของนาง
กำลังเปลี่ยนไปเป็นพลังที่ไร้เจ้าของและปล่อยให้อสูรโลกกลืนกินโดยไม่ต้านทาน
แพนดอราเสียสละตนเอง
เดิมทีเย่ว์หยางมุ่งแยกพลังความเกลียดชังและพลังกฎหุบเขาราคะออกจากกัน แต่เขาสังเกตได้ทันที
เย่ว์หยางประหลาดใจและสนองตอบทันที
เขาบินเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
ต่อให้เจ้าตั้งใจเสียสละเพื่อข้า ก็ควรจะถามข้าว่าเห็นด้วยหรือไม่
เจ้ากลายเป็นคนเยือกเย็นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด?
ชีวิตของข้ายังต้องการให้ใครมาเสียสละให้อีก?
ไม่ต้อง!
ไม่มีทาง
“หยุดนะ, ข้าไม่เห็นด้วย, อย่าตัดสินใจตามอำเภอใจตัวเอง! ข้าบอกให้เจ้าฆ่าตัวตายตั้งแต่เมื่อใด? ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้น ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย” เย่ว์หยางโมโห
เขาหยุดการสลายพลังความเกลียดชังและกฎสวรรค์ และวิ่งเขาไปหาแพนดอรา
“ลากก่อน
ข้าได้ตระหนักรู้ถึงความหมายของความตายและความเสียสละ ลาก่อนขอให้โชคดี..” เสียงและรอยยิ้มของแพนดอรา
กระจายหายไปในแสงเทพ ในวินาทีสุดท้าย
นางยังคงสภาพที่สวยงามที่สุด ช่วงขณะที่นางไม่ต้องการจากไป เพราะความรู้สึกที่นางมีให้เขายังไม่สมบูรณ์ จะให้สมบูรณ์ ก็ต้องกล่าวอำลาเขา นางต้องการจากไปในช่วงเวลาที่งดงามที่สุด
และมอบความทรงจำที่งดงามที่สุดให้กับเขาตลอดไป
เย่ว์หยางวิ่งเข้าปะทะอย่างบ้าคลั่ง
เขาเข้าปะทะกับแสงเทพพยายามเอื้อมมือไปคว้าโอบกอดแพนดอราแนบอกไม่ยอมให้นางสลายไป
เมื่อเขาพบว่าการกระทำของเขาเป็นเพียงการเร่งให้พลังเทพของนางสลายไปอย่างรวดเร็ว เขาชูกระบี่ขึ้นด้วยความโกรธ
กระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียน
เย่ว์หยางไม่เคยใช้กระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนได้ทรงพลังขนาดนั้นมาก่อน
กระบี่พุ่งขึ้นผ่านฟ้าและดินตัดแยกออกจากกัน
แยกกฎสวรรค์ของหุบเขาราคะ และพยายามดึงแพนดอราออกจากผนึกของหุบเขาราคะ
เย่ว์หยางมุ่งมั่นอย่างเต็มที่พยายามรักษาสำนึกเทพที่เหลืออยู่ของแพนดอรา จนลืมไปว่าเขาตกอยู่ในอันตราย แพนดอรามีพลังเกลียดชังสะสมมาถึงแสนปี
พลังนั้นเข้าโจมตีเย่ว์หยางไม่หยุดเหมือนกระแสน้ำหลาก เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนวิญญาณแทบหลุดลอย
ความผิดพลาดที่น่าตกใจนี้ทำให้เขากระอักโลหิตออกมา
เมื่อเห็นเย่ว์หยางพยายามช่วยนางอย่างกล้าหาญโดยไม่คำนึงถึงตนเองจนถูกพลังความเกลียดชังทำอันตราย
แพนดอราที่เริ่มสลายไปแล้วไม่อาจรักษารอยยิ้มได้อีก นางหลั่งน้ำตาอย่างเงียบงัน นางเสียสละเพื่อตัวเขา
แต่เขากลับไม่ห่วงใยตนเอง.. นี่สินะรักแท้ที่เทพเจ้าโบราณเคยกล่าวถึงไว้
กระบี่ดำกุยจ้าง!
เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บสาหัสของร่างกายตนเอง
เย่ว์หยางไม่สนใจอะไรเท่าใดนัก
เย่ว์หยางใช้กระบี่ดำกุยจ้าง กระบี่นี้ฟันลงไปในพื้น ทำให้ปราณกระบี่แทรกลึกเข้าไปในพื้นที่ถึงเก้าในสิบแยกตัวเขาและอสูรโลกออกมาจากหุบเขาราคะ
ถ้าเย่ว์หยางไม่ช่วยแพนดอรา
อย่างมากเขาก็หลบออกจากพลังกฎสวรรค์ของหุบเขาราคะโดยใช้เข็มทิศสามพิภพในตอนนี้
ปราณกระบี่ทั้งสองถูกใช้ด้วยกันและเขาก็สร้างพื้นที่พิเศษให้ตนเองได้ ในโลกที่มีสำนึกเทพ
การหลบหนีออกมาจากหุบเขาราคะสามารถทำลายคำทำนายมรณะได้
แต่เย่ว์หยางไม่ทำเช่นนั้น
เขาไม่หนีออกมา
แต่พยายามอย่างดีที่สุดเท่าที่ทำได้ เขาใช้ปราณกระบี่ที่สาม กระบี่ขาวซวงหัว!
ประกายแสงบริสุทธิ์สดใสสีขาวรวมแน่นอยู่ในมือของเขา
กระบี่ขาวซวงหัวไม่ได้ทำลายสำนึกเทพที่กำลังสลายของแพนดอรา
แต่โอบล้อมแสงศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังสลาย
ร่างของเย่ว์หยางปลดปล่อยเพลิงอมฤต เขาไม่รู้ว่าเขาสามารถใช้เพลิงอมฤตชุบชีวิตของแพนดอราได้เหมือนภูตเพลิงฟ้าได้หรือไม่ แต่เขาต้องลอง
แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งในหมื่น
หรือหนึ่งในล้าน เขาจะไม่ยอมดูแพนดอราตายต่อหน้าโดยไม่ช่วยอะไร
“จงให้ชีวิตข้า!” เย่ว์หยางตะโกนลั่น
เพื่อช่วยแพนดอรา
เย่ว์หยางลืมทุกอย่าง
อย่างไรก็ตามกระแสพลังความเกลียดชังแสนปีที่เชี่ยวกรากในตอนนี้กดเขาจมลงภายใต้กระแสในทันใด
เขากระอักโลหิตเต็มปาก สติเริ่มเลือนราง
เย่ว์หยางคร่ำครวญโหยหวนในใจ
และใช้สัญชาตญาณอัญเชิญคัมภีร์เทพฤทธิ์ที่ไม่เคยอัญเชิญสำเร็จมาก่อน...
เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงทำในขณะที่ใกล้ตาย
แม้แต่ตอนที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดการอัญเชิญคัมภีร์เทพก็ยังเป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ไม่มีเหตุผล เป็นเรื่องการพึ่งพาสัญชาตญาณ สัญชาตญาณที่สานต่อความหวัง!
ถูกแล้ว
เมื่อมีความหวัง
จะต้องสำเร็จแน่นอน
ผู้คนมิอาจละทิ้งความหวัง
ตราบใดที่มีความหวัง พวกเขาย่อมทำได้สำเร็จ
นางต้องมีชีวิต ต้องมีชีวิตต่อไป...
เย่ว์หยางจมลงในโลกมืดมิดและล้มลงกับพื้น
ทั่วทั้งหุบเขาราคะเปลี่ยนแปลงทันที
มีรัศมีศักดิ์สิทธิ์ที่มิอาจบรรยายได้ฉายส่องราวกับเทพเจ้าปรากฏ
ทรงพลังมากกว่าพลังเทพวิบัติของแพนดอรา
สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในหุบเขาราคะถูกกวาดหายไป
มนุษย์พฤกษาบางต้นถูกกวาดล้างทำลาย พวกที่ดวงวิญญาณมีบาปหนา แม้แต่วิญญาณก็ถูกทำลายล้างหายไปด้วย
พลังกฎสวรรค์ของหุบเขาราคะนี้ปะทะกับพลังเทพนี้ก่อให้เกิดคลื่นขนาดเล็กที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
พลังทั้งสองฝ่ายโรมรันพันกันเป็นระลอกคลื่น
ขณะนั้นไม่ว่าใครจะมีพลังสูงส่งมากมายขนาดไหนก็ไม่สามารถเห็นร่างเย่ว์หยางได้ชัด
ร่างของเขาเปล่งแสงรัศมีเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์ร้อยดวง
และเป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นว่าภายในมีคัมภีร์เทพหรือไม่
เสียงหงส์เพลิงร้องดังกึกก้องทั่วท้องฟ้าและพื้นโลก
เพลิงอมฤตสองกลุ่มบินออกมาจากแสงเทพศักดิ์สิทธิ์และเข้าไปในร่างของเย่ว์หยางรักษาอาการบาดเจ็บฟื้นฟูสภาพร่างกายด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
พลังความเกลียดชังของแพนดอราที่สะสมมาแสนปีระเบิดออก
พร้อมกับพลังของอสูรโลกที่ปล่อยให้พลังเทพวิบัติระเบิดเข้ามา
สร้างเป็นพลังงานทำลายที่แตกต่างไม่เหมือนใคร
จากนั้นเป็นพลังกฎสวรรค์ประจำหุบเขาราคะร่วมผสม
ทำให้เกิดพลังสะท้อนกลับขนาดใหญ่ที่สุด
อย่าว่าแต่พลังระเบิดทั้งสามส่วนนี้เลย
หากปล่อยให้เย่ว์หยาง สาวลูกครึ่งเอลฟ์และสำนึกเทพของแพนดอราไว้ในหุบเขาราคะ พื้นที่หุบเขาราคะทั้งหมดจะถูกทำลายในไม่ช้า
กระบี่เล่มหนึ่งปรากฏ
สูงประมาณสามร้อยเมตร
ด้านหน้าสีดำรียวไม่มีแสง
มีสิ่งมีชีวิตนับพันในโลกที่มีความสามารถในการดูดซับพลัง
แต่ไม่สามารถดูดซับหรือสะท้อนพลังอสูรโลกได้อย่างสมบูรณ์ กระบี่ดำกุยจ้างนี้มีพลังที่แท้จริง กระบี่กุยจ้างของเย่ว์หยางทรงพลังมหาศาล แต่เมื่อเทียบกับกระบี่ยักษ์นี้ยังแตกต่างกันอย่างมากมาย
กระบี่กุยจ้างของเย่ว์หยางเปรียบเหมือนกับแม่น้ำ
ส่วนกระบี่ใหญ่นั้นเหมือนกับมหาสมุทร
กระบี่ยักษ์นั้นสามารถหยุดพลังเทพวิบัติ
พลังความเกลียดชังที่สะสมมาแสนปีและพลังกฎสวรรค์ประจำหุบเขาราคะ
กระบี่ยักษ์นี้แยกพลังทั้งสามออกจากกันได้อย่างสมบูรณ์
กระบี่วิเศษที่ยอดเยี่ยมและลึกลับนี้แยกพลังทั้งสามที่เริ่มการระเบิด เย่ว์หยางอาจต้องใช้เวลาหนึ่งปีกว่าจะสำเร็จพลังกระบี่นี้ได้อย่างสมบูรณ์
กระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัวในตอนนี้ยังคงทำงาน
เทียบกับกระบี่ขาวซวงหัวของเย่ว์หยางแล้ว รัศมีกระบี่ซวงหัวเจิดจ้าสว่างกว่าเป็นล้านเท่า
สามารถกวาดล้างพลังงานชั่วร้ายได้ดีที่สุด
พลังเกลียดชังแสนปีของแพนดอราเหมือนกับโคดินปั้นที่ถูกโยนลงทะเล
ถูกแสงกระบี่ละลายหายไปช้าช้า
เปลี่ยนพลังปั่นป่วนให้เป็นพลังที่ไม่มีคุณสมบัติอะไร กำจัดพลังงานชั่วร้ายด้วยกระบี่ขาวซวงหัว
พลังเกลียดชังแสนปีเริ่มละลายสลายไป อีกกระบี่หนึ่งฟันใส่กลุ่มแสงที่เป็นสำนึกเทพจุดที่แพนดอรากำลังจะสลายไป กระบี่นี้นำพาเอาสำนึกเทพของแพนดอรากลับมา
ขณะนั้นเย่ว์หยางโน้มตัวเลือดของเขากระเซ็นในอากาศ
กระบี่ซวงหัวทะลุเกราะป้องกันและเขียนสลักที่หน้าผากสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์
สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์สั่นเล็กน้อยจากนั้นก็ปะทะกับแสงสำนึกเทพทันที
กระบี่ซวงหัวหายไป
เหลือแต่เพียงพลังคับแค้นแสนปี
กระบี่ดำกุยจ้างยังคงเปลี่ยนแปลงพลังเทพวิบัติ
จนกระทั่งหายไปในระหว่างฟ้าและดิน
พลังงานกลุ่มที่สองที่ใหญ่กว่าเข้าปะทะที่ร่างเย่ว์หยาง
หลังจากพลังงานปั่นป่วนกลุ่มแรกผ่านไปแล้ว
อสูรโลกกำลังหดตัวอย่างรวดเร็วปรับขนาดมาอยู่ที่ร้อยเมตรจากที่ขยายไปหมื่นเมตร ผสานสนามพลังไว้ในที่เดียวกัน
อัญมณีสนามพลังสร้างโลกไม่จำเป็นต้องผูกพันกับสติของเย่ว์หยาง
มันขยายออกโดยอัตโนมัติ
รับเอาพลังงานทั้งสองกลุ่มไว้ในที่เดียวกัน
บีบอัดไว้เป็นจุดพลังเล็ก เหมือนเป็นแหล่งกำเนิดจักรวาล
พลังกฎสวรรค์ประจำหุบเขาราคะซึ่งถูกสะท้อนกลับไปเพราะแรงปะทะ
กลับสู่สภาพเดิมในช่วงก่อนที่มีการหลอมรวมกับพลังความคับแค้นและพลังเทพวิบัติของแพนดอรา
กลายเป็นเหมือนช่วงที่สร้างหุบเขาราคะเสร็จใหม่ๆ
“ปวดหัวเป็นบ้า!”
เมื่อเย่ว์หยางฟื้นขึ้น
เขาพบว่าตนเองกลับมาอยู่ในโลกคัมภีร์
สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์นอนคลอเคลียอยู่บนอกของเขา ในท่ามกลางฝันร้ายปากของนางมีรอยยิ้ม ดูเหมือนจะฝันถึงบางอย่างที่มีความสุข
ไม่ตายและกลับเข้ามาในโลกคัมภีร์ได้? เขาจำได้ว่าหมดสติไปก่อนจะเรียกคัมภีร์เทพออกมาตามสัญชาตญาณ? พี่น้องหงส์เพลิงออกมาช่วยเขาไหม?
เย่ว์หยางตรวจสอบพลังและตกใจปากอ้าตาค้าง
ไม่ทราบว่าสนามพลังสร้างโลกส่องประกายงดงามตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่มันรับพลังปั่นป่วนเอาไว้มากกว่าเย่ว์หยางเป็นร้อยเท่า นอกจากนี้มันยังลดขนาดลงจนเป็นแหล่งพลังที่เล็กมาก อสูรโลกก็ลดขนาดลงเช่นกัน แต่มีความแตกต่างจากครั้งก่อน
และไม่ทราบว่าหลอมรวมกับสนามพลังสร้างโลกเมื่อใดโดยที่ผู้เป็นนายมิได้สั่งควบคุม
ตอนนี้เย่ว์หยางไม่สามารถค้นพบว่าที่ตนพำนักอยู่นี้เป็นอสูรโลก
หรือเป็นสนามพลังสร้างโลกกันแน่
บางทีนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของทักษะแฝงเร้นของประกายเทพ
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางตกใจหนัก
ไม่ใช่เรื่องการเปลี่ยนแปลงตัวเขา
แต่เป็นสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์
ตอนนี้นางเปล่งพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เย่ว์หยางไม่เข้าใจ
บริสุทธิ์มากยิ่งกว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทวทูตและขุนพลเทพ
และมีพลังเทพบางอย่างที่ไม่มีใดเปรียบ ดูเหมือนไม่ใช่พลังสำหรับสู้
ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?
แพนดอราคืนชีพในร่างของสาวลูกครึ่งเอลฟ์?
แล้วร่างและวิญญาณของสาวลูกครึ่งเอลฟ์อ่อนแอ
นางจะรองรับประกายเทพของแพนดอราได้อย่างไร? หรือว่านางถูกฆ่าไปแล้ว?
“โอว, นายท่านฟื้นแล้ว ข้าน้อยกลัวแทบตาย
ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว!” เย่ว์หยางขยับตัวและหน้าอกของสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ขยับขึ้นลง
นางขยี้ตาตนเองและลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน
แต่เมื่อเห็นเย่ว์หยางนางกระตือรือร้นยิ้มอย่างมีความสุขทันที แต่ยังอดเอามือทาบอกด้วยความกลัวมิได้ เย่ว์หยางมองดูนางอย่างโล่งใจ เด็กสาวนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ยังคงเป็นสาวใช้ผู้น่ารักเหมือนเดิม
“เกิดอะไรขึ้นกับหน้าผากของเจ้า?” เย่ว์หยางไม่ได้พูดถึงแพนดอรา
เห็นแต่เครื่องหมายเทพที่ระหว่างคิ้วของสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์
“เอ๊ะ?”
สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์รีบใช้กระจกส่งหน้าและอุทานด้วยความประหลาดใจ “แต่หน้าผากข้าไม่รู้สึกเจ็บเลย?
นี่ดูเหมือนกับแผลเป็น แย่แล้ว ข้าจะลบออกได้ยังไง”
เย่ว์หยางรู้สึกอ่อนใจ
นั่นคือสัญลักษณ์พิเศษของเทพ ประกายเทพและเครื่องหมายเทพที่ไม่เหมือนใคร
คนธรรมดาต่อให้ต้องการ แต่ก็มิอาจมีไว้ครอบครอง
ขณะที่สาวลูกครึ่งเอลฟ์พยายามทำความสะอาด
คลื่นจิตสำนึกที่ดูเหมือนวิญญาณที่หลับใหลได้สื่อสารถึงใจเย่ว์หยาง เย่ว์หยางเข้าใจทันทีว่าเป็นแพนดอรา
นางยังไม่ตาย!
อย่างน้อยนางไม่มีรูปร่างและรูปวิญญาณ
แต่สำนึกเทพกลับสถิตอยู่ในร่างของสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์
เกิดอะไรขึ้น
เย่ว์หยางถามผ่านจิตสำนึก
แต่แพนดอราเองก็ยังไม่เข้าใจชัด
“ข้าไม่รู้ ข้านึกว่าข้าดับสูญไปแล้ว แต่หลังจากข้าตื่นขึ้นมา
ข้าพบว่าข้ารวมตัวกับสาวลูกครึ่งเอลฟ์
นี่อาจเป็นชีวิตนิรันดรที่เทพเจ้าโบราณกล่าวไว้ก็ได้”
ส่วนความปั่นป่วนในจิตสำนึกของแพนดอรานั้นทำให้เย่ว์หยางกังวลอยู่บ้าง “เจ้ามีสัมพันธ์ใดกับสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์? เจ้าต้องการหาวิธีแก้ไขหรือเปล่า?”
แพนดอรามีความสุข
“นั่นไม่สำคัญ
ข้ากลัวความเหงาและเดียวดาย
อยู่ด้วยกันกับสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ
โลกนี้จะไม่มีเทพธิดาแห่งโชคร้ายอีกแล้ว
มีแต่แพนดอราผู้งมงายในรักรอให้ร่างของสาวลูกครึ่งเอลฟ์ปรับตัวเข้ากับพลังเทพได้อีกสักหน่อย
ข้าค่อยออกมาสนทนากับเจ้าอีก! เมื่อข้าตื่นขึ้น ถ้าเจ้าไม่ชอบที่ข้าโง่
ก็จงช่วยสอนสิ่งที่เรียกว่ารักให้ข้าด้วย!”
จากนั้นนางเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างมีความสุข
เย่ว์หยางรู้สึกได้
แม้ว่านางจะหลับ แต่หัวใจนางเปี่ยมไปด้วยความสุข
บางทีแสนปีที่ผ่านมา
นางตามหาสิ่งที่นางมิอาจได้รับ ทำให้นางสูญเสียจริตกลายเป็นบ้า นางเศร้าและแค้น แต่อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าใจถึงชีวิตและความตาย
ในท้ายที่สุดนางก็ได้รับสิ่งที่นางปรารถนามาเป็นเวลานาน สิ่งที่ความตายมิอาจเอาชนะได้ นั่นคือความสุข!
10 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ใจจ้า
ขอบคุณค่ะ
โธ่...เรานึกว่าจะได้อสูรเพิ่ม..ที่แท้ก็ได้เพื่อนกึ่งเมียเพิ่มนี่เอง
ขอบคุณครับ ได้มาแบบ2อิน1
ได้เมียมาอีกคน
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
รวมร่างๆ
แสดงความคิดเห็น