วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 977 ข้าอยากแสดงฝีมือบ้าง!


ตอนที่  977  ข้าอยากแสดงฝีมือบ้าง!
เมื่อเย่ว์หยางพลิกฝ่ามืออีกครั้ง  ก็กลายเป็นพื้นที่หักพังทลาย

บนพื้นเต็มไปด้วยก้อนหินมากมายไปทุกแห่ง ไม่มีน้ำสักหยดเดียว อย่าว่าแต่ผิวทะเลสาบ
มองออกไปในระยะไกลเป็นหุบเขาพังทลายอยู่ทั่วทุกแห่ง
ราชาเฉินม่อพบว่าตำแหน่งที่เย่ว์หยางอยู่นั้นเป็นแท่นบูชายัญ  มีรูปสลักเทพธิดาไร้ศีรษะที่มีพลังซ่อนเร้นไม่มีขีดจำกัด  ถ้าทุกอย่างที่เขาเห็นก่อนนั้นเป็นภาพหลอน อย่างนั้นถ้าเขาดูรูปสลักหินเทพธิดานี้  ราชาเฉินม่อรู้สึกว่าทุกคนรวมทั้งตัวเขาเองได้ออกจากทะเลคลั่งมาถึงบันไดสวรรค์ชั้นห้าตามที่เย่ว์ไตตันกล่าว
เย่ว์หยาง เย่ว์ไตตันทำสำเร็จได้อย่างไร  ราชาเฉินม่อไม่อาจเข้าใจได้
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีข้อสงสัย
เพราะเป็นเรื่องที่ตัดสินได้ง่ายมาก  เย่ว์ไตตันผู้นี้ไม่มีทางสร้างรูปสลักเทพธิดาที่ทรงพลังขนาดนี้!  พลังแบบนั้นแม้ว่าจะไม่กร้าวแกร่งรุนแรง แต่ก็น่ากลัวจริงๆ  ต่อให้เป็นจ้าวสุริยา เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางและแม้แต่เจ้าตำหนักสูงสุดก็ต้องก้มหัวให้กับพลังของรูปสลักเทพธิดานี้
นี่คือรูปสลักเทพเจ้าดึกดำบรรพ์อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาไม่เข้าใจว่ารูปสลักนี้ซ่อนพลังไว้ขนาดไหน แต่พลังนั่นเป็นของจริงแท้แน่นอน
คนอื่นก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีพลังถึงระดับนั้นมาก่อน
ไม่มีใครสร้างภาพลวงตาแบบนี้ได้
 “สถานที่นี้ ข้าได้กลิ่นอายที่น่ากลัว!  โนมหนึ่งในแปดขุนพลบริวารร้องขึ้นทันที
 “นั่นคือกลิ่นอายความตาย ขอโทษด้วย  จักรพรรดินีฟ้าตายที่นี่ บางทีพลังงานของคนตายแล้วยังไม่ทันสลายไป!  เย่ว์หยางอธิบายเนิบนาบราวกับว่าผู้ที่ตายไปไม่ใช่จักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสง  แต่เป็นแค่แม่ไก่ตัวหนึ่ง  พระยาราชสีห์และราชาจินกวนพอได้ยิน พวกเขาใจตกวูบ  จ้าวสุริยาไม่อยู่ที่นี่ มีแค่ราชาเฉินม่อคนเดียว จะสามารถต้านทานเย่ว์หยาง หรือเย่ว์ไตตันผู้นี้ได้หรือ?
 “.....”  ราชาเฉินม่อขมวดคิ้ว  ทันใดนั้นเขาตระหนักได้ว่าทำไมเย่ว์หยางถึงหนีพ้นมือจ้าวสุริยาโดยไม่ได้ต่อสู้ และกลับมาเผชิญหน้ากับเขาแทนหรือ?  เหตุผลก็คือเขาต้องการลากตัวเขามาที่หอทงเทียนและหยุดไม่ให้เขากลับไปยังตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เพื่อรายงานเรื่องความลับของตัวเขา
เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถกลับไปรายงานที่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้หรือ
อสูรของข้าถูกปล่อยไปเรียบร้อยแล้ว
ราชาเฉินม่อไม่พูดออกมา แต่เขารู้สึกสงสัย  เขาติดตามจ้าวสุริยามาหลายปี และรู้เรื่องราวมากมาย
แม้ว่าเขาจะไม่ได้กลับมาด้วยตนเอง แต่เมื่อรายงานข่าวกรองดังกล่าวไปยังตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาจะไม่เชื่อได้ยังไง?
ตอนนี้อสูรสุนัขนำทางกลับไปส่งข่าว มันได้เวลากลับไปยังที่นั้น แม้ว่าในเรื่องพลังของอสูรสุนัขนำทางจะไม่ค่อยแข็งแกร่ง   แต่ความเร็วของมันราวกับสายฟ้า และไม่มีกำลังกดดันจากภายนอกเพื่อฆ่ามัน มันมีสติปัญญาระดับหนึ่ง  ไม่เพียงแต่ใช้เป็นอสูรสะกดรอยศัตรูชั้นหนึ่งแล้ว มันยังเป็นอสูรส่งข่าวสารรายงานชั้นดี   มันมีสถานะเป็นตัวแทนของหน่วยข่าวกรอง เพราะต้องเป็นระดับเจ้าตำหนักขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีอสูรอย่างนี้ได้
ในตำหนักเทพสุริยะ แม้แต่พระยาราชสีห์และราชาจินกวนก็ไม่มีอสูรสุนัขนำทาง
มีแต่จ้าวสุริยาและเขาเท่านั้นที่มี
ในสถานที่นั้น เมื่อเขาเห็นอสูรสุนัขนำทางปรากฏตัว  เขาจะพามันไปยังตำหนักลับทันที  ราชาเฉินม่อลอบแค่นเสียงในใจ  แต่โดยผิวเผินเขาไม่พูดอะไร  ถ้าเจ้าคิดว่าจะขัดขวางข้า แล้วจะขัดขวางข่าวสารที่ข้าส่งไปแล้ว เจ้าก็คิดผิด!’
ตุ้บ
เสี่ยวเหวินหลีที่ยืนอยู่ด้านหลังเย่ว์หยางออกมาข้างหน้าและโยนของบางอย่างออกมาทันที
เงาร่างสีดำล้มกระแทกกองหินอย่างหนักหน่วง มันร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เอ๋ง!
จากนั้นมันกระโดดเข้าหาราชาเฉินม่อราวกับสายฟ้า เหมือนสุนัขบ้านหลงทางและเจอเจ้าของของมัน
ราชาเฉินม่อพอเห็นเงาร่างที่ปรากฏชัด เขารู้สึกเหมือนถูกต่อยที่หัวใจ ไม่มีคำใดจะกล่าวลมหายใจแทบขาดห้วง เย่ว์หยางร่าเริงแจ่มใสตัวเบา เขากล่าวอย่างอารมณ์ดี  “ราชาเฉินม่อ!, หมาตัวนี้ไม่เลวเลย มันวิ่งได้ไวมาก ข้าต้องส่งสุนัขของข้าออกไปไล่ล่า ข้าไม่รู้ว่าเจ้านั่นประเมินต่ำเกินไป มันเริ่มต้นติดตามช้าเกินไป ในขณะที่ข้าไม่สามารถออกติดตามมันได้ ยังคงเป็นลูกสาวตัวน้อยของข้าต้องเทเลพอร์ตถึงร้อยครั้งถึงไล่ตามหมาเฝ้าบ้านของเจ้าได้”
ยิ่งเย่ว์หยางยิ้มมากขึ้นเท่าใด  ราชาเฉินม่อยิ่งรู้สึกขมขื่นในใจมากขึ้นเท่านั้น
เขาต้องการฆ่าอสูรสุนัขนำทางของเขาจริงๆ
อย่างไรก็ตามเขาสงบจิตใจได้  เขารู้ว่าไม่ใช่อสูรสุนัขนำทางของเขาที่ผิดพลาด  แต่เป็นปีศาจอสรพิษน้อยผู้สงบเสงี่ยมของฝ่ายตรงข้ามนั้นทรงพลังมากเกินไป  ตอนแรกเขาคิดว่าเจ้าหมาป่าสกปรกที่เป็นอสูรเทพจะแข็งแกร่งที่สุด  ใครจะรู้กันว่าปีศาจอสรพิษน้อยจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น!
นางพญาผู้พิชิตในร่างเด็ก?
เมื่อเห็นเสี่ยวเหวินหลีจับอสูรสุนัขนำทางได้ พระยาราชสีห์และราชาจินกวนกับคนอื่นสีหน้าเปลี่ยนไป
 “แล้วยังไงเล่า?”  พระยาราชสีห์อยากสู้อีกครั้ง  เรื่องที่เจ้าเด็กนั่นพูดโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีประโยชน์  นั่นเป็นเรื่องเท็จ
 “.....”  ราชาเฉินม่อให้สัญญาณมือ
ภาษามือนี้กำหนดขึ้นโดยจ้าวสุริยาก่อนออกเดินทาง
นี่คือภาษามือพิเศษที่สร้างขึ้นโดยตำหนักเทพสุริยะ  เป็นการออกคำสั่งแทนวาจา ใช้ส่งสัญญาณลับให้ทุกคนทำงาน นี่คือภาษาที่ใช้ต่อหน้าศัตรูได้โดยไม่ต้องกลัวความลับรั่วไหล ราชาเฉินม่อ พระยาราชสีห์และคนอื่นเข้าใจได้ทันที ที่สำคัญนี่เป็นท่าทางสุดท้ายที่จ้าวสุริยาจัดทำไว้  อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นภาษามือที่สำคัญและจำเป็นที่สุด
หมายความว่าสถานการณ์วิกฤติขั้นรุนแรง แต่ละคนต้องยกเลิกภารกิจเดิม  และหาทางเอาชีวิตรอดก่อน ต่างคนต่างหนีเอาตัวรอดให้ได้
ราชาเฉินม่อส่งสัญญาณอีกครั้ง
หมายความว่าเขาจะรั้งอยู่เพื่อขัดขวางเย่ว์หยาง
พระยาราชสีห์และราชาจินกวนต้องช่วยเหลือตัวเอง และจากไปได้เมื่อขุนพลบริวารทั้งแปดหนีไป
เพราะก่อนนั้นแปดขุนพลบริวารรู้จักเข้าใจหอทงเทียนผ่านข้อมูลที่ส่งมาโดยเสี่ยวโฉ่ว และรู้ว่าบันไดสวรรค์เป็นทางตันอยู่ในจุดอับ ไม่มีทางออกมาได้  พวกเขาต้องหนีออกมาและไปยังหอทงเทียนชั้นบนที่สุด หารอยแยกของกาลและมิติกลับแดนสวรรค์  แน่นอนว่าถ้าใช้งานไม่ได้ พวกเขาอาจจะต้องรอให้ประตูสวรรค์เปิดในรอบร้อยปี นั่นเป็นทางที่ไม่ต่างอะไรกับทางตัน ถ้าไม่มีพลังระดับเทียมเทพ ไม่มีใครกล้าบอกได้ว่าสามารถเดินทางผ่านช่องมิติพังผ่านกลับไปยังประตูสวรรค์ได้  เว้นแต่นายทวารบาลผู้ทำหน้าที่คุ้มกันประตูสวรรค์จะรู้ล่วงหน้าว่าสหายของเขาจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ จึงจะมีการตอบสนองจากระยะไกลได้
ราชาเฉินม่อเห็นแปดขุนพลบริวารแล้วมองดูตนเองอดโมโหไม่ได้
เขากวาดมือเพียงครั้งเดียว พวกซือเหรินกระเด็นห่างออกไปหมื่นเมตร
ตามข้อมูลข่าวกรองของเสี่ยวโฉ่ว หอทงเทียนยังมีจื้อจุน จักรพรรดินีราตรีที่แข็งแกร่งกว่าเย่ว์หยาง เย่ว์ไตตันเล็กน้อย  นอกนั้นไม่มีใครเลย  หอทงเทียนเพิ่งฟื้นตัวขึ้นมาได้ไม่นาน  อย่าว่าแต่นักรบปราณฟ้าเลย นักรบปราณดินระดับสุดยอดยังมีน้อยคน  ด้วยความแข็งแกร่งของแปดขุนพลบริวาร  เป็นไปได้ว่าทุกคนสามารถกวาดล้างหอทงเทียนและกลับไปยังแดนสวรรค์ได้อย่างสบาย
ต่อให้จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีขัดขวาง  เขาเชื่อว่าจะมีบางคนบ้างที่หลบหนีกลับไปได้
ขอเพียงหลบหนีไปได้สักคน ข่าวของเย่ว์หยางจะถูกรายงานกลับไปที่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  ทางตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะทุ่มเทสรรพกำลังมายังหอทงเทียนแน่นอน.... “หนีเถอะ, เราอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้”  ซือเหรินผู้สงบใจเย็นที่สุด แม้ว่าจะถูกเย่ว์หยางนำตัวมาถึงบันไดสวรรค์ แต่เขาก็ยังมีเหตุผลรักษาความเยือกเย็นไว้ได้และรีบพาพวกพ้องหนีออกไป  หลังจากเริ่มต้นหนีไปได้ไม่นาน เขากังวลว่าเย่ว์หยางจะปล่อยราชาเฉินม่อไว้เบื้องหลังและหลังจากคุยปรึกษากับผู้เฒ่าเครายาวผู้มีอาวุโสสูงสุด และคนเกียจคร้านผู้มีพลังมากที่สุด พวกเขาตัดสินใจจากไป
 “ข้าจะคุ้มกันหลังเอง” คนเกียจคร้านไม่กล้าขี้เกียจและตัดสินใจรั้งท้าย
 “ไปหอทงเทียนชั้นสิบ ลาก่อน!  ชายชราเครายาวเห็นด้วยกับการแบ่งแยกกำลัง  เขาเดินทางไปกับคนอ้วนและโนม  ส่วนซือเหรินเดินทางพร้อมกับคนเถื่อน จอมโฉด และจอมหักหลัง
แบ่งกำลังเป็นสามทาง ต่อให้เย่ว์หยางไล่ตาม ก็ต้องมีสองกลุ่มที่หนีรอด
ยิ่งกว่านั้นยังมีราชาเฉินม่อ พระยาราชสีห์และราชาจินกวน
กล่าวกันว่าในหอทงเทียน ยกเว้นเย่ว์หยาง จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีแล้ว ไม่มีนักรบปราณฟ้าอยู่เลย  แค่นักรบระดับราชาจากแดนสวรรค์ก็สามารถเที่ยวอาละวาดได้แล้ว  นอกจากนี้ตำหนักเทพสุริยะสามารถเอาชนะเจ็ดราชาแดนสวรรค์ได้  ที่นี่ยังจะต้องกังวลอะไรอีก? นอกจากเย่ว์ไตตัน จักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ที่มีความแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว หอทงเทียนที่ตกต่ำมานาน ไม่ใช่ภัยคุกคาม!
ก่อนที่ซือเหรินจะแยกทางกับพวกพ้อง เขาพูดปลอบใจสหายสองสามคำ
จากนั้นทุกคนรีบออกเดินทาง
ถึงแม้ว่าจะไม่มีผู้แข็งแกร่งในหอทงเทียน แต่ที่นี่ก็ยังเป็นสถานที่น่ากลัวอยู่ดี ใครจะรู้ว่าจะมีเหตุเปลี่ยนแปลงหรือไม่?  ที่นี่ไม่ใช่แดนสวรรค์ ไม่ใช่เขตอิทธิพลของพวกเขา ให้หนีอย่างเดียว อย่าทำย่ามใจ ถ้าพวกเขาไปตอแยจนตกเป็นเป้าหมายตามล่าจนถูกไล่ทัน อย่างนั้นนั่นจะเป็นเรื่องแย่
ครั้งนี้ซือเหรินและนักสู้อื่นไม่สนใจเรื่องภาพพจน์การวางตัว  รีบแยกย้ายกันหนี ต่างคนต่างมองหาวงเวทเทเลพอร์ต
ถ้าที่นี่เป็นหอทงเทียนก็คงจะดีกว่า เพราะเสี่ยวโฉ่วให้ข้อมูลวงเวทเทเลพอร์ตในแต่ละชั้นหอทงเทียนไว้ด้วย
แต่ที่นี่คือบันไดสวรรค์
มีแต่ซากปรักหักพัง ที่ไม่เคยมีใครย่างเท้าเข้ามา และไม่เคยมีใครใส่ใจถึงข้อมูลที่นี่มาก่อน
ซือเหรินพอคนเถื่อนและจอมโฉดและจอมหักหลังเดินทางไปตามหุบเขาโดยไม่บินเป็นระยะทาง 100 กิโลเมตร เบื้องหลังของพวกเขามีการต่อสู้สะท้านฟ้าสะเทือนดินกันแล้ว โลกสั่นสะเทือน ศิลากระทบกระแทก ศิลาและทรายฟุ้งขึ้นจนปกคลุมท้องฟ้า
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคดีหรืออะไร ซือเหรินไม่สามารถหาวงเวทเทเลพอร์ตระยะไกลได้ เขาพบว่ามีคนที่อ้วนมากกับหนุ่มสาวหลายคนวิ่งอยู่ข้างหน้าไกลออกไป  นี่ไม่ใช่ตัวประกันที่เพิ่งมาถึงที่นี่ใช่ไหม? ก็แค่จับมนุษย์ที่ดูแข็งแกร่งข้างหน้านี้ และบังคับให้พวกเขานำทางก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ?
ไม่รอให้ซือเหรินออกคำสั่ง คนเถื่อนจอมโฉด และจอมหักหลังเร่งความเร็วออกไปแล้ว
 “ซวยแล้ว!  คนอ้วนเริ่มก่อน เมื่อเขาเห็นคนเถื่อนจอมโฉด จอมหักหลัง ศัตรูที่นี่แข็งแกร่งนัก เขาหวาดกลัวหน้าซีดเผือด ร้องลั่นเหมือนหมู “แย่แล้ว,  แย่แน่ๆ มีศัตรูอยู่ที่นี่... แข็งแกร่งมาก  สองคนนี้พลังปราณฟ้าระดับหกเป็นอย่างน้อย  พวกเจ้าช่วยข้าด้วย!
 “เจ้าจะโวยไปถึงไหน?”  นักรบผอมสูงที่วิ่งอยู่ข้างหน้าเตะเจ้าอ้วนด้วยความรำคาญ
 “ข้าน่ะหรือน่าเบื่อ?  ข้าจะตายอยู่แล้ว!  เจ้าอ้วนรู้ตัวดี
 “มากกว่าปราณฟ้าระดับหก!  ในกลุ่มคนหนุ่มสาว มีบุรุษหนุ่มสง่างามคนหนึ่งปรากฏตัว  ซือเหรินพบว่าเด็กหนุ่มคนนี้คล้ายกับมารสัมฤทธิ์ฟ้าอยู่บ้าง เขาโดดเด่นเป็นพิเศษต่างจากคนอื่นในกลุ่ม เพียงแต่พลังยังอ่อนแอกว่ามารสัมฤทธิ์ฟ้าอยู่มาก ยังเป็นแค่เด็กหนุ่มวัยรุ่น
 “แน่นอนว่า แม้เราจะไม่เข้าใจถึงสำนึกเทพได้หมด แต่เราก็ยังมีความแข็งแกร่งมากกว่าพวกปราณฟ้าระดับหกซึ่งเริ่มมีสำนึกเทพตามปกติ  ต้องเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับเจ็ด จึงจะมีสำนึกเทพสมบูรณ์ สำนึกเทพของเราเทียบเท่าระดับเจ็ดแล้ว เฮ้,  ข้าคือนักรบจากตำหนักเทพสุริยะ แห่งตำหนักกลางแดนสวรรค์  พวกเจ้าเรียกข้าว่าซือเหรินได้!” ซือเหรินตรวจสอบคนกลุ่มนี้อย่างระมัดระวังและพบว่าไม่มีใครที่มีพลังระดับปราณฟ้าเลยทำให้เขารู้สึกสบายใจ อย่าว่าแต่ทั้งสามคนเป็นนักรบปราณฟ้าทั้งนั้นสามารถกวาดล้างพวกนี้ได้  มิน่าเล่าถึงได้มีคำกล่าวกันว่าหอทงเทียนที่ไม่มีใครมาเยือน  ที่นี่มีแต่คนรุ่นหลังที่อ่อนแอมากจริงๆ
 “สำนึกเทพที่เขาบอก เทียบเท่าได้กับปณิธานปราณราชันย์หรือเปล่า?”  มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มถามสหาย
 “ก็อาจเป็นได้ ระดับปราณฟ้ามีชื่อแตกต่างจากนักสู้ของเรา”  บุรุษผอมสูงอธิบายเบาๆ   ซือเหรินแค่เหลือบมองก็รู้ได้ว่า สาวน้อยผู้นี้มีศักดิ์ฐานะสูงสุดในคนกลุ่มนี้ น่าจะมาจากราชตระกูล อาจเป็นเจ้าหญิงชาวมนุษย์ก็ได้
 “ข้าได้รู้แจ้งปณิธานปราณราชันย์จากประตูเป็นตายแล้ว แต่น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งยังไม่เพียงพอ ยังไม่สามารถบรรลุพลังระดับปราณราชันย์ได้  บางทีอาจจะเป็นระดับที่พวกเขาเรียกว่าสำนึกเทพก็ได้!  ซือเหรินเห็นว่าจู่ๆ สาวน้อยกำหมัดและท้าทายต่อสู้  นางออกมาท้าทายด้วยตนเอง  “ขุนพลจากแดนสวรรค์ ข้าจะสู้กับเจ้า  ดูซิว่าสำนึกเทพของเจ้าหรือปณิธานปราณราชันย์ของข้าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน!
 “ปิงเอ๋อ!  เราไม่จำเป็นต้องแยกกันสู้  เรามีคนมากเพียงพอจะเอาชนะพวกเขา” เจ้าอ้วนและคนอื่นรีบช่วยกันแนะนำสาวน้อยให้เปลี่ยนใจ
 “แค่เจ้าเองหรือ?”  จอมหักหลังแค่นเสียงเย้ยหยัน
 “นางมีสถานะสำคัญที่สุด แต่สำคัญตนเองว่าเก่งเลิศเลอ”  ซือเหรินยังคงรู้สึกว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อน ตั้งแต่นางเป็นเด็ก คงจะถูกผู้ใหญ่ตามใจจนเสียคนแน่  นางไม่รู้ว่าอะไรคือการต่อสู้ที่แท้จริง  นางคิดว่าแค่เป็นการแสดงโอ้อวดเครื่องแต่งกายผ้าไหม กินอาหารดีๆ แล้วออกมาต่อสู้  การต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่แท้จริงที่นางเคยมีส่วนร่วม ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น
ร่างของจอมหักหลังเปลี่ยนสภาพดูแปลกประหลาด  เขาลงมืออย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
ในพริบตาปลายนิ้วของเขาอยู่ที่ด้านหลังเด็กสาว นิ้วยาวเหมือนกรงเล็บกำลังจะคว้าคอเด็กสาว
เมื่อเขาจับตัวเด็กสาวได้ เขาเตรียมพร้อมที่ฆ่านางได้ในทันที  ถ้าสหายของเด็กสาวเข้ามาช่วยเหลืออย่างนั้นเขาจะใช้พลังปราณระเบิดเป็นวงออกไปทันทีเป็นการขู่ขวัญพวกเขา  ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการจับเป็น จอมหักหลังคิดเขามีวิธีฆ่าฝ่ายตรงข้ามเป็นร้อยวิธีในวินาทีเดียว
ติ๋ง!
ทันใดนั้น จอมหักหลังรู้สึกหน้ามืดวิงเวียนศีรษะ
ตัวของเขาปลิวออกไปกระแทกกับพื้นผนังหุบเขาฝังจมเข้าไปในนั้น  เขาตะลึงและหันกลับมาแต่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
หรือว่าเย่ว์หยางเจ้าคนที่น่ากลัวตามมาทันแล้ว?  เป็นไปไม่ได้  เขายังสู้อยู่กับพระยาราชสีห์ ราชาจินกวนและราชาเฉินม่อ!
 “ฮ่าาาา...”  คนเถื่อน และจอมโฉดตกตะลึงเมื่อพบว่าจอมหักหลังถูกหมัดเด็กสาวต่อยกระเด็นราวกับหุ่นกระบอกในท่ามกลางหมัดนับไม่ถ้วน  ขณะที่พวกเขาเตรียมจะต่อยสาวน้อยด้วยหมัดระเบิด แต่เด็กสาวไม่ประหลาดใจตกใจกับพลังแกร่งกร้าวข้างหน้า ไม่ทราบว่านางหลอกล่อเข้ามาประทับฝ่ามือที่อกและท้องของพวกเขาตั้งแต่เมื่อใด
ปัง!
ร่างขนาดใหญ่ของคนเถื่อนจอมโฉดไถลถอยหลังกระแทกผนังศิลายุบลึกเข้าไป  เขาพยายามรักษาสมดุลของร่างกายไว้ แต่ร่างมหึมาสั่นสะท้านตลอดทางที่ไถลถอยหลังจมลึกไปถึง 100 เมตรเขาจึงตั้งหลักได้
ร่างของคนเถื่อนจอมโฉดใหญ่มหึมาเหมือนกับมังกร
เขาถ่มเลือดสีเขียวออกมา
ซือเหรินเห็นภาพที่เหลือเชื่อ  ตาของเขาแทบถลนจากเบ้า เป็นไปไม่ได้  นี่เป็นไปไม่ได้!
 “พี่สามพูดถูก ด้วยพลังโจมตีจากปณิธานปราณราชันย์โจมตีจิตวิญญาณโดยตรง พลังภายนอกไม่สามารถป้องกันต้านทานได้”  เด็กสาวนามปิงเอ๋อสามารถรับมือขุนพลได้ถึงสองคน แม้ว่าจะเป็นการได้เปรียบเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่นางกลับโลดเต้นดีใจ  นางยังคงมองดูมือตัวเองด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ  “เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งเล่นงานศัตรูของพี่สามได้!
 “อย่าประมาทศัตรู  พลังของศัตรูยังเหนือกว่าเรา  การโจมตีเมื่อครู่นี้ แทบไม่ได้ทำร้ายพวกเขาบาดเจ็บเลย”  ซือเหรินเห็นสตรีสูงศักดิ์ใส่ชุดไหมเฉิดฉายกำลังลูบศีรษะเด็กสาว ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้อาวุโสกว่านาง  ที่อยู่ด้านหลังหญิงสาวมีสตรีหน้าตาผ่องใสสวมหน้ากากเงินนั่งอยู่บนกระจกวิญญาณ นางยิ้มอย่างมีความสุขพูดคุยกับเด็กสาว  “ปิงเอ๋อ!  ถ้าเจ้าใช้คู่กับพลังอักขระรูนโบราณอีกครั้ง ผลที่ออกมาจะต้องดีกว่าแน่  แต่ตอนนี้เจ้าสู้กับขุนพลจากตำหนักเทพสุริยะได้  ข้าไม่อยากเชื่อเลย!
 “ได้เลย ข้าจะพยายามให้หนักขึ้น!  เด็กสาวกำหมัดสีหน้ามุ่งมั่น  ไม่ว่าซือเหรินจะมองอย่างไร  เขาไม่สามารถเห็นการโจมตีทั้งสองครั้งของนางได้เลย  มนุษย์อ่อนแออย่างนั้นสู้ตอบโต้คนเถื่อนจอมโฉดได้อย่างไร?
 “มีเพียงสามคน ดูเหมือนจำนวนไม่ถูกต้อง  คนเจ้าเล่ห์เหล่านี้แบ่งกำลังกันครึ่งหนึ่ง ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เราขัดขวางไม่อยู่
 “ไม่เป็นไร ยังมีพวกจากวังมารและแดนนรกเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขา!
 “กำลังอ่อนไปอย่างนั้น พวกเขาคงรับมือไม่พอแน่!
 “พี่มารกฎฟ้ากับพี่มารเคราะห์ฟ้า กำลังตามไปสมทบ ไม่มีอะไรแน่...”
 “อย่างนั้นเราจะรออะไรกัน? รีบเข้าไปสู้กันเลย  มิฉะนั้นคงจะถูกปล้นอีกแน่,  เจ้าเมืองโล่วฮัว ท่านรับมือซือเหริน  อี้หนานกับน้องปิงเอ๋อกับเจ้าตาขาวนั่น ส่วนเราคนโง่ๆ จะสู้กับเจ้าจอมโฉดหน้าโง่!  บุรุษอ้วนวางท่าหยิ่งผยอง ซือเหรินเห็นแล้วรู้สึกแปลกๆ  ทำไมคนเหล่านี้ถึงกล้าท้าทายพวกเขา  ขุนพลนักรบชั้นสูงแห่งตำหนักเทพสุริยะเคยถูกนักสู้ปราณดินรังแกตั้งแต่เมื่อใดกัน?
 “ตาย!  จอมหักหลังพุ่งออกมาจากผนังศิลา และเข้าโจมตีสาวน้อยที่ชื่อปิงเอ๋อผู้ลงมือโจมตีเขาก่อนด้วยความเร็วสูงสุด
 “ป่าแห่งชีวิต”  ซือเหรินเห็นว่าเด็กสาวเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมาโดยไม่ลังเล และนั้นเป็นคัมภีร์แพลตตินัมชั้นสูงที่แม้แต่ผู้อาวุโส เจ้าเมือง รองเจ้าตำหนักหลายคนยังไม่มี
ทันทีที่คัมภีร์อัญเชิญถูกเรียกออกมา โล่พลังกางออกต่อหน้าทันที
เดิมทีจอมหักหลังตั้งใจจะทะลวงโล่พลังและเข้าไปฆ่าเด็กสาวในทันที แต่ก็พบว่าตนเองถูกมัดไว้
เถาวัลย์แปลกประหลาดและต้นไม้ขนาดยักษ์สร้างจากอักขระรูนรายล้อมร่างเด็กสาวสร้างเป็นป่าดึกดำบรรพ์ไร้ที่สุด และสร้างเป็นสนามพลังพงไพรที่พลังมนุษย์มิอาจต้านทานได้... สนามพลังพงไพรนี้เชื่อมโยงกับโลก ถ้าคิดจากเขย่าหรือทำให้มันสั่นสะเทือนก็เท่ากับว่าทำให้โลกสั่นสะเทือนไปด้วย
เด็กสาวตวาดเบาๆ และระเบิดปล่อยพลังงานในร่างนาง
พลังปณิธานหลากท่วมท้นอยู่ในใจนางผสานกับร่างน้อยๆ ของนางเกิดเป็นพลังงานที่คาดไม่ถึงครอบงำจอมหักหลัง
นักรบมนุษย์พฤกษาสองตนที่ซือเหรินไม่เคยเห็นมาก่อน กระโดดออกมาย่ำร่างจอมหักหลัง เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีอสูรพิทักษ์อื่นบินออกมาสมทบอีก  ภายใต้คำสั่งของนา สนามพลังพงไพรเพิ่มมวลพลังงานทันทีและพลังปณิธานของเด็กสาวเพิ่มขึ้นจนเต็มพิกัด  ซือเหรินที่อยู่นอกสนามพลังถอยออกมาอย่างช่วยไม่ได้
 “อะไรกัน?” พลังที่ซ่อนเร้นนี้ น่ากลัวมากขนาดไหนกัน?”  ซือเหรินอดร้องออกมามิได้ และตอนนี้เขาเข้าใจทันทีว่าทำไมเด็กสาวถึงกล้าท้าทายด้วยตนเอง  เพราะนางมีพลังมากถึงปราณฟ้าระดับหก  แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดไม่ใช่พลังระดับปราณฟ้าของนาง  เห็นได้ชัดเจนว่านางเป็นนักสู้ปราณดิน  เมื่อพลังลับถูกปลดปล่อย พลังของนางเพิ่มไปเทียบเท่าถึงพลังปราณฟ้าระดับหกได้อย่างไร? สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเด็กสาวนี้รู้จากพลังสำนึกเทพ  ดูเหมือนพลังสำนึกเทพของนางเทียบเท่ากับเขา... ซือเหรินนึกขึ้นได้ เขาตะโกนลั่น  “เข้าใจแล้ว  เจ้าคือน้องสาวของเย่ว์ไตตัน!
นอกจากอัจฉริยะที่ผิดธรรมดาของเย่ว์ไตตันแล้ว  ซือเหรินไม่คิดถึงความเป็นไปได้ที่จะมีอัจฉริยะคนที่สอง
แค่เพียงน้องสาวของเขาก็ทรงพลังมากมายขนาดนั้น
หลังจากได้ยินซือเหรินตะโกน  เจ้าอ้วนผู้หน้าหนาถามพร้อมกับยิ้ม  “เจ้าคาดถูก  แต่เจ้าเดาออกไหมว่าข้าเป็นใคร?  ยืนให้ดีๆ อย่าเป็นลมต่อหน้าข้า  สุดหล่อที่ยืนอยู่ต่อหน้าเจ้ามีนามว่าไห่ต้าฟู่  เจ้าเอ่ยชื่อเย่ว์ไตตัน  ความจริงเขาคือศิษย์รุ่นน้องของข้า ในฐานะลูกพี่ของเขา ข้าอาจทำให้เจ้าตกใจกลัวอยู่บ้าง  ซึ่งนั่นไม่ใช่กงการอะไรของข้า! 
ซือเหรินพอได้ยินเท่านั้น เขาทำอะไรไม่ถูกยืนปากอ้าตาค้าง “.....”

10 ความคิดเห็น:

เดือนดับ กล่าวว่า...

ในใจของซือเหริน : เย่ว์หยางเก่ง น้องสาวเก่ง แต่ทำไมลูกพี่กาก

แอบอ่าน กล่าวว่า...

ปิงเ​อ๋อเก่งมาก

ulomzx กล่าวว่า...

รุมตืบเลยยย

Yod กล่าวว่า...

ไอ้เจ้าอ้วน นี่ขี้โม้สุดๆ 5555

zen zen กล่าวว่า...

แปลงร้างแล้วกะทืบมันเลยพี่อ้วน😝😝😝

เนพื กล่าวว่า...

ฝั่งนี้คนเยอะเกินเปล่า

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Ragnarok•Dai กล่าวว่า...

ไม่ถูกท่าน ต้อง เย่ว์โครตเทพ น้องเกือบเทพ ลูกพี่...ตามที่อ่าน555

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

เจ้าอ้วนนนน

บักซาดซัว กล่าวว่า...

ฝ่ายผู้หญิงเก่งไวมากจริงๆ

แสดงความคิดเห็น