ตอนที่ 981
ฝ่าบาท พระองค์ตายได้แล้ว!
มิติเก็บคัมภีร์เทพ
จื่อฟง ชิงหลาง โหลวลั่ว
สามราชาและนักสู้ระดับปราณฟ้าร่วงลงกับพื้นทีละคน
พลังของพวกเขาโดยรวมแข็งแกร่งกว่าเสี่ยวโฉ่วที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่อยู่มาก
แค่พลังปราณฟ้าระดับราชาก็สามารถเอาชนะเสี่ยวโฉ่วที่อยู่ข้างหน้าได้ อย่างไรก็ตาม
เมื่อเสี่ยวโฉ่วปล่อยพลังคลื่นสั่นสะเทือนทุกคนต่างร่วงล้มกันหมดราวกับถูกพายุหมุนกวาด
นักสู้ปราณฟ้าร่วงหล่นลงพื้นยืนก็แทบไม่ได้
แม้แต่สามราชาผู้แข็งแกร่งที่สุดอย่างราชาจื่อฟง
ราชาชิงหลางและราชาโหลวลั่วไม่มีโอกาสต่อสู้ดิ้นรน
นักสู้ปราณฟ้าอื่นที่มีพลังระดับต่ำกว่ายิ่งไม่มีพลังพอจะกระดิกนิ้วมือ
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
“อา.. ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?” ราชาชิงหลางไม่เข้าใจ
“ไม่มีทาง?”
ราชาโหลวลั่วเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
“.....”
ความจริงราชาจื่อฟงก่อนจะร่วงตกลงมา
เขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อประคองจูกวงไว้ในอ้อมแขน เขาไม่ยอมให้นางได้รับบาดเจ็บ
“เหตุผลง่ายมาก
พวกเจ้าทุกคนต้องคำสาป” เสี่ยวโฉ่วยกนิ้วชี้แล้วห้ามและหัวเราะน่ากลัว “ความจริงแผนการทั้งหมดเป็นข้าคิดขึ้นมาเอง
รวมทั้งการโจมตีเจ้าที่งานเลี้ยง นักรบเดนตายปล่อยคำสาป จนถึงพายุทะเลคลั่ง ทั้งหมดอยู่ในการคำนวณของข้า”
“เราได้รับบาดเจ็บที่ทะเลคลั่งเพราะคำสาปที่อยู่ในเลือดกระตุ้นใช่หรือไม่?” ราชาจื่อฟงเข้าใจทันทีว่าทำไมราชาสองหน้า
และแปดขุนพลบริวารจึงไม่ฆ่าพวกเขาทันที
ก่อนนั้นเขาคิดว่าเป็นเรื่องของความโชคดี
คาดไม่ถึงว่านี่เป็นแค่แผนการของเสี่ยวโฉ่ว
เสี่ยวโฉ่วไม่เพียงแต่คำนวณเรื่องคำสาปไว้เท่านั้น
แต่ยังรวมไปถึงผู้รอดชีวิตที่ยังมีความอยากรู้อยากเห็นเสี่ยงชีวิตเข้าสู่พื้นที่เก็บคัมภีร์เทพ
“ถูกต้อง”
เสี่ยวโฉ่วไม่ปฏิเสธ เขายักไหล่และแสยะยิ้ม “ถ้าฆ่าพวกเจ้าเร็วเกินไป ด้วยพลังของข้า
ก็คงผ่านโล่พลังเข้าไปในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพไม่ได้ เพื่อให้แผนการนี้สัมฤทธิ์ผลสูงสุด ข้าตัดสินใจปล่อยให้พวกเจ้าเข้ามา เมื่อพวกเจ้าเข้ามาในนี้แล้ว
ข้าจะฆ่าพวกเจ้าเอาเลือดบูชายัญเพื่อเปิดโล่ม่านพลังและเข้าไปในวิหารทอง”
“ทำไมต้องเป็นเรา? เราไม่มีความแค้นใดต่อเจ้า!” ราชาชิงหลางไม่เข้าใจ เขาวางแผนเล่นงานจื่อฟง
ทำไมต้องนับรวมเขาเข้าไปด้วย?
“จำเหตุการณ์สังหารที่หุบเขาซิ่งกู่ได้ไหม?” เสียงของเสี่ยวโฉ่วพลันดุร้าย เขาพยายามข่มความโกรธและและแค่นเสียงแหลม “1,500 ชีวิตในหุบเขา ทั้งคนชราคนพิการและคนอ่อนแอไม่มีใครรอดชีวิต
เป็นฝีมือของเจ้า โหลวลั่วและว่านเจียว เป็นผู้นำในการฆ่าครั้งนี้”
“เจ้าคือเด็กที่ขาหักหรือ?”
สายตาที่ราชาชิงหลางมองดูเสี่ยวโฉ่วเปลี่ยนไปราวกับว่าเขาเห็นภูตผี
เห็นได้ชัดว่านั่นคือเด็กที่ขาหักสองข้าง
“เจ้า เจ้าคือเผ่าพันธุ์คนสุดท้ายนั่น....” สีหน้าของราชาโหลวลั่วเปลี่ยนไปทันที
“เห็นได้ชัดว่ามันถูกเผาตายไปแล้ว!”
มีเสียงของนักสู้ปราณฟ้าอื่นร้องเตือน
“เป็นไปได้อย่างไร?”
แทบทุกคนเกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ที่หุบเขาซิ่งกู่ในปีนั้น
และพวกเขาก็ดูละอายใจเมื่อได้ยินการเผชิญหน้ากับการแก้แค้น
“ถูกแล้ว,
ข้าคือหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่เจ้าเผาอยู่ในกองไฟนานถึงครึ่งค่อนวันก็ยังไม่ตายร่ำร้องว่าจะแก้แค้นน่ะหรือ” เสียงของเสี่ยวโฉ่เยือกเย็นขึ้นยิ่งกว่าน้ำแข็ง
น้ำเสียงของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าภูตพรายกรีดร้อง
“เจ้าคิดว่าเมื่อข้าบอกว่าต้องการแก้แค้น ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเองหรือ?” ปีแล้วปีเล่าที่ข้าเฝ้าวางแผนเพื่อวันนี้!
เจ้าคิดว่าข้าเชิญเจ้าไปงานเลี้ยงของจื่อฟงเป็นเรื่องบังเอิญหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นเป็นการจัดการของข้าโดยเฉพาะ ข้าวางแผนจากความโลภของพวกเจ้า
ต่อให้เย่ว์ไตตันไม่ปรากฏตัวต่อให้ไม่มีหยดเลือดเทพเป็นเหยื่อล่อ
เจ้าก็ถูกหลอกได้อยู่ดี”
“ปรากฏว่าเป็นการล้างแค้นเหตุการณ์ที่หุบเขาซิงกู่!” แววสำนึกผิดปรากฏขึ้นในดวงตาของราชาชิงหลาง “นั่นเป็นการกระทำที่บ้าคลั่งเพียงอย่างเดียวที่ข้ารู้สึกผิด....
เมื่อสหายศึกของข้าฆ่าคนโดยที่ข้าควบคุมไม่ได้
ข้าได้แต่เสียใจกับเหตุการณ์บ้าคลั่งที่เกิดในหุบเขาซิงกู่”
“เสียใจ, สำนึกผิด? ฮ่าฮ่าฮ่า
รู้ไหมว่าข้าได้ยินเรื่องใดมา
ข้าได้ยินว่าเจ้าข่มขืนและฆ่าราชินีแห่งซิงกู่
แล้วเจ้ายังกล้าพูดแค่คำว่าเสียใจเองหรือ?
ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสี่ยวโฉ่วหัวเราะ
“สตรีนางนั้น ทุกสิ่งที่ข้าทำกับนาง
ข้ารู้สึกละอายใจยิ่งนัก!” ราชาชิงหลางหัวเราะและยิ้มกว้าง
“ถึงแม้ว่านางจะพูดในเวลานั้นว่านางอภัยให้ข้า แต่ข้าไม่สามารถอภัยให้ตนเอง ในเมื่อเจ้าจะแก้แค้นให้นาง อย่างนั้นข้าจะชดใช้ชีวิตให้เจ้า!”
มือที่สั่นเทาของราชาชิงหลางกลายเป็นกรงเล็บหมาป่า
เขาปักกรงเล็บที่อกและควักหัวใจ
มือของเขาชุ่มไปด้วยเลือด
และส่งมอบให้เสี่ยวโฉ่ว
เสี่ยวโฉ่วแค่นเสียงเหยียดหยาม
ไม่ยอมมองดูและใช้ขาเหยียบขยี้
ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบหัวใจที่ยังเต้นอยู่จนแหลก
เลือดสาดกระจายอยู่บนพื้น...
เขาไม่เพียงแต่ทำลายหัวใจของราชาชิงหลางเท่านั้นแต่ยังใช้ไม้วิเศษในมือดึงดูดรวบรวมเลือดของราชาชิงหลางก่อนเขาตายควบกลั่นเป็นบอลกลมลอยอยู่ต่อหน้าของเขาเตรียมใช้ในการบูชายัญในภายหลัง
ราชาชิงหลางเสียเลือดไปแทบไม่เหลือ
หน้าของเขาสั่นกระตุก “ข้าขอโทษ, แม้ว่านางจะยกโทษให้ข้า
แต่สุดท้ายข้าไม่ได้กลายเป็นคนดี...
ข้าไม่อาจลืมเสียงหัวเราะและเสียงร้องไห้ของเจ้าได้
ข้าไม่สามารถลืมการขออภัยเจ้าได้... แต่ข้าขลาดเขลาเกินไป ในภูมิภาคสวนสวรรค์
สถานที่เต็มไปด้วยคนชั่วร้าย
ข้าไม่สามารถยืนหยัดเป็นคนดีอย่างกล้าหาญได้ แม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว ท่านหญิงผู้นั้น ความจริงข้าไม่เคยลืม....ข้าเสียใจจริงๆ....”
ม่านตาของเขาเริ่มขยายไม่หยุด
เมื่อถึงจุดสุดท้ายใกล้จะตาย
ที่หางตาของเขา มีหยาดน้ำตาปนโลหิตไหลหยดลงพื้น
ราชาโหลวลั่วเห็นราชาชิงหลางฆ่าตัวตายชดใช้ความผิด
ทำให้เขาหวาดกลัวจนขวัญกระเจิง เขาพยายามอย่างสุดกำลังกระโดดและบินหนีไปในอากาศ
เสี่ยวโฉ่วไล่ตามหลังเขาแล้วยิงพลังกรงเล็บสังหารออกไปราวกับสายฟ้า
กรงเล็บทะลวงหลังทะลุออกทางหน้าอก กระชากหัวใจติดออกมาด้วย
ฉัวะ
ขณะที่เสี่ยวโฉ่วดึงแขนกลับ
เขาขยี้หัวใจของราชาโหลวลั่วอย่างอำมหิต
ราชาโหลวลั่วหนีออกไปได้ไกลสองสามกิโลเมตรขณะที่เลือดของเขาฉีดพุ่งในอากาศมองดูเหมือนรุ้งสีเลือด
เสี่ยวโฉ่วรีบกลับมาพร้อมกับใช้ไม้วิเศษรวบรวมโลหิตที่ฉีดพุ่งสร้างเป็นบอลโลหิตลูกที่สอง
ขณะที่ร่างของราชาโหลวลั่วสูญเสียเลือดไปทั้งหมด กระเด็นลงพื้นราวกับว่าวขาดลอย
เทียบกับราชาชิงหลางผู้ตายเพราะสำนึกผิด
การตายของราชาโหลวลั่วกระตุ้นให้กฎสวรรค์ในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพทำความสะอาดพื้นที่
ร่างของเขาสลายกลายเป็นธุลีหายไปในอากาศ
ตรงกันข้ามกับราชาชิงหลางผู้ยอมตายเพื่อชดใช้บาปและตายต่อหน้า
แต่ยังคงมีพลังปณิธานหลงเหลืออยู่เล็กน้อย
ร่างของเขาไม่หายไปในทันที แต่ค่อยๆ
ละลายไป
เสี่ยวโฉ่วแค่นเสียง
สำหรับศพชิงหลางเขาขึ้นไปย่ำร่างตั้งแต่ศีรษะและส่วนอื่นอย่างหนัก
ศพกลายสภาพเป็นธุลีและสลายหายไป
อย่างไรก็ตามใต้เท้าของเสี่ยวโฉ่วมีผลึกประหลาดคล้ายกับผลึกปีศาจชนิดพิเศษที่เกิดจากการกลั่นตัวจากความรู้สึกสำนึกเสียใจ
อาจกล่าวได้ว่านี่คือหัวใจแห่งความสำนึกผิด
เสี่ยวโฉ่วฆ่านักสู้ปราณฟ้าอื่นยกเว้นราชาจื่อฟงและหญิงงามจูกวง
และดึงดูดเลือดมาสร้างเป็นลูกกลมขนาดต่างๆ
ราชาจื่อฟงรู้ตัวว่าแม้แต่เขาก็คงไม่ได้รับการยกเว้น
แม้ว่าการเข่นฆ่าสังหารหมู่ที่หุบเขาซิงกู่เขาไม่ได้มีส่วนร่วมก็ตาม แต่เป็นไปไม่ได้ที่เสี่ยวโฉ่วจะยอมปล่อยเขาไป
เขามองดูหญิงงามจูกวงในอ้อมแขนและก้มหน้าจุมพิตหน้าผากสตรีที่เขารักลึกซึ้งอย่างอ่อนโยน
และทำท่าไม่ให้นางพูด มอบทุกอย่างให้นาง
“เสี่ยวโฉ่ว,
ข้าเข้าใจว่าเจ้าต้องการอะไร!”
เสี่ยวโฉ่วยิ้มเจ้าเล่ห์ “หมายความว่ายังไง?”
ราชาจื่อฟงถอนหายใจเล็กน้อย “เจ้าไม่ฆ่าข้าก่อน ก็เพราะต้องการทรมานข้าช้าๆ
และบังคับให้ข้ามอบสะเก็ดศิลาดวงดาวให้เจ้า”
เสี่ยวโฉ่วหัวเราะและชูนิ้วโป้ง “คนฉลาดย่อมดูแตกต่าง อืม.. ถ้าเจ้าไม่ต้องการเห็นการฆ่าข่มขืนสตรีผู้เป็นที่รักของเจ้า
ก็มอบสะเก็ดศิลาดวงดาวออกมา!
ไม่มีสิ่งนั้น ข้าไม่สามารถเข้าไปยังตำหนักทองได้ เมื่อข้าไม่สามารถเข้าไปในตำหนักทองได้
อารมณ์ของข้าจะไม่ดีอย่างมาก ถ้าข้าอารมณ์เสีย ข้าจะต้องหาสตรีมาระบายอารมณ์ เจ้ารักสตรีของเจ้าลึกซึ้ง
คงไม่ต้องการให้นางขุ่นเคืองใจในเรื่องเล็กน้อยใช่ไหม?
“ถ้าเจ้าสาบานในนามของราชินีซิงกู่และสัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินจูกวง
เมื่อข้ามอบสะเก็ดศิลาดวงดาวให้เจ้าเจ้าจะต้องปล่อยนางไปทันที มิฉะนั้นข้าจะฆ่าตัวตายเหมือนชิงหลาง
เมื่อข้าตาย สะเก็ดศิลาดวงดาวจะสูญหายไปตลอดกาล”
ราชาจื่อฟงคิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว
อย่างไรก็ตามเขายังมีความหวังในแผนของเสี่ยวโฉ่ว
อย่างไรก็ตาม
ถึงแม้จะมีแต่เพียงความหวังที่ริบหรี่ แต่ราชาจื่อฟงไม่หลงตัวเอง แต่เขากลับยอมแลกเปลี่ยนกับสตรีผู้เป็นที่รักของเขา
เสี่ยวโฉ่วสาบานโดยไม่มีความลังเลใจ
เขาสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายจูกวงแม้แต่ปลายเส้นผม
ทันทีที่ได้รับสะเก็ดศิลาดวงดาว เขาจะปล่อยนางไป
ราชาจื่อฟงมองดูหญิงงามจูกวงในอ้อมแขนอย่างลึกซึ้ง
ในขณะนั้น เขาทนไม่ได้ที่จะหยุดมองนางแม้แต่วินาทีเดียว จูกวงหลั่งน้ำตา
ราชาจื่อฟงเช็ดน้ำตาที่ใบหน้านางอย่างอ่อนโยนและยิ้มปลอบใจนาง “น้องหญิง!
เจ้าล่วงหน้าไปก่อน เจ้าต้องไปตามลำพัง ด้วยสติปัญญาที่ฉลาดของเจ้า
ตราบใดที่เจ้าระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี ข้าคิดว่าเจ้าจะจากไปได้โดยไม่ลำบาก
อย่าร้อง, อย่าร้องเลย..
จงมีชีวิตอยู่อย่างกล้าหาญ... จำเอาไว้, เจ้าจะต้องมีความสุขในอนาคต
มีความสุขมากกว่าใครๆ!
ข้ารักเจ้า!”
เขาลูบหน้าผากของจูกวงเบาๆ
และจูบด้วยความรู้สึกผูกพันลึกซึ้งอีกครั้ง
นางหลับตารับการจุมพิตจากเขา
เสี่ยวโฉ่วที่อยู่ใกล้ๆ มองดูอย่างเย็นชา
“เจ้าต้องปฏิบัติตามสัญญาของเจ้าเดี๋ยวนี้”
ราชาจื่อฟงคลายมือและเช็ดน้ำตาให้หญิงงามจูกวง
ทันใดนั้นเขาจ้องหน้าเสี่ยวโฉ่วอย่างจริงจัง “มิฉะนั้นราชินีซิงกู่จะสาปแช่งเจ้า”
“วางใจได้”
เสี่ยวโฉ่วแสร้งจริงจัง
“ข้าไม่ยอมให้คำสาบานของราชินีซิงกู่เล่นงานข้าแน่ คำสาบานมีผลอย่างแน่นอน!”
“แน่นอน ทำได้อย่างนั้นเป็นดีที่สุด” ราชาจื่อฟงเปล่งประกายผลึก
ผลึกศิลาดวงดาวนี้มีประกายมากมายกว่าผลึกธรรมดา
และรัศมีประกายของมันงดงาม มีพลังมากมายกว่าผลึกทั่วไปเป็นพันๆ เท่า สะเก็ดศิลาดวงดาวแน่นอน
เป็นนี่เป็นสะเก็ดศิลาดวงดาวที่สำคัญเทียบเท่ากับแกนกลาง
ราชาจื่อฟงมอบให้เสี่ยวโฉ่ว
เสี่ยวโฉ่วมีสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย
เขามองดูบริเวณรอบๆ ก่อน เพราะกังวลว่าจะมีคนลอบทำร้าย
เขาตรวจดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้น
จึงรีบคว้าแกนกลางสะเก็ดศิลาดวงดาวเก็บเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติของตน ขณะที่เขาดึงมือออก
เขาเตะเข้าที่หัวใจของราชาจื่อฟง
ราชาจื่อฟงดูเหมือนจะรู้ความเคลื่อนไหวนี้อยู่แล้ว
เขายิ้ม
“แม้ว่าข้าจะซ่อนจุดอ่อนไว้อย่างดีที่สุด
แต่เจ้าก็ควรรู้ว่าข้าไม่ยอมตระบัดสัตย์!”
เขารีบหันกลับมาและยิ้มให้จูกวง “น้องหญิง!, เจ้าไปเถอะ ข้าไม่อาจปกป้องเจ้าได้อีกต่อไปแล้ว
เสี่ยวโฉ่วหัวเราะลั่น
เขาหัวเราะจนน้ำตาไหล “บางทีอาจจะโหดร้ายไปบ้าง แต่ข้าจะต้องบอกความจริงช่วยให้เจ้าไม่ต้องตายอย่างพึงพอใจและงมงาย บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องสตรีอันเป็นที่รัก! จื่อฟง! ความจริงแล้วเจ้ามันเป็นตัวโง่งมอันดับหนึ่งในโลก! จูกวงเป็นสตรีแบบไหน? ไม่อยากหัวเราะเยาะคนตาย
ใครเป็นคนบอกจุดอ่อนกับข้าน่ะหรือ?
ก็นางไงเล่า!
เจ้าคิดว่าใครเตรียมแผนการนี้ออกมา?
ก็เป็นนางนั่นแหละ!
เจ้าคิดว่าใครอยากเข้าไปในตำหนักทองแห่งนี้? แค่เพียงเพื่อนาง
เจ้าถึงกับสูญเสียความคิด นึกว่าตนเองยิ่งใหญ่
เจ้าเป็นแค่คนโง่ที่อยู่ในกำมือเท่านั้น!
ขอบอกเลยว่าเจ้าโง่ที่สุด เจ้าไม่มีคุณสมบัติอะไรเลย เป็นแค่ตัวโง่งมอันดับหนึ่งของโลก!”
ร่างของราชาจื่อฟงล้มลงกระแทกกับพื้น
ตาของเขามองจูกวงอย่างมุ่งมั่น บัดนี้นางเช็ดน้ำตาและลุกขึ้นยืน
“ฝ่าบาท ข้าต้องขอบคุณในความรักที่ท่านมีต่อข้า
หลังจากท่านล่วงหน้าไปก่อน
ข้าจะอยู่กับท่าน...”
เสียงของหญิงงามจูกวงอ่อนหวานและไพเราะราวกับเสียงสวรรค์ แต่เมื่อเห็นนางลุกขึ้นยืน เสี่ยวโฉ่วรู้สึกเหมือนเห็นอสรพิษ
อดหลบเลี่ยงออกมามิได้
ราชาจื่อฟงเจ็บปวดจนพูดไม่ออก เขาหลับตาไม่ต้องการเห็นสตรีอันเป็นที่รักของเขาทรยศหักหลังตัวเขา
“ฝ่าบาท, จูกวงยังมีข้อคลางแคลงใจอยู่เล็กน้อย
หวังว่าฝ่าบาทจะช่วยไขข้อข้องใจนั้น”
หญิงงามจูกวงโน้มร่างที่งดงามและลดวงหน้าประดุจหยกงามของนางกระซิบถามราชาจื่อฟง “ฝ่าบาท, แม้ว่าจะรู้จักกับเย่ว์ไตตันไม่นาน แต่เย่ว์ไตตันเป็นผู้มีญาณพิเศษและเขาเห็นคุณค่าของฝ่าบาทและยอมรับท่าน
ยิ่งกว่านั้นจิตใจที่เปี่ยมคุณธรรมของท่านทำให้มารสัมฤทธิ์ฟ้าและนักสู้คนอื่นๆ
ยอมเป็นมิตรสหายกับท่าน ด้วยสติปัญญาและความสามารถของพวกเขา พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะมองดูท่านตาย
ท้ายที่สุดนี้จูกวงหวังว่าฝ่าบาทจะพูดอย่างตรงไปตรงมาเหมือนแต่ก่อน
เย่ว์ไตตันล่อลวงเราอยู่เบื้องหลังหรือไม่?
จะมีสิ่งใดรอเราเมื่อเราเปิดทางเข้าตำหนักทองหรือไม่? ได้โปรด ถ้าท่านไม่ต้องการให้ทุกอย่างที่จูกวงทำจนกระทั่งถึงวันแต่งงานสูญเปล่า
โปรดบอกความจริง!”
“ข้าไม่ทราบ”
ราชาจื่อฟงถอนหายใจเล็กน้อย
และเขากระอักโลหิตออกมาเป็นจำนวนมาก
เขาพยายามใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายดิ้นรน
“แม้ว่าเจ้าจะทรยศข้า
แต่ข้าก็ยังรักเจ้า น้องหญิง! ถ้าข้าพบเย่ว์ไตตัน ข้าจะขอร้องให้เขาละเว้นเจ้า...”
“ขอบคุณ” จูกวงดูเหมือนจะปลาบปลื้มมาก
นางเช็ดน้ำตาและพูดปนสะอื้น “ฝ่าบาท, พระองค์ตายอย่างวางใจได้แล้ว!”
5 ความคิดเห็น:
เสร็จเย่ว์หยางทั้งสองคนแน่
หมิงลี่ฮ่าว(ถูกมั้ย?)ต้องจัดการนางนะปล่อยไว้ไม่ได้
ใช่คนนี้ไหมสนมที่ทรยศหมิ่งลี่ห่าว
ใจจ้า
โง่เพราะรัก
แสดงความคิดเห็น