ตอนที่ 902
แสงแห่งอดีตจะฉายเจ้าในปัจจุบัน
เมื่อถังเทียนชูกระบี่อมตะ
เสียงกระบี่ครางกระหึ่มเหมือนว่าจะตอบรับเขา หุ้มล้อมเขาไว้ในกระแส
ถังเทียนเคลื่อนไหว!
ตั้งแต่เขาได้รับการรู้แจ้งเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ เขาชินกับความสงบเย็นในการรบ แต่เมื่อกระบี่ส่งเสียงคราง
ความใจเย็นและความมั่นคงทั้งหมดถูกโยนทิ้งไปราวกับว่ามีอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูกท่วมทับไปทั้งตัวของเขา
ถังเทียนไม่เคยเห็นกองทัพเช่นนั้นมาก่อน เขาไม่เคยเห็นวิญญาณอย่างนั้นมาก่อน
ไม่เคยเห็นความเชื่อมั่นอย่างนั้นมาก่อน
‘สามารถสู้ด้วยความเชื่อมั่นอย่างนั้น
จะดีมากเพียงไหน!’
‘จะให้เราพักอย่างสงบได้ยังไง! จะให้เราพักอย่างสงบได้ยังไง!’
เสียงคำรามของถังเทียนกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า
กระบี่ครางกระหึ่มตอบรับเขาและคำรามไปกับเขา
ทั้งอารมณ์ทั้งการคำรามตามไปพร้อมกับเขา ราวกับว่าพวกเขาปลดปล่อยความโกรธที่สะสมมาเป็นล้านปี เหมือนกับว่าพวกเขาต้องการสลายความสงบบนผิวทะเลสุคตินั้น ราวกับว่าพวกเขาต้องการพังทลายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเอง
‘จะให้เราพักอย่างสงบได้ยังไง! จะให้เราพักอย่างสงบได้ยังไง!’
นี่คือเหล่าวิญญาณที่ทำร้ายตัวเองจนแตกทำลายมาเกินร้อยครั้ง
ผ่านเวลามานานหลายพันปี
เพียงเพื่อความหวังที่เย็นยะเยียบและมืดมิด พวกเขาไม่ต้องการพักอย่างสงบ พวกเขาอดทนผ่านความเงียบมาเป็นร้อยปี
เพียงเพื่อโอกาสแห่งชัยชนะครั้งเดียวที่ดูเหมือนจะมองไม่เห็น พวกเขาจุดประกายแสงของพวกเขาทั้งหมดจนถึงยอมแทบจะทำลายตนเอง
เต็มไปด้วยบาดแผล
พวกเขาหลับอยู่ในความมืดรอคอยโอกาสตื่นในรอบร้อยปีต่อไป
หมื่นปีในความมืดมิด
สิ้นหวัง ดิ้นรนอย่างขมขื่นกลายเป็นความโกรธที่พวกเขาไม่สามารถผ่านไปได้ พวกเขาทั้งหมดร้องไม่ใช่เพราะเพื่อชัยชนะ
แต่เป็นเพราะพวกเขาห่วงใยธงศึกกองทัพดาวกางเขนใต้ที่ยังอยู่ในใจพวกเขาเสมอ
เมื่อถังเทียนชูกระบี่และตะโกน “ไม่รู้ว่ากองทัพเราเป็นหรือตาย
จะให้เราพักอย่างสงบได้ยังไง!” กระบี่อมตะก็สะท้อนเสียงก้องไปทั้งท้องฟ้า
เมฆสลายไป และพลังงานระหว่างฟ้าและดินปั่นป่วนและไหลเข้าหาถังเทียนทันที!
ถังเทียนเมือนกับพลังวังวนยักษ์ ขณะที่เส้นสายแสงต่างๆ พุ่งเข้าหาเขาจากทุกทิศ
เป็นภาพที่พลังสะท้านใจทุกคน
เสียงแสบแก้วหูของพลังงานที่ยิงฝ่าอากาศเริ่มดังมากขึ้น
พลังสะท้อนของกระบี่อมตะทุ้มและเศร้าสร้อยมากขึ้น
ทั้งหมดผสานเข้าด้วยกันทำให้ร่างถังเทียนสั่นสะท้านไม่หยุด
เขาได้ยินเสียงคลั่งแค้นจากขุนพลและทหารนับล้าน เขาได้ยินเสียงโจมตีใส่ม่านพลังในท้องฟ้าอย่างกล้าหาญเหมือนกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ เขาได้ยินเสียงอารมณ์ของผู้บัญชาการที่ใบหน้าแตกสลาย
ความผิดหวัง และความบอบช้ำในหัวใจของเขา
ความเงียบไม่มีสิ้นสุดกับรอยร้าวรานบนใบหน้าทหาร ความมืดมิดและความเงียบสงบของทะเลสุคติ
การพ่ายแพ้ไม่จบสิ้นและหลายศตวรรษที่หลับใหล
ความรักที่มีต่อกองทัพอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเขาไม่รู้ว่ามันยังคงอยู่หรือไม่
แม่ทัพคำรามอย่างสุดกำลัง รวบรวมกำลังใจของททารและบอกพวกเขาว่า
หลังจากผ่านไปอีกร้อยปี พวกเขาจะสู้เคียงบ่าเคียงกันอีกเมื่อผ่านไปร้อยปี
กระแสเวลามักจะชะล้างความรักผูกพันในสายเลือด
แม่ทัพเฒ่าไม่ได้แข็งแรงและกล้าหาญอีกต่อไป เขาไม่อ้างประกาศชัยชนะหรือความสำเร็จ
แต่พูดแต่เรื่องต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันหลังจากผ่านไปอีกร้อยปี แม่ทัพนายกองเก่าไม่ได้แกร่งและห้าวหาญอีกต่อไป
พวกเขาอยู่ในความเงียบ พวกเขารู้สึกถึงความพ่ายแพ้ หลังจากผ่านไปร้อยปี
พวกเขาทำได้แค่เพียงกระโจนออกมาจากทะเลสุคติและโจมตีใส่ม่านพลังในท้องฟ้า
ได้แต่ตะโกนประโยคเดิมซ้ำซาก “เมื่อไม่รู้ว่ากองทัพของเราเป็นหรือตาย ข้าจะพักอย่างสงบได้ยังไง” และแตกสลายไป
ความสงัดและความเศร้าภายในทะเลสุคติที่กว้างใหญ่ท่วมทับใจของถังเทียน แต่มีความมุ่งมั่นและความรักหลงใหลที่ร้อนแรงอยู่ในใจถังเทียน
ท้องฟ้าดูเหมือนจะมืดสลัวลงฉับพลัน
ความอ้างว้างแผ่ขยายกระจายผ่านอากาศ ใต้เท้าถังเทียนมีแผ่นผลึกใสสะท้อนให้เห็นทะเลสีดำชัดเจนกว้างไกลจนใครๆ
ก็สามารถเห็นได้ นั่นคือทะเลสุคติ
ถังเทียนยืนอยู่บนทะเลสุคติ ร่างของเขาดูเหมือนกำลังแผดเผา แต่ม่านตาของเขายังคงดูซับซ้อน
กระบี่อมตะที่ชูขึ้นสูงตอนนี้แตะทาบอกของเขา คำบนกระบี่สะท้อนเข้าตาเขา
“ไม่จำเป็นต้องปกป้อง จงพักอย่างสงบ”
เขาพึมพำเบาๆ จากนั้นลดกระบี่ลงและควงกระบี่
ทะเลที่สงบใต้เท้าของเขาดูเหมือนปั่นป่วน
คลื่นเริ่มใหญ่ขึ้นสูงขึ้นทุกที
เหมือนกับว่าเป็นพลังโทรจิต
ถังเทียนก้าวออกมาทันที เสื้อผ้าของเขาโบกสะบัดทั้งที่ไม่มีลม คลื่นที่อยู่ใต้เขาพุ่งทันทีที แต่ยังสายตาของเขายังคงนิ่ง ขณะที่เขาบิดข้อมือแทงกระบี่อมตะออกไปในอากาศ
ทะเลสุคติปั่นป่วน
มีร่างปรากฏบนผิวน้ำ ทั้งหมดเป็นร่างเลือนรางเหมือนกับร่างในสายหมอกพอเห็นเป็นเค้าโครงรูปมนุษย์
เขาเงยหน้ามองเหมือนกับว่ากำลังแหงนมองท้องฟ้าจากนั้นกระโจนขึ้น
กลายร่างเป็นลำแสงกระบี่
ขณะที่เขาทะยานขึ้นไปในอากาศ
กระบี่ส่งเสียงหวีดหวิวทุ้มและคล่องแคล่ว
มันทรงพลังแรงกล้าขณะที่พุ่งเข้าหากองทัพตระกูลชิว
ปัง
ปัง ปัง
ร่างเงาร่างแล้วร่างเล่ากลายเป็นลำแสงกระบี่และทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า
ชิวเทียนชิงจัดรูปกระบวนทัพและรอคอย เขารู้ว่าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่ง
แต่เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย เขาชื่นชมกระบี่ที่ลึกซึ้งน่าหลงใหล เนื่องจากมันคืออาวุธกองทัพที่ลึกลับแท้จริง พลังของมันเหนือกว่าวิชากระบี่ใดๆ
ทั้งสิ้น จนชิวเทียนชิงรู้สึกตกใจ
แต่เขาไม่ตั้งใจจะถูกจับโดยไม่ได้ทำอะไร ไม่ว่ากระบี่จะทรงพลังเพียงไหน
ก็ยังเป็นกระบี่เล่มเดียว
ไม่ว่าพลังส่วนตัวจะมากเพียงไหน
แต่เขาก็มีเพียงตัวคนเดียว
ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีวิธีการพัฒนากองทัพที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุด
ชิวเทียนชิงมองกระบี่แสงส่งเสียงหวีดหวิว
รู้สึกเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและเศร้าสร้อย ถึงอารมณ์เขาตื้นตัน
แต่ว่าแล้วยังไงเล่า!
กองทัพตระกูลชิวของเขาเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ความตั้งใจสู้ของชิวเทียนชิงลุกโชนอยู่ในดวงตา
ปากของเขาแค่นยิ้มเยือกเย็น
ภายในกองกำลัง
พลังน้ำแข็งใบไม้ร่วงครอบคลุมอยู่บนพื้น เหมือนกับว่ามีชั้นน้ำแข็งบางๆ หมอกบาง
ที่ดูเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่ง ขยายไปที่กองทหารจากพื้น ม่านพลังงานถูกถอนกลับ ขณะที่หมอกขยายไปตามผนังกำแพงสำนักงาน มันค่อยๆ
แผ่ขยายไปข้างหน้าเหมือนกับเถาสีเทาม้วนโอบรอบที่ทั้งหมดจนรอบที่ทำการกองทัพปกคลุมไปด้วยหมอก
สนามเยือกแข็งใบไม้ร่วง
ไม้ตายสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทัพตระกูลชิว
กระบี่แสงที่ขึงขังพุ่งลงมาและส่งเสียงหวีดหวิว
ตามด้วยรัศมีแพรวพราวกระทบเข้าไปในหมอกชั้นนอกของกำแพงกองทัพตระกูลชิว
ปัง!
กระบี่แสงระบิดทันที
รัศมีแตกกระจายและหายไปเหมือนพลุไฟเหนือทะเลสุคติ
ชิวเทียนชิงคาดไม่ถึงว่ากระบี่แสงจะระเบิด
และเขาประหลาดใจ กระบี่แสงระเบิดทำให้เกิดช่องบนหมอก แต่หมอกมากมายก็ลอยเข้ามาและปิดกลบช่องไว้ทันที
เขาสงบได้
รังสีกระบี่อาจดูเหมือนสง่างาม
แต่กำลังของมันแค่แข็งแกร่งมากกว่าอาวุธเรือรบธรรมดาเล็กน้อย ถ้าพวกเขายังคงใช้ม่านพลังงาน
พวกเขาอาจะต้านทานพลังโจมตีได้อย่างมั่นคงเพียงสองสามครั้ง
แต่ถ้าพวกเขาต้องการจะทำลายสนามพลังยะเยือกใบไม้ร่วง แค่นั้นยังไม่เพียงพอ
ระเบิดดังขึ้นเหมือนกับเป็นการเริ่มงานเลี้ยง
ปัง
ปัง ปัง!
รังสีกระบี่ร่วงลงมาเหมือนกับสายฝนโจมตีใส่หมอกป้องกันของกองทัพตระกูลชิวอย่างต่อเนื่อง
รังสีที่แตกกระจายจากแรงระเบิดไม่ส่งผลต่อกระแสอากาศ หยาดที่กระเซ็นมารอบๆ
สีสว่างเหมือนกับเกล็ดหิมะ
หมอกพิโรธของกองทัพตระกูลชิวเหมือนกับมีสัตว์ร้ายที่น่ากลัวแฝงอยู่ในนั้น
ทุกแรงระเบิดของรังสีกระบี่จะเกิดรูช่องว่างในหมอก
แต่ในพริบตารูเหล่านั้นก็ถูกหมอกคลุมปิดไว้อีกครั้ง
ดูเหมือนว่าหมอกจากกองทัพตระกูลชิวไม่มีหมดสิ้น
แต่จำนวนกระบี่แสงจากทะเลสุคติก็ไม่หมดสิ้นเช่นกัน
ในระยะห่างออกไป
บุรุษวัยกลางคนมีสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ
การสู้รบที่อยู่ต่อหน้าเขาพังทลายองค์ความรู้ของเขาอย่างสิ้นเชิง
ไม้ตายพายุใบไม้ร่วงคือวิชาสังหารของกองทัพตระกูลชิว
เขาจำได้เป็นธรรมดา ‘แต่หมอกแปลกประหลาดนั่นคืออะไร? หรือว่าเป็นวิชาสังหารที่แท้จริงของกองทัพพวกเขา?’
เขาเข้าใจเกี่ยวกับพลังโจมตีของกองทัพตระกูลชิวอย่างหรือสองอย่าง แต่เกี่ยวกับพลังโจมตีของบุรุษหน้ากาก เขางุนงงอย่างสิ้นเชิง ใช่แล้ว งุนงงไปหมด ฝ่ามือที่สว่างแพรวพราวทำให้ใจผู้คนสั่นสะท้าน
ซึ่งแม้แต่ไม้ตายวายุใบไม้ร่วงก็ไม่สามารถเอาชนะได้
เป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ‘และทะเลสีดำแปลกประหลาดนั่นมันมาจากที่ไหน? นั่นคือภาพลวงตาหรือ?’ กระบี่แสงที่ยิงออกมาจากทะเลยิ่งทำให้เขาตกใจตื่นตระหนก
มีชิ้นส่วนรังสีกระบี่แสงที่แตกซึ่งไม่หล่นเข้าไปในหมอก และตกลงที่พื้น
จากนั้นเขาเห็นกับตาตนเองว่ามันทำลายพื้นที่ได้มากกินพื้นที่รัศมีเกินกว่า
200 เมตร
บุรุษวัยกลางคนตกตะลึง แค่สะเก็ดที่แตกออกมาจากชิ้นส่วนรัสมีแสง
ขนาดเท่าเกล็ดหิมะ แต่มีพลังทำลายล้างเมืองที่อยู่ต่อหน้าเขาอย่างน่าทึ่ง
‘เขาเป็นใครกันแน่?’
กระบี่แสงที่ร่วงจากท้องฟ้าเหมือนกับฝนสะท้อนแสงใส่หน้าอาซิ่น
เผยให้เห็นดวงตาที่กลวงลึกของเขา
เขาหัวเราะเยาะตนเองอย่างขื่นขม
‘ใช่แล้ว, ข้านี่ก็โง่เกินไป
พวกเขาทั้งหมดอยู่ทะเลสุคติไม่เคยจะมีชีวิตอย่างสงบ นอกจากนั้น
พวกเจ้ายังมีกันมาก’
แต่....
‘ไม่จำเป็นต้องให้พวกเจ้าปกป้อง จงพักอย่างสงบ
‘พวกเจ้า....
ทำไม? ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ปล่อยวาง? ทำไมพวกเจ้าถึงละทิ้งการได้พักอย่างสงบที่เราต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้สำเร็จเล่า? พวกเจ้าทั้งหมดลืมไปแล้วหรือ, พวกเจ้าต้องทุ่มเทไปมากเท่าใด เราผ่านความยากลำบากมามากมายเท่าใด? พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือ สงครามเพื่อให้อยู่รอดได้ ขณะที่พวกเจ้าแค่พักอย่างสงบ?’
‘ยังมีอะไรอื่นที่พวกเจ้าปล่อยวางไม่ได้? ยังมีอะไรอยู่อีก?’
‘เมื่อไม่รู้ว่ากองทัพเป็นหรือตาย พวกเจ้าจะพักอย่างสงบได้อย่างไร?’
‘ช่างเข้ากันดีจริงๆ
กับนิสัยโง่ๆ ของพวกเจ้า!’
เขาคลี่ยิ้มขมขื่นที่มุมปาก
และยิ้มจนเต็มใบหน้า
เขาอดหัวเราะลั่นอย่างช่วยไม่ได้
หัวเราะจนตัวงอและคุกเข่าลงกับพื้น
‘เจ้าพวกหัวโบราณล้าหลัง
พวกเจ้ายังเหมือนเดิม!
ถึงขนาดที่พวกเจ้าต้องดิ้นรนขยันขันแข็งอยู่ในทะเลสุคติหรือ? ทั้งที่เราตายมานานแล้ว
พวกเจ้าก็ยังจะพูดเรื่องไม่มีอะไรทำ แต่ห่วงพวกเราอย่างนั้นหรือ?’
‘ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเองก็โง่พอกัน, ข้าตายมานานมากแล้ว
เขาหัวเราะขณะคุกเข่ากับพื้น
ขณะที่น้ำตาเริ่มไหล
อาซิ่นรู้สึกว่าเขาโง่เกินไป
ที่ร้องไห้กับความจริงที่ว่าพวกเขาไม่ยินยอมพักอย่างสงบ ‘ทะเลสุคติสถานที่ดีอย่างนั้น
และเราต้องใช้ความพยายามมากมายจึงสร้างทำได้สำเร็จ
พวกเจ้าทั้งหมดช่างไม่รู้จักหวงแหนเอาไว้เสียเลย
‘พวกเจ้ารู้ไหมว่าพวกเจ้าทุ่มเทไปมากเพียงไหน?
พวกเจ้ารู้ไหมว่าต้องทุ่มความพยายามไปมากมายเพียงไหน?’
‘พวกเจ้ามันโง่กันหมด
และข้าเองก็เหมือนกัน ห่วงใยพวกเจ้าทั้งหมด
และดูเหมือนว่าข้าจะโง่ยิ่งกว่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮึก ฮึก ฮึก ฮึก...’
เขาหัวเราะสลับกับร้องไห้
เสียงร้องไห้ของเขาดังขึ้นขณะที่เขาคุกเข่ากับพื้นและน้ำตาเริ่มไหลหยดลง
‘พวกเจ้าจะพักอย่างสงบได้ยังไง?
ก็แค่พักอยู่เฉยๆ ไงเล่า พวกเจ้ามันโง่กันหมด ไม่รู้จักวิธีพักอย่างสงบเอาเสียเลย
พวกเจ้าชอบตั้งวงพนันกันเป็นประจำไม่ใช่หรือ? เจ้าพวกนั้นที่ชอบเสียพนันให้ข้า ออกมาเลย
เสนอหน้าออกมา, อย่านึกนะว่าข้าจะลืมพวกเจ้าทุกคน
เป็นเพราะไม่มีเซียนพนันอย่างข้าคอยผูกขาดชัยชนะอยู่บนโต๊ะ
นั่นเลยเป็นเหตุให้พวกเจ้าพักอย่างสงบไม่ได้ใช่ไหมเล่า?’
‘พวกเจ้ารู้ไหมคนๆ
เดียวใช้เวลาอยู่คนเดียวตั้งหลายพันปีมันเปลี่ยวเหงาแค่ไหน? พวกเจ้ารู้ไหมว่ามันน่าเบื่อแค่ไหนที่ต้องลากสังขารออกไปต่อสู้?
ข้าเบื่อจนต้องพูดกับตัวเอง
ถึงขั้นที่ข้าจำทุกคำนินทาที่เราพูดกันได้?
พวกเจ้ารู้ไหมว่าข้าจำได้กระทั่งว่าพวกเจ้าใช้มือข้างไหนเช็ดตูดของพวกเจ้า?’
‘อย่าให้ข้าพบตัวพวกเจ้าเชียว
มิฉะนั้นข้ายังจำทุกคำที่พวกเจ้านินทาข้าไว้ในอดีต...ฮ่าฮ่าฮ่า...ฮึก ฮึก
ฮึก...’
‘เจ้ารู้ไหมว่ามันน่ากลัวแค่ไหนกว่าจะผ่านเวลาหลายพันปีไปได้? ข้ากลัวว่าข้าจะลืมว่าข้าเป็นใคร ลืมกองทัพ
ลืมเรื่องพวกเจ้าทั้งหมด
กลัวว่าถ้าข้าพบพวกเจ้าทุกคน ข้ากลัวว่าจะจำพวกเจ้าทุกคนไม่ได้?’
‘ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า, แต่ข้ายังจะจำพวกเจ้าทุกคน ข้ายังจำได้!... ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดถึงพวกเจ้า ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการร่วมกับเจ้า... ก็แค่ข้ากลัวว่ามันน่าอาย มันน่าอึดอัด... นั่นเป็นเรื่องจริง’
‘ไม่ว่ายังไง
พวกเจ้าทุกคนก็ไม่สามารถเล่นไพ่ชนะข้า
พวกเจ้าทุกคนจำได้ไหม ข้ามีความจำดีขนาดไหน’
‘ฮึก ฮึก
ฮึก, ข้าคิดถึงพวกเจ้าทุกคน’
จากจุดที่เขาคุกเข่า เขานอนลงกับพื้น ร้องไห้และหัวเราะสลับกันไปเหมือนกับคนบ้า
เสี่ยวม่านต้องการช่วยเขา แต่เชียนฮุ่ยห้ามนาง และส่ายหน้า
เสี่ยวม่านขบริมฝีปาก และแววดุร้ายในดวงตาตามปกติของนางหายไป
กระบี่แสงที่คล้ายกับฝนด้านนอกขยายกว้างขึ้น
เป็นเหมือนกับแสงแห่งความทรงจำของอดีตฉายต้องร่างอาซิ่นผู้รอดอยู่มาถึงหมื่นปีต่อมา

11 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากครับ
ซึ้งกินใจ
ซึ่งมากกกก
ขอบใจจ้า
ขอบคุณครับ
กองพลเกราะเทพมันหายไปไหน?
มันอยู่นั่นกันหมดละครับ มันประจบอย่างเดียวลูกพี่เท่โชว์สาว 5555
พี่ซิ่นมีเพื่อนแล้วววว
รอเวลาสามวิญาณทหารพบกัน
ขอบคุณครับ
สงสาร
แสดงความคิดเห็น