วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 904 อาซิ่นอาสา


ตอนที่  904  อาซิ่นอาสา
พายุกระบี่แสงยังคงดำเนินต่อไปสิบนาทีเต็ม และหลังจากกระบี่แสงสุดท้ายแตกกระจาย  ทั่วทั้งโลกดูเหมือนจะเงียบลงกะทันหัน

รัศมีที่แตกกระจายแพรวพราวส่องทะเลสุคติจนสว่าง ความงามสงัดกลายเป็นสงบลง  โดยไม่รู้ตัวทุกคนกลั้นหายใจ กลัวว่าพวกเขาจะส่งเสียงทำลายความเงียบ
แต่ม่านตาของชิวเทียนชิงหรี่แคบ  เขารู้สึกได้ถึงอันตราย
รัศมีเปลี่ยนไปเล็กน้อย  เห็นได้ชัดว่าสงบร่มเย็น  อย่างไรก็ตาม เพราะเหตุผลบางประการความรู้สึกของชิวเทียนชิงที่มีต่ออันตรายไม่ได้ลดลง  แต่กลับเพิ่มขึ้น  ชิวเทียนชิงรู้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ  เขามองดูรอบๆ อย่างระมัดระวัง  แต่สังเกตอะไรที่ผิดธรรมดาไม่ออก คลื่นในทะเลสุคติยังคงสงบ  ผิวน้ำสว่างกระจ่างคล้ายกระจกดำ
ความไม่สบายใจของชิวเทียนชิงเพิ่มขึ้นมาก
ภายในเรือสินค้า อาซิ่นปาดน้ำตาและยืนขึ้นเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวหรือความเจ็บปวด  ไม่ว่าจะเป็นความปรารถนาหรือความหวัง  ความรู้สึกเหล่านี้ ไม่ใช่เพื่อผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อตนเอง และไม่ใช่เพื่อให้ผู้อื่นรับรู้  ทุกอย่างที่ใครๆ รู้สึกมักจะเพื่อตนเองเสมอ  เพราะความปรารถนาที่แท้จริงยังคงอยู่ในใจเขา
นอกจากเชียนฮุ่ยและเสี่ยวม่าน ไม่มีใครรู้ว่าภายในเรือสินค้าที่อยู่ห่างไกลมีหนุ่มใหญ่ที่สูญเสียเสียงขณะที่ร้องไห้อย่างขมขื่นใจ  แม้ว่าพวกเขาจะรู้  พวกเขาอาจไม่เข้าใจได้  หมื่นปีที่แล้วยาวนานเกินไป ยาวนานเกินกว่าคนจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของโลก  ยาวนานเกินกว่าที่หลายอย่างอาจจะยังเหมือนเดิม  แต่คนเปลี่ยนไป ยาวนานจนสัญญาอาจถูกทำลายไปแล้ว
 ใครจะปล่อยเวลาอย่างเปล่าประโยชน์? ใครจะต้องรับมือกับการมีชีวิตอย่างนี้อย่างยากลำบาก ชีวิตที่ต่อสู้ไม่จบสิ้น
ตัวประหลาดแก่ที่ผ่านประสบการณ์มาหนึ่งหมื่นปี  ทั้งความโศกเศร้าและอารมณ์ที่เป็นไป  ถ้าปิงและลั่วซือรู้เรื่อง ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะรับได้หรือไม่
เมื่อคิดถึงลักษณะย่ำแย่ท่วมท้นด้วยความรู้สึกที่แสดงให้เสี่ยวม่านเห็น  อาซิ่นรู้สึกเศร้า  ‘มันจบแล้ว, ข้าคงถูกนางเย้ยหยัน  ข้าแปลกใจว่าเมื่อใดข้าจะกลับคืนสู่ภาพพจน์เดิมๆ ได้
 แม่สาวทรงโตจะเข้าใจความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนอย่างนั้นได้ยังไง’  เขาบ่นในใจ  ‘เฮ้อ, จากนี้ไปข้าจะสู้หน้านางได้ยังไง?  น่าปวดหัวจริงๆ
ความคิดทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในใจของเขา  แต่ใจของเขาสงบลง
ทันใดนั้นเขาคำนับเชียนฮุ่ย  “ข้าน้อยขออนุญาตออกรบ!”
อิทธิพลของสหายเก่าที่อยู่ข้างหน้าส่งผลต่อเขา  พวกเขาทุกคนยอมสละคุณค่าของทะเลสุคติ ทำให้เขาต้องการจะเอาชนะพวกเขาให้ได้
เชียนฮุ่ยไม่พูดอะไร  แต่มองตรงไปที่อาซิ่นอย่างจริงจัง
อาซิ่นยิ้มกว้างเหมือนกับดวงอาทิตย์   เขาเหมือนกับไม่ใส่ใจอะไร ไม่มีร่องรอยของความเสียใจ
แม้ว่าอาซิ่นที่อยู่ต่อหน้านางจะดูแตกต่างไปจากที่เขาเป็นมาโดยปกติอย่างมาก  เชียนฮุ่ยรู้สึกได้ว่าเขาจริงจังและต้องการออกรบ  อาซิ่นและเสี่ยวม่านคือมือขวามือซ้ายของเชียนฮุ่ย  และนางเข้าใจพวกเขาดี  เสี่ยวม่านรักการต่อสู้  แต่อาซิ่นไม่มีอารมณ์หรือตื่นเต้นกับการสู้รบ  ถ้าเขาไม่ต้องการสู้  เขาจะไม่สู้  ถ้าเขาสามารถใช้เวลาสิบนาทีคลี่คลายการสู้รบได้ เขาจะไม่มีทางใช้เวลาถึง 20 นาที
เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายขอออกรบก่อน
หลังจากคิดถึงอาการที่อาซิ่นร้องไห้และคร่ำครวญรำพันก่อนหน้านั้น  เชียนฮุ่ยตอบโดยไม่ลังเล  “ได้สิ”
 “ขอบคุณ, คุณหนู!”  อาซิ่นคำนับเชียนฮุ่ยด้วยความเคารพ
เมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรก  เขาพ่ายแพ้และถูกเชียนฮุ่ยจับเป็นเชลยได้ ก่อนจะเลือกเข้าร่วมเป็นบริวารนาง  แต่ความเต็มใจนั้นไม่ต้องสงสัย  มาตรฐานในการควบคุมการสู้รบทำให้เขารู้สึกเคารพนาง  แต่ก็ยังไม่พอให้เขายอมจงรักภักดี  ก็แค่เพียงเขาไม่ต้องการสูญหายไปจากโลก
 ข้ามีชีวิตอยู่มานานแล้ว  ก่อนจะพบคำตอบ ตายไปยังไม่คุ้มค่า’
นั่นจึงนำไปสู่เหตุการณ์ทั่วไปที่เขาทำงานของเขา  แต่ไม่ทุ่มเทความพยายาม และเทียบกับเสี่ยวม่าน เขาไม่มีคุณสมบัติเทียบได้แม้แต่น้อย  แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือไม่เคยไม่พอใจกับตัวเองในเรื่องนั้น
เชียนฮุ่ยหนักแน่นและเป็นตัวของตัวเอง  นางมีมุมมองของตัวเอง และไม่ใส่ใจการไม่รับผิดชอบของเขา
เสี่ยวม่านมักหาเรื่องกับเขาถี่บ่อยที่สุด   ความแตกต่างระหว่างพวกเขาทั้งสองก็คือเสี่ยวม่านภักดีต่อเชียนฮุ่ย
เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนั้น เขารู้สึกละอาย  เขาไม่เคยคิดว่าเมื่อเขาขออนุญาตนางออกศึก  เชียนฮุ่ยจะเห็นด้วยทันที  อาซิ่นเข้าใจไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด  ความเข้าใจเป็นเรื่องที่หาได้ยาก
ความรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณของที่มีต่อนางมาจากใจจริง
หน้าของเสี่ยวม่านพลันเย็นชา  นางแค่นเสียง “ถ้าเจ้าทำให้เราเสียหน้า เจ้าก็เชือดคอตายได้เลย”
เชียนฮุ่ยที่นิ่งกับที่อย่างใจเย็นเหมือนกับเทพธิดาศึกมาตั้งแต่แรก นางหน้าแดงเมื่อได้ยินที่เสี่ยวม่านพูดเช่นนั้น  นางมองเสี่ยวม่านแต่ไม่ได้พูดอะไร
อาซิ่นหัวเราะลั่น เมื่อคิดเรื่องจะแสดงความทะเยอทะยานอันสูงส่งของเขา  เขากลับถูกเสี่ยวม่านขัดคอ  “ถ้าเจ้าต้องการไป  อย่างนั้นก็ไปได้ อย่ามัวพิรี้พิไรอยู่เลย!”
อาซิ่นหยุดหัวเราะ จากนั้นเขาจัดคอเสื้อ
ทันใดนั้นเสียงคำรามดังลั่นมาจากที่ไกล  “กล้าฝ่าฝืนกฎระฆังศักดิ์สิทธิ์ในทวีปเซียน และโจมตีตระกูลชั้นสูงตระกูลชิว ทั้งยังลับๆ ล่อๆ ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมแพ้ซะเล่า!”
กองทัพที่ดูเหมือนเหมือนเมฆคะนองบินเข้ามาหา
แม่ทัพนายกองและทหารของกองทัพอยู่ในชุดสีแดงเพลิง สีหน้าของทุกคนเย็นชาและเฉยเมย ใครก็ตามที่เห็นพวกเขาสามารถบอกได้ว่าพวกเขาผ่านการรบมาเป็นร้อยศึก  แม่ทัพนายกองที่นำทัพมีร่างกายแข็งแรงหน้าเด็ดเดี่ยวคิ้วหนา  ส่วนที่โดดเด่นที่สุดก็คือผมของเขาสีแดงเพลิง
แสงสีแดงพุ่งอยู่ในท้องฟ้าเหมือนกับดาวตกพุ่งลงมาจากอวกาศ
ปัง!
ท้องฟ้าห่างจากถังเทียนออกไป 300 เมตรระเบิดทันที  อสรพิษแสงร่ายรำอยู่โดยรอบ  เมื่อแสงเจิดจ้าหายไป  ปรากฏกองทัพและใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขา
 “แม่ทัพชิว!”  บุรุษร่างกายกำยำคำนับชิวเทียนชิง
ชิวเทียนชิงคำนับเล็กน้อย  “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะต้องรบกวนเรียกแม่ทัพหัวออกมา  แต่การสู้รบครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับตระกูลชิวของเขา ข้าหวังว่าแม่ทัพหัวจะไม่แทรกแซง”
แม่ทัพหัวพูดตามหลักการ  “ระฆังศักดิ์สิทธิ์ดังแล้ว และเราอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดที่ทุกคนมีข้อผูกมัดกันหมด ตระกูลชิวเป็นเสาหลักของทวีปกวงหมิงของเรา เราจะให้พวกแมลงเล็กน้อยนี้มาถ่วงเวลาท่านที่นี่ได้ยังไง?”
ชิวเทียนชิงลังเลเล็กน้อย  เขาเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดถึง  อีกฝ่ายมีความตั้งใจชัดเจน  ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ไม่มีใครควรสร้างปัญหาอื่น  และถ้ามีการต่อสู้ พวกเขาควรจัดการโดยเร็ว
ชิวเทียนชิงรู้ว่าการสมรู้ร่วมคิดของพวกเขาเป็นเรื่องใหญ่  นอกจากนี้
เขาชำเลืองมองถังเทียน  และแววเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้าของเขา  เขาพยักหน้า  “ท่านแม่ทัพ, ระวังให้ดี  พวกเขาไม่ใช่อัศวินพิเศษกวงหมิง”
ตั้งแต่แรก เขาสงสัยว่าพวกเขาเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิง  ทั้งสองฝ่ายต่างไม่พอใจกัน  โซเฟียรู้ชัดเจนว่าเมื่อนางชูดาบของนางต่อตระกูลชิวจึงทำให้เขาสร้างความผิดพลาด
แต่เมื่อประมือกัน เขาจึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ใช่อัศวินพิเศษกวงหมิง
เพลิงศักดิ์สิทธิ์  เขาไม่รู้สึกถึงร่องรอยใดๆ ของเพลิงศักดิ์สิทธิ์  ถ้าฝ่ายตรงข้าเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิง เป็นไปไม่ได้  เพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นแหล่งพลังให้กับอัศวินทุกคน  และในการต่อสู้รุนแรงนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการปลอมตัว
ถังเทียนตกใจ  เขาไม่เคยคาดเลยว่าชิวเทียนชิงจะตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่ใช่อัศวินพิเศษกวงหมิง  ก็หมายความว่าแผนการของพวกเขาที่จะปลอมเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิงกลายเป็นฝุ่นไป
แม่ทัพหัวจ้องมองเขาอย่างเย็นชา และพูดอย่างเฉยเมย  “กล้าใช้ปลอมตัวเจ้าเองเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิง  ความผิดของเจ้าทวีคูณ!  วันนี้ แม้แต่วิหารก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”
ขณะนั้นเสียงหัวเราะดังมาจากสนามรบด้านหลังซึ่งได้ยินกันทุกคน
 “ใครบอกว่าเราแกล้งทำเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิง?”
ขุนพลวิญญาณโผล่มาจากที่ใดไม่ทราบมาอยู่ข้างถังเทียน
อาซิ่นใช้เวลาสบายๆ เดินอยู่กลางอากาศ ด้วยทีท่ากระฉับกระเฉงเข้มงวด  “เราคือกองพลหน้ากากเหล็กของตระกูลเมซฟิลด์  ตระกูลชิวและตระกูลเมซฟิลด์ของเรามีเรื่องกันที่ข้าไม่จำเป็นต้องพูด หรือว่าเจ้าต้องการจะเข้ามาแทรกแซง?”
ชิวเทียนชิงและแม่ทัพหัวตกใจทั้งคู่
 ตระกูลเมซฟิลด์?’
พวกเขาคิดถึงความเป็นไปได้ทุกอย่าง  แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะเป็นตระกูลเมซฟิลด์  ตระกูลชั้นสูงแต่ระดับต่ำวิ่งเข้ามาหาตระกูลชั้นสูงระดับสุดยอดบอกว่าพวกเขามีเรื่องแค้นเคืองกัน
สามัญสำนึกของพวกเขาพังทลายหมดแล้ว  นี่เหลวไหลเกินไป
 ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตระกูลชั้นสูงเล็กๆ กล้าท้าทายตระกูลชั้นสูงระดับสุดยอด?’
 และตั้งแต่เมื่อใด ที่ตระกูลชั้นสูงระดับล่างมีกองทัพที่ทรงพลัง?
บนเรือสินค้า, เสี่ยวม่านโกรธ  “เขามักจะฉลาดไม่ใช่หรือ?  ทำไมเขาถึงเปิดเผยสถานะของเรา?”
เชียนฮุ่ยตาเป็นประกาย นางหัวเราะ  “ข้ารู้สึกว่าเขารับมือได้ดี  เนื่องจากเขาไม่ได้อ้างเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิง  อย่างนั้นชื่อของตระกูลเมซฟิลด์ต่อไปจะมั่นคงที่สุด  ความคิดของอาซิ่นทำงานได้รวดเร็วจริงๆ”
ตาของเสี่ยวม่านเป็นประกายดีใจ  แต่นางแค่นเสียง  “โชคดีไป”
เชียนฮุ่ยชำเลืองมองเสี่ยวม่านและหัวเราะเบาๆ  แต่นางไม่พูดอะไรสักคำ
เสี่ยวม่านรู้สึกอึดอัดทันที และบ่น  “คุณหนู, ทำหน้าอย่างนั้นหมายความว่ายังไง?”
เชียนฮุ่ยกระพริบตา  “เดาดูสิ”
เสี่ยวม่านหงุดหงิด
ในอากาศ แม่ทัพหัวไม่เชื่อคำพูดของอาซิ่น  เขาแค่นเสียง  “จริงๆ เลย, ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา เจ้าไม่ยอมแพ้ เวลาอย่างนั้นยังต้องการให้เรื่องซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก  เจ้ากำลังหาที่ตาย!”
อาซิ่นไม่กลัว เขาคำนับถังเทียน “นายผู้ชาย! ท่านจะส่งมอบกระบี่นั่นและให้ผู้น้อยรับผิดชอบการสู้รบครั้งนี้ได้ไหม?”
ถังเทียนคิดถึงความสัมพันธ์ของอาซิ่นและปิง  และคิดถึงสถานะของพวกเขาในฐานะคนจากกองทัพดาวกางเขนใต้ และนึกอะไรบางอย่างได้  ใช่แล้ว กระบี่นั่นแฝงไปด้วยรัศมีของสหายร่วมรบของอาซิ่น
โดยไม่พูดอะไรสักคำ  เขาโยนกระบี่อมตะให้อาซิ่น  “จากนี้ไป นี่เป็นของท่าน”
อาซิ่นสั่น  เขาจับกระบี่อมตะอย่างงุ่มง่าม  แม้ว่าถังเทียนจะใช้ในช่วงเวลาสั้นๆ  ทุกคนสามารถบอกได้ว่ากระบี่นี้ไม่ใช่ของธรรมดา  ถังเทียนมอบกระบี่ให้เขา...
อาซิ่นมองดูถังเทียน  แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเห็นสีหน้าของถังเทียนซึ่งซ่อนอยู่หลังหน้ากากเหล็ก  แต่ตาของเขากระจ่างเหมือนน้ำใส
ถังเทียนไม่มีลังเลเมื่อเขามอบกระบี่ให้  เป็นการเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ
อารมณ์ของถังเทียนที่มีต่อกระบี่อมตะก็คือตกใจต่อการครอบงำของพวกเขา  เขาเต็มไปด้วยความนับถือและรู้สึกเป็นเกียรติและตื่นเต้นที่สามารถร่วมต่อสู้พร้อมกับคนรุ่นเก่า  แต่เขารู้ว่าตำนานเป็นของพวกเขา  อารมณ์เป็นของพวกเขา  เป็นของกองทัพดาวกางเขนใต้
 ข้าก็ต้องการสร้างตำนานของข้าเอง  ข้าต้องการเขียนความเชื่อมั่นของข้าเอง  ตั้งแต่เริ่มต้น นั่นคือวิถีที่ถังเทียนเป็น  แม้ว่าเขาจะได้รับตกทอดหลายสิ่งหลายอย่างจากกองทัพดาวกางเขนใต้
มรดกของเขาก็คือกลุ่มดาวหมีใหญ่  เมืองสามวิญญาณ สัมพันธมิตรใต้และหนุ่มชาวฟ้า!
สหายของเขาคือปิง อาเฮ่อ เสี่ยวซิ่วซิ่ว พี่จิ่งหาว เซรีน ผี่ผา ติงตัง...
 ข้าไม่ได้ตัวลำพัง  และข้าไม่ต้องอิจฉาคนอื่น!’
สภาพอารมณ์ที่เกิดขึ้นเพราะกระบี่ไม่ได้เป็นของเขา  แต่สำหรับอาซิ่น  นั่นคือเหตุผลที่ถังเทียนรู้สึกว่าสมควรจะส่งกระบี่ให้กับอาซิ่น  และกระบี่อมตะจะมีความสุขด้วยเช่นกัน
อาซิ่นคำนับถังเทียนด้วยความเคารพและกล่าว “ข้ามีข้อขอร้อง  ขอให้นายท่านคอยสนับสนุนหลังให้ข้าด้วย”
พอกล่าวเช่นนั้น เขาถือกระบี่อมตะและก้าวไปอยู่บนทะเลสุคติ

7 ความคิดเห็น:

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ มันส์ๆ

PeckClown กล่าวว่า...

งง แล้วมันแยกวงกันตอนไหน ตอนก่อนหนตอนก่อนหน้ายังเบ่งพลังใส่กันอยู่เลย

Unknown กล่าวว่า...

ขอบใจจ้า

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

งงอ๊ะจะทำไม? กล่าวว่า...

เดี๋ยวเหลืองกันแน่ๆ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Anny กล่าวว่า...

อาซิ่นสู้ๆ💗💗💗💗

แสดงความคิดเห็น