วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 905 พลังอำนาจของอาซิ่น


ตอนที่  905  พลังอำนาจของอาซิ่น
เพียงก้าวเดียว ร่างของเขาก็พร่ามัว  อาซิ่นลงไปอยู่บนทะเลสุคติ
เขามีท่าทางดูซับซ้อน เคร่งขรึม ตื่นเต้น ตื้นตัน รำลึกถึง ใจของเขามีอารมณ์หลากหลายนับพัน  แต่ทั้งหมดผุดผ่านดวงตาของเขาก่อนที่เขาจะคืนสู่ความเงียบสงบ  และเขาสงบเหมือนน้ำใส
ความโกรธในใจของชิวเทียนชิงพุ่งขึ้นอีกครั้ง

เขาสู้กับบุรุษผู้ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งแม้คุมเชิงอยู่นานก็ยังเอาชนะไม่ได้  และเกือบตลอดเวลา เขาเป็นฝ่ายถูกกดดันทำให้ชิวเทียนชิงผู้หยิ่งยโสโกรธจัด  และการโผล่เข้ามาอย่างฉับพลันของตระกูลหัวยิ่งทำให้เหมือนกับเร่งเชื้อไฟ
ชิวเทียนชิงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากตระกูลหัวแม้แต่น้อย  เขามีความมั่นใจว่าเขาสามารถทำลายศัตรูได้   ถ้าข้าไม่สามารถรับมือคนที่ไม่รู้จักนี้และขอความช่วยเหลือจากตระกูลหัว ข้าจะถูกกล่าวขานยังไง?  ถ้าพวกเขาบอกว่าพวกเขาเป็นใคร  ข้าจะต้องเสียหน้ามากมายเพียงไหน!’
 ไม่สามารถรับมือตระกูลเล็กน้อยได้  นี่เราเป็นตระกูลชั้นสูงแบบไหน?  สิ่งที่แย่ก็คือนี่จะทำให้คนอื่นคิดว่าตระกูลชิวอ่อนแอ  เพราะพวกเขาสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเราในช่วงเวลาที่วิกฤติอย่างนั้น  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องเกิดผลกระทบใหญ่กับตระกูลของเรา
 เคลื่อนไหวบุ่มบ่ามอาจแพ้ทั้งกระดาน
แต่หลังจากคิดแล้วคิดอีก  เพื่อประโยชน์ต่อแผนการใหญ่  ชิวเทียนชิงข่มความโกรธในใจของเขา  และยอมรับความช่วยเหลือจากตระกูลหัว  เขาต้องยอมรับว่าการดูแลวิหารเป็นเรื่องสำคัญ
แม้ว่าเขาจะตกลงกับตระกูลหัวก็ตาม  แต่ชิวเทียนชิงยังคงโกรธอยู่ในใจ  ในขณะนั้นเมื่อเขาเห็นแม่ทัพใหญ่ของของฝ่ายตรงข้ามออกจากสนามรบและให้ขุนพลวิญญาณบริวารของเขาแทนที่  เขาไม่อาจข่มความโกรธในใจได้
ใครบ้างไม่รู้ว่าชิวเทียนชิง ผ่านศึกสร้างชื่อเสียงมาเป็นร้อยศึกและมีชื่อเสียง?  ไม่ว่าศัตรูหน้าไหนก็ต้องสั่นด้วยความกลัวเมื่อเผชิญกับกองทัพที่ทรงพลังของเขา?
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เขาถูกใครก็มิทราบดูถูกเขา?
ชิวเทียนชิงสูดหายใจลึก  หน้าของเขามีสีหน้าที่น่ากลัว  “ถ้าข้าไม่ตัดศพเจ้าเป็นชิ้นๆ ในวันนี้ ข้าไม่ขอชื่อชิวเทียนชิง!”
บริวารทุกคนของเขาสั่นด้วยความกลัว  พวกเขารู้ว่าเจ้านายโกรธจริงๆ
ชิวเทียนไม่ได้ล้อเล่น บรรยากาศเปลี่ยนไปทันที และกฎธรรมชาติฤดูใบไม้ผลิไม่สิ้นสุดในกองทัพตระกูลชิวเริ่มหมุน แคล้ง แคล้ง แคล้งเสียงเหมือนโซ่ดังต่อเนื่องขึ้นปรากฏเป็นชั้นน้ำแข็งบางบนพื้นแตกออกราวกับว่ามีบางสิ่งลากผ่าน
หมอกในกองพลหดตัวลง  และกองพลปรากฏตัวอีกครั้ง  เมื่อทุกคนมองเห็นกองทัพตระกูลชิวอีกครั้ง พวกเขาประหลาดใจ
ทหารทุกคนในกองทัพตระกูลชิวสวมชุดเกราะสีเทามีแนวเส้นสีทองเลือนราง ทุกคนมีสีหน้าซีดขาวและไม่แสดงอารมณ์  นัยน์ตาของพวกเขามีหมอกคลุม ทหารทุกคนเปล่งกลิ่นอายเยือกเย็นและภายในรัศมีเจ็ดนิ้วใต้เท้าเขา น้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงสามารถมองเห็นได้ ร่างของพวกเขาปลดปล่อยรังสีฆ่าฟันที่รุนแรง
จี๋เจ๋อหรี่ตาแคบ  เกราะกฎธรรมชาติ!
ในแดนบาป เกราะกฎธรรมชาติมีอยู่ทั่วไป  ในความเป็นจริงเกราะที่สร้างโดยกฎธรรมชาติเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป  แต่เพราะวิธีทั่วไปทั้งหมดกลับถึงระดับสนามพลังกฎธรรมชาติครึ่งก้าว นั่นเป็นเรื่องเห็นได้ยาก  แนวเส้นสีทองบนเกราะเชื่อมโยงโดยกฎธรรมชาติ
จี๋เจ๋อไม่เคยเห็นทหารมากมายหลายคนที่สามารถสร้างเกราะได้เหมือนกันมาก่อน  แต่ตาของเขาคมกล้ากว่าคนที่เหลือ  เขาสามารถบอกได้ว่าเกราะสีเทาไม่ธรรมดา  เหมือนกับว่ามีความเชื่อมโยงที่มองไม่เห็นระหว่างพวกเขา
เขาคิดถึงเสียงที่เหมือนโซ่
อาซิ่นทำเหมือนกับว่าเขาไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงภายในกองทัพตระกูลชิว  เขายังคงลูบกระบี่อย่างแผ่วเบาขณะที่เขาสังเกตเห็นรอยร้าวทั้งหมดบนกระบี่  ทะเลสุคติใต้เท้าของเขายังคงสงบ แสดงถึงความเงียบที่กดดัน
 กลิ่นอายที่คุ้นเคย อารมณ์ที่คุ้นเคย เสียงตะโกนและคำรามที่คุ้นเคย  ใช่แล้วหลังจากผ่านไปหมื่นปี ก็ยังรู้สึกคุ้นเคยมาก ใช่แล้วหลังจากผ่านไปหมื่นปี เราก็ยังได้พบกัน
รอยยิ้มอย่างจริงใจปรากฏบนใบหน้าของเขา ขณะที่อากาศรอบตัวเขายังคงนิ่ง  ตาของเขาฉายประกายเจิดจ้า เหมือนพระจันทร์ส่องรัศมีสว่าง
 เนื่องจากพวกเจ้าไม่สามารถพักอย่างสงบได้ งั้นเราก็มาสู้ด้วยกัน!’
 “ทุกคน, ออกมา!
เขาชูกระบี่อมตะและตะโกน
หลังจากการเคลื่อนไหวของกระบี่ของเขา  ร่างหลายร่างค่อยๆ ผุดขึ้นมาจากผิวทะเลสุคติ
ร่างที่ดูเหมือนทำจากหมอกมีเส้นรอยร้าวสีแดงอยู่ทั่วตัวที่ดูเหมือนเส้นเลือดที่ทำให้พวกเขาดูเด่น  พวกเขาเหมือนกับตุ๊กตาดินเผาที่ถูกทำลายแล้วเอามาต่อกันใหม่อีกครั้ง พวกเขายังคงนิ่งและเงียบ
มือที่จับกระบี่อมตะสั่นสะท้าน  ข้อมูลนับไม่ถ้วนผ่านเข้ามาจากกระบี่อมตะเข้าสู่หัวใจของอาซิ่น เกิดภาพเหตุการณ์นับไม่ถ้วน  ในที่สุดเขาก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในทะเลสุคติในช่วงเวลาที่ผ่านมาหมื่นปีในที่สุด
เขาเม้มปากแน่น ขณะที่เพ่งสมาธิข้างหน้า ฝืนบังคับไม่ยอมให้น้ำตาหลั่งไหล
 งั้นนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเจ้าในหมื่นปีที่ผ่านมาสินะ...
สายตาของเขากวาดมองทุกร่างบนทะเลสุคติ  ใบหน้าของทุกคนเลือนรางเหมือนหมอก  เขาไม่สามารถเรียกชื่อของพวกเขา  แต่เขารู้พวกเขาเป็นใคร  บาดแผลทั้งหมดและอาการบอบช้ำที่เกิดขึ้นในทุกส่วนของร่างกายพวกเขาคล้ายกับสายลวดความร้อน ไม่ใช่เป็นแค่คนเดียว แต่เป็นกันทุกคน
อาซิ่นรู้สึกเหมือนกับถูกมีดแทงหัวใจ  แต่เขายังมีรอยยิ้มบนใบหน้า รัศมีเยือกเย็นจัดถูกปล่อยออกมาจากร่างของเขา ทำให้เขาดูและรู้สึกเหมือนกับปีศาจที่เดินออกมาจากนรก เพียงแต่ว่าเขายิ้ม
เขาชูกระบี่และคำรามลั่น  “วิญญาณของทหารเราจะไม่มีทางสูญสลาย  สนามรบเป็นอมตะนิรันดร หัวใจของเราจะคงอยู่ ไม่มีเสื่อมคลาย”
ร่างเลือนรางทุกร่างสั่นสะท้าน  พวกเขาเงยหน้าขึ้นและมองกระบี่อมตะ  ก่อนหน้านั้นพวกเขาเป็นเหมือนกับสิ่งไม่มีชีวิตไม่มีสัญญาณแห่งชีวิต  แต่หลังจากได้ยินคำพูดของอาซิ่น  รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาพบจิตสำนึกของพวกเขา
อาซิ่นปล่อยแรงกดดันจากร่างของเขา ทำให้อากาศรอบตัวเขาบิดเบี้ยว ใบหน้าที่ปกติของเขาเปล่งรัศมีชัดเจนทำให้ผู้คนไม่อาจมองดูเขาตรงๆ ได้
ตาของเขาแดง  สีหน้าของเขาเคร่งขรึม ปลายกระบี่ชี้ขึ้นท้องฟ้า  ด้วยความรู้สึกที่จริงใจและซื่อตรง  เขามีความซื่อสัตย์และความหยิ่ง แต่ละคำที่ดังขึ้นเหมือนกับค้อนที่หวดลงมาจากท้องฟ้า
 “กฎอัยการศึกข้อที่เก้า พลเอกซิ่นถืออำนาจเต็มในการควบคุมกองทัพ ทหารทุกหน่วยจงขานรับ!
เสียงที่ทรงพลังของเขาดังกึกก้องข้ามไปทั่วทะเลสุคติ
ร่างที่เงียบและดูว่างเปล่ามีการกระทำเหมือนกันทันที  ทุกร่างก้าวขึ้นมายืนบนผิวทะเล ปัง.. พวกเขาสามารถได้ยินเพียงเสียงเดียว เกิดเป็นคลื่นเสียงกระแทกในทะเลลึกลงไปเกิน 10 เมตร
ร่างเลือนรางยืนตรงเหมือนทวน พวกเขายกแขนวันทยาหัตถ์เคารพอาซิ่น พวกเขาตอบรับ “วันทยาหัตถ์”
เสียงของพวกเขาดังพร้อมกันเหมือนกับเสียงฟ้าผ่า ทำให้ท้องฟ้าและดินสั่นสะเทือน
แม่ทัพหัวสังเกตจากระยะไกลมีอาการตกตะลึง  กองทัพแบบไหนกันที่มีพลังขนาดนั้น?
ร่างที่เลือนรางทั้งหมดดูเหมือนจะชัดขึ้นมาเล็กน้อย และแม้แต่รอยเส้นสีแดงดูเหมือนจะสว่างมากขึ้น
หน้าของแม่ทัพหัวเปลี่ยน ร่างพร่าเลือนที่ตายแล้วที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาปลดปล่อยรัศมีที่น่ากลัวเหมือนกับว่าพวกเขากลับมีชีวิตทันที
ถังเทียนตะลึง พะ..พลเอก!’
 พลเอกแห่งกองทัพดาวกางเขนใต้... อาซิ่นเป็นพลเอกจริงๆ!’
ถังเทียนคุ้นเคยกับยศทหารของกองทัพดาวกางเขนใต้  แต่ พลเอก...
ถังเทียนตกใจ พลเอกเป็นยศเพียงลำดับสองรองจากจอมพลที่เป็นยศทหารและสิ่งที่น่าตกใจมากขึ้นก็คืออำนาจสั่งการของพลเอก พลเอกสามารถสั่งการทหารและระดมพลได้สองล้านนาย
 ยศของอาซิ่นความจริงสูงกว่าลุงปิง  นั่นน่ากลัวจริงๆ
บนเรือสินค้า เชียนฮุ่ยกับเสี่ยวม่านมีท่าทีตกใจ พลเอก... ไม่ว่าอยู่ที่ใดในกองทัพ  ในกองทัพใดก็ตามถือว่าเป็นสุดยอดในกองทัพแล้ว
เสี่ยวม่านเหม่อมองดูอาซิ่นผู้สง่างาม  นางไม่สามารถทำใจว่าบุรุษที่ดูเหมือนกับเทพสงครามที่อยู่ต่อหน้านาง คนที่มักเกียจคร้านที่นางไล่เตะก้นอยู่เสมอ
ยศพลเอก เสี่ยวม่านเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าหมายถึงอะไร  เนื่องจากกองทัพคนแบกงูเป็นศัตรูคู่แค้นกับกองทัพดาวกางเขนใต้ในอดีต  เสี่ยวม่านมีพรสวรรค์ที่ดี  แต่นางยังมียศเป็นเพียงร้อยเอกในกองทัพดาวคนแบกงู มีอำนาจสั่งการกำลังพลได้พันคน  ดังนั้นนางไม่ทราบแนวคิดระดับพลเอก?
อาจกล่าวได้ว่านอกจากเป็นรองจากผู้บัญชาการสูงสุดแล้ว เขายังมีอำนาจมากกว่าผู้บัญชาการรอง เพราะผู้บัญชาการรองจะรับผิดชอบเกี่ยวกับการคำนวณ
 งั้นคนผู้นี้มีอำนาจมากสินะ..
เสี่ยวม่านรู้สึกผิดหวังโดยไม่รู้ตัว  นางไม่รู้ว่าทำไมอาซิ่นในอดีตจึงทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ
เชียนฮุ่ยและเสี่ยวม่านเหมือนกับเป็นพี่น้องกัน เชียนฮุ่ยรับรู้อารมณ์หดหู่ของเสี่ยวม่านได้ทันที  และคิดด้วยปัญญา  นางคาดเดาเหตุผลได้ทันทีและพูดเหมือนไม่ตั้งใจ  “ข้าไม่นึกเลยว่าอาซิ่นจะเคยทรงอำนาจจริงๆ  พูดไม่ออกเลยจริงๆ  ข้าให้เขาเป็นผู้ช่วยเจ้าและเขาก็มีความสามารถหลายอย่าง แต่ซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดี อืม... เจ้าต้องใช้ดาบเจ้าฟาดเขาให้หนัก”
เสี่ยวม่านตื่นตัวทันที  ถูกแล้ว, ไม่สำคัญว่าในอดีตจะมีอำนาจมากเพียงไหน  ต่อให้เป็นพลเอกแล้วยังไง?  ถ้าเขาไม่เชื่อฟังข้า   ข้าจะซัดเขา! ไม่ว่าเขาจะใหญ่มาจากไหน  เขาก็ยังเล็กกว่าเจ้านายของเรา!  มิน่าเล่าถึงได้เชี่ยวชาญนัก  เป็นพลเอกเป็นอีกเรื่องที่แตกต่างออกไป  เขายังมีสิ่งที่แตกต่างออกไปอีกหลายอย่าง
เสี่ยวม่านยิ้มอย่างมีความสุข ขณะที่นางกดดาบยักษ์ สีหน้าที่น่ากลัววูบผ่านใบหน้านาง
ชิวเทียนชิงตกใจแตกต่างไปจากคนที่เหลือ  เนื่องจากเขารู้สึกได้ถึงอันตรายทันที  ในทวีปกวงหมิง มีเพียงห้าแม่ทัพใหญ่กวงหมิงที่เป็นระดับพลเอก ไม่มีคนอื่นที่มีคุณสมบัติ
 แต่แล้วไงเล่า?
รังสีฆ่าฟันในดวงตาของชิวเทียนชิงเพิ่มขึ้น  ห้าแม่ทัพใหญ่กวงหมิงทรงพลัง  แต่เขาไม่เคยรู้สึกว่าเขาจะด้อยกว่าพวกนั้น  เขารู้สึกว่าห้าแม่ทัพมีชื่อว่าแม่ทัพใหญ่เป็นเรื่องประโยชน์ภายใต้วิหาร
ตระกูลชิวก็ยังมีแม่ทัพใหญ่อยู่ด้วย อัจฉริยะชิวซิ่วหัว
ตั้งแต่อายุน้อยชิวซิ่วหัวมักจะเป็นคู่แข่งตรงๆ ของเขามากที่สุด นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะชิวซิ่วหัวเอาชนะเขาได้และมีโอกาสเข้าร่วมกับวิหาร  แน่นอนเขาสามารถกลายเป็นหนึ่งในห้าพลเอกแม่ทัพใหญ่ประจำกวงหมิง
ตั้งแต่เริ่มต้น  เขามีชีวิตอยู่ใต้ร่มเงาชิวซิ่วหัวมาตอด  แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ ไม้ตายพายุใบไม้ร่วงจนถึงสนามยะเยือกใบไม้ร่วง  เขาก้าวไปทีละก้าวจนถึงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ไม่มีใครรู้ว่าห้าแม่ทัพพยัคฆ์เป็นศัตรูโดยสมมติของเขา  น่าเสียดายที่พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ห่างจากเขา  ดังนั้นเขาไม่เคยมีโอกาสพิสูจน์ตัวเขาเอง
แต่ในที่สุดเขาก็ได้เผชิญหน้ากับพลเอก
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ากองทัพศัตรูมาจากไหน  แต่คนระดับยศพลเอกเป็นแม่ทัพไม่ใช่เรื่องไม่สำคัญ และไม่ใช่เรื่องบังเอิญ  หน้าที่ไม่สามารถกำหนดพลังได้  แต่ยศของกองทัพพอเพียงจะบอกได้ทุกอย่าง
ความตั้งใจสู้ในตัวเขาทะยานอย่างไม่เคยมีมาก่อน มีโอกาสสู้กับพลเอกเป็นโอกาสยากแสวงหา
 นี่คือบททดสอบที่แท้จริง
ชิวเทียนชิงมีสีหน้าสงบ  เขารู้ว่าเป็นความคิดของเขาเองค่อยๆ จางหายไป เหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาเหมือนกับผีหลอก  ถ้าเขาไม่ทำลายมัน  เขาไม่มีทางก้าวหน้าต่อไปในอนาคต  ตราบใดที่เขาเอาชนะเรื่องยุ่งเหยิงในใจของเขา  อนาคตของเขาจะไร้ขีดจำกัด
 มาเลย,  เรามาสู้กัน
เขาทะยานขึ้นไปในอากาศ  ข้างฝ่ายเขาทหารชุดเกราะห้าพันนายบินขึ้นไปด้วย  เสียงโซ่ดังอยู่ในอากาศ  แต่ไม่มีใครเห็นโซ่
นี่เป็นครั้งแรกของกองทัพตระกูลชิวที่เป็นฝ่ายโจมตีตั้งแต่เริ่มสู้รบมา  ความปรารถนารุนแรงทำให้ชิวเทียนชิงไม่ยินยอมปรับตำแหน่งป้องกัน
พวกเขาเหมือนกับกลุ่มเมฆเทาขณะที่พวกเขาลอยเข้าหาอาซิ่น

6 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ผมจำยศของขุนพลวิญญาณแต่ละคนของเทพเทียนไม่ได้ใครรุ้ตอบหน่อยนะ

Unknown กล่าวว่า...

ถ้าจำไม่ผิด ลุงปิงพลตี ถังอี้พันตรี ถังโฉ่วร้อยเอกพิเศษ

Nobody กล่าวว่า...

เชียนฮุ่ย เอาชนะพลเอกได้ บ้าไปแล้ว เชียนฮุ่ย ตบทีเดียว วิหารก็พังแล้ว เจออาซิ่น ยังสามารถเอาชนะได้อีก

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบใจจ้า

Anny กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ

แสดงความคิดเห็น