ตอนที่ 976
พลิกฟ้าคว่ำดิน
ทางผ่านมิติ...
ในทางผ่านมิติที่ใกล้จะพังทลาย
ราชาจื่อฟง ราชาชิงหลางและพวกนักสู้ปราณฟ้าอื่นคิดไม่ถึงว่าจะไม่มีใครอยู่ที่นี่
มารสัมฤทธิ์ฟ้าที่เข้ามาก่อน
และราชาสองหน้าที่ไล่ล่าติดตามเข้าไปเล่า?
สิ่งที่ทำให้ราชาจื่อฟงสงสัยก็คือตามเวลาที่เย่ว์ไตตันออกมา
ไม่มีเหตุผลที่เวลาจะคลาดกับราชาสองหน้า..หรือว่าราชาสองหน้ายอมให้เย่ว์ไตตันฆ่าหรือ?
ราชาชิงหลางและราชาโหลวลั่วเข้าไปในโลกศิลาเป็นคนแรก
และไม่นานนักพวกเขาก็กลับมา
และส่ายหน้า
หมายความว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในโลกศิลา
แม้แต่ในเขตมิติโลกแดนดาวก็ไม่มี
“มารสัมฤทธิ์ฟ้าและสหายของเขา
รวมทั้งฮุยไท่หลางและอาวุธเทพร่างอสูร
อาจได้รับการช่วยเหลืออยู่ในโลกคัมภีร์ของคุณชายไตตันก็ได้ พวกเขาก็อยากจะพูดเช่นนั้น
แต่ราชาสองหน้าหายไปไหน? ต่อให้คุณชายไตตันทรงพลังมากกว่า
แต่ไม่มีเหตุผลว่าจะฆ่าราชาสองหน้าได้!” ราชาจื่อฟงฟื้นฟูพลังแล้ว
ขณะที่เขาถ่ายทอดพลังเพื่อรักษาจูกวง
และคุยถึงสถานการณ์การต่อสู้กับราชาชิงหลางและนักสู้อื่น
“ข้างในมีวงเวทเทเลพอร์ต
และมีวงเวทสามวงอยู่ภายใต้ศพเทพเดิม” ราชาชิงหลางลังเลแต่ก็พูดออกมาในที่สุด
“เจ้าหมายความว่า...?” ราชาจื่อฟงคาดเดาได้ถูก
“วงเวทเทเลพอร์ตบางทีอาจเป็นเส้นทางผ่าน พามารสัมฤทธิ์
ฮุยไท่หลางและราชาสองหน้าเข้าสู่พื้นที่เก็บคัมภีร์เทพ บางทีพวกเขาอาจจะเข้าไปแล้ว และคุณชายไตตันภายใต้การควบคุมของท่านหมิงลี่ฮ่าวคงจะสลัดหลุดการไล่ล่าของจ้าวสุริยากลับมาที่ทะเลคลั่งได้” ราชาโหลวลั่วแสดงความคิดเห็น
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนหัวใจเร่าร้อน
คัมภีร์เทพ!
แม้ว่าทุกคนจะรู้อยู่เต็มอกว่าคัมภีร์เทพเป็นสิ่งที่มิอาจหมายปองได้
ที่สำคัญนั่นคือคัมภีร์เทพ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสได้รับ
แต่การได้ร่วมเดินทางครั้งนี้นับว่าชีวิตไม่สูญเปล่าแล้ว
ทุกคนสงบใจลงได้ชั่วขณะหนึ่งมองหน้ากันเอง
ในท้ายที่สุดพวกเขาตัดสินใจทำอย่างเดียวกันโดยไม่ต้องปรึกษา ความจริงทุกคนต้องการเข้าไป แต่พวกเขาอายเกินกว่าจะแสดงความเห็นต่อหน้าทุกคน
ว่ากันเรื่องพลังความแข็งแกร่งแล้ว ทุกคนไม่มีโอกาสเข้าสู้พื้นที่เก็บคัมภีร์เทพ นั่นเป็นการต่อสู้ระหว่างคุณชายไตตันกับจ้าวสุริยา เว้นแต่ทั้งสองจะเสียชีวิตในการต่อสู้ ราชาเฉินม่อ
พระยาราชสีห์และแปดขุนพลบริวารก็จะต้องตายให้หมด
ไม่อย่างนั้นจะถึงคราวระดับนักรบอย่างพวกเขาได้อย่างไร
คุณชายฉางฟงประคองจักรพรรดิฟู่โฉวหัวเราะลั่น “ไปกันเถอะ
ทำไมเราไม่ไปดูคัมภีร์เทพกันสักหน่อยเล่า? ถ้าหากข้าได้เห็น แม้ตาย ก็ตายตาหลับ”
เขาประคองจักรพรรดิฟู่โฉวเดินขึ้นหน้าอย่างห้าวหาญ
“ไปกันเถอะ!”
ราชาชิงหลางและราชาโหลวลั่วลังเลเล็กน้อย
เมื่อพวกเขาเห็นใครสักคนหนึ่งเดินนำหน้าพวกเขาดีใจและเดินตามไปทันที
“แล้วเจ้าเล่า?” ราชาจื่อฟงประคองหญิงงามจูกวง
เขาต้องการจะติดตามไปดู แต่พบว่าจงกวน ไป๋หม่า เฮยถูและคนอื่นๆ ยังคงนั่งรอ
ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่มีเรี่ยวแรงจะไปต่อ เขารู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ถ้าคนพวกนี้ไม่เข้าไป ใครจะได้ความดีความชอบ
ถ้าคุณชายไตตันทราบคงต้องโกรธแน่ ตัวเขาเองเป็นเพราะได้กลุ่มทหารเหล่านี้ร่วมทาง
ไม่อย่างนั้นคงตายไปนานแล้ว
“เราจะรอคุณชายอยู่ที่นี่ พวกท่านไปเถอะ!”
จงกวนได้รับบาดเจ็บหลายแห่งได้แต่ฝืนใจยิ้ม
“ถ้าคุณชายไม่กลับมา เราก็ไม่สมควรมีชีวิตต่อไป ถ้าท่านจะเมตตา
โปรดช่วยฝังศพข้าในภายหลังก็ได้!”
“ดี, จื่อฟงขอล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง”
ราชาจื่อฟงเข้าใจดีว่าองครักษ์ผู้ภักดีและอุทิศตนเหล่านี้
จะไม่ยอมอยู่ห่างจากคุณชายไตตันไกลเกินไป
ถ้าไม่ใช่เพราะอ่อนแอเกินไป
เกรงว่าองครักษ์พวกนี้คงจะอยู่ด้านข้างทะเลคลั่งและต้องปะทะกับแปดขุนพลบริวารอย่างสิ้นหวัง คุณชายไตตันแข็งแกร่งมาก
แต่นอกจากราชาเฉินม่อแล้ว เขาต้องสู้กับศัตรูผู้น่ากลัวอย่างจ้าวสุริยา
“ทุกคนได้รับบาดเจ็บกันหมด
ทหารเหล่านี้ไม่ยินดีจะจากไป นั่นคือเหตุผล
ราชาจื่อฟงเองก็อยากอยู่และรอคอยเย่ว์หยางร่วมกับทหารผู้ภักดีเหล่านี้
สถานะที่แท้จริงของคุณชายไตตัน แม้ว่าจะเป็นผู้นำกบฏจากหอทงเทียน
แต่ก็ยังดีกว่าครอบครัวและสหายของเขามากนัก
หญิงงามจูกวงหายใจอกสะท้อนขึ้นลงนางต้องการจะเข้าไปในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพ
ตามคำพูดนางก็คือ ถ้าเข้าไปยังที่เก็บคัมภีร์เทพและได้เห็นคัมภีร์เทพของจริง
จากนั้นค่อยกลับมารอคุณชายไตตันก็ยังไม่สาย
หญิงงามจูกวงไม่ถึงกับขอร้องเร่งรัด
แค่มองราชาจื่อฟงด้วยสีหน้ามุ่งหวังและอึดอัดไปพร้อมกัน
ใจของราชาจื่อฟงหวั่นไหวกับท่าทีนาง
เขาตัดสินใจลาจงกวนและทหารผู้ภักดีแล้วพานางเข้าไปในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพ
“ฝ่าบาท, พวกเราอ่อนแอต่ำต้อยและไร้ประโยชน์
จึงต้องขอรั้งอยู่” พ่อบ้านเย่และหัวหน้าจินฟันทองความจริงก็ต้องการเข้าไปยังที่เก็บคัมภีร์เทพ
แต่พวกเขาทุกคนรู้พลังตัวเองดี
อย่าว่าแต่บ่าวไพร่อย่างพวกเขาเลย
แม้แต่ราชาจื่อฟงเองเข้าไปยังพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพก็เกรงว่ายังยากจะปกป้องตัวเองไม่ต่างอะไรกับมดแมลง
นับว่าเป็นการเสี่ยงมากกว่า การอยู่ในที่ทางผ่านมิตินี้ยังดีกว่า
อยู่กับพวกเขาอย่างน้อยก็ยังปลอดภัย
“ก็ดีเหมือนกัน
พวกเจ้ารออยู่ที่นี่...”
ราชาจื่อฟงรู้สึกได้ว่าพ่อบ้านเย่และหัวหน้าจินฟันทองมีความภักดีอย่างแท้จริง
เพียงแต่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้
เขาประคองหญิงงามจูกวงเข้าไปในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพตามหลังคนอื่นไปอีก
หัวหน้าพ่อบ้านเย่เลือกอยู่รอข้างหลังนับว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เลว
เมื่อเห็นราชาชิงหลางและนักสู้คนอื่นๆ
จากวงเวทเทเลพอร์ต เข้าสู่โลกที่เก็บคัมภีร์เทพ ราชาจื่อฟงยังคงลังเลเล็กน้อย
จะเข้าไปหรือหันหลังกลับรอให้คุณชายไตตันได้ชัยชนะก่อน? คุณชายไตตันออกไปต่อสู้ด้วยตนเอง
เขาเข้าไปในโลกคัมภีร์เทพที่ไม่รู้จักนี่จะเป็นการเห็นแก่ตัวมากเกินไปหรือไม่?
หากพบกับราชาสองหน้าหรือจ้าวสุริยา จะมิเป็นการฆ่าตัวตายหรอกหรือ?
หญิงงามจูกวงไม่ได้เร่งรัดเขา
แค่ใช้ดวงตากลมโตมองหน้าเขา
นางรออย่างอดทน
ปกติมีน้อยเรื่องที่ทำให้นางกระตือรือร้นดีใจ
ในฐานะบุรุษของนาง จะไม่ลงน้ำลุยเพื่อนางหรือ?
ราชาจื่อฟงจุมพิตหน้าผากที่ขาวผ่องราวกับหยกขาวของจูกวง
และเช็ดรอยเปื้อนเลือดที่หน้าของนางอย่างนุ่มนวล ทำให้ใบหน้านางดูผ่องใสกระตือรือร้น
เขาประคองนางอย่างระมัดระวังราวกับว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดขณะย่างเท้าเข้าวงเวทเทเลพอร์ตปณิธานเทพ
ทะเลคลั่ง
เย่ว์หยางและราชาเฉินม่อยังคงจ้องมองหน้ากันอยู่
เช่นเดียวกับที่เขาเคยจ้องมองจ้าวสุริยามาก่อน
เขาจ้องมองราชาเฉินม่อ ขณะที่ราชาเฉินม่อจ้องมองเด็กหนุ่มผู้อันตรายนี้อย่างจริงจัง!
รอบๆ
ตัวเย่ว์หยางค่อยๆ ปรากฏดวงดาวกระพริบวูบวาบโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าตอนนี้ยังเป็นเวลากลางวัน
แต่ไม่ทราบว่าท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงเหมือนยามราตรีตั้งแต่เมื่อใด ดวงดาวดวงแล้วดวงเล่าเหมือนกับนัยน์ตาเด็กไร้เดียงสากำลังจ้องมองทอประกายสงสัย
และในที่สุดพื้นผิวทะเลคลั่งทั้งหมดประดับไปด้วยดวงดาวที่งดงาม
ดาวเหล่านั้นมีทุกขนาดดูเหมือนจริงและสว่างไสวกว่าดาวแท้ๆ
เป็นทางช้างเผือกที่งดงาม
ดาราจักรเต็มไปด้วยดวงดาวนับพันล้านดวง
มันเกิดมาโคจรรอบตัวเย่ว์หยางทั้งยังโคจรรอบๆ
ทะเลคลั่ง
พื้นผิวทะเลคลั่งกลายเป็นทะเลสันติที่สงบเงียบอีกครั้ง
ผิวทะเลราบเรียบสะท้อนให้เห็นดวงดาวทอประกายในท้องฟ้าจนยากจำแนกได้ว่าที่ใดคือท้องฟ้า
ที่ใดคือผิวทะเล
เย่ว์หยางพลิกมือ
ผิวของทะเลสาบและดวงดาวในท้องฟ้าดูเหมือนสลับกันอย่างแปลกประหลาด
โลกทั้งโลกพลิกกลับกลายเป็นท้องฟ้ากลับมาอยู่ข้างล่าง
ทะเลอยู่ด้านบน
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวไม่ต่างไปจากผิวทะเล เมื่อคนหัวหกคะเมน
เลือดเหงื่อหยดขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
แทนที่จะเป็นน้ำทะเล
มันสะท้อนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเหมือนกระจกเงา
น้ำใสสะท้อนดวงดาวนับพันราวกับทะเลด้านบนเต็มไปด้วยดวงดาว
“ฝีมือไม่เท่าไหร่” แต่ในใจของพระยาราชสีห์ตกใจยิ่งนัก เขาไม่รู้ว่าเย่ว์หยางทำได้อย่างไร พลิกโลกกลับหัวกลับหาง ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวพลิกมาอยู่ข้างล่าง
พื้นน้ำกลับไปอยู่ข้างบนรวมทั้งทุกคนที่อยู่ในทะเลคลั่ง แต่พื้นผิวไม่เปลี่ยนแปลง
ราวกับว่าความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยางนี้เป็นอุบายหลอกเด็กสามขวบ
“เหรอ?” เย่ว์หยางยิ้มเยาะที่มุมปาก
เขาพลิกมืออีกครั้ง
ท้องฟ้ากับพื้นโลกสลับด้านกันอีกครั้ง
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและพื้นผิวทะเลกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง
หางตาของราชาเฉินม่อกระตุกอีกครั้ง เพราะการเปลี่ยนแปลงของเย่ว์หยางทั้งสองครั้ง
เขามองไม่เห็นข้อบกพร่องเลยสักครั้ง
ถ้าเป็นจ้าวสุริยา
อย่างนั้นเขาอาจมองเห็นข้อบกพร่องและทำลายทักษะสนามพลังของเย่ว์ไตตันได้โดยตรงก็เป็นได้ เห็นได้ชัดว่าทักษะแฝงเร้นของเย่ว์ไตตันผู้นี้
ก็คือสนามพลังดาราราย แต่ไม่มีทางทำลายได้
นี่คือความห่างชั้นที่ใหญ่ที่สุดของสุดยอดนักสู้
เย่ว์หยางยังคงยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง
เขาพลิกมืออีกครั้ง
นี่เป็นเรื่องที่ทำให้พระยาราชสีห์รำคาญที่สุด
โลกนี้
ภายใต้ฝ่ามือของเย่ว์หยางเริ่มปั่นหมุนเหมือนกับกังหัน
สิบรอบ ร้อยรอบ
จนถึงพันรอบ..ในที่สุดแม้แต่นักสู้แข็งแกร่งอย่างพระยาราชสีห์ไม่สามารถจำแนกได้ถูกว่าตรงไหนคือท้องฟ้าประดับดาว
ตรงไหนเป็นทะเล
ในกรณีนี้ถ้าเย่ว์ไตตันเริ่มโจมตี
ผลที่ตามมาย่อมมิอาจคาดคิดได้เลย
พระยาราชสีห์และราชาจินกวนกำหมัดแน่นและแปดขุนพลยิ่งตื่นเต้นมองดูราชาเฉินม่อทีละคน
ราชาเฉินม่อไม่สามารถมองเห็นความลึกลับได้ เขาได้แต่รักษาสภาพจิตใจตนเอง
ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้า พื้นดินหรือผิวทะเล พลังจิตของเขาเองยังคงเหมือนเดิม แต่เขาตระหนักได้อีกจุดหนึ่งว่า เย่วไตตันใช้สนามพลังดารารายนี้
ไม่ใช่เพื่อเจาะจงตัวของเขาเอง แต่เป็นสหายและบริวารของเขา
อาจกล่าวได้ว่าโลกพลิกกลับตาลปัตรใช้เพื่อฆ่าพระยาราชสีห์และราชาจินกวน
และแปดขุนพลบริวาร!
เขาโบกมือและใช้ทักษะแฝงเร้นแสงศรัทธานำทางของตนเอง
แปดขุนพลบริวารรีบกลับมาอยู่ที่ด้านหลังเขาทันที
พระยาราชสีห์และราชาจินกวน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พลังแสงศรัทธานำทางดึงกลับไป
แต่พวกเขารู้ว่าราชาเฉินม่อไม่ต้องการให้พวกเขาเสียหน้า
จึงไม่พูดอะไรและค่อยเดินเข้ามาใกล้ราชาเฉินม่ออย่างเงียบงัน
เมื่อคนเหล่านี้มารวมตัว
จึงมีพลังที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขาพร้อมจะตอบโต้คืน
เย่ว์หยางยิ้ม
เขาทำท่าต้อนรับอย่างสุภาพเหมือนกับเจ้าภาพที่แสนดีออกมาต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเยือนอย่างอบอุ่น “ยินดีต้อนรับสู่หอทงเทียน ที่นี่คือบันไดสวรรค์ชั้นห้า สถานที่เรียบง่าย
แต่ก็นับว่าดีสำหรับเราผู้เป็นเจ้าภาพ!”
“หอทงเทียน?
บันไดสวรรค์ชั้นห้า?”
พระยาราชสีห์สีหน้าเปลี่ยนไป
“นี่เป็นสิ่งที่ข้าตั้งใจใช้ต้อนรับทุกคน แค่นี้ต้องประหลาดใจด้วยหรือ?” เย่ว์หยางยิ้มกว้าง
เขามีทางลัด
เมื่อท่านยิ้ม
นั่นจะทำให้ท่านมีหน้าตาดูดี
แต่มีข้อเสียอยู่เล็กน้อยก็คือ ถึงหล่อแต่ก็แย่ เพราะทำให้หลายคนไม่พอใจ!
6 ความคิดเห็น:
พามารุมกระทืบ
555555จริง เห็นด้วย
พามาปั้มเวล......อัพรัวๆ
ขอบคุณครับ
ใจจ้า
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น