วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 238 ติงตังกับผี่ผา

ตอนที่  238  ติงตังกับผี่ผา

สถานีพลุกพล่านไปด้วยคนที่แต่งชุดหลากหลายสีสัน  เมื่อติงตังก้าวลงจากยานโดยสาร  ขณะที่นางเดินทอดน่องไปตามทางเดินที่แออัด ความวิตกกังวลของนางลดลงในไม่ช้าหลังจากที่นางพาตัวเข้าไปในบ้านเกิดที่คุ้นเคย

นี่คือบ้านเกิดของนาง เมืองหมิงจินแห่งดาวฉื่อตง  หมิงจินเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในดาวฉื่อตง และเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญ  การสัญจรของมนุษย์ที่นี่เข้มข้นและมีขบวนเดินทางไปมาเสมอ  สินค้าที่มีขายกันที่มีมากมายหลายหลาก  ซึ่งดึงดูดพ่อค้าให้มาที่นี่  ทั้งนี้เนื่องเป็นเพราะตำแหน่งของดาวฉื่อตงอยู่ในสี่สิบสองกลุ่มดาวในท้องฟ้าด้านใต้  และเป็นเพียงดาวปกติดวงหนึ่ง  แต่ดาวธรรมดานี้มีประตูดวงดาวมากมาย  ประตูดวงดาวเหล่านี้เชื่อมโยงกลุ่มดาวถึงหกกลุ่มดาว
โดยปกติ จะเป็นจุดชุมทางของนักเดินทางและเรือโดยสารมากมาย
ติงตังผู้คุ้นเคยกับสถานที่นี้มาก  เมื่อลงจากยานก็หายเข้าไปในคลื่นฝูงชน
ติงตังหายเข้าไปในฝูงผู้คนเพื่อความปลอดภัย  นางเดินลัดเลาะไปตามถนนด้วยความระมัดระวัง และมักเหลียวมองข้างหลังนางเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครไล่ตามนาง  พื้นที่เมืองมีชื่อเสียงสำหรับนักล่าอิสระผู้มักตามล่าม้าขององค์การวิญญาณมืด  ตำแหน่งม้าแต่ละคน จะมีข้อมูลความลับมากมายซึ่งพวกนักล่าคอยจับตาอยู่ เป็นงานอดิเรกทั่วไปในบรรดานักล่ามีอิสระที่จะไล่ตามจับม้าขององค์การวิญญาณมืดเพื่อดูดเอาข้อมูลลับในตัวพวกเขา
ในโลกที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายนี้ ความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยอาจทำให้ท่านตกอยู่ในอันตรายได้ ม้าวิญญาณมืดส่วนใหญ่ที่ติงตังรู้จักล้วนถูกไล่ล่า เมื่อไม่นานนักที่ติงตังยกระดับของนางเป็นระดับเงิน แม้ว่าสถานะทางสังคมของนางได้ยกขึ้น  การครอบครองสถานะระดับเงินทำให้นางเป็นเหยื่อที่มีค่ามากสำหรับนักล่าอิสระ
ติงตังเลี้ยวเข้าซอยแห่งหนึ่งที่มีบ้านติดกับกำแพงอยู่สองฟากถนน ซอยนั้นแคบมากจนคนเพียงสามคนถึงจะเดินเรียงกันพอดี  แต่อย่างน้อยที่สุดก็ยังปลอดภัย  เมื่อเดินไปตามทางที่ปูอิฐแคบ นางสามารถได้ยินเสียงดังกังวานของระฆังที่แขวนไว้ตามประตูบ้าน  เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่ชื้นของเมืองและอุณหภูมิที่เหมือนฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี กระถางต้นไม้เต็มไปด้วยดอกไม้เลื้อยตามข้างกำแพง  กลิ่นหอมของดอกไม้และกลิ่นกับข้าวลอยมาจากบ้าน ถือว่าเป็นสีสันที่สร้างความสุขให้กับติงตัง
ติงตังเอียงศีรษะและเหลียวมองกระถางที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ฟุต มีกระจกเงาเล็กๆ โผล่ออกมาดินครึ่งหนึ่ง  มันหันหน้าไปทางปากซอย  นางวางไว้ตรงนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครไล่ตามนาง 
ไม่มีใคร
ตอนนี้นางไม่สนใจแล้ว เดินไปตามทางก่อนก้าวเข้าบ้าน
นางผลักประตูเปิดและปิดอย่างรวดเร็ว
 “นั่นใคร?” เสียงสตรีดังขึ้นจากในห้อง
 “ข้าเอง” ติงตังตอบอย่างเคร่งขรึม  นางผ่อนคลายถอนหายใจด้วยความโล่งใจ  นางวิ่งเข้าไปในห้องที่อยู่สุดท้ายลานบ้าน
 “ติงตังกลับมาแล้ว!  ผี่ผาแฝดของนางส่งเสียงดีใจ นอกจากผิวที่ซีดและผมยาวแล้ว  แฝดของติงตังคล้ายกับนางมากไม่มีใครสามารถจำแนกได้  นางดูเซื่องซึมและสงบเสงี่ยม  ในมือกอดหนังสือไว้แน่น และยังคงรู้สึกประหลาดใจกับการปรากฏตัวของพี่สาวนาง
ติงตังฉวยหนังสือมาจากมือนาง  “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าอ่านหนังสือตอนที่เจ้าไม่สบาย?”
 “ข้าเบื่อ มันต้องใช้เวลานี่” นางแลบลิ้น
ผี่ผาป่วยตั้งแต่นางยังเล็ก  นางไม่ค่อยกล้าไปผจญโลกภายนอกนอกจากการหลบหนีไปพร้อมกับติงตัง  การอ่านหนังสือเป็นการระงับความเบื่อหน่ายอย่างเดียวของนาง  ตู้หนังสือรายล้อมไปทุกมุมห้อง มีหนังสือกองถึงเพดาน
ติงตังถอนหายใจ  “จำเอาไว้ พักร่างกายไว้ เข้าใจไหม?
 “ก็ได้ ก็ได้!” ผี่ผาตอบ
ติงตังเอาแอปเปิ้ลลูกหนึ่งมาวางไว้กลางโต๊ะ  นางใช้แขนเสื้อนางเช็ดแอปเปิ้ลแล้วกัดกินอย่างดุเดือด
 “ยังไม่ได้ล้างเลย!  ผี่ผาตะโกน
นางกัดแอปเปิ้ลอีกคำ “ข้าทำความสะอาดแล้ว, เจ้าอย่า...”
ติงตังโยนแอปเปิ้ลที่กินไปได้ครึ่งหนึ่งทิ้ง แล้วคว้าข้อมือพีผาและวิ่งไปที่หลังห้อง นางค่อยๆ ผลักเปิดหน้าต่าง เมื่อมองออกไปในที่โล่ง  นางสามารถเห็นบุรุษหลายคนกำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่นอกบ้าน
ผี่ผาถูกติงตังจูงมือพาข้ามห้อง  เมื่อนางไปถึงข้างหิ้งหนังสือ นางก็ดึงเปิด หิ้งหนังสือเปิดออกทำให้เห็นอุโมงค์มืด นางค่อยๆ หมอบก้มลงไปในอุโมงค์ขณะที่ปิดหิ้งข้างหลังนางไว้ตามเดิม
ชั่วครู่ต่อมา ประตูที่ลานบ้านถูกกระแทกพังเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
บุรุษหลายคนที่ดูเหมือนจะฝึกวิทยายุทธมาเดินเข้ามาในห้อง  หลังจากกวาดตามองดูจึงรู้ว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง หน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ
หนึ่งในนั้นพบแอปเปิ้ลที่กินเหลือไว้ครึ่งหนึ่งของติงตังและพูด “พวกนางเพิ่งจากไป ค้นให้ทั่ว ต้องมีทางลับอยู่แน่!
พวกเขาแยกกันตรวจดูห้องทุกตารางนิ้วและเคาะไล่ไปตามชั้นหนังสือ
หลังจากนั้นสองนาที ทางเดินลับหกเส้นทางปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา
ทุกคนตะลึงมอง
ไม่มีใครคาดว่าติงตังจะละเอียดรอบคอบติดตั้งทางหนีในทิศทางต่างๆ ถึงหกทาง
สายตาทุกคนมองไปทางบุรุษผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำ เราจะไปทางไหนดี?
หน้าของคนที่เป็นหัวหน้าเขียวคล้ำ  เขาทุ่มแรงและเวลาไปมากเพื่อวางแผนหาสถานที่นี้ ไม่เคยคิดเลยว่า...
สตรีนางนี้เจ้าเล่ห์นัก
***************************

ติงตังโผล่ออกมาจากสุดทางเดิน นางมองดูรอบๆ หาดูสัญญาณอันตรายหรือสิ่งที่น่าสงสัยอย่างตั้งใจ ตอนนี้พวกนางปลอดภัยแล้ว  จากในที่ไกล นางสามารถได้ยินรถม้าโดยสารกำลังมาถึง  นางคว้าข้อมือผี่ผาแน่นแล้วรีบหลบเข้าไปในรถม้าโดยสาร
ไม่มีใครอยู่ข้างใน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ติงตังมาถึงสถานียานขนส่งระยะไกลด้านข้างถนน  แม้ว่าจะไม่หรูหรา แต่ห้องโดยสารก็มีพื้นที่มากพอสำหรับคนทั้งสอง
 “ยานโดยสารนี้จะเดินทางไปยังกลุ่มดาวภูเขา  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 92 ชั่วโมง ถือว่าเป็นการเดินทางที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน”
เสียงกัปตันประจำยานดังขึ้นได้ยินทั้งห้อง
 “น่าเสียดาย ข้าไม่ได้เอาหนังสือมาสักเล่ม ข้ายังไม่ได้อ่านหนังสือเหล่านั้นเลย” ผี่ผาถอนหายใจ
 “ดูเหมือนข้าจะถูกสะกดรอยตามมาตั้งแต่แรก  ข้าประมาทมากไปหน่อย” ติงตังขอโทษ
ผี่ผาส่ายหน้าเบาๆ  “ติงตังพยายามอย่างหนักแล้วและยังต้องกล้าเผชิญกับอันตรายอีกด้วย เป็นข้าที่ลากเจ้ามาตกต่ำ” เมื่อแกล้งทำเป็นสงบ  นางพูดต่อ “ฮิฮิ, งั้นตอนนี้บ้านใหม่ของเราจะอยู่ที่ไหนกันเหรอ? ดาวเขาหมอก?”
 “ไม่” ติงตังส่ายหน้าอีกครั้ง  “เป็นเมืองสามวิญญาณ”
 “ภูมิภาควิญญาณเหรอ?” ผี่ผาส่งเสียงประหลาดใจ  ผี่ผารู้ว่าติงตังไม่ชอบภูมิภาควิญญาณ
ติงตังนั่งขัดสมาธิและหยิบผลไม้ออกมาจากโต๊ะ  “วันนี้เป็นความผิดพลาดอย่างโง่ๆ จนข้าเกือบพลาดท่าแล้ว”  นางตะโกนบ่นตัวเอง
 “อ๊า!” พีผาร้องออกมาขณะที่นางหน้าซีด
ผี่ผาสะดุ้งที่จู่ๆ นางก็ระเบิดอารมณ์ออกมา  หลังจากเห็นน้องสาวตกใจ ติงตังปลอบนางทันที “อย่าตกใจไปเลย เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้ายังปลอดภัยอยู่?”
ผี่ผาแตะอกนางเบาๆ  “เจ้าขู่จนข้ากลัวเลยนะตอนนั้น!
 “อย่างไรก็ตาม จากวันนี้ไป ข้าจะมีเจ้านายอีกคนต้องคอยรายงานเขา  แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องแย่ แต่อย่างน้อยข้าไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนแล้วในตอนนี้”  ติงตังตอบ
 “เจ้านายเจ้าเป็นยังไงบ้าง?  เขาเป็นคนดีหรือเปล่า?”  ผี่ผาถามด้วยความสงสัย  ผี่ผารู้ว่าติงตังเป็นพวกดื้อรั้นหัวแข็ง  แม้จะได้รับการชักชวนจากหลายๆ คน แต่นางไม่เคยยอมรับใครอย่างง่ายดาย
 “เขาใจกว้างมาก” ติงตังตอบขณะที่กินแอปเปิ้ลอย่างมูมมาม “โอว, อายุไล่ๆ กับเราด้วย”
 “ใช่!  ลูกท่านหลานเธอจากตระกูลมั่งคั่ง”  ผี่ผานัยน์ตาเป็นประกาย “แต่ติงตัง ข้าคิดว่าเจ้าเกลียดคนประเภทนี้ไม่ใช่เหรอ?”
 “แค่ก..แค่ก..” ติงตังสำลักไออย่างหนักขณะที่นางดูเหมือนจะหลบตา
 “เป็นลูกท่านหลานเธอก็ไม่เลวนะ” ผี่ผาชำเลืองมองติงตังและวาดฝันไปเรื่อยเปื่อย  “ต่อไปติงตังก็ไม่ต้องย้ายเร่ร่อนไปมาแล้ว”
เพียงชั่วครู่หลังจากนั้นติงตังค่อยรู้ความหมายในคำพูดนั้น “อย่าพูดเหลวไหลน่า!
 “ฮิฮิ  ตอนนี้เจ้าดูน่ารักมากเลยนะ ติงตัง!” ผี่ผาหัวเราะคิกคัก
 “เลิกล้อข้าเล่นได้ไหม” ติงตังพูดอย่างอ่อนใจ
หลังจากนั้นชั่วครู่ สีหน้าของติงตังก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย  นางกล่าวครุ่นคิด “มาคิดดูแล้ว เขาเป็นคนแปลกที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา  อายุเขาก็ราวๆ พวกเรานี่แหละแต่ร่างกายแข็งแกร่งมาก ข้าเพิ่งจะได้อ่านข่าววิทยายุทธอมตะรายสัปดาห์ และเขาก็มีเรื่องราวอยู่ในนั้นด้วย  กล่าวกันว่าเขาเพิ่งสร้างวิทยายุทธใหม่ที่ไม่เหมือนใคร”
 “วะ..วะ..วิทยายุทธใหม่น่ะหรือ?”  ผี่ผาติดอ่าง
ผี่ผาอยู่กับติงตังมาตั้งแต่เล็ก ร่วมวิเคราะห์ประมวลวิทยายุทธต่อสู้ใหม่ๆ ผี่ผารู้ว่าวิทยายุทธที่เหนือชั้นคืออะไร
 “ใช่แล้ว! กรงเล็บเพลิงภูตพรายติดอันดับวิชาใหม่ไม่ซ้ำใครบนกระดานวิชาเกิดใหม่”  ติงตังตอบ
 “อะไรนะ? กรงเล็บเพลิงภูตพรายน่ะหรือ?  นั่นเป็นวิทยายุทธที่พวกสมาพันธ์ชาวยุทธมีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?  ถ้าข้าจำได้ไม่ผิด นั่นเป็นวิชาที่ถูกบัญญัติขึ้นโดยผู้เฒ่าหนงกรงเล็บภูตพราย” ผี่ผาอุทาน
ผี่ผาไม่เคยลืมว่านี่คือสิ่งที่ติงตังชื่นชมมากที่สุด
 “ใช่แล้ว นี่คือวิทยายุทธนั้น  ในมือของเจ้านาย มันกลายเป็นวิทยายุทธที่ไม่เหมือนใครหมายเลขที่ 199281” ติงตังออกความเห็น
 “ในท้ายที่สุดแล้ว นี่ก็ยังนับว่าเป็นวิทยายุทธที่ไม่เหมือนใคร” ผี่ผาสรรเสริญ “สามารถเปลี่ยนวิทยายุทธธรรมดาให้กลายเป็นวิชาที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครได้ นั่นคือความสำเร็จแน่นอน”
 “ใช่แล้ว! เจ้านายยังมีปรมาจารย์วิศวจักรกลอยู่ข้างตัวเขาอีกด้วย” ติงตังกล่าว
 “ปะ..ปรมาจารย์วิศวจักรกล” ผี่ผาประหลาดใจ  “ปรมาจารย์ผู้นั้นเป็นใครกัน? อาเธอร์? กวนจือมั่ว? หย่าฟ่าน?”
 “ไม่, ไม่ใช่เลย” ติงตังตอบขณะที่มองดูพีผาที่ยังอยู่ในอาการตกใจ “เป็นสุภาพสตรีนามว่าเซรีน”
 “เซรีน? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย” ผี่ผาส่ายหน้า
 “ใช่แล้ว, แม้แต่ข้าเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน  แต่นางไม่ใช่ของปลอมแน่ เพราะข้าได้เห็นผลงานของนางมาก่อนแล้ว  นางผสานจิตวิญญาณพลังยุทธกับวิทยายุทธสร้างเป็นอาวุธจักรกลชนิดใหม่เรียกว่าพยัคฆ์ฟ้า นั่นเป็นอาวุธจักรกลที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา” ติงตังพูดอย่างจริงจัง
 “โหว, ฟังดูแล้วนางแข็งแกร่งมากเลยนะ” ผี่ผาตอบ
ติงตังรู้สึกจนใจ ผี่ผาชอบดูเรื่องราวของปรมาจารย์ เนื่องจากฝีมือที่ดีเป็นพิเศษและเพราะตัวนางรักการอ่าน
 “ถ้าเจ้าเห็นเจ้านาย เจ้าจะเข้าใจ  เป็นเรื่องยากอธิบายเรื่องวิธีที่เขาจัดการ ราวกับว่ามาจากรากฐานที่ใหญ่”  ติงตังส่ายหัว “ข้าได้รับสายเลือดดาวทองมาแล้ว แต่ช้าเกินไปที่จะให้เจ้าใช้  ดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องรอจนกว่าจะไปถึงเมืองสามวิญญาณก่อน  แล้วข้าค่อยให้เจ้าลองดูว่าจะมีผลยังไง”
 “ก็ได้” ผี่ผาพยักหน้าเห็นด้วย
ผี่ผารู้ว่าสายเลือดดาวทองมีผลน้อยมากเมื่อใช้กับนาง  นางเคยบอกเรื่องนี้กับติงตังแล้ว แต่ติงตังยังคงยืนกราน  สำหรับติงตัง การให้เลือดดาวทองผี่ผาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
นี่เป็นผลจากห่วงหาอาทรและพึ่งพากันและกันมาอย่างยาวนาน
ผี่ผายิ้มให้ติงตังอย่างอบอุ่น
 

4 ความคิดเห็น:

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะคับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น