วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 979 จุมพิต


ตอนที่  979  จุมพิต
ด้วยพลังเทพของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี เย่ว์หยางไม่ต้องปวดหัวกับการต่อสู้กับราชาเฉินม่อศัตรูผู้แข็งแกร่งนี้ในที่สุด
 
ถ้าเขาต้องสู้กับราชาเฉินม่อด้วยพลังที่เขามีในตอนนี้ ปัญหาก็คือเขาจะต้องทุ่มเทราคาไปเท่าไหร่
ไม่ว่ากลยุทธ์และแผนการต่อสู้ของเย่ว์หยางจะสมบูรณ์แบบเพียงใดก็ตาม หลังจากต่อสู้กับราชาเฉินม่อแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะท้าทายจ้าวสุริยาได้อีก เพื่อสงวนพลังทั้งหมดไว้เพื่อรับมือกับจ้าวสุริยาที่เข้าไปในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพก่อน เย่ว์หยางพยายามอย่างหนักคิดหากลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเล
ก่อนอื่นเขาใช้ ภาพลวงตาที่แท้จริง สลับดาวบนฟ้าเพื่อหลอกลวงศัตรู
เปลี่ยนตำแหน่งราชาเฉินม่อและคนอื่นจากทะเลคลั่งมายังบันไดสวรรค์
เมื่อศัตรูตื่นตระหนกเขาใช้ ภาพลวงตาที่แท้จริง อีกครั้งส่งเป้าหมายหลักของเขาคือราชาเฉินม่อเข้ามายังโลกหิมะน้ำแข็งในผนึกมิติหลุมดำอย่างเงียบงัน
นางพญาเฟ่ยเหวินหลียังคงขู่ขวัญยอดฝีมือระดับราชาเฉินม่อได้จนเขาไม่กล้าสู้ด้วย ความจริงแล้วเป็นเพราะทั้งสองมีระดับพลังที่แตกต่างกันจนมิอาจเทียบกันได้  แม้กระทั่งต่อหน้านางพญาที่ยังไม่ฟื้นฟูพลังเต็มที่ ราชาเฉินม่อก็ยังมีพลังฝีมือห่างไกลเกินกว่าจะสู้กับนางได้ แม้จะระเบิดตัวตายก็ยังเป็นไปไม่ได้
ลงมือท่าเดียวก็สยบเขาได้ พลังเทพของนางพญาผู้พิชิตนับว่าไร้เทียมทานจริงๆ
ในผนึกมิติหลุมดำ นางพญาเฟ่ยเหวินหลียังสร้างโลกหิมะน้ำแข็งได้ อย่าว่าแต่ราชาเฉินม่อเลย ต่อให้จ้าวสุริยามาเองก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้แน่นอน
นี่ไม่ต่างอะไรกับการที่เย่ว์หยางบุกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่จีอู๋ลี่ จ้าวสุริยา และจ้าวตำหนักตงฟางดูแลอยู่ ต่อให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่ใส่ใจราชาเฉินม่อ แม้ว่าราชาเฉินม่อจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวตอแยโลกหิมะน้ำแข็ง เขาจะไม่มีทางออกไปจากมิติหลุมดำได้ตลอดชีวิต ทั้งจะต้องถูกหลุมดำกลืนกินชีวิต... เมื่อเขาเห็นราชาเฉินม่อกลายเป็นตุ๊กตาน้ำแข็ง เย่ว์หยางใช้วงจักรล้างโลกตัดร่างขาดเป็นสองท่อน จากนั้นใช้เพลิงอมฤตเผาวิญญาณที่ถูกแช่แข็ง เย่ว์หยางเพลินกับการใช้เพลิงสวรรค์และน้ำแข็งสองชั้นร่วมกับปณิธานปราณราชันย์ จากนั้นเขาผนึกไว้ในเจดีย์ปราบปีศาจและขังไว้ตลอดไป  พระยาราชสีห์และราชาจินกวนคุกเข่าทันที
ไม่มีอะไร เพลิงสวรรค์และน้ำแข็งสองชั้น พวกเขาไม่สามารถสู้ได้อยู่แล้ว!
ไม่ต้องพูดถึงตัวเอง
ต่อให้เขาเป็นจ้าวสุริยาและมาด้วยตนเอง  เขาก็ต้องคุกเข่าด้วยความสิ้นหวัง... นางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็ว่าน่ากลัวพอแล้ว เย่ว์ไตตันกลับมีวงจักรล้างโลกและเพลิงอมฤต และในผนึกมิติหลุมดำที่ไม่มีทางทำลายได้  พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?
 “ข้าจะไม่สร้างความลำบากกับพวกเจ้า...”  เย่ว์หยางพูดอย่างนี้ ไม่มีใครเชื่อ  แต่พวกเขาไม่มีทางเลือก ชีวิตน้อยๆ อยู่ในกำมือของเขาไม่ฟังก็ไม่ได้
 “จงเข้าไปด้วยตนเอง!  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีตวาด พระยาราชสีห์และราชาจินกวนตัวสั่นเข้าไปในเจดีย์ปราบปีศาจโดยไม่รู้ตัว
สำหรับพวกเขาจะถูกปล่อยออกมาเมื่อไหร่ นั่นขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะถูกขังคุกที่มืดมิดเพียงใด  ก็ยังดีกว่าถูกฆ่าทันที
อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่ได้
พระยาราชสีห์กับราชาจินกวนไม่ได้กังวลใจกับการถูกประหารชีวิต เขาอาจจะรอดหรือตายก็ได้  แต่ความเย็นของน้ำแข็งที่ไม่มีใดเปรียบของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและเพลิงอมฤตของเย่ว์หยาง  ภายใต้ทัณฑ์ทรมานทั้งสองแม้มีร่างเทพอมตะ แต่ทว่าไม่มีประกายเทพ พวกเขาจะไม่มีทางรอดชีวิตได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความทุกข์ทรมานของร่างกาย  พระยาราชสีห์และราชาจินกวน  จึงเลือกที่จะยอมแพ้เหมือนผู้อาวุโสรุ่นก่อนที่เคยสู้กับนางพญาเฟ่ยเหวินหลี
การยอมให้จับแต่โดยดี ยังดีกว่าต่อต้านอย่างโง่เขลา
ถ้าไม่จำเป็นต้องตาย ใครเล่าจะกระตือรือร้นอยากได้เหรียญกล้าหาญ ได้มาเพราะเสียชีวิตเพื่อตำหนักกลาง?
 “หนุ่มน้อย!  เจ้าไม่ต้องการให้ข้าช่วยเจ้าสู้กับจ้าวสุริยาหรือ?”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่รุกรานเย่ว์หยาง  นางยิ้มอย่างมีความสุข
 “ท่านเพิ่งจะลงมือกับราชาเฉินม่อ สิ้นเปลืองพลังงานไปมาก ทั้งต้องพยายามฟื้นฟูพลังอย่างหนักในครั้งนี้  มันยากจะฟื้นฟูพลังนี้ได้ อย่าสิ้นเปลืองพลังเลย จ้าวสุริยาปล่อยให้ข้าจัดการเอง!  เย่ว์หยางรู้ถึงความยากลำบากในการฟื้นฟูพลังในมิติผนึกหลุมดำ อย่าว่าแต่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีต้องสร้างโลกหิมะน้ำแข็ง ถ้านางต้องสู้กับจ้าวสุริยาอีก อย่างนั้นวันเวลาที่นางจะออกมาได้ต้องยืดยาวออกไปอีก  สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ จ้าวสุริยาระมัดระวังตัวมาก และเขามีพลังสำนึกเทพระดับเดียวกัน เขาจะไม่ยอมถูกหลอกง่ายดายเหมือนราชาเฉินม่อ
แม้ว่าราชาเฉินม่อ เย่ว์หยางจะล่อลวงมาจากทะเลคลั่งไปบันไดสวรรค์ชั้นห้าได้ก็ตาม
ถ้าไม่ใช่เพราะสร้างความปั่นป่วนในใจก่อน  อย่างนั้นเย่ว์หยางจะหลอกราชาเฉินม่อได้หรือ?
นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย!
สำหรับจ้าวสุริยาเป็นไปไม่ได้ที่จะหลอกล่อเขาให้มายังผนึกมิติหลุมดำ และปล่อยให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีทะลวงออกมาจากมิติผนึกหลุมดำ คาดว่านางคงมีพลังเหลือไม่มากพอจะช่วย และนั่นจะทำให้นางต้องเสียเวลาสร้างโลกหิมะน้ำแข็ง กว่าจะเสร็จก็ต้องใช้เวลานานขึ้น นี่คือสิ่งที่เย่ว์หยางไม่ต้องการเห็น
แน่นอนว่าด้วยความเคารพตนเองของเย่ว์หยาง  เขายังคงรู้สึกว่าศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด ควรเป็นหน้าที่ลูกผู้ชายอย่างเขาต้องออกไปสู้
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะไม่เข้าใจความคิดของเย่ว์หยางได้อย่างไร? นางมองเขาอย่างว่างเปล่า
เทียบกับการสร้างโลกหิมะน้ำแข็ง
นางห่วงใยความปลอดภัยของเขามากกว่า
เย่ว์หยางยิ้มอย่างโง่งม เอามือลูบหลังศีรษะตนเอง
ใบหน้าของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีดูเปล่งปลั่งสง่างามขณะพูดธุระอย่างเป็นงานเป็นการ นางพูดอย่างจริงจังอีกครั้ง  “ด้วยพลังปัจจุบันของเจ้า แทบจะเป็นไปไม่ได้กับการเอาชนะจ้าวสุริยา  ต่อให้เจ้าพยายามอย่างดีที่สุดก็ตาม คาดว่าโอกาสเป็นไปได้มีเพียงหนึ่งในสิบ!
เย่ว์หยางไม่สงสัยความเป็นไปได้หนึ่งในสิบนี้จริงๆ  ความจริงโอกาสหนึ่งในสิบนับว่าไม่เลว  เดิมทีเขาประมาณการว่าโอกาสสำเร็จมีเพียงหนึ่งในร้อยเท่านั้น
 “จ้าวสุริยาสำหรับเจ้าในตอนนี้ เขามีพลังแข็งแกร่งมาก แต่มิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะ  ว่ากันในเรื่องของพลัง  เขากับจีอู๋ลี่ไม่เหมือนกัน  เขายังไม่แกร่งเท่าจีอู๋ลี่ เพราะจ้าวสุริยามีจุดอ่อนที่จีอู๋ลี่ไม่มี  ตราบใดที่เจ้าสามารถกุมจุดอ่อนของเขาได้  อย่างนั้นเจ้าจึงจะมีโอกาสชนะ”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลียิ้ม  “เจ้าพยายามอย่างหนักมาก่อน เปิดเส้นทางเข้าพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพ และให้เขาเข้าไปในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพ และเขาก็ต้องเห็นคัมภีร์เทพ  นั่นทำถูกแล้ว  จุดอ่อนของเขาในมิติเก็บคัมภีร์เทพจะมีเพิ่มเป็นสองอย่าง  เจ้าทำได้ดีมาก  อย่างไรก็ตาม ถึงอย่างนั้นจ้าวสุริยาก็ยังแข็งแกร่งมากอยู่ดี  เจ้าต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น”
 “ข้ายังไม่เห็นจุดอ่อน ข้าแค่คิดว่าจะหาความได้เปรียบในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพ และข้ายังหนุ่มกว่าเขา”  เย่ว์หยางพูดกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีอย่างถ่อมตัว  และด้วยจักษุญาณทิพย์ของเขาสามารถมองเห็นได้ทุกอย่าง  แต่กับจ้าวสุริยา เขายังมองไม่เห็นอะไรมากนัก
 “ถ้าเขาไม่โลภ เด็กน้อยเจ้าแม้ว่าจะมีความก้าวหน้า ก็อย่าไปตอแยกับเขา”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลียินดีกับความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยางที่หลอกล่อให้จ้าวสุริยาเข้าไปในที่เก็บคัมภีร์เทพ
 “ถ้าอย่างนั้น เราควรจะทำอย่างไรต่อไป?”  เย่ว์หยางถาม
 “มาให้ข้าลงโทษเจ้าเสียดีๆ  ที่บังอาจปลุกข้าตื่นจากฝันครั้งนี้ คิดหรือว่าข้าจะบอกเจ้า”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลียเงื้อมือดุจหยกขาวของนางกอดเขา
 “งั้นเปลี่ยนเป็นตบจูบแทน!  เย่ว์หยางนับเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง เขาดึงนางพญาเข้ามาหาอย่างรวดเร็วและจูบนางอย่างอ่อนโยนต่อเนื่อง จนนางพญาที่ตอนแรกเพียงแค่ต้องการหยอกล้อเย่ว์หยางถึงกับตัวสั่น  นางรีบผละออกไม่กล้าเผลอตัวอีกต่อไป นางเกรงว่าเจ้าเด็กนี่จะรุกไล่นางมากกว่านี้
 “ฮืม.. ไม่น่าล้อเล่นกับเจ้าเลย, รีบออกไปจัดการเรื่องวุ่นๆ ของเจ้าต่อเถอะ!  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีค้อนเขา  ทุกอากัปกิริยาของนางล้วนแต่มีเสน่ห์ไม่มีใครเทียบ เหมือนดาวประดับฟ้า
ขณะนั้นเขาไม่พูดอะไร
แต่เข้าใจได้ชัด
เย่ว์หยางอดกอดนางไม่ได้และประทับจุมพิตริมฝีปากสีแดงเอิบอิ่มของนาง
เสี่ยวเหวินหลีอายจนต้องใช้มือน้อยๆ ปิดหน้าของเธอ  แต่ยังมองลอดนิ้วแอบมองบิดากับมารดานางสนิทสนมกัน
หลังจากออกจากมิติหลุมดำแล้ว เย่ว์หยางยังเกิดอาการเคลิบเคลิ้มเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง ยังไม่สามารถฟื้นตัวจากความอ่อนหวานของนางพญา  เสี่ยวเหวินหลีตบหลังเขาเบาๆ และโน้มหน้าเข้าหาต้องการให้เย่ว์หยางจูบเธอบ้าง
พูดถึงเย่ว์หยางมักจะให้รางวัลลูกน้อยของเขาด้วยการจูบหน้าผากเสียงดังสองสามครั้ง
ถ้าเป็นปกติ เด็กน้อยจะต้องมีความสุขแน่นอน
แต่ครั้งนี้หนูน้อยไม่พอใจอยู่บ้าง
เธอยังรู้สึกไม่หนำใจ
เพราะเธอต้องการให้บิดาจูบริมฝีปากเธอเหมือนที่ทำกับมารดา แทนที่จะจูบหน้าผาก
 “ไม่นะ, แม้แต่เจ้าก็จะให้ลงโทษด้วยหรือนี่!  เย่ว์หยางรู้สึกผิดเล็กน้อย เขามองดูรอบตัวและพบว่าไม่มีใคร เขาอุ้มลูกสาวตัวน้อยและจุ๊บริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบา ดูเหมือนว่าจะหนักไปนิด
 “อ๊า..!  เสี่ยวเหวินหลีมีความสุข พอใจ หัวเราะร่าดีใจ
 “ห้ามบอกใครอื่นนะ!  เย่ว์หยางกำชับเป็นพิเศษ
 “อือ..” เด็กหญิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย เธอไม่รู้ว่าต้องปิดบังเรื่องแย่ๆ ของเย่ว์หยางมากี่เรื่องแล้ว
แท่นบูชายัญ
เมื่อเย่ว์หยางกลับไป มีสตรีเพิ่มมาอีกสี่คนรอเขาอยู่แล้ว
จากซ้ายไปขวาก็คืออาหมัน อาหง อิคคา ขณะที่คนที่วิ่งเข้ามากอดเขาก็คือนางพญาดอกหนามมงกุฏทองตั่วตั่ว เพื่อจะต่อกรกับจ้าวสุริยาเย่ว์หยางไม่กล้าประมาท เขาใช้อสูรอัญเชิญของเขาโดยไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากคนภายนอก
แม้ว่าเวลาฝึกฝนยังไม่ใช้เวลานานมากนัก แต่เพราะเย่ว์หยางสามารถเข้าถึงพลังระดับเทพได้  จึงไม่มีปัญหาคอขวดในการฝึกฝน
อาจกล่าวได้ว่าหลายคนฝึกฝนในโลกพฤกษาในบันไดสวรรค์ ก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด
ไม่พบเห็นวันเดียว
ก็มีความก้าวหน้าสูงส่ง
ที่ยิ่งกว่านั้น พวกนางฝึกฝนร่วมกันมาครึ่งปีแล้ว
เย่ว์หยางต้อนรับการกลับมาของทุกคน เขาโอบกอดพวกนางทีละคน
 “เจี้ยงอิงเล่า? สองสาวมังกรพี่น้องเป็นยังไงบ้าง?”  เย่ว์หยางลูบศีรษะของอิคคา  ในช่วงเวลาที่ยังไม่ต่อสู้ นางจะดูเหมือนเย่ว์ปิง  แม้ว่านางสามารถแปลงร่างให้เหมือนหนูน้อยเย่ว์ซวงได้  แต่ดูเหมือนนางชอบจะเลียนแบบเย่ว์ปิงมากกว่า
 “พวกนางยังไม่ลงมา คาดว่าต้องรออีกสิบนาที”  อาหงมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเย่ว์หยางมากที่สุด  นางกลายเป็นพี่สาวของสาวๆ (อสูร) หลายนางและคอยรับผิดชอบทุกอย่าง
 “เมื่อเป็นแบบนี้ เราไปดูพวกปิงเอ๋อกันก่อน!  เย่ว์หยางแม้ว่าจะกังวลเรื่องการต่อสู้กับจ้าวสุริยา เป็นการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมเกินไป  แต่ก่อนจะต่อสู้ เขาจะไปปลอบนางกับพวกก่อน นับว่าไม่เลว
ขณะนั้นห่างออกไปทางทิศตะวันตกห้าร้อยกิโลเมตรนางเซียนหงส์ฟ้าหงส์ฟ้ากำลังโมโห “น่าโมโหนัก,  เจ้านั่นไม่พาเราไปสู้กับจ้าวสุริยา ไม่ยอมมาเจอเรา คอยดูเถอะ กลับมาเมื่อใด ข้าจะไม่สนใจเขาเลย!  มารเคราะห์ฟ้ากับราชันย์ปีศาจใต้ได้แต่ลอบฟัง  ในฐานะสมาชิกวังมาร, และราชันย์ปีศาจใต้เป็นคนเผ่าภูตบูรพา และปีศาจแดนนรกแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน  การปราบปรามในวันนี้จบลง ใครจะกล้าตอแยนาง?  การล่วงเกินนาง แย่ยิ่งกว่าล่วงเกินเย่ว์หยาง สาวเทียนฟา (มารกฎฟ้า) เวลาโมโหขึ้นมา แม้แต่มารสัมฤทธิ์ฟ้าก็ยังรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า
ในวงล้อมขนาดใหญ่ ผู้เฒ่าเครายาวในแปดขุนพลบริวารบาดเจ็บสาหัส เขาโชคร้ายที่ถูกมารกฎฟ้ายิงพลังสายฟ้าใส่
พลังสายฟ้าของมารกฎฟ้ามีพลังมากกว่าก่อนเป็นหมื่นเท่า
ทั้งหมดโจมตีใส่ศีรษะของผู้เฒ่าเครายาว
นี่คือพลังสายฟ้าสังหารที่น่ากลัว
อย่าว่าแต่แปดขุนพลบริวารเลย  ต่อให้เป็นพระยาราชสีห์โดนสายฟ้านี้ฟาดใส่ก็คงไหม้เป็นควัน
โนมกับเจ้าอ้วนกอดกันแน่น ตัวสั่นฟันกระทบกัน
พวกเขาพบว่ากลุ่มนักรบชาวมนุษย์ พวกวังมาร ปีศาจแดนนรกและเผ่าพันธุ์ภูตบูรพาเกือบร้อยคนนี้ ยังน่ากลัวไม่ถึงครึ่งของหญิงงามเจ้าอารมณ์นี้ หรือว่าสตรีผู้นี้จะเป็นจื้อจุนตามรายงานข่าวกรองของเสี่ยวโฉ่ว?

6 ความคิดเห็น:

Nnna กล่าวว่า...

หนูน้อยเสี่ยวเหวินหลีต้องปิดบังเรื่องแย่ๆของเย่ว์หยางมากมายขนาดไหนนะโธ่ๆๆๆ

Yod กล่าวว่า...

ตลกคิดว่า มารกฎฟ้า เป็น จื้อจุน 5555 ถ้าจื้อจุน มาจะขนาดไหนกัน

ulomzx กล่าวว่า...

อนาคต เย่าว์หยางมีเมีงูแน่ๆ..ฟันธงเลย..สวยขนาดนั้น

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น