วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 910 ผู้ชนะและพ่ายแพ้


ตอนที่  910  ผู้ชนะและพ่ายแพ้
ตั้งแต่ถังเทียนกลับมา  เมลิซซารู้สึกว่าทุกอย่างพัฒนาไปอย่างแปลกประหลาด  และทุกอย่างก็ดูแปลกประหลาดทำให้นางรู้สึกจนใจไม่รู้จะทำยังไง

นางมองดูขณะที่บุรุษทั้งสองคนข้างหน้านางเผชิญหน้าเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน  พวกเขาเถียงกันอย่างไม่ลดราวาศอก ทำให้นางมีแรงกระตุ้นจะถามพวกเขาว่ากำลังหยอกเย้านางหรือเปล่า...
ไม่ว่าจะเป็นหัวหลี่รั่วหรือผู้อาวุโสซีอุส  ทั้งสองคนเป็นคนที่เมลิซซาเคยชื่นชมในอดีต  ตระกูลหัวไม่เคยมีสัมพันธ์กับนางมาก่อน  ขณะที่ตระกูลหัวเป็นตระกูลที่มีวิถีห่างไกลจากพวกเขา  นางรู้จักผู้อาวุโสซีอุส  กลุ่มการค้าเมซฟิลด์ใช้ความพยายามมากมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้อาวุโสเบียงคี่ ซี่งสนิทกับผู้อาวุโสซีอุส
แต่ความแตกต่างระหว่างตำแหน่งของทั้งสองนั้นเหมือนฟ้ากับดิน  เบียงคี่อยู่ในลำดับท้ายๆของผู้อาวุโสในวิหาร  ขณะที่ซีอุสเป็นหนึ่งในห้าสุดยอดผู้อาวุโส  ผู้อาวุโสคนหนึ่งมีอำนาจที่แท้จริง  พลังของกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ไม่มีคุณสมบัติสร้างความสัมพันธ์กับซีอุส
แต่ทั้งสองคนก็ยังทะเลาะกันต่อหน้าเมลิซซา  ทำให้เมลิซซาไม่สามารถตั้งตัวได้
 จริงสิ พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อเรา..
 แต่ผู้อาวุโสซิ่นคือใคร? เอ่?  ทันใดนั้นนางจำได้ว่ามีบุรุษคนหนึ่งชื่อว่าอาซิ่นสังกัดภายใต้เชียนฮุ่ย  อาจเป็นเขาก็ได้?
เมลิซซาปฏิเสธความคิดของนางโดยไม่รู้ตัว  นางให้ความเคารพต่อเชียนฮุ่ยเป็นอย่างสูง  แต่ไม่มีความคิดด้านบวกต่อคนที่ชื่อว่าอาซิ่นเลย  เขาทำตัวเหลวไหลไร้สาระทั้งวัน  และสนุกเฮฮาอยู่กับจี๋เจ๋อ  แต่ก็มีที่บ้างที่เสี่ยวม่านเตะเขาออกมาเป็นครั้งคราว
นี่เองทำให้นางเคารพนับถือเสี่ยวม่านผู้ควงดาบใหญ่และแสดงความกล้าหาญ  นางอิจฉาเสี่ยวม่าน
 แต่ไม่น่าจะมีใครอื่นอีกแล้วไม่ใช่หรือ?
หลังจากคิดอยู่นาน เมลิซซาไม่สามารถหาเป้าหมายที่สองเจอ
 หรือว่าจะเป็นอาซิ่นจริงๆ? นางชักไม่แน่ใจ
 “โปรดรอสักเดี๋ยว”  เมลิซซาไม่มีทางเลือก ได้แต่เข้าไปขัดจังหวะโต้เถียงอันร้อนแรง  “ข้าขอถามได้ไหมนายท่านทั้งสอง พอจะอธิบายลักษณะของผู้อาวุโสซิ่นได้ไหม?”
หัวหลี่รั่วและซีอุสหยุดทะเลาะกันทันที
 “เขาตัวไม่สูงและมีลักษณะธรรมดามาก  แต่ดูเหมือนจะอายุเยาว์มาก”  ซีอุสกล่าว
 “เขาเป็นขุนพลวิญญาณ”  หัวหลี่รั่วเน้นจุดนี้อย่างเห็นได้ชัด
เมลิซซาตะลึง  เมื่อนางได้ยินคำอธิบายของพวกเขา  นางได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นอาซิ่น ใช่แล้ว, มิน่าเล่า วันนี้ถึงได้แปลกประหลาดจริงๆ  นางปลอบใจตนเอง
 “ข้าคิดว่าข้ารู้แล้วว่าเจ้านายทั้งสองกำลังพูดถึงใคร  ข้าจะไปขอให้อาซิ่น.. ผู้อาวุโสออกมา”  เมลิซซาพูดตามตรง  วันนี้ก็แค่สับสนเกินไป,  ข้าควรให้นายท่านถังเทียนเป็นคนตัดสินทุกอย่าง
หัวหลี่รั่วและซีอุสตื่นตัวทันที  พวกเขากลัวที่สุดว่าตระกูลกลุ่มการค้าเมซฟิลด์จะซ่อนกำลังพวกเขาไว้  เพราะจะเป็นเรื่องยุ่งยากที่สุด  พวกเขากังวลว่ากลุ่มการค้าเมซฟิลด์จะเข้าใจผิดว่าพวกเขาตั้งใจมาข่มขวัญกดดันพวกเขา  จากนั้นพวกเขาจะสูญเสียกับสิ่งที่กระทำ  ถ้าพวกเขาตอแยผู้อาวุโสซิ่น  อาจจะดีถ้าพวกเขาถูกลงโทษตรงๆ  แต่ถ้าไปทำลายแผนการของระดับสูงของพวกเขา นั่นจะทำให้พวกเขาไม่อาจไถ่ถอนตัวได้
นั่นคือสาเหตุที่บุรุษสองคนระมัดระวังตัวอย่างมากตั้งแต่แรก  กลัวว่าความคิดเห็นของพวกเขาจะทำให้เมลิซซาโกรธโดยไม่รู้ตัว
ถังเทียนกับเชียนฮุ่ยไม่เคยคิดเลยว่าหัวหลี่รั่วและวิหารจะปรากฏตัวมาตามหาพวกเขา  ทั้งสองจึงปรึกษากัน เมื่ออาซิ่นได้ยินพวกเขาเรียกเขาว่าผู้อาวุโสซิ่น  เขาถึงกระตือรือร้นทันทีและรีบไปอวดเสี่ยวม่าน  แต่ผลก็คือเขาโดนซ้อมยับ
ดังนั้นอาซิ่นจึงมาปรากฏตัวต่อหน้าหัวหลี่รั่วและซีอุสด้วยใบหน้าบวมปูด
เขาไม่สนใจสวมหน้ากากปิดบังหน้าและพรวดพราดมาอยู่ต่อหน้าบุรุษทั้งสองและนั่งลง ถามขึ้น “เจ้าทั้งสองกำลังตามหาข้า?”
 “ผู้อาวุโสซิ่น!
ทั้งสองคนทักทายพร้อมกัน  แต่ก็มองหน้ากันเองทันที  แต่ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าทะเลาะกัน และนั่งลงด้วยมารยาทเป็นอันดี  บุรุษทรงพลังที่สามารถฉีกมิติได้นั่งอยู่ข้างหน้าพวกเขา  แม้ว่าเขาจะเป็นขุนพลวิญญาณ  เขาก็ยังได้รับความนับถือ
แม้จะมีรอยบวมปูดที่หน้า แต่บุรุษทั้งสองทำเป็นเหมือนว่าไม่เห็นอะไร
 “เหตุผลที่ข้ามาเยือนในวันนี้เป็นเพราะเป็นเวลานานมากแล้วที่ผู้เยาว์ได้ทำตัวเหมือนกับเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก  แต่หลังจากได้เห็นประจักษ์ถึงการสู้รบของผู้อาวุโส  ข้าจึงได้ตระหนักว่าข้าเองเป็นแค่กบที่อยู่ก้นบ่อ  โลกกว้างใหญ่กว่าที่ข้าคิด  ยังมีผู้ทรงพลังอำนาจอย่างผู้อาวุโสอยู่ในโลกใหญ่ใบนี้ ถึงขนาดฉีกมิติได้ นั่นทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าเป็นตัวตลกมาตลอดเวลา”  หัวหลี่รั่วไม่อาจเก็บคำพูดเอาไว้ได้  เขารู้สึกตื้นตัน
เขามักมองตัวเองว่าสูงส่งและมีทัศนคติอารมณ์ที่เย่อหยิ่ง  แต่เขาได้พบกับบุรุษคนหนึ่งที่คู่ควรกับการรับความเคารพจากเขา
อาซิ่นสามารถได้ยินความเคารพนับถือที่หัวหลี่รั่วมีต่อเขา  และยินดีอยู่ภายใน
ซีอุสไม่อาจทนได้เช่นกัน  “ใช่แล้ว, ผู้เยาว์นี้อยู่ในวิหารมานานหลายปีดีดัก และได้พบอัจฉริยะและผู้ทรงพลังมานับไม่ถ้วน  แต่ที่จะทรงพลังเท่ากับท่านผู้อาวุโสนั้น, นี่นับเป็นครั้งแรก  ชีวิตของท่านผู้อาวุโสสามารถสั่นสะเทือนโลกและไร้เทียมทาน  กองทัพของผู้อาวุโสต้องแข็งแกร่งทรงพลังมาก  ข้าสงสัยว่ากองทัพของผู้อาวุโสมีชื่อว่ากระไร? จะเป็นกองทัพที่ไร้เทียมทานขนาดนั้น  จะไม่มีคนเคยได้ยินชื่อมาก่อนได้ยังไงกัน!”
ซีอุสเป็นผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์  เขามองดูเหมือนกับว่าจะประจบอาซิ่น  แต่แท้ที่จริงพยายามจะขุดคุ้ยเบื้องหลังของอาซิ่น  เป็นไปได้ยังไงสิ่งที่ไร้เทียมทานนี้จะไม่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์?
แต่ไม่ว่าเขาจะเค้นสมองเขาอย่างไร  เขาก็ไม่สามารถหาร่องรอยเค้าข้อมูลที่เชื่อมโยงบุรุษที่ชื่อว่าผู้อาวุโสซิ่นในกองทัพของเขา  ความเข้มข้นของพลังงานในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์สูงมาก และเป็นเรื่องที่ยากมากในการสร้างขุนพลวิญญาณ  นักสู้ที่แข็งแกร่งกว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะสร้างเป็นขุนพลวิญญาณเมื่อเขาตาย  นักสู้ระดับสุดยอดทั้งหมดผ่านการพัฒนาและปรับสภาพพลังจิตมานับไม่ถ้วนเมื่อตอนที่พวกเขายังมีชีวิต  พลังจิตของพวกเขาแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้ายาวนาน  ตราบใดที่พวกเขาครอบงำ  และเมื่อการครอบงำแข็งแกร่งมากพอ แม้แต่พลังงานก็ไม่สามารถกัดกร่อนพวกเขาได้
ขุนพลวิญญาณอย่างนั้นจะทรงพลังมาก  และบรรดานักสู้ไม่กี่คนนี้ในบางส่วนจะค่อยๆ ฟื้นฟูความทรงจำในชีวิตครั้งก่อน  และพวกเขาจะมีสติในการฝึกฝน และแข็งแกร่งมากขึ้น
ในประวัติศาสตร์ของวิหาร  พวกเขามีขุนพลวิญญาณเช่นนั้น  แต่เป็นเรื่องยากมากที่จะบังคับขุนพลวิญญาณเหล่านี้ให้ยินยอม  และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกพลังงานกัดกร่อน  แต่พวกเขาก็ยังจะถูกกาลเวลากัดกร่อน
หลังจากกลายเป็นขุนพลวิญญาณ จำนวนความทรงจำที่พวกเขามีจะลดลงอย่างมาก  เพราะความทรงจำผสานอยู่ในร่างของพวกเขา  ขณะที่เวลาผ่านไป จะทำให้ขุนพลวิญญาณเหล่านี้มีความทรงจำใหม่  และเมื่อเกินพื้นที่ที่พวกเขามี  ร่างของขุนพลวิญญาณจะละลายช้าๆ  กระบวนการนี้ถูกกำหนดให้เป็นการกัดกร่อนของเวลา
เพื่อต้านทานพลังกัดกร่อนของเวลา ขุนพลวิญญาณส่วนใหญ่เลือกจะลบความทรงจำส่วนใหญ่ในอดีตของพวกเขาออกไป  และมีแต่เพียงแต่เพียงความตราตรึงลึกซึ้งในใจของพวกเขา เนื่องจากเป็นความทรงจำเดียวที่พวกเขาไม่เคยยอมลืมเลือน
ซีอุสเชื่อว่าเขาสามารถหาเค้าประวัติศาสตร์ของผู้อาวุโสซิ่น  และเบื้องหลังตราบเท่าที่ผู้อาวุโสซิ่นเปิดเผยข้อมูลสักเล็กน้อย
วิหารจะมองดูประวัติศาสตร์อย่างหนัก  ในสายตาของวิหาร ความภักดีมีความสำคัญมากกว่าความสามารถ  แน่นอนว่าซีอุสไม่ได้ตั้งความหวังไว้ว่าผู้อาวุโสซิ่นจะภักดีต่อวิหาร  แต่การได้รู้เบื้องหลังของเขาจะช่วยให้สบายใจมากขึ้น
อาซิ่นเป็นคนที่เจ้าเล่ห์อยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของซีอุส  เขาเข้าใจทันทีและแค่นเสียง  “เจ้ากำลังตรวจสอบชีวิตข้าหรือ?  หึหึ เราไม่ได้คุ้นเคยกัน ทำไมข้าจะต้องบอกเจ้าด้วยเล่า?”
เขาไม่คิดจะเห็นแก่หน้าซีอุส  วิหารคือเป้าหมายใหญ่ของพวกเขา  แม้ว่าเขาจะมีความกลัวที่เป็นอุปสรรคต่อพวกเขา แต่เขาไม่กลัวพวกนั้น  แม้ว่าจะมีความกลัวเล็กน้อยอยู่บ้าง แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการทำลายสถานการณ์โดยรวม
หัวหลี่รั่วดีใจมากที่ซีอุสล่วงเกินผู้อาวุโสซิ่น  เขารีบสุมเชื้อไฟทันที  “หึหึ,  ผู้อาวุโสซิ่น โปรดสงบอารมณ์ก่อน  ท่านมิอาจตำหนิผู้อาวุโสซีอุสได้  ท่านควรจะตำหนิว่านั่นเป็นรูปแบบการทำงานของวิหาร  พวกเขาคุ้นเคยกับการควบคุมชีวิตคนอื่น จึงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะกำจัดน้ำเสียงการพูดเช่นนั้นออกไป  ผู้อาวุโสซีอุสไม่มีเจตนา”
เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหลี่รั่ว ซีอุสนึกอยากบีบคอเขาให้ตายนัก  แต่เขารู้ว่าเขาไม่สามารถลงมืออย่างนั้นได้ ได้แต่ยิ้มเต็มหน้า  “ผู้อาวุโสเข้าใจผิดเสียแล้ว เป็นเรื่องเข้าใจผิด  ผู้เยาว์นี้แค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้นเอง  ข้าไม่ตั้งใจจะทำอย่างนั้น สำหรับท่านผู้อาวุโสแล้ว ผู้เยาว์นี้เต็มไปด้วยความเคารพ มิกล้ามีความคิดเป็นอื่น”
เมลิซซายืนอยู่ด้านข้างและมองดูเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นต่อหน้านาง  ใจของนางยังคงสับสน
 นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?’
ก่อนนั้นเมื่อผู้อาวุโสซีอุสแสดงความสนิทกับนาง นางรู้สึกว่าแปลกแล้ว  แต่เมื่อนางเห็นผู้อาวุโสซีอุสยิ้มอบอุ่น  นางรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนตาบอดไม่รู้เรื่องอีกต่อไป  เป็นเขาที่คำนับและคุกเข่าเหมือนกับต้องการจะโผเข้าหาอาซิ่นและเลียเท้าให้เขา
 นี่คือผู้อาวุโสจากวิหารจริงๆ หรือ? นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในห้าสุดยอดผู้อาวุโสผู้กุมอำนาจ?
 หัวหลี่รั่วก็เหมือนกัน ตั้งแต่เริ่ม เนื่องจากเขาเคยเห็นอาซิ่น  เขาก็ยังเหมือนกับคอยประจบอาซิ่น เฮ้, ท่านคือหัวหลี่รั่ว ท่านมีศักดิ์ศรีและชื่อเสียงต้องรักษา!  ความหยิ่งผยองที่ทุกคนกล่าวขวัญถึงท่านไปอยู่ที่ไหนหมด?  การเย้ยหยันที่ท่านมีเมื่อตอนท่านมองหน้าคนอื่นไปอยู่ไหน?  ความไม่เป็นมิตรและความไม่ยินดีพอใจที่ท่านเคยมีต่อคนอื่นไปอยู่ไหน?
จากนั้นนางมองดูอาซิ่นผู้มีหน้าตาบวมปูดและมีลักษณะของคนสถานะต่ำต้อยที่ฝันของเขาเป็นจริง  เขาไม่ได้นั่งอย่างมีมารยาทที่ควรเป็น
 โลกนี้เป็นอะไรไปแล้ว?’
 แผนล้มเหลวไม่ใช่หรือ?  ถ้าล้มเหลว อย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงดูเหมือนผู้ชนะ  ยิ่งกว่าได้ชัยชนะ?
 นายท่านถังเทียนแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้หรือ? พวกเขายังจะสามารถวาดภาพได้อย่างนี้หลังจากที่พวกเขาแพ้หรือ?  มุมมองที่เมลิซซามีต่อท่านถังเทียนกลายเป็นยิ่งลึกซึ้งยากจะหยั่ง
เมื่อได้ยินคำพูดประจบ  อาซิ่นพอใจกับการถือตัวแบบเล็กๆ นี้ จากนั้นก็เริ่มจะหงุดหงิด  ในเวลาอย่างนั้น ถ้าได้แม่สาวอกดินระเบิดอยู่ที่นี่ด้วย นางคงทุบตีสั่งสอนเจ้าพวกนี้แน่!’
เขาขัดจังหวะทั้งสองคนและกล่าว  “เอาเถอะ เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว เจ้าต้องการคุยอะไรกับข้า อย่าทำข้าเสียเวลาไล่จีบ..สะ.. เอ่อ..เสียเวลาคิดอันมีค่าของข้า”
หัวหลี่รั่วรอเพื่อการนั้น  เขาไม่ใช่คนที่ชอบประจบคนอื่นอย่างซีอุส  เขาไม่อาจประจบได้อีกต่อไป เป็นเรื่องยากสำหรับคนอย่างเขา  เมื่อเขาได้ยินคำพูดของอาซิ่น  เขาจึงพูดตามตรงทันที  “ข้าต้องการคารวะผู้อาวุโส และหวังว่าผู้อาวุโสจะรับข้าเป็นศิษย์”
อาซิ่นไม่แสดงอะไรออกมา  จากนั้นเบนสายตาไปที่ซีอุส
ซีอุสเคร่งขรึมทันที  “ข้าขอเป็นตัวแทนวิหาร น้อมเชิญผู้อาวุโสซิ่นและกลุ่มการค้าเมซฟิลด์เข้าร่วมกับวิหาร”
หัวหลี่รั่วกังวลทันที ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการเชิญอาซิ่น  แต่เขารีบเร่งเกินไป และยังไม่ได้รับอนุมัติจากระดับสูง  ดังนั้นจึงไม่กล้าให้สัญญาปากเปล่า
เขาต้องการพูด  แต่อาซิ่นโบกมือและพูดขัดเขาเสียก่อน  “ข้าเข้าใจความตั้งใจของเจ้า  แต่ข้าเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์  ข้าเองก็รู้เช่นกันว่าพวกเจ้าทั้งสองมีอำนาจจำกัด  พวกเจ้ากลับไปเตรียมเงื่อนไขให้ดีก่อน  จากนั้นค่อยมาหาข้าอีกครั้งแล้วค่อยสรุปกันว่าใครจะให้ประโยชน์ข้าได้ดีกว่า  เอาละข้าจะไปแล้ว ตอนนี้ข้ายุ่งมาก”
เมื่อเมลิซซาได้ยินประโยคสุดท้ายของอาซิ่น  นางเหลือกตาทันที  เขาไม่ทำอะไรเลยทั้งวัน เอาแต่หลบเลี่ยงอู้งาน เขายุ่งตั้งแต่เมื่อไหร่?
หัวหลี่รั่วและซีอุสตะลึงกับคำพูดของอาซิ่นอย่างเห็นได้ชัด  พวกเขาเป็นตระกูลชั้นสูงและคนที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาก็เป็นคนชั้นสูงในสังคม  ดังนั้นพวกเขาเคยได้ยินคำพูดที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ตั้งแต่เมื่อไหร่?
อาซิ่นไม่สนใจบุรุษทั้งสองที่ยังอยู่ในอาการตกใจและเดินออกมา
นี่เป็นแค่คลื่นลูกแรกที่กระจายออกมาจากการสู้ครั้งแรก
กองทัพต่างๆ ในทวีปเซียนที่มีการรวมตัวเหมือนกับเมฆรวมทั้งกองทัพที่มีชื่อเสียของทวีปกวงหมิง  ความตื่นเต้นจากกองพลตระกูลชิวไม่อาจปกปิดไว้ได้
ไม้ตายสังหารโดยเฉพาะของชิวเทียนชิง ความสามารถของผู้อาวุโสซิ่นที่ฉีกมิติได้แพร่กระจายไปทั่วทวีปเซียน  ทุกคนเริ่มหันมาคาดเดาเบื้องหลังของผู้อาวุโสซิ่น  พวกเขายิ่งอิจฉากลุ่มการค้าตระกูลเมซฟิลด์ คาดเดาว่าบรรพบุรุษของพวกเขาสั่งสมวาสนามามากจึงได้รับพรดีๆ มีขุนพลวิญญาณที่พิเศษอย่างนั้น
ผู้คนเริ่มคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างผู้อาวุโสซิ่นและบรรพบุรุษของกลุ่มการค้าตระกูลเมซฟิลด์ นากจากนั้นไม่มีใครสามารถคิดถึงเหตุผลอื่นได้ว่าทำไมกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ถึงได้โชคดีนัก
ยิ่งตระกูลทั้งหลายอิจฉามากขึ้น  พวกเขาก็ยิ่งเชื่อว่ากลุ่มการค้าเมซฟิลด์ต้องการเปลี่ยนแปลงความมั่งคั่งของตัวเองโดยอาศัยการสู้รบเปิดเผยตนเองว่าเป็นสิ่งใหม่ๆ
ไม่มีใครเห็นกลุ่มการค้าเมซฟิลด์เป็นตระกูลระดับล่างอีกต่อไป
ไม่มีใครเห็นแม่ทัพหัวหลี่รั่วและผู้อาวุโสซีอุสมาที่เมืองหิมะขาวพร้อมกันเพื่อเยี่ยมผู้อาวุโสซิ่น  ถ้ามีคนเห็นพวกเขาคงจะต้องรู้ความตั้งใจของพวกเขาแน่นอน
ผู้ชนะมักจะตกเป็นจุดสนใจ  ขณะที่ผู้แพ้มักจะถูกเมินเฉย
การสู้รบที่สำนักงานกองทัพตระกูลชิวทำให้ชื่อเสียงของตระกูลการค้าเมซฟิลด์พุ่งทะยาน  และในชั่วข้ามคืน  พวกเขาก็ก้าวขึ้นสู่ระดับตระกูลชั้นสูงของทวีปเซียน และได้รับการหาอย่างกระตือรือร้นและการติดตามอย่างอบอุ่น
สำหรับตระกูลชิวผู้พ่ายแพ้  ในค่ำคืนเดียวก็ตกอันดับจากตระกูลระดับสูงส่งสุดยอดและพวกเขาไม่ได้รับความสนใจอย่างสิ้นเชิง  ความแข็งแกร่งของชิวเทียนชิวทำให้ทุกคนประหลาดใจ  แต่แล้วไงเล่า?  เขาตายแล้ว  ชิวซิ่วหัวเป็นอัจฉริยะ  แต่แล้วไงเล่า? ตอนนี้เขาอยู่ที่ใดก็ไม่รู้
ตระกูลชิวยังจะเหลืออะไรอีก?
ในสายตาของนักล่าผู้ยืนอยู่บนยอดสุดของห่วงโซ่อาหารในทวีปเซ่ยน  ตระกูลชิวกลายเป็นกลายเป็นก้อนเนื้อล่อใจ  พวกเขาไม่มีพลังอำนาจไว้ปกป้องตนเอง  หรือสมบัติมากมายที่ทำให้ทุกคนน้ำลายหก  ถ้าพวกเขาอยู่ในสภาพสุขสงบ  ทุกคนก็ยังจะมีความหวาดกลัว  แต่ในช่วงเวลายุ่งเหยิงสามารถได้รับกำลังเพิ่มขึ้นสักเล็กน้อยก็ยิ่งเพิ่มโอกาสชนะของพวกเขาในอนาคต  คนนับไม่ถ้วนเริ่มวางแผนซ่อนเร้น
ตระกูลเผด็จการเก่า  ตระกูลชิวรู้ว่าพวกเขาก็เป็นอย่างนั้น และไม่ยินดีจะยืดคอให้ถูกตัด
การทำลายล้างกองทัพตระกูลชิวเป็นการสูญเสียที่น่าเศร้าสำหรับตระกูลชิว  พวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขาไม่โต้ตอบด้วยอำนาจทันที  พวกเขาจะถูกเล่นงานโดยสุนัขจิ้งจอกสุนัขป่าที่หิวโหยที่กำลังลับเขี้ยวเล็บของพวกมัน
ชิวอี้มองออกไปทางหน้าต่าง และเห็นประตูกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ที่มีคนเข้าออกมากมาย ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่เขาคุ้นเคยทั้งนั้น  ทำให้เขาเต็มไปด้วยความโกรธ  “เจ้าโง่พวกนั้น!  ปกติพวกเขาจะมาหาตระกูลชิวเราที่บ้านบ่อยๆ  พร้อมกับกระดิกหางหวังจะรับเศษเดน  ตอนนี้พวกเขากลับวิ่งเข้าหากลุ่มการค้าเมซฟิลด์  นั่นมันกลุ่มตัวร้าย”
ตระกูลชิวถูกพันธมิตรของพวกเขาทอดทิ้ง และไม่มีตระกูลอื่นยินดีพูดให้ตระกูลชิว  แม้แต่บริวารของพวกเขา  กลุ่มการค้าอลิซาเบธก็ยังซ่อนตัวหลบหลีกตระกูลชิว
 “โลกก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ?  ผู้ชนะได้รับ ผู้แพ้สูญเสียทุกอย่าง”  ด้านหลังเขาบุรุษคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงและพูดขึ้น
 “เรายังไม่แพ้!  ชิวอี้พูดจริงจัง
 “เราสูญเสียกองพลตระกูลชิวไปแล้ว”  บุรุษที่นอนอยู่บนเตียงพูดอย่างเกียจคร้าน
 “ตระกูลชิวของเขายังไม่แพ้”  ชิวอี้กล่าว  จากนั้นพูดต่อไป “เรายังมีซิ่วหัว และเรายังมีเจ้า”
 “เจ้าไม่ควรจะคาดหวังข้าไว้สูง”  บุรุษผู้อยู่บนเตียงนั่งตัวตรงและพูดอย่างจนใจ  “ถ้าเจ้าเป็นอย่างนั้น  ข้ารู้สึกว่ากดดัน  เรายังมีซิ่วหา  เขายังไม่ตาย  ไม่มีใครกล้าวางมือจากตระกูลชิว
 “เราอยู่ในสภาพนี้แล้ว แต่อาหนิง เจ้ายังพูดแบบนี้อีก!  ชิวอี้ไม่พอใจ   ชิวชิ่วหัวอยู่ที่ใดไม่ทราบ และตระกูลชิวอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
 “ก็ได้ ก็ได้, ข้าจะทำอย่างดีที่สุด”  ชิวหนิงถอนหายใจ  แต่ตาของเขาทอประกายวูบหนึ่งและหายไปอย่างรวดเร็ว  “เจ้าควรจะเริ่มแผน  สมองของเจ้าดีกว่าของข้า”
เมื่อชิวอี้ได้ยินคำยืนยันของอาหนิง  เขาสงบใจได้  เขามั่นใจในชิวหนิงมาก  แต่เขากังวลว่าชิวหนิงจะไม่จริงจัง  เนื่องจากตลอดเวลาตระกูลชิวไม่เคยให้ความสนใจกับชิวหนิงมาก
พวกเขาไม่อาจถูกตำหนิได้  ชิวหนิงเดินในเส้นทางที่แตกต่าง
ในอดีตตระกูลชิวและวิหารมีสัมพันธ์ที่ดี  และเมื่อชิวซิ่วหัวกลายเป็นแม่ทัพใหญ่  พวกเขาได้รับของดีสองสามอย่างจากวิหาร  ตัวอย่างเช่นวิทยายุทธ และวิชาจิตวิญญาณ
วิทยายุทธและวิชาจิตวิญญาณของวิหารมาจากวิหารเซียนในสวรรค์วิถี  ขณะที่วิทยายุทธจะเป็นวิชาระดับล่าง  วิหารจะปล่อยให้มากขึ้น  แต่สำหรับวิชาวิญญาณ  วิหารมักจะเก็บไว้เป็นความลับ  แต่วิทยายุทธทั้งหมดจากสวรรค์วิถีไม่ได้สร้างอิทธิพลให้กับทวีปกวงหมิง  บางครั้งจะมีคนเรียนวิทยายุทธได้อย่างหรือสองอย่างและใช้วิทยายุทเหล่านั้นช่วยชีวิตพวกเขาทุกวัน
วิทยายุทธของสวรรค์วิถีเป็นระบบที่ใหญ่มาก  ด้วยระดับที่แตกต่างหลายระดับ  การจะเลือกวิทยายุทธจริงๆ หมายถึงการแยกจากระบบทหารของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  และเป็นอะไรที่คนส่วนใหญ่ไม่ยินดียอมรับ
พลังของวิทยายุทธมีขีดจำกัด  และไม่ดึงดูดต่อพลเมืองชาวทวีปกวงหมิง
เมื่อเทียบกับวิทยายุทธแล้ว  พลังของวิชาพลังวิญญาณยิ่งใหญ่มากกว่า  ในสวรรค์วิถี มันคือระบบที่มีแต่เซียนใช้กัน  แต่วิชาวิญญาณไม่มีฝึกกันในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มากนัก  และเป็นเหตุผลใหญ่ให้ทางวิหารงด เพราะวิชาวิญญาณเป็นวิชาที่ซับซ้อนมาก
วิชาวิญญาณสร้างมาจากวิทยายุทธ  เป็นผลมาจากนักสู้ชาวสวรรค์วิถีที่ก้าวเข้าสู้ระดับเซียน และกลายเป็นผู้ทรงพลังมากขึ้น  เซียนในสวรรค์วิถีและดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  นอกจากมีพลังในการรวบรวมพลังงาน  พวกเขายังมีความแตกต่างกันมาก  ตัวอย่างเช่น สนามพลังวิญญาณ  ค่าพลังวิญญาณหรือแม้แต่การสร้างการ์ดวิชาวิญญาณ ฯลฯ ที่ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ยากจะเข้าใจ
นั่นคือเหตุผลให้วิชาจิตวิญญาณไม่เคยกลายเป็นเรื่องใหญ่ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจะมีเซียนมากมายในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
ชิวหนิงเป็นข้อยกเว้น
ตั้งแต่เด็ก  เขามักจะสนใจในวิทยายุทธ  เขาไม่สนใจคำแนะนำของผู้อาวุโสของเขา  และหมกมุ่นอยู่กับการฝึกวิทยายุทธ  นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่เคยได้รับความสำคัญจากตระกูล  แต่เขาไม่สนใจมากและมีความโดดเดี่ยวมาก
ชิวซิ่วหัวและเขามีอายุไล่กันและเติบโตมาพร้อมกัน  และหลังจากกลายเป็นแม่ทัพใหญ่  เขาก็ได้รับวิชาวิญญาณนับไม่ถ้วนจากวิหารเอามาให้ชิวหนิง  วิชาวิญญาณทั้งหมดนี้เป็นความลับ  แต่ในฐานะแม่ทัพใหญ่  เขามีอำนาจมากและสามารถรับมาได้
ในความเป็นจริงวิหารไม่ใส่ใจเกี่ยวกับวิชาวิญญาณ  นอกจากเป็นข้อมูลที่กองไว้เต็มตู้หนังสือ  หลายอย่างเหล่านี้ไม่สามารถเอามาฝึกได้อย่างไร้วัตถุประสงค์
ไม่มีใครคาดว่าชิวหนิงจะเดินเส้นทางนี้ และกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลชิว
แต่ก็ไม่สามารเปลี่ยนสถานการณ์ของเขาได้   ในยุคที่กองทัพมีอำนาจเหนือ  ตระกูลชิวเป็กลุ่มตระกูลเก่าแก่  ชิวซิ่วหัวและชิวเทียนชิงผู้อยู่ในจุดสุดยอดเป็นผู้มีพรสวรรค์มาก  ยังมีอิทธิพลต่อตระกูลชิวมากที่สุด
ไม่ว่าคนจะแข็งแกร่งเพียงไหน  อย่างมากเขาก็ถูกเอามาใช้ลอบสังหาร
แต่ตระกูลชิวจำเป็นต้องลอบสังหาร?
ในทั่วตระกูลชิว ไม่มีใครคิดว่าจะมีวันที่ตระกูลชิวจะต้องการนักฆ่าเพื่อกู้เกียรติยศของพวกเขา
แม้แต่ชิวหนิงเองก็ไม่เคยคิดว่าชะตาของตระกูลชิวจะตกมาอยู่ในมือของเขา  เขาอยู่ในอาการมึนงง และไม่ใส่ใจคำพูดของชิวอี้
 “เราจะรอ  วิหารและพันธมิตรพยายามจะผูกมัดกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ไว้ใช้งาน?  พวกเขาจะต้องปรากฏ  และต่อหน้าพวกเขา  เราจะฆ่าขุนพลวิญญาณที่พวกเขาต้องการผูกมัด  ข้านึกภาพดูว่าสีหน้าพวกเขาจะเป็นยังไง...”

11 ความคิดเห็น:

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

งงอ๊ะจะทำไม? กล่าวว่า...

คิดผิดไปแล้ว น้องเอ๊ย เฮ้อ ลืมพี่ถังกันหมดแล้วสินะ เดะมีช๊อค

neng2006 กล่าวว่า...

ไอ้นี่แน่ที่ไปฆ่าชาลล์

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

พี่ถังได้สมุนเพิ่ม

Unknown กล่าวว่า...

ลอบสังหารเฮียถังหรอ เฮ้อ....จูบดินแน่นวลแบบนี้

Neoplasm24 กล่าวว่า...

ป่าวๆ ลอบสังหาร ลูกน้องของลูกน้อง เมียพี่ถัง (หลายชั้นจังวะ)

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

เขาคงอึ้งกันหมด 555

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Anny กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ

แสดงความคิดเห็น