วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 538 สู้ระยะประชิด

ตอนที่  538  สู้ระยะประชิด
สมบัติชิ้นแล้วชิ้นเล่าที่ครั้งหนึ่งเคยปรากฏในประวัติศาสตร์ทำให้ซูอี้ตะลึงและเขารีบสงบจิตใจได้ในที่สุด  ถ้าเป็นแค่เพียงชิ้นหรือสองชิ้น   เขาคงคิดว่าศัตรูโชคดี  แต่เมื่อสมบัติเหล่านี้ปรากฏอยู่ทั่วทุกที่เขาถึงกับหัวเราะมิออกร่ำไห้มิได้

ในโลกนี้ยังมีกลุ่มคนที่หลงใหลกับสมบัติที่สร้างเลียนแบบด้วยหรือนี่
ความจริง เขาเคยพบคนแบบนั้นมาก่อน  ในอดีตมีผู้เชี่ยวชาญสมบัติวิญญาณคนหนึ่งซึ่งหลงใหลกับสมบัติที่มีชื่อเสียง  จากสิ่งที่เขารู้ มียอดฝีมือเพียงสองสามคนที่สามารถสร้างขึ้นมาได้คล้ายประมาณ 70-80%  ครั้งหนึ่งมีการประมูลซึ่งกลับกลายเป็นอุบัติเหตุ  ของซึ่งนำมาประมูลมีราคาสูงเป็นของปลอมทั้งหมด แม้แต่ผู้ประเมินของเก่าก็ยังไม่รู้ตัว
ถ้าเป็นคนอื่น  พวกเขาคงตกใจกลัวกับการจัดการไปแล้ว
ซูอี้ยืมแรงเหวี่ยงของพลังงานดึงพลังกลับมาสร้างพื้นที่อีกครั้ง  สายตาของเขามองดูเด็กหนุ่มที่ถือโล่  เขาน่าจะเป็นถังเทียน ซูอี้คิด  ความจริงจนถึงบัดนี้คนที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดก็คือถังเทียน
เขาได้ยินข่าวเรื่องราวของถังเทียน และรู้ว่าถังเทียนคือคนที่สร้างความเดือดร้อนให้กับสมาพันธ์ชาวยุทธมากมาย  แต่สำหรับซูอี้แล้วมันไม่มีอะไร  วิหารเซียนไม่สนใจกิจการโลกๆ ทั่วไป เนื่องจากพวกเขาปล่อยมือให้กับสมาพันธ์ชาวยุทธ  ถ้าไม่มีปัญหายุ่งยากอะไร  ทำไมพวกเขาถึงได้เรียกร้องให้จัดการกับสวะมากมายนักเล่า?
สายตาของซูอี้มีท่าทางชื่นชม
กล่าวกันว่าถังเทียนฝึกร่างวิญญาณได้  แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าร่างหลักของถังเทียนก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน สามารถหยุดอาญาจอมราชันย์ได้ นับว่าเหลือเชื่อจริงๆ
ตลอดทั้งตัวของถังเทียนแดง  ผิวของเขาแดงเหมือนกับกุ้งต้มสุก และเขายังไม่ฟื้นจากพลังโจมตี
ใจของเขาว่างเปล่า  อาญาจอมราชันย์มีพลังครอบงำเกินกว่าที่สภาพปัจจุบันของเขาจะรับได้  แม้ว่าเขาจะป้องกันได้  แต่พลังของศัตรูก็ยังซึมลึกเข้าไปในตัวของเขา
ร่างของเขาสั่นอย่างควบคุมมิได้  เป็นธรรมดาที่ร่างกายของเขาขับพลังที่แปลกปลอมที่ตกค้างออกมาในขณะเดียวกัน
แผนการต่อสู้ของซูอี้กระชับและว่องไว หลังจากโจมตีแล้ว เขาใช้แรงเหวี่ยงสะท้อนถอยออกห่างอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงไม่เปิดโอกาสให้มีการลอบทำร้ายตอบโต้ใดๆ ได้
เซียนอื่นๆ มีปฏิกิริยาตอบสนองช้ากว่าเขา พวกเขาถลำไปข้างหน้า  แม้แต่พวกเซียนที่ติดเพลิงกลืนวิญญาณไปแล้วก็ยังไม่รู้ซึ้งถึงพลังของเพลิง ยังวิ่งเข้าใส่อย่างดุดัน
หน้าของเสี่ยวเอ้อเปลี่ยน  เจ้าเด็กโง่โดนทำร้ายอย่างโง่งมและได้แต่ยืนอยู่ในที่เดิม
แผนต่อมาที่วางไว้แต่เดิมก็คือเขาควรจะถอยออกมาขณะที่ทุกคนอื่นวิ่งเข้ามาจากด้านข้าง  แต่ตอนนี้เจ้าเด็กโง่นั่นไม่ขยับกลับกลายเป็นข้อบกพร่องใหญ่ที่สุดของพวกเขา
พวกเซียนจากวิหารเซียนมีประสบการณ์การต่อสู้กันทุกคน  เมื่อเห็นถังเทียนสูญเสียการรับรู้  พวกเขารุกคืบหน้าทันที
แย่จริงๆ!
เสี่ยวเอ้อก่นด่าอยู่ในใจ  เขารู้ว่าสถานการณ์ของถังเทียนไม่ดี  วิชาจิตวิญญาณอย่างอ่อนแอแบบไหนก็ได้ พอจะฆ่าเจ้าเด็กโง่นี่ได้แน่นอน
ถ้าเจ้าเด็กโง่นี่ตาย  เขาคงรอดอยู่ไม่ได้เช่นกัน
ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง สายตาของเสี่ยวเอ้อเป็นประกายดุร้าย เขาผลักฝ่ามือทั้งสองในอากาศข้างหน้าเขา ปรากฏเป็นลำแสงข้างหน้าแล้วเปลี่ยนเป็นชุดหมากรุกขนาดใหญ่
ลำแสงยิงออกมาเป็นตารางหมากรุกและตัวหมากรุกอย่างรวดเร็ว ขณะที่เสี่ยวเอ้อเคลื่อนไหวมือทั้งสองอย่างรวดเร็ว
ควั่บ ควั่บ ควั่บ!
รังสีกระบี่สีดำปรากฏขึ้น เพลิงดำมิติว่างโคจรอยู่รอบรังสีกระบี่เหล่านั้นมองดูเหมือนหยาดฝนและผนึกพื้นที่ข้างหน้าถังเทียนไว้
ตาของซูอี้เป็นประกาย  แม้ว่าวิชาจิตวิญญาณที่ร่างวิญญาณของถังเทียนกำลังใช้ยังนับว่าอ่อนแอ  แต่พิจารณาจากทักษะที่คล่องแคล่วมากนับว่ามีศักยภาพที่ร้ายกาจ ถือได้ว่าเป็นวิชาจิตวิญญาณที่โดดเด่นอีกวิชาหนึ่ง
แต่สำหรับเซียนบรอนซ์จากวิหารเซียนในปัจจุบัน กระบี่ศุภลักษณ์ยังนับว่าเป็นวิชาสังหารที่อ่อนด้อยนัก
ครึ่งหนึ่งของเซียนบรอนซ์มีวิชาจิตวิญญาณสำหรับป้องกันซึ่งมีค่าพลังวิญญาณถึง 100 จุด  พวกเขาวิ่งเข้ามาข้างหน้าโดยอัตโนมัติและปล่อยให้รังสีกระบี่ซึ่งผสานเข้ากับเพลิงดำมิติว่างโจมตีไป ม่านพลังงานของพวกเขามีระลอกคลื่นเป็นชั้น
ทันใดนั้นห่าฝนกระบี่ของศัตรูพุ่งมาข้างหน้าทันที
ขณะเดียวกันมอนตาและเซียนที่เหลือสะดุ้งตื่นจากภวังค์ทันที ควั่บ พวกเขาวิ่งเข้ามาอยู่ต่อหน้าถังเทียนราวกับคลื่นน้ำซัดสาด  พวกเขารวมตัวก่อตั้งแนวป้องกันถังเทียนซึ่งอยู่ในศูนย์กลาง
ช่วงเวลานี้ไม่มีใครคิดถึงกลยุทธ์ต่อสู้  ไม่มีใครคิดเรื่องว่าอะไรจะเกิดขึ้น  พวกเขามีความคิดอยู่ในใจอย่างเดียว
ปกป้องเจ้ากลุ่มดาว
ปัง ปัง ปัง
สองสามคนที่ถลำขึ้นหน้าถูกโจมตีอย่างหนัก จนกระเด็นกลับไปก็มี  พวกเขาไม่มีเวลาจะใช้วิชาจิตวิญญาณของพวกเขาเพราะความแตกต่างระหว่างพลังของทั้งสองฝ่ายมีมากเกินไป
นอกจากนี้หลายๆ คนมีค่าพลังวิญญาณอยู่ที่ราวๆ 40-50 จุด เทียบกับเซียนบรอนซ์ที่มีค่าพลังวิญญาณอย่างน้อย 300 จุดความแตกต่างในเรื่องพลังของทั้งสองฝ่ายจึงเป็นสิ่งที่ยากจะต้านทานได้
ภายใต้การปะทะโดยตรงและรุนแรง  พวกเขาได้รับบาดเจ็บทันที
เจิ้งหวี่คือหนึ่งในนั้น เขาหลงใหลค้นหาสมบัติ  เขาเชี่ยวชาญในวิชาจิตวิญญาณที่ใช้ตา  เขาถนัดกับการวิ่งหนี แต่พลังต่อสู้อ่อนแอ  เมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกันโดยตรง  เขาจึงเป็นคนแรกที่ได้รับบาดเจ็บ   คนที่เขาเผชิญคนแรกเป็นเซียนหมัดและสะสมพลังไว้อย่างเต็มที่ ทำให้วิชาจิตวิญญาณของเจิ้งหวี่เหมือนกับตั๊กแตนที่พยายามจะหยุดล้อรถก็แตกกระเจิงทันทีที่ปะทะกัน
เขาที่เขาปลิวกระเด็น  เขามองดูระยะห่างระหว่างพวกเขาที่เพิ่มขึ้นทุกที  แต่เขาสามารถเห็นได้ชัดถึงแววเยาะเย้ยถากถางของศัตรู
ปราณแท้ของคู่ต่อสู้ทะลักเข้ามาในร่างของเขาอย่างบ้าคลั่งและทำลายพลังของเขาจากภายใน
ข้าเกลียดการต่อสู้จริงๆ... มันเจ็บปวดมาก...
แว่นดำแห่งกลุ่มดาวหงส์ที่เขาสวมอยู่เปล่งประกายรังสีดำทันใด  สนามต่อสู้ที่ยุ่งเหยิงกลายเป็นแจ่มชัดเรียบง่าย ข้อบกพร่องของฝ่ายศัตรูปรากฏออกมาให้เห็น
เวลาดูเหมือนจะช้าเพื่อให้รวบรวมข้อมูล
ปราณแท้ที่ตกค้างอยู่ในกายของเขากำลังต่อต้านปราณแท้ของศัตรูจากการทำลายจากภายในยิ่งขึ้น อีกทั้งยังปกป้องพลังของเขาไปด้วย
ข้าจะพ่ายแพ้อย่างนั้นหรือ...
ปากเขายิ้มโค้งอย่างยากลำบาก เพราะเหตุผลบางอย่าง เขาคิดเรื่องกองสมบัติที่ถังเทียนเอาออกมาและจากนั้นถังเทียนกลับแสดงท่าทางรำคาญ บอกว่า “รู้อย่างนี้ข้าคงเอามามากกว่านี้”  เมื่อคิดถึงเรื่องที่ถังเทียนบังคับเอาแว่นดำกลุ่มดาวหงส์ยัดใส่มือเขา  ทำให้เขาตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว
ไม่ใส่ใจสินะ...
เขาเยาะเย้ยตัวเองในใจ  เขาเป็นผู้หลงใหลในการตามหาสมบัติ  แล้วเขาจะไม่รู้คุณค่าของแว่นดำกลุ่มดาวหงส์ได้ยังไง?   เขาคุ้นเคยกับสวรรค์วิถีทั้งหมดและเคยเห็นการหลอกลวงมามาย และเส้นทางของคนฉลาด แต่ในทันใดนั้นหัวใจของเขาสั่นไหว
ถังเทียนรู้วีธีซื้อใจผู้คนจริงๆ!
เขายังคงบ่นพึมพำในใจกำแว่นดำกลุ่มดาวหงส์ไว้แน่น มันคือสมบัติวิญญาณที่ดีที่สุดที่เขาเคยได้สัมผัสและคือบางสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดฝันมาก่อนในชีวิต  แต่ในทันใดนั้น เขารู้สึกว่าคุ้มค่าน่าใช้
เขายังคงคิว่าสมบัติดีๆ อย่างนั้นมอบให้คนอื่นเป็นของขวัญ เจ้าผู้นั้นคงโง่จริงๆหรือเปล่า?
เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าจะทุ่มชีวิตของข้าให้?  ไร้เดียงสาจริงๆ..
เขาจำได้ถึงเมื่อตอนที่เขาเยาะเย้ยคนที่เช็ดน้ำตาเพียงเพราะเขาเป็นคนที่เจ็บ  เขาเจ็บเท่าไหนก็ไม่ยอมร้องไห้  โลกที่เขาอยู่จะเย็นชาและโหดร้าย ดังนั้นหลายคนเพื่อประโยชน์ให้ได้สมบัติหรือวิชาจิตวิญญาณจะยอมทำทุกอย่าง ทั้งโกหก หลอกลวง กรรโชกและอาชญากรรมทุกอย่างเพื่อให้ได้มา
เขาเป็นแค่ตัวประกอบ  ตัวประกอบของตัวประกอบที่ไม่มีค่าควรแก่สินบน
ช่างเป็นคนที่รู้วิธีติดสินบนจริงๆ...
เจิ้งหวี่ยังคงเย้ยหยันดูถูกตัวเองในใจ  ในทัศนวิสัยที่มืดดำ  เขาสามารถมองเห็นช่องโหว่ของศัตรูอย่างไม่ต้องสงสัย
ก็ได้ สมบัตินี้เพียงพอจะซื้อชีวิตราคาถูกๆ ของข้านี้ก็ได้
เขาสูดหายใจลึก ใบหน้าที่ฉลาดของเขาแสดงถึงการตั้งสมาธิมาก  ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาปลดปล่อยปราณแท้ทะลักเข้าไปในสนามพลังวิญญาณของเขา
เขามีเวลาว่างพอจะคิด
สหายที่ไร้เดียงสาจะต้องมาตายอย่างน่าสมเพชจริงๆ
ด้านหลังของศัตรู  เพลิงกลืนวิญญาณลอยอยู่เงียบๆ ในอากาศ  เหมือนกับว่ามันคือผลเชอรี่ที่ร่วงลงมาแล้วถูกลมพัดกระโชกจนลอยไปมาอยู่รอบๆ
มันลากเป็นแนวโค้งและแปะลงที่หลังเซียนหมัดผู้นั้นอย่างเงียบๆ
เหมือนกับว่าเขารู้สึกอะไรบางอย่าง  เซียนหมัดนั้นหันมาปล่อยหมัด  ปัง ปราณแท้ที่ทรงพลังทะลักออก  หน้าของเขาเปลี่ยนขณะที่เขารู้ตัวว่า เขาต่อยไม่ถูกอะไรเลย!
ทันใดนั้นเขารู้สึกเจ็บแปลบที่ไหล่ซ้าย  เขาหันหัวไปดูก็เห็นก้อนเปลวเพลิงขนาดกำปั้นกำลังจะกระทบเข้าที่ไหล่ของเขาและจมเข้าไปในตัวของเขาอย่างรวดเร็ว
เซียนหมัดผู้นั้นประหลาดใจ  เขาปลดปล่อยปราณแท้เพื่อต้องการทำลายเปลวเพลิง  แต่เปลวเพลิงก็ยังไหม้ลามลงมาเรื่อยๆ
หน้าของเขาแสดงอาการแตกตื่นในที่สุด
หน้าของเขาหวาดกลัวและหันไปมองร่างบอบบางไกลๆ ซึ่งหมดสติไปแล้ว  ใบหน้าซูบผอมนั้นดูมีความพอใจอย่างบอกไม่ถูกและทรุดฮวบกับพื้นอย่างมิอาจควบคุมได้
หน้าของซูอี้ยิ่งหม่นหมองขณะที่เขาดูการต่อสู้
ถ้าเขาคิดว่าความสำเร็จในการป้องกันพลังอาญาจอมราชันย์เพียงพอทำให้เขาประหลาดใจ การต่อสู้ข้างหน้ายิ่งทำให้เขาประหลาดใจมากกว่า
ถังเทียนสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ย่อมตกเป็นเป้าหมายมากที่สุดอย่างมิต้องสงสัย และสำหรับเซียนจากวิหารเซียนซึ่งมีประสบการณ์ต่อสู้มากมาย  ถ้าพวกเขายังไม่สามารถจะมองเห็นได้  อย่างนั้นก็ไม่ควรเรียกว่ามืออาชีพต่อไป
ร่างวิญญาณของถังเทียนไม่สามารถหยุดพวกเขาได้  ในการต่อสู้ระยะประชิด  ผลการต่อสู้ซูอี้คิดว่าพวกเขาชนะแล้ว  กลุ่มเซียนอิสระกับพลังวิญญาณระดับ 100 จุด เมื่อปะทะกันในระยะประชิด กับเซียนบรอนซ์จากวิหารเซียน แม้แต่ผู้อ่อนแอที่สุดของพวกเขาอย่างน้อยก็มีค่าพลังวิญญาณ 300 จุด ซืออี้คิดไม่ออกเลยว่าศัตรูจะพลิกสถานการณ์การต่อสู้ได้ยังไง
ตามสิ่งที่เขาคาดไว้ ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ปะทะกัน ศัตรูจะต้องถูกกระแทกพ่ายแพ้  แต่มีไม่กี่คนที่กระเด็นออกไป
แต่ฉากภาพต่อมาสร้างความประหลาดใจให้ซูอี้
แม้แต่พวกเขาก็ยังกระเด็นออกไปกันทั้งหมด  พวกเซียนอิสระทุกคนไม่สนใจอะไรอย่างอื่น พวกเขาปลดปล่อยสมบัติวิญญาณ, วิชาจิตวิญญาณของพวกเขา  แสดงฝีมือทุกอย่างที่พวกเขามี
ซูอี้ไม่อาจเชื่อสายตาตนเองได้
พวกเขาคือเซียนอิสระจริงๆ หรือนี่?  เซียนอิสระถูกตราหน้าว่าขลาดเขลาและอ่อนแอไม่ใช่หรือ?
ด้วยความมุ่งมั่นที่แน่วแน่เช่นนี้ ทำให้ซูอี้คิดว่าเขาพบการป้องกันระดับสูงของกลุ่มดาวบางกลุ่ม
และขณะเดียวกัน พวกเซียนที่โดนเพลิงกลืนวิญญาณในที่สุดก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ  เพลิงได้กลืนกินสนามพลังวิญญาณของพวกเขา!
 “เพลิงกลืนวิญญาณ!”
 “โอวพระเจ้า, มันคือเพลิงกลืนวิญญาณ  ช่วยข้าด้วย!  ช่วยข้าเร็วๆ!”
 “พวกมันคือกลุ่มสายเลือดกลืนวิญญาณ!”
เสียงร้องแตกตื่นดังมากจากเซียนจากวิหารเซียนที่แข็งแกร่ง  หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความกลัว  เปลวเพลิงที่ดูเหมือนทั่วไปเข้าไปในร่างของพวกเขาและเริ่มกัดกินสนามพลังวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง
กลุ่มสายเลือดกลืนวิญญาณ!
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หน้าของซูอี้เปลี่ยนไปทันที
สำหรับวิหารเซียน กลุ่มสายเลือดกลืนวิญญาณคือกลุ่มต้องห้ามแน่นอน ซูอี้รู้ดีเพราะกลุ่มนี้ทำให้วิหารเซียนต้องทุ่มเทราคาไปมาก
กลุ่มสายเลือดกลืนวิญญาณคืนชีพแล้วจริงๆ
ซูอี้รู้สึกว่าความเย็นยะเยือกแล่นไปตามกระดูกสันหลัง  สายตาที่เขามองดูถังเทียนและพวกที่เหลือเย็นชามากขึ้นทันที
พวกเจ้าทุกคนจะต้องตาย!
เขากระตุ้นพลังแสงสางอีกครั้ง ปราณแท้ในร่างของเขาระเบิดออก ร่างของเขาหายไปจากท้องฟ้าทันที
แทบจะในเวลาเดียวกัน เขาปรากฏอยู่ต่อหน้าของถังเทียน  มือที่เงื้อสูงมีแสงเข้มข้นครอบคลุม ดูเหมือนกับดาบแสงสังหาร
เสี่ยวเอ้อที่ซ่อนอยู่ด้านหลังถังเทียน นัยน์ตามีประกายเจิดจ้าทันที
ในที่สุดเจ้าก็เคลื่อนไหว!
หน้าของเสี่ยวเอ้อเย็นชา  สีหน้าของเขาจริงจัง นิ้วทั้งสิบเริ่มเคลื่อนไหว
 

9 ความคิดเห็น:

หมูน้อย กล่าวว่า...

ค้าง ครับ ขอบคุณครับ

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

1ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

Boybravo กล่าวว่า...

ค้างงงววววว มันส์มาก ขอบคุณผู้แปลครับ

ธงชัย กล่าวว่า...

ขอบคุณครับผม

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

แสดงความคิดเห็น