วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 980 เย่ว์ไตตันก็ช่วยเจ้าไม่ได้!


ตอนที่  980  เย่ว์ไตตันก็ช่วยเจ้าไม่ได้!
ในมิติเก็บคัมภีร์เทพ
 
ในกลุ่มราชาจื่อฟงและหญิงงามจูกวง ไม่มีใครเคยได้มาในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพมาก่อน
ตอนนี้พวกเขาพบว่าได้ผ่านประตูเทเลพอร์ตรูนโบราณเข้ามาถึงโลกที่น่าพิศวงแห่งหนึ่ง ที่นี่มีม่านพลังรูปโล่สีทองคลุมอยู่ด้านบน  มองไปรอบๆ มีสวนกลิ่นหอมสดชื่นอยู่ทั่วทุกที่  ตามขอบของม่านโล่พลังสีทองกินพื้นที่อย่างน้อยเกือบร้อยกิโลเมตร
ในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพที่กว้างใหญ่นี้ ยังมีพื้นที่มิติขนาดใหญ่น้อยมากมาย
แต่ละพื้นที่คลุมไปด้วยม่านพลังสีทองขนาดเล็กกว่า
บางพื้นที่อยู่ข้างหน้า  บางพื้นที่ลอยอยู่ในอากาศ
พื้นที่ค่อนข้างมีการผสานตัวสอดคล้อง ม่านพลังรูปโล่ทรงกลมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง มีม่านพลังเล็กๆ หมุนโคจรโดยรอบด้วยพลังกฎสวรรค์แปลกประหลาดอธิบายไม่ได้
อย่างไรก็ตาม แม้แต่ม่านพลังรูปกลมอย่างเล็กที่สุดก็มีขนาดหลายสิบตารางกิโลเมตร
ตัวม่านพลังสีทองใส
เมื่อมองเข้าไปข้างใน จะพบว่าเหมือนเป็นโลกที่มีชีวิต มีพลังในตัวเอง
ถ้ามองเข้าไปตรงกลาง จะมองเห็นพวกนักสู้ปราณฟ้าอย่างเช่น ราชาจื่อฟง ราชาชิงหลางและราชาโหลวลั่วเป็นต้น  ไม่มีใครสามารถนึกออกว่าจะมีการสร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่โตตระการตาระดับนี้  แดนสวรรค์มิใช่ปราศจากผู้มีความสามารถ ราชา เจ้าแคว้น และเจ้าเมืองไม่ชอบแข่งกันสร้าง  พวกราชาจื่อฟงก็สามารถทำวังตำหนักอย่างนี้ได้แน่นอน เพียงแต่จะต้องใช้เวลาและพลังชีวิตไปมากมายขนาดไหน
วังหลวงในเมืองลู่หลิวสูงถึงหนึ่งกิโลเมตร
เมื่อเทียบกับตำหนักสีทอง ก็เหมือนกับแมลงปอที่อยู่ต่อหน้าพญาช้างสาร มิอาจเทียบกันได้อย่างสิ้นเชิง
 “ข้าคิดว่าที่ตั้งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์บนเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังเทียบที่นี่ไม่ได้”  ราชาจื่อฟงไม่เคยไปภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ ไม่เคยไปตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เขาเพียงแต่ได้ยินเรื่องเหล่านี้จากตำนานเท่านั้นจากการอ่านและดูภาพ
เดิมทีเขาคิดว่าตำหนักกลางแดนสวรรค์นั้นเด่นที่สุดในแดนสวรรค์แล้ว
คาดไม่ถึงเลยว่า มิติเก็บคัมภีร์เทพที่ไม่รู้จักนี้เป็นวังที่มีขนาดใหญ่มโหฬาร ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าตนเองตัวเล็กไม่ต่างมดแมลงเมื่อพวกเขามาอยู่... แท้จริงแล้ว มีแต่เพียงตำหนังเวียงวังอย่างนั้นที่คู่ควรกับเทพเจ้า  ราชาจื่อฟงไม่เคยเห็นเทพเจ้า  แต่เมื่อเขาเห็นวังตำหนักซึ่งเป็นที่อยู่ของเทพเจ้า เขาตระหนักได้ทันทีถึงความห่างชั้นระหว่างตัวเขาเองกับเทพเจ้าซึ่งไม่ธรรมดาเลย
เห็บหมัดกับพญาช้างสารแตกต่างกันมากมายขนาดไหน?
อาจจะมากยิ่งกว่านั้นก็ได้!
มดคืออะไร? เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพเจ้า คนอย่างเขาก็คือมดตัวหนึ่งอย่างมิต้องสงสัย
 “ถ้าข้าเป็นเจ้าของวังนี้ได้  แม้จะเป็นแค่วันเดียว ข้าคงตกใจจนตาย”  ราชาชิงหลางถอนหายใจลึก จริงๆ แล้วเขาเพิ่งจะพูดว่าถ้าสามารถเข้าในดินแดน และสิ่งก่อสร้างที่รุ่งโรจน์ที่ไม่ธรรมดา เมื่อได้เห็นวังสีทองที่อยู่อาศัยของเทพ นับว่าไม่มีอะไรน่าเสียใจแล้ว
 “ไปต่อเถอะ เจ้าต้องการหาทางเข้าข้างในพื้นที่สนามโล่พลังสีทองไม่ใช่หรือ?”  ราชาโหลวลั่วค้นพบจุดหนึ่ง รวมทั้งม่านพลังทองภายนอกทั้งหมดได้รับการคุ้มครองโดยพลังกฎสวรรค์ มีรูปแบบอักขระรูนนับไม่ถ้วนหมุนเวียนโคจรอยู่
รวมทั้งตำหนักทอง ก็มีม่านโล่พลังสีทอง
เขาคาดว่าไม่น่าเข้าไปได้ง่ายๆ
ถ้าพบว่าเป็นพื้นที่เล็ก ก็อาจจะมีวิธี
และสิ่งที่ทำให้เขากังวลมากที่สุดก็คือจ้าวสุริยาคงต้องเข้ามาแล้ว  ถ้าเขาเลือกเข้าไปในตำหนักทอง  นั่นเท่ากับเข้าไปตายอย่างว่างเปล่าไม่ใช่หรือ?  ไม่มีเย่ว์ไตตัน ใครจะเป็นคู่ต่อกรของจ้าวสุริยา?
ราชาจื่อฟงมองดูหญิงงามจูกวง เพื่อดูว่าหญิงคนที่เขารักจะมีความคิดอย่างไร?
สิ่งที่เขาต้องการที่สุดไม่ใช่เพื่อต้องการรับคัมภีร์เทพนี้
ไม่ต้องการเป็นเจ้าของที่นี่
เป็นไปไม่ได้ที่คัมภีร์เทพจะยอมรับนักสู้ปราณฟ้าธรรมดา เขารู้ตัวเองดี  หลังจากเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ราชาจื่อฟงเริ่มดูแคลนความทะเยอทะยาน นั่นจะได้อะไร? เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งอย่างจ้าวสุริยา ต่อให้เขาพยายามมาตลอดชีวิต เขาก็ยังเป็นมดแมลง แม้แต่แปดขุนพลบริวาร เขาก็ยังเอาชนะไม่ได้ อย่าว่าแต่สี่ราชา
ถ้าเขาโยนความทะเยอทะยานในโลกทิ้งไป จะเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็คงไม่แย่ ถ้ามีสตรีผู้เป็นที่รักอยู่ด้วยก็เท่ากับมีโลกทั้งใบมิใช่หรือ?
หญิงงามจูกวงยิ้มให้เขา  แม้ว่านางจะอ่อนล้า  แต่รอยยิ้มของนางเจือจางไปเล็กน้อย
แต่หญิงงามนั้นทำให้เขาใจสั่นสะท้าน
เขาอดโอบนางไว้ในวงแขนมิได้ ทำไมพระเจ้าไม่บันดาลให้เขาพบนางเร็วกว่านี้
 “ข้าอยากไปชมดูตำหนักทอง ถ้าไม่เข้าไปข้างใน  เราก็แค่ชมดูจากข้างนอก ได้หรือไม่?”  คำพูดของหญิงงามจูกวงทำให้ราชาจื่อฟงเคลิบเคลิ้ม  เขาพยักหน้าตอบรับ  เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าจ้าวสุริยาอยู่ในนั้นหรือเปล่า  ต่อให้เขายืนอยู่ข้างหน้า  แต่เพื่อสตรีอันเป็นที่รักแล้ว  เขายินดีพานางเที่ยวชมดู  ตั้งแต่ได้พบกับนาง  นางไม่ค่อยได้ขออะไร เขาเป็นบุรุษและเป็นสามีนางมีหรือจะไม่พานางไปชมดูตำหนักทองเพื่อสร้างความพอใจให้นาง?
 “ไปกันเถอะ!  ราชาจื่อฟงตัดสินใจพานางเข้าไปใกล้เพื่อชมดูตำหนักทองสูงตระหง่านเสียดฟ้า
 “ข้าไปด้วย!  ราชาโหลวลั่วตัดสินใจไปกับเขา
 “ตำหนักทองจะเข้าไปได้หรือไม่ เราไม่ต้องคิดมาก  ก็แค่ต้องการไปดูเท่านั้น  ฮ่าฮ่า แค่ได้เข้าไปดูใกล้ๆ ชีวิตไม่เสียเปล่าแล้ว!  ราชาชิงหลางหัวเราะลั่นอย่างมีความสุข แต่เพราะยังบาดเจ็บอยู่ เขาไอมีเลือดปนออกมาเล็กน้อย
แปลก ที่เลือดที่กระเซ็นออกมาดูสกปรก
แทนที่จะกระเด็นลงพื้นแต่กลับหายไปกับความว่างเปล่าทันที
รอยกระเซ็นของหยดเลือดดูเหมือนจะสั่นเล็กน้อย และเหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็นถือผ้าซับเลือดเช็ดเลือดเบาๆ จนแห้งและหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่เหลือรอยเปื้อนให้เห็น  ในเวลานั้นราชาจื่อฟงจึงได้เข้าใจว่าทำไมดอกไม้ ต้นไม้และพื้นข้างล่างจึงไม่มีรอยเปรอะเปื้อน ที่แท้มีพลังกฎสวรรค์ที่คอยปกป้องตลอดเวลา
หญิงงามจูกวงเอื้อมมือต้องการจะเด็ดดอกไม้
ราชาจื่อฟงรู้ว่าการเคลื่อนไหวอย่างนั้นอาจทำให้เกิดอันตรายได้ แต่เขาไม่สามารถห้ามนางได้
ราชาชิงหลางและนักสู้อื่นแสร้งทำเป็นไม่เห็น อย่างไรก็ตามใครจะสนใจใครได้เล่าถ้ามีคนถูกกฎสวรรค์ลงโทษ  นักสูปราณฟ้าคนอื่นๆ ไม่พอใจราชาจื่อฟงอยู่บ้าง  สตรีของเจ้าต้องการเก็บดอกไม้ ถ้ามีอันตรายจนทุกคนตกตายไป เจ้ายังจะตามใจนางอีกหรือ?
 “อย่าขยับ!
มีเสียงแปลกดังก้องทุกคนได้ยิน
ราชาจื่อฟงได้ยินอย่างชัดเจน และเขาตกใจเมื่อพบว่านั่นไม่ใช่เสียงของหมิงลี่ฮ่าว หรือของเย่ว์ไตตัน และไม่มีทางเป็นเสียงของเทวีเสรีภาพ เพราะนั่นเป็นเสียงของบุรุษ นอกจากหมิงลี่ฮ่าวและเย่ว์ไตตันแล้ว คนนอกที่เข้าในมิติเก็บคัมภีร์เทพได้มีโอกาสเป็นศัตรูมากที่สุด แทบเป็นไปไม่ได้ว่าจะเป็นสหาย  ผู้มาถึงเป็นใครกันแน่?
ทุกคนตกใจหันกลับมามอง
ที่ด้านหลังไม่มีใครเหลืออยู่
ราชาชิงหลางสนองตอบรวดเร็วที่สุด เขามองขึ้นไปด้านบน และพบว่าข้างบนสูงหลายสิบเมตร มีบุรุษผอมสูงสวมชุดแปลกประหลาดหลากหลายสี ทั้งสวมหมวกกำลังลอยลงมาจากบนอากาศช้าๆ
ใบหน้าของเขาสวมหน้ากากเงิน ครึ่งหนึ่งร้องไห้ ครึ่งหนึ่งหัวเราะ
นั่นทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจมาก
ในมือซ้ายของบุรุษหน้ากากเงินแปลกประหลาดนี้ถือแท่งไม้เล็กๆ ที่เปล่งประกายระยิบระยับ แต่มือขวาโยนลูกบอลสามลูกสามสีอย่างต่อเนื่อง ให้ความรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่ใช่นักรบแต่ค่อนข้างคล้ายตัวตลกที่เปิดแสดงในงานเลี้ยง
เมื่อเห็นคนผู้นี้ ราชาชิงหลางสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาโพล่งออกมา  “เสี่ยวโฉ่ว?  เจ้าคือเสี่ยวโฉ่วหนึ่งในแปดขุนพลบริวารรของจ้าวสุริยา!
เสี่ยวโฉ่วควงไม้วิเศษและมืออีกด้านหนึ่งโยนบอลสามลูกต่อเนื่อง ใบหน้าที่สวมหน้ากากครึ่งร้องไห้ครึ่งหัวเราะหันมาทางราชาชิงหลาง  “ฉลาดดีนี่..น่าเสียดายที่คนฉลาดอายุมักไม่ยืนยาว!  ก่อนจะส่งเจ้าสู่เส้นทางปรภพ  ข้าสงสัยจริงๆ  ข้าอยากถาม พวกเจ้ารู้ว่าจ้าวสุริยาเข้ามาในมิติเก็บคัมภีร์เทพแล้ว ทำไมถึงกล้าเข้ามาหาที่ตาย?  เบื่อหน่ายชีวิตแล้วหรือ?”
ราชาชิงหลางมองดูรอบๆ และพบว่าไม่มีคนอื่นอยู่อีก นอกจากเสี่ยวโฉ่ว
ความจริงแปดขุนพลบริวารไม่อยู่ที่นั่นและสี่ราชาไม่อยู่ที่นั่น
คาดว่าคงมีการต่อสู้กับเย่ว์ไตตันที่ข้างนอก
ความมั่นใจของเขากลับคืนมา  “เจ้าน่ะหรือ?  เสี่ยวโฉ่ว เจ้าคือหัวหน้าของแปดขุนพลบริวาร แต่เป็นเพราะเจ้าเป็นคนฉลาด ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเจ้าเพราะเจ้ามีพลังระดับปราณฟ้าระดับสี่ แต่ยังกล้ามาท้าทายเราอีกหรือ? ก่อนจ้าวสุริยาจะมาถึง เราสามารถล้มเจ้าในสิบนาที! อย่านึกว่าเจ้าเป็นขุนพลแห่งตำหนักเทพสุริยะ แล้วเจ้าจะตอแยเราได้  ข้าชิงหลางตายแล้วกลับมาได้ รู้สึกไม่กลัวตายแล้ว”
 “ถ้าเจ้าเป็นเย่ว์ไตตัน ข้าก็คงยอมรับได้”  เสี่ยวโฉ่วหัวเราะแปลกๆ  “ชิงหลาง! ลองใช้สมองเจ้าคิดดู เจ้ากล้าพูดว่าเจ้าเป็นราชาในดินแดนหนึ่ง  เจ้ากล้าพูดเช่นนั้นเชียวหรือ?  เจ้าไม่มีสมอง โง่เง่าถึงขนาดนี้ได้ ข้าเป็นแค่นักสู้ปราณฟ้าระดับสี่ ฮึ... ข้าอ่อนแอมาก เจ้าก็เลยจะฆ่าข้าสินะ!
 “เจ้า....”  ราชาชิงหลางเฉียดตายมาหลายครั้ง  แต่เขาก็ยังกลัวตายอยู่ดี
 “รอเดี๋ยว...ดูเหมือนเขาเตรียมการไว้แล้ว”  ราชาโหลวลั่วรีบห้ามและแนะนำราชาชิงหลางไม่ให้วู่วาม
 “แน่นอนว่าเตรียมพร้อมไว้แล้ว  แต่เพื่อความแม่นยำ ข้าไม่มีอะไรต้องกลัว!  ไม้วิเศษในมือของเสี่ยวโฉ่วหยุดทันทีจากนั้น แล้วจงใจชี้ไปรอบๆ  “พวกเจ้าทุกคนถ้าไม่ตาบอด ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าต้องเห็น?  คัมภีร์เทพนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวามีกลิ่นหอม และยอมรับสีเขียว ยังมีอะไรที่ขาดหายไปอีก?”
 “ยังมีอะไรขาดหายไป?...หรือว่า...”  หลังจากได้ยินแล้ว ราชาจื่อฟงตกใจร้องขึ้น  “เป็นนกและสิ่งมีชีวิต  ไม่มีสัตว์ที่นี่!
เขารีบเรียกคัมภีร์อัญเชิญ  อย่างไรก็ตาม นั่นกลับล้มเหลว
ทันใดนั้นทุกคนถึงได้เข้าใจ
พื้นที่คัมภีร์เทพนี้มีพลังกฎสวรรค์แปลกประหลาด ห้ามเรียกคัมภีร์อัญเชิญ
ถ้าไม่สามารถเรียกคัมภีร์อัญเชิญที่นี่  ก็ไม่สามารถเรียกอสูรศึกออกมาได้  ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือไม่สามารถใช้ทักษะแฝงเร้นได้ ไม่ว่าจะเป็นราชาจื่อฟงหรือราชาชิงหลางพลังจะลดลงอย่างมาก  ตอนนี้ราชาจื่อฟงและราชาชิงหลางและคนอื่นบาดเจ็บกันหมด  ด้วยสภาพอาการอย่างนั้นนับว่ายากจะเอาชนะเสี่ยวโฉ่วที่มีพลังปราณฟ้าระดับสี่ได้จริงๆ
เสี่ยวโฉ่วแค่นเสียง  “สำหรับวันนี้  ข้าวางแผนมานานแล้ว  ข้าไม่กลัวจะบอกพวกเจ้า  อย่าหวังว่าจะมีใครมาช่วยเจ้าเลย ต่อให้มีเย่ว์ไตตันอยู่ด้วยก็ช่วยพวกเจ้าไม่ได้  พวกเจ้าจะต้องตายแน่นอน!

7 ความคิดเห็น:

ulomzx กล่าวว่า...

ไม้วิเศษต้องเป็นของเย่ว์หยางแน่นอน

Nnna กล่าวว่า...

เรียกคัมภีร์อัญเชิญไม่ได้แล้วยังไง หยางมันจะเดือดร้อนมั้ย55555

zen zen กล่าวว่า...

แล้วถ้าหยางโผล่มาหละจะทำไง

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น