วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 911 ต้นทุนเจรจาต่อรอง


ตอนที่  911 ต้นทุนเจรจาต่อรอง
ตำหนักกวงหมิง
 “รายงานของผู้อาวุโสซีอุสไม่เกินจริงไปหน่อยหรือ  เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะหาข้อยืนยันการสู้รบที่ที่ทำการกองทัพตระกูลชิว  แต่สภาวะของการสู้รบต่อมา  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโจมตีสุดท้ายของซิ่น ได้เห็นประจักษ์กับสายตาของคนหลายคน  เรามีการสำรวจจากคนเกิน 60 คน และพวกเขาทั้งหมดให้คำตอบเหมือนกัน  เราจัดผู้อาวุโสเจ็ดสิบคนเข้าถึงบันทึกถึงสามพันบันทึกในคืนเดียว  และในที่สุดก็ได้รับเป้าหมายที่เป็นไปได้เก้าเป้าหมาย  แต่เรายังไม่สามารถยืนยันสถานะของเขาได้”

 “เมื่อพิจารณาถึงเบื้องหลังของซิ่นมีความเป็นไปได้ที่สุดว่าเกี่ยวข้องกับตระกูลกลุ่มการค้าเมซฟิลด์,  เรายังคงสืบดูตระกูลกลุ่มการค้าเมซฟิลด์  ไล่อ่านประวัติศาสตร์ของพวกเขา  แต่เรามีข้อมูลอย่างจำกัดมาก  ประวัติศาสตร์ของตระกูลกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ยาวนานมาก  บรรพบุรุษของพวกเขาเป็นสาขาของตระกูลที่มาจากทางเหนือ  และตระกูลทางเหนือสามารถสืบย้อนกลับไปได้ถึงสองแสนปี น่าเสียดายที่ความสืบเนื่องกันของตระกูลเมซฟิลด์ไม่อยู่ในสภาพที่ดี  ข้อมูลของพวกเขาไม่ได้เก็บไว้อย่างดี ดังนั้นจึงไม่มีข้อมูลที่มีประโยชน์กับเรา”
รายงานของผู้อาวุโสทัฟฟี่มักจะมีรายละเอียดอยู่เสมอ  หน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยย่น  แต่เขายังคงแข็งแรงสุขภาพดี  ดวงตาสีเทาของเขาคมชัด ผมของเขาหวีเรียบ  และชุดสีขาวบริสุทธิ์เข้ากันกับเขาอย่างสมบูรณ์  เขาต่างจากผู้อาวุโสคนอื่นๆที่มีความสุขกับเครื่องประดับสดใสอย่างเช่นอัญมณีที่สว่างแพรวพราว  หรือมีความสุขกับเครื่องแต่งกายที่ประณีตอย่างนั้น  ไม่มีเครื่องประดับเช่นนั้นบนตัวเขา  เขาเป็นคนเรียบง่ายเหมือนกับทหารผ่านศึกที่รอรับคำสั่ง
ถ้ามีคนพบเขาเป็นครั้งแรก น้อยคนนักจะรู้ว่าสุภาพบุรุษชราผู้เรียบง่ายนี้คือบุรุษหมายเลขสองของวิหาร
หลังจากฟังรายงานของผู้อาวุโสทัฟฟี่  ประมุขผู้อาวุโสพูดขึ้น  “เจ้าพูดมาตั้งมากมาย  แต่ทั้งหมดนั้นไม่ได้ความอะไรออกมาเลยหรือ?”
ผู้อาวุโสทัฟฟี่สั่น  เหงื่อเยียบเย็นไหลโชกหลังของเขา  เขาก้มศีรษะและกัดฟันกล่าว  “ขอรับ  เราไม่พบข้อมูลที่เป็นประโยชน์”
เมื่อประมุขผู้อาวุโสไม่มีใครเหลือเลย  ทัฟฟี่จึงเป็นผู้ช่วยที่เหลืออยู่ของเขา  เขาติดตามประมุขผู้อาวุโสมาตั้งแต่เริ่มต้น  และเป็นเวลาเกินกว่าสี่สิบปี  พวกเขาได้รับศักดิ์ศรีและชื่อเสียง  ขณะที่เขาได้รับความไว้วางใจของประมุขผู้อาวุโส  เมื่อประมุขผู้อาวุโสกลายเป็นนายใหญ่ของตำหนักกวงหมิง  เขาก็เช่นกันได้รับการเลื่อนยศครั้งแล้วครั้งเล่า  และกลายเป็นคนสำคัญอันดับสองในวิหาร
หลังจากติดตามเขามาหลายปี  เขาเข้าใจอารมณ์ของประมุขผู้อาวุโสดีที่สุดและไม่ได้ปกปิดอะไร  แม้ว่าจะเต็มไปด้วยความกลัวประมุขผู้อาวุโสก็ตาม  แต่การเพิ่มแรงกดดันจากตัวประมุขผู้อาวุโสทำให้เขากังวลมากซึ่งไม่ได้มาจากนิสัย  แต่เป็นสัญชาตญาณตอบโต้จากร่างกายของเขา
ประมุขผู้อาวุโสยังคงเงียบครู่หนึ่งจากนั้นพูดขึ้น  “บอกซีอุสว่าข้าจะมอบอำนาจเต็มที่ให้เขา  ข้าต้องการพบขุนพลวิญญาณผู้นี้”
 “ขอรับ” ทัฟฟี่รับคำขณะสั่นสะท้าน  เขาลังเลเล็กน้อย  “ท่านคิดว่าเขามาจากสวรรค์วิถีหรือ?  ข้ากังวลว่าขุนพลวิญญาณนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับขุนพลวิญญาณของสัมพันธมิตรใต้  ถังเทียนแห่งสัมพันธมิตรใต้เองก็มีขุนพลวิญญาณที่ทรงพลังเหมือนกัน”
เสียงของประมุขผู้อาวุโสดังออกมาจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีทอง ซึ่งสงบและเต็มไปด้วยความมั่นใจ  “ตราบใดที่เขาเป็นเพียงขุนพลวิญญาณ  นั่นไม่สำคัญ”
ทัฟฟี่พยักหน้า  “ข้าเข้าใจแล้ว  กลุ่มการค้าเมซฟิลเป็นแค่ตระกูลเล็ก พวกเขาจะต้องเห็นด้วยกับเราแน่นอน”
 “ถูกแล้ว พวกเขาคิดว่าแค่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกันพวกเขาก็สามารถต่อต้านเราได้  พวกเขาคิดเช่นนั้นลงมือในเวลาอย่างนั้น  เราจะไม่ลงมือกับพวกเขา  พวกเขาคิดว่าเราจะร่วมมือกับพวกเขาเพื่อเห็นแก่สถานการณ์โดยรวม”  เสียงของประมุขผู้อาวุโสแฝงไปด้วยท่าทีเย็นชา “โง่เขลาทั้งนั้น”
ทัฟฟี่รู้ว่าประมุขผู้อาวุโสโกรธอย่างแท้จริง  เขารู้สึกได้เช่นกันว่าตระกูลต่างๆ เสียสติกันไปแล้ว เพราะพวกเขาสนใจแต่ตัวเอง  พวกเขาควรจะเสียสละให้ความสนใจทวีปกวงหมิง พวกเนรคุณเหล่านี้ไม่รู้ว่าถ้าทวีปกวงหมิงแพ้ พวกเขาก็จะแพ้ไปด้วย?
ใช่แล้ว พวกเขาเชื่อว่าประมุขผู้อาวุโสจะไม่ยอมให้ทวีปกวงหมิงแพ้  ดังนั้นพวกเขาเชื่อว่าเขาจะต้องยอมตาม  แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่าประมุขผู้อาวุโสก็มีแผนการเป็นของตนเอง
เขาพูดด้วยความเคารพ  “พวกเขากำลังหาเรื่องตายให้ตนเอง”
 “พวกเขาเหมือนซากเน่า, ทัฟฟี่”
เสียงของประมุขผู้อาวุโสก้องดังไปทั่วตำหนักกวงหมิง
 “พวกเขาสูญเสียความกล้าและความรุ่งเรืองของบรรพบุรุษของพวกเขาไปแล้ว  พวกเขาเป็นแค่หนูแก่ที่หลงอยู่ในความมืดและเอาแต่เล่นแง่  พวกเขาไม่เหมาะจะมีอะไรในตอนนี้แล้ว  และพวกเขาจะตระหนักได้ในไม่ช้าว่าทวีปกวงหมิงไม่ต้องการพวกเขา  มีแต่วิหารเท่านั้น  วิหารไม่ต้องการพวกเขาเช่นกัน  ยุคสมัยของพวกเขายาวนานเกินห้าร้อยปีก็เกินพอแล้ว  สิ่งที่วิหารต้องการตอนนี้ก็คือเลือดใหม่  ทวีปกวงหมิงต้องการสายเลือดใหม่  เราต้องกำจัดเนื้อร้ายเหล่านี้ออกไป  และต้อนรับชีวิตใหม่!
ประมุขผู้อาวุโสค่อยๆ ปรากฏออกมา  และราวกับว่าเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะรู้สึกถึงอารมณ์ของเขาได้ มันปล่อยแสงสว่างเจิดจ้าจนทำให้เขาแทบจะคล้ายกับดวงอาทิตย์
 “ไม่มีใครหยุดยั้งเราได้  รวมทั้งกลุ่มการค้าเมซฟิลด์”
ผู้อาวุโสทัฟฟี่ยอมรับอย่างเต็มใจ  มักจะเป็นเช่นนั้นเสมอมา
***********************

ภายในด้านข้างลานว่างตระกูลหัวที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา
ภายในห้องโถงใหญ่นอกจากตระกูลชิวแล้ว ประมุขห้าตระกูลใหญ่มารวมตัวกัน  การสู้รบที่ค่ายกองทัพตระกูลชิวสั่นสะท้านไปทั้งทวีปเซียน  ด้วยความรวดเร็วของพวกเขา พวกเขารีบเร่งมาทั้งราตรี ไม่มีผู้ใดกล้าชักช้า  พวกเขาเพิ่งกลับจากการสังเกตการณ์ดูการสู้รบที่ค่ายกองทัพตระกูลชิว  และสีหน้าของทุกคนตกตะลึง
 “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าขุนพลวิญญาณที่ทรงพลังขนาดนั้นจะมีอยู่ในโลกด้วย!  ความพ่ายแพ้ของตระกูลชิวไม่สูญเปล่า”  ประมุขตระกูลม่อ ม่ออี้กู่กล่าว
พวกที่เหลือพยักหน้าเช่นกัน  พวกเขาอยู่ในสมรภูมิและเห็นการถูกทำลายล้างของกองทัพตระกูลชิวในเหตุการณ์ทิ้งรอยตราตรึงลึกในใจพวกเขา  ตระกูลชิวถูกทำลายสิ้นเชิง ความพ่ายแพ้จากการสู้รบส่งผลต่อตระกูลชิวมากกว่าเคยเป็น  และพวกเขาตัดสินได้ว่าจะนำไปสู่ความสิ้นสุดของตระกูลชิว  เมื่อคิดถึงศักดิ์ศรีของตระกูลอันดับหนึ่งต้องล่มสลายไปในลักษณะนั้น ทุกคนรู้สึกหงุดหงิด
แต่พวกเขาไม่มีเวลาเสียใจให้กับตระกูลชิว  ความกังวลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาก็คือการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬารจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน  และจะส่งผลโดยตรงต่อสถานการณ์
ประมุขตระกูลไวคารี...โฮล ไวคารีพูดขึ้น “เราจะต้องคุยกันว่าจะส่งผลกระทบต่อเราอย่างไร?”
หน้าของทุกคนเคร่งเครียด  สถานการณ์เหมือนอยู่บนน้ำแข็งเบาบาง  และการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจะส่งผลต่อสถานการณ์รวม  สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
การสูญเสียอย่างหนักของตระกูลชิวเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดสำหรับพวกเขา  ห้าตระกูลใหญ่เดิมลดเหลือแค่สี่ตระกูล  และความเข้มแข็งของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างมาก
โฮล ไวคารี่พูดต่อ  “วิหารได้มีการประชุมกัน  แม้ว่าเราจะได้รับคำทักทายมาแล้วก็ตาม  แต่พวกเขาก็ยังรวบรวมตระกูลระดับสูงที่มีขนาดเล็กกว่า 300 ตระกูล  ในแง่ขนาดของกองทัพ  เรานับว่าเสียเปรียบ
 “นั่นเป็นข่าวเก่าแล้วไม่ใช่หรือ ที่บอกว่าวิหารพยายามจะใช้ตระกูลระดับสูงขนาดเล็กที่ได้รับเลือกให้มาแทนที่เรา?”  หัวหลิวซางแค่นเสียง  “นับตั้งแต่พวกเขาเริ่มถูกเรียกว่าการได้ยอมรับจากวิหาร  เราก็คาดไว้นานแล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึง  เรามาดูขีดความสามารถของเจ้าพวกบ้านนอกนี้กันเถอะ”
 “ใครจะรู้ พวกเขากำลังเก็บงำความฝันแทนเราก็ได้  พวกเขาเป็นคนที่โง่อย่างแท้จริง”  ม่ออี้กู่ส่ายศีรษะ  “เมื่อวิหารผิดสัญญาตอนนั้น  พวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่สามารถเก็บตระกูลพวกเขาไว้ต่อไปได้  พวกเขาต้องการเป็นจ้าวครองทวีปหมิงกวงแต่เพียงผู้เดียว พวกเขาจะสามารถตัดสินได้ว่าใครจะอยู่ใครจะตาย  พวกกลุ่มกระสุนมนุษย์ไม่คู่ควรแก่การเอ่ยถึง”
 “พวกกระสุนมนุษย์ก็เหมาะจะเป็นประสุนมนุษย์ต่อไป”  หัวหลิวซางแค่นเสียง
โฮลเตือนทุกคน  “กลุ่มการค้าเมซฟิลด์ไม่ใช่กระสุนมนุษย์  ขุนพลวิญญาณระดับพลเอกของพวกเขา เราไม่เคยได้ยินมาก่อน และกระบี่นั่น นั่นคือสมบัติที่น่ากลัวอย่างมาก มันสามารถทำลายกองทัพตระกูลชิวได้  เราสามารถบอกได้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขายากจะหยั่ง  เราจำเป็นต้องดึงกลุ่มการค้าเมซฟิลด์มาอยู่ฝ่ายเรา
 “ข้าเห็นด้วย”  ม่ออี้กู่พยักหน้า  “ขุนพลวิญญาณที่ทรงพลังอย่างนั้นจะต้องมีกองทัพที่ไร้เทียมทาน  ถ้าพวกเขาตกไปอยู่ในมือของวิหาร  เราจะตกอยู่ในอันตราย  ใครมั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้บ้าง?”
ไม่มีใครส่งเสียง
ทุกคนในตอนนี้คือตระกูลระดับสุดยอด  พวกเขามีกองทัพที่มีพลังและอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์  แต่ไม่มีใครกล้ายืดอกกล่าวอ้างว่าพวกเขาสามารถเอาชนะขุนพลวิญญาณนั้นได้
ซาดรา ครอฟท์ยังคงเงียบอยู่ตลอดเวลาพูดขึ้น  “ไม่ว่าเขาต้องการอะไรก็ทำให้เขาพอใจ”
ซาดรามีศักดิ์ศรีสูงสุดในบรรดาสี่ตระกูล  เมื่อเขาพูด ความเห็นของทุกคนก็กลายเป็นหนึ่ง
 “ถ้าเขาพูดถึงสิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้  ก็ต้องเป็นเราที่เปิดพื้นที่”  โฮลรู้สึกถึงเรื่อปวดหัวที่จะตามมา
ซาดรามองหัวหลี่รั่วที่อยู่ด้านหลังหัวหลิวซางทันที  “เจ้าบอกว่าขุนพลวิญญาณนั้นคำนับใครบางคน?  เขาเป็นใคร?”
หัวหลี่รั่วพยายามนึกถึงฉากภาพและกล่าว  “ถูกแล้ว เวลานั้นผู้อาวุโสซิ่นคำนับผู้นำกองพลหน้ากากเหล็กและเรียกเขาว่านายผู้ชาย และเรียกตัวเองว่าข้าน้อย”
ตาของเขาเป็นประกายเหมือนกับรำคาญ ‘ใช่แล้ว ข้าลืมรายละเอียดสำคัญอย่างนั้นไปได้ยังไง
 “กองพลหน้ากากเหล็ก กลุ่มการค้าเมซฟิลด์ บุรุษคนนั้นคือกุญแจ”  ซาดราพูดอย่างเฉื่อยชา  “ข้าเชื่อว่าเขาสามารถเห็นสถานการณ์ทั้งหมดได้ชัดเจน  นอกจากนี้ เขาสามารถควบคุมขุนพลวิญญาณที่ทรงพลังขนาดนั้นได้  เขาคงจะสนใจในข้อเสนอของวิหารแน่นอน”
หัวหลิวซางตาเป็นประกาย  “ท่านหมายความว่า....”
ทุกคนคิดอย่างเดียวกันทันที  และพวกเขาตื่นเต้น
เมืองหิมะขาวเพิ่งจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน คนที่มีเกียรติมีชื่อเสียงต่างก็มุ่งหน้าไปที่นั่น สถานที่ชุมนุมกันมากที่สุดก็คือร้านค้าของกลุ่มการค้าเมซฟิลด์  ทุกคนรู้ว่ากลุ่มการความเมซฟิลด์มีคุณค่าในขณะนั้นมากเพียงไหน
วิหารและห้าตระกูลชั้นสูง เอ่อ.. ตอนนี้เหลือสี่ตระกูล  ทั้งหมดพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อผูกสัมพันธ์กับตระกูลเมซฟิลด์  นอกจากนี้  ยังมีข่าวลือว่านี่จะกลายเป็นจุดวิกฤติที่สุดสำหรับสงคราม  ไม่ว่ากลุ่มการค้าเมซฟิลด์เลือกฝ่ายไหน  ฝ่ายนั้นจะมีโอกาสชนะสูง
ผู้มาเยี่ยมเยียนจำนวนมากและของขวัญคารวะที่อาคันตุกะชั้นสูงนำมาทำให้กลุ่มการค้าเมซฟิลด์แทบล้นทะลัก  ทั้งสองฝ่ายระดมความพยายามเพื่อช่วยธุรกิจให้กับตระกูลเมซฟิลด์  ทั้งกระตุ้นทั้งอวดอ้างฝ่ายตน  พวกเขาทำสัญญาธุรกิจกระตุ้นกิจการเป็นกระแสไม่หยุดหย่อน
ร้านอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านก็เต็มไปด้วยผู้คนเช่นกัน
 “เฮ้, เจ้าคิดว่าประมุขตระกูลกุสตาสทำงานให้ใคร?”
 “น่าจะเป็นวิหาร  เขาเป็นประมุขตระกูลคนใหม่”
 “คนผู้นั้นดูคุ้นๆ, เอ่, ข้าจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร”
 “ข้าคิดว่าเขาคือประมุขตระกูลคอนสแตนติน”
 “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ใช่แล้ว...”
ทุกคนเฝ้ามองกิจกรรมที่คึกคัก  และทำงานอย่างยินดี  เมืองหิมะขาวไม่ใช่ระดับประเทศ  แต่พวกเขาไม่เคยเห็นคนสำคัญปรากฏตัวมาก่อน  มีบ้างที่ได้ยินจากกลุ่มคนเป็นครั้งคราว และตอนนี้คนดังมีชื่อเสียงจะมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
ผู้คนตื่นเต้นกับโลกที่แปรปรวน  ในช่วงเวลาสั้นๆ ตระกูลระดับสูงกลับกลายเป็นกุญแจตัดสินอนาคตของทวีปกวงหมิง
กลุ่มการค้าเมซฟิลด์จะเลือกเข้าร่วมกับใคร?  ทุกคนสงสัยและกังวล นอกจากตระกูลต่างๆ ที่มีจุดยืนของพวกเขาแล้ว  ทุกคนต้องการให้สถานการณ์กระจ่างโดยเร็ว

12 ความคิดเห็น:

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

neng2006 กล่าวว่า...

สนุกทุกตอน ขอบคุณครับ

Neoplasm24 กล่าวว่า...

อย่ามาตีซี้พี่ถัง ตีซี้เซียนฮุ่ยโน่น ให้รู้มัางใครคุม

Unknown กล่าวว่า...

มาตีซี้เซียนฮุ่ยก็เจอพี่ถังตบอีกมังครับ

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Ton กล่าวว่า...

ตีซี้ถังรอด50% ตีซี้เซียงฮุ่ย ตาย100%

Unknown กล่าวว่า...

ขอบใจจ้า

Neoplasm24 กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ ลืมคิด!

งั้นผูกคอตายใต้ต้นมะเขือตายไปเหอะ ฮ่าๆ

Unknown กล่าวว่า...

ถังเทียนบอกเมียข้าใครอย่าแตะ ฮ่าๆๆ

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ สนุกทุกตอนเลย

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น