เล่ม
15 สมบัติประมาณค่ามิได้ – ตอนที่ 40 ชีวิตในเทือกเขาอะเมทิสต์
ภายในหุบเขามีฝูงอสูรอะเมทิสต์มากมายรายล้อมอยู่ริมฝั่งทะเลสาบ
และอสูรอะเมทิสต์เด็กยืนอยู่บนหัวเบเฮม็อธอะเมทิสต์จ้องมองลงไปในทะเลสาบ
อสูรอะเมทิสต์ตัวแล้วตัวเล่าเดินออกมาจากทะเลสาบกลับขึ้นฝั่งต่างก็เดินคอตกกันทุกตัว
“พวกเจ้ามันโง่กันทั้งนั้น
พวกเจ้าหาคนไม่กี่คนที่หนีลงไปในนั้นก็ยังไม่เจอ” อสูรอะเมทิสต์เด็กโกรธ
ไม่มีอสูรอะเมทิสต์ตัวใดกล้าส่งเสียง
อสูรอะเมทิสต์คิดหลายเรื่อง
“เราเสียเวลาอยู่ที่ริมทะเลสาบนานเกินไปแล้ว วันคลื่นหมอกกำลังจะจบลง เราจะเสียเวลาอย่างนี้ต่อไปอีกไม่ได้” อสูรอะเมทิสต์เด็กตะโกนนำทันที “เด็กๆ, ไปกันได้ เราจะออกไปจากที่นี่ ไปฆ่าพวกมนุษย์กันต่อ”
“โรววววว!”
อสูรอะเมทิสต์นับไม่ถ้วนคำรามอย่างตื่นเต้นทันที
พวกมันก็ต้องการฆ่าเช่นกัน ที่สำคัญจะต้องผ่านเวลานับอสงไขยปีกว่าจะเกิดคลื่นหมอกอีก
มีแต่วันอย่างนั้นที่พวกมันได้รับอนุญาตให้ออกมา เวลาของพวกมันในวันนี้มีค่ามาก ถ้าพวกมันเสียเวลาอยู่ที่นี่ทั้งหมด พวกมันจะรู้สึกว่าไม่คุ้มค่ากัน
อสูรอะเมทิสต์นับไม่ถ้วนคำรามจากนั้นติดตามอสูรอะเมทิสต์เด็กออกไป
“ฮึ่ม...ฮึ่ม.. ข้าจะจำคนพวกนั้นไว้ ข้าหวังว่าเจ้ายังจะมีชีวิตถึงวันที่คลื่นหมอกครั้งต่อไปมาถึง เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะจัดการกับพวกเจ้าอย่างสาสมแน่” ตาที่ใสกระจ่างของอสูรอะเมทิสต์เด็กฉายแววเจ้าเล่ห์
ขณะที่อสูรอะเมทิสต์ไล่สังหารตามรายทาง อสูรอะเมทิสต์มากมาย กระจายไปตามพื้นที่ มนุษย์ถูกจับและฆ่าตายไปมาก
พวกเทพหลายคนที่ถูกนำเข้ามาในคลื่นหมอกจำนวนเกินกว่าร้อยล้าน แต่พวกเขาถูกสังหารจนเหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบ
คนรอดชีวิตรวมทั้งพวกที่อยู่แต่เก่าก่อนภายในภูเขาอะเมทิสต์
เหลืออยู่เพียงไม่ถึงสิบล้านคน
หลังจากพระอาทิตย์สีเลือดลับฟ้า พระจันทร์สีม่วงลอยขึ้น
วันคลื่นหมอกเป็นอันสิ้นสุด
แต่แน่นอนเพราะภูเขาอะเมทิสต์ถูกปกคลุมด้วยหมอกขาวไม่มีใครสามารถเห็นพระอาทิตย์สีเลือดหรือพระจ้นทร์สีม่วงได้
อย่างไรก็ตามภูเขาอะเมทิสต์ทำงานราวกับว่าเป็นนาฬิกา จำนวนของการพ่นอะเมทิสต์ออกมาโดยรังอะเมทิสต์ปีศาจจะลดลงมากมายกลับคืนสู่สภาวะปกติ
กองกำลังของสิบแปดตระกูลใหญ่ที่อยู่ด้านนอกของเทือกเขาอะเมทิสต์หยุดชะงัก ขณะที่รู้สึกตื่นเต้นกับจำนวนของอะเมทิสต์ที่พวกเขาผลิตได้
ภายในเทือกเขาอะเมทิสต์
อสูรอะเมทิสต์เหล่านั้นกลับไปทันทีและหายเข้าไปในเทือกเขาอะเมทิสต์อย่างรวดเร็ว มีอสูรอะเมทิสต์มากมาย แต่ตอนนี้มีเทพเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย
กลุ่มของลินลี่ย์
เนื่องจากอยู่ภายในถ้ำนั้นไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด พวกเขารอเกินกว่าสิบชั่วโมง
จนกระทั่งถึงวันรุ่งขึ้นพวกเขาจึงค่อยโผล่ออกมาจากทะเลสาบ
ริมฝั่งทะเลสาบในหุบเขา
กลุ่มของลินลี่ย์ทั้งหกคนออกมานั่งพัก
หน้าของจาร์ร็อดเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขากล่าวอย่างซาบซึ้ง “วันคลื่นหมอกจบลงจนได้ หลังจากวันนี้ไป
เราจะใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขอีกร้อยล้านปี
ข้าไม่คาดเลยว่า ข้ากับจาร์ร็อดจะรอดตายจากคลื่นหมอกได้สองวัน”
“เพื่อให้รอดชีวิตอยู่ได้
แม้ว่าต้องสูญเสียร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ก็คุ้ม”
การ์แลนรู้สึกว่ามีความสุขมากเช่นกัน
ลินลี่ย์มองดูจาร์ร็อดและการ์แลน
เขาสามารถบอกได้ว่าความดีใจที่พวกเขารู้สึกนั้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ เขาได้แต่รู้สึกงุนงงอย่างช่วยไม่ได้ และเขาถาม
“จาร์ร็อด
ในเทือกเขาอะเมทิสต์นี้ทัศนวิสัยของเรามีจำกัด
เห็นได้เพียงร้อยหรือสองร้อยเมตรเอง
และมีหมอกขาวปกคลุมอยู่ตลอดและเราไม่สามารถออกไปได้ ท่านไม่สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อยหรือ?”
คำพูดของลินลี่ย์ทำให้ใจของบีบีและโอลิเวอร์เห็นด้วย
ในเทือกเขาอะเมทิสต์
นอกจากวันคลื่นหมอกแล้ว ไม่มีอันตรายใดๆ เลย
แต่จะถูกจำกัดด้วยแรงดึงดูดที่ทำให้แม้แต่จะบินก็บินไม่ได้ ขณะเดียวกันก็มองเห็นได้ไม่เกินร้อยเมตร
ขีดจำกัดเช่นนี้เป็นเวลานานช่างน่าเบื่อและเจ็บปวดยิ่งนักไม่ใช่หรือ?
จาร์รอดและการ์แลนมองหน้ากัน ทั้งสองคนเริ่มหัวเราะ
จาร์ร็อดมองลินลี่ย์ “ลินลี่ย์! ไม่ใช่ว่าเราไม่ต้องการออกไป
เป็นแต่ว่าไม่มีทางออกไปจากที่บ้าบอแห่งนี้ ในเมื่อเราออกไปไม่ได้
เราจะทำอะไรอื่นได้? เราก็คงมีความสุขกับชีวิตเงียบๆ
อย่างน้อยที่สุดข้ายังมีการ์แลน”
การ์แลนหน้าแดง จากสายตาที่นางชำเลืองมองจาร์ร็อด
สามารถมองเห็นความรักลึกซึ้งอยู่เลือนราง
ที่สำคัญ หลังจากอยู่ด้วยกันมาแทบจะตลอดเวลา พวกเขาไม่สามารถแยกจากกันได้อีกต่อไป
“ข้าขอค้านที่จะเชื่อว่าเราออกไปไม่ได้” บีบีบ่นในลำคอ
“เราตรงไปอย่างเดียว ถ้าหากว่าเราบินไม่ได้ อย่างนั้นเราจะเดินไปจนถึงที่สุดเทือกเขาอะเมทิสต์ได้ เดินทางต่อไปเรื่อยๆ! ข้าปฏิเสธจะเชื่อว่าเราไม่สามารถจะเดินออกไปได้ ถ้าเราไปต่อจนถึงที่สุด ข้าจะดำลงไปในใต้ดิน!”
พื้นข้างนอกเทือกเขาอะเมทิสต์อาจจะไม่แข็งนักก็ได้
“เจ้าจะไม่สามารถออกไปได้!” การ์แลนกระตุ้น “แรงดึงดูดของเทือกเขาอะเมทิสต์ไม่ได้มีแค่ขึ้นกับลง
แต่เหมือนกับว่าทั่วเทือกเขาอะเมทิสต์กำลังแผ่แรงดึงดูดไปทั่วทุกทิศ ไม่ว่าเจ้าจะอยู่บนพื้น หรือใต้ดิน หรือในอากาศ
เจ้าก็ยังได้รับผลของแรงดึงดูดของภูเขาอะเมทิสต์อยู่ดี!”
“อะไรนะ?” ลินลี่ย์ตกใจ
เขาเองได้อ่านคำอธิบายเคล็ดความรู้ลึกลับของกฎธาตุในหนังสือมาแล้ว เกี่ยวกับพื้นที่โน้มถ่วง
เขารู้ว่าเทียบกับการสร้างสนามพลังโน้มถ่วงในบางพื้นที่ แต่ลินลี่ย์ไม่เคยได้ยินเหตุผลที่ว่าพื้นที่จะมีแรงดึงดูดในทุกทิศทาง
เทือกเขาอะเมทิสต์เป็นเหมือนแม่เหล็กยักษ์
ไม่ว่าจะเป็นภายใต้
ด้านข้าง ด้านบนภูเขา มีแต่แรงดึงดูดเต็มไปหมด
“อีกอย่าง
นอกจากแรงดึงดูดแล้วยังมีลมประจำพื้นที่ซึ่งแปลกประหลาด ไม่มีทางใดเลยที่พวกเจ้าทุกคนจะไปจากพื้นที่ได้” จาร์ร็อดกล่าวจากหัวเราะ “เดเลีย ลินลี่ย์ ขอบคุณพวกเจ้ามาก
การ์แลนกับข้าจะไปกันเดี๋ยวนี้”
หลังจากจาร์ร็อดและภรรยาของเขาจากไป ลินลี่ย์ เดเลีย
บีบีและโอลิเวอร์ไม่ยอมแพ้
แม้ว่าพวกเขาจะได้ยินเรื่องที่จาร์ร็อดบอกไว้ จนกว่าพวกเขาจะเห็นกับตาตนเอง พวกเขาจะไม่ยอมแพ้ ทั้งสี่คนเริ่มเดินทางเป็นเส้นตรงทันที
หุบเขาที่ลินลี่ย์อยู่จะห่างจากชายขอบเทือกเขาอะเมทิสต์หมื่นกิโลเมตร
พลังแรงดึงดูดของเทือกเขาอะเมทิสต์ยิ่งใหญ่จริงๆ และกลุ่มของลินลี่ย์ไม่สามารถเดินทางได้เร็วเช่นกัน
พวกเขาใช้เวลาครึ่งเดือนก่อนจะไปถึงชายขอบเทือกเขาอะเมทิสต์
อย่างไรก็ตามกลุ่มลินลี่ย์พยายามไปต่อข้างหน้า แต่แรงดึงดูดที่น่ากลัวส่งผลต่อร่างกายพวกเขาทั้งหมด ดึงพวกเขากลับเข้ามาในภูเขาอะเมทิสต์ทันที
เป็นเรื่องแปลกมาก!
เมื่อยืนอยู่บนโขดหินที่ชายขอบเทือกเขาอะเมทิสต์ กลุ่มของลินลี่ย์ยังรู้สึกปกติดี
แต่ทันทีที่พวกเขาย่างเท้าไปข้างหน้าก้าวเดียว พวกเขาจะรู้สึกว่าแรงดึงดูดดึงพวกเขากลับไปที่เทือกอะเมทิสต์ทันที
ลินลี่ย์ไม่เคยได้ยินแรงดึงดูดที่แปลกประหลาดอย่างนั้นมาก่อน
ภายในพื้นที่แรงดึงดูด พลังของแรงดึงดูดจะดึงดูดลงกับพื้น แต่แรงดึงดูดนี้จะมีศูนย์กลางอยู่รอบภูเขาอะเมทิสต์และดึงเข้ามาในทุกตำแหน่ง
พวกเขาไม่สามารถก้าวเท้าออกไปนอกเขตเทือกเขาอะเมทิสต์ พวกเขาจะออกไปได้อย่างไร?
กลุ่มของลินลี่ย์จนปัญญา
ใช้เวลาทั้งเดือนที่ชายแดน แต่กับไม่ปรากฏผลอะไรออกมา
ในที่สุดพวกเขายอมแพ้อย่างช่วยไม่ได้
ทั้งสี่คนเลือกเงื้อมภูเขาห่างจากชายแดนไม่กี่ร้อยกิโลเมตรและเริ่มอาศัยอยู่ที่นั่น
ภายในเงื้อมเขา
ร่างแยกธาตุลม ธาตุดิน และธาตุไฟต่างฝึกฝนทั้งหมด
ขณะที่ร่างหลักของลินลี่ย์อยู่กับเดเลีย
ลินลี่ย์นั่งอยู่กับพื้นหลังของเขาพิงอยู่กับผนัง เดเลียพักผ่อนอยู่ข้างตัวลินลี่ย์เช่นกัน
เดเลียเงยหน้ามองลินลี่ย์ ในใจนางแล้ว
นางเข้าใจว่าลินลี่ย์ปรารถนาชีวิตที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ถ้าพวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ภายในเทือกเขาอะเมทิสต์ไปทั้งชีวิต
คงเป็นไปไม่ได้เลย
เดเลียยังจำได้ว่เดือนที่พวกเขาใช้เวลาอยู่ที่ชายขอบเทือกเขาอะเมทิสต์ยังมีการทดสอบอย่างต่อเนื่อง
จริงๆ
แล้วการทดสอบอย่างง่ายๆ สามารถทำสำเร็จได้ภายในเดือนเดียว
อย่างไรก็ตาม
เพราะลินลี่ย์และโอลิเวอร์ไม่ต้องการยอมแพ้
พวกเขาเค้นความคิดอย่างต่อเนื่องและทดสอบแต่ละความคิด
พวกเขาทุกคนต้องการไปจากที่นี่และกลับไปยังแดนนรก
อย่างไรก็ตามหลังจากยืนกรานเป็นเวลาหนึ่งเดือน ลินลี่ย์ก็ยอมแพ้ในที่สุด อย่างไรก็ตามเดเลียเข้าใจว่าในใจของเขายังคงไม่ยอมรับผลเช่นนี้
“ลินลี่ย์! เจ้าต้องการจากไปจริงๆ หรือ?” เดเลียพูดอ่อนโยน “บางทีเจ้าน่าจะลองใช้หยดพลังวิเศษดูดีไหม?”
ลินลี่ย์หันไปมองเดเลียแล้วส่ายศีรษะเบาๆ
ลินลี่ย์บอกเดเลียและบีบีเกี่ยวกับพลังของมหาเทพที่เขาได้ใช้ไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้วตอนที่เขาฝึกฝนหลังจากยักษ์ภูเขาไฟ
ฟูโซ่แยกจากไปแล้ว พวกเขาทุกคนรู้...ว่าไม้ตายสุดท้ายของลินลี่ย์เป็นพลังของมหาเทพ”
โดยการใช้พลังของมหาเทพ เขาจะสามารถต่อต้านแรงโน้มถ่วงได้อย่างแน่นอน
แต่ว่าเขาจะใช้ยังไง?
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ
“แม้ว่าโดยการใช้พลังมหาเทพเพื่อต่อต้านแรงดึงดูด
แต่ก็ยากจะบอกได้ว่าข้าจะบินออกไปจากพื้นที่ยุ่งเหยิงได้ เดเลีย! เดเลียเจ้าควรจะรู้ว่าเมื่อเข้าถึงพื้นที่ปั่นป่วนจะมีลมซึ่งมีเสียงแปลก
ก็ยังจะออกไปไม่ได้”
“ถ้าข้าใช้พลังของมหาเทพแล้วยังไม่สามารถออกไปได้เล่า?
นั่นจะเป็นหายนะ”
“นอกจากนี้, พลังของมหาเทพมีค่ามากมายนัก
เราไม่อาจเสียไปได้ ยกเว้นแต่มีความจำเป็นอย่างยิ่งเกิดขึ้น
จะใช้ได้ต่อเมื่อใกล้ตายเท่านั้น”
ลินลี่ย์เข้าใจว่าถ้าใช้ในช่วงวิกฤติ พลังมหาเทพไม่เพียงแต่ช่วยเขา แต่ยังสามารถช่วยเดเลียและคนอื่นได้
นี่เป็นสมบัติที่ใช้พลิกสถานการณ์ เขาจะเอามาใช้ได้ง่ายๆ ยังไงกัน?
“แต่การอยู่ที่นี่เป็นล้านล้านปี...
เจ้าจะทนอยู่ได้หรือ?” เดเลียพูดนุ่มนวล
ลินลี่ย์เหยียดแขนโอบเดเลียไว้ เขาพูดอย่างอ่อนโยน “เดเลีย!
ก็แค่ล้านล้านปีเอง จาร์ร็อดยังสามารถทนได้ ทำไมข้าจะทนไม่ได้เล่า? มีเจ้าอยู่เคียงข้าง ต่อให้อยู่ที่นี่ตลอดไป ข้าก็ยังยินดี”
เดเลียรู้สึกปลาบปลื้มในใจ
และลินลี่ย์กอดนางกระชับมากขึ้น
“ลินลี่ย์! ตอนนี้เจ้าคิดว่าชาชาและเทย์เลอร์จะเป็นยังไงบ้าง?
จะเกิดอะไรขึ้นกับทวีปยูลานหรือเปล่า”
เดเลียอิงอยู่ในอ้อมแขนลินลี่ย์และพูดแผ่วเบา
เมื่อคิดถึงบุตรและธิดาของเขาแล้ว ลินลี่ย์อดยิ้มไม่ได้ “พวกเขาคงจะสบายดี
ใครจะรู้ว่าพวกเขายังคิดถึงข้าหรือเปล่า”
เดเลียหัวเราะเช่นกัน นางเงยหน้ามองลินลี่ย์และเม้มปากกล่าว
“แน่นอนพวกเขาย่อมคิดถึงเจ้า
เจ้าเป็นบิดา
อย่างไรก็ตามเป็นไปได้ว่าเทย์เลอร์และชาชาคงไม่มีทางนึกออกแน่ว่าบิดาผู้แข็งแกร่งทรงพลังของพวกเขาจะติดอยู่ภายในเทือกเขาแห่งหนึ่งในแดนนรก และมีแนวโน้มว่าจะต้องติดอยู่หลายปีนับไม่ถ้วน”
ลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้เช่นกัน
แต่จากนั้นเขาถอนหายใจและหันไปมองหมอกขาว
เหมือนกับว่ามองผ่านไปถึงทวีปยูลาน
“ตอนนี้เรากำลังอยู่ในแดนนรก
ทวีปยูลานอยู่ห่างไกลจากเราเกินไป”
เมื่ออยู่ในเทือกเขาอะเมทิสต์ ใจของลินลี่ย์สงบมาก ร่างหลักของเขาไม่จำเป็นต้องฝึกในกฎใดๆ
ขณะที่เดเลียเข้าถึงระดับเทพชั้นสูงแล้วดังนั้นจึงไม่ต้องฝึก ลินลี่ย์ใช้เวลาทุกวันอยู่กับเดเลีย และทั้งสองคนใช้ชีวิตอย่างง่ายๆ สบายๆ
แต่แน่นอนว่าร่างแยกธาตดินและร่างแยกธาตุไฟของลินลี่ย์ดำเนินการฝึกต่อไป
บีบีและโอลิเวอร์กำลังฝึกเช่นกัน
และซ้อมฝีมือกันเป็นบางครั้ง
กฎธรรมชาติธาตุลมของลินลี่ย์เนื่องจากเพ่งการรู้แจ้งในเคล็ด
‘คลื่นเสียง’ และเคล็ด ‘ดนตรี’ ขณะเดียวกันเวลาที่หลอมรวมทั้งหมด ความก้าวหน้ามีในระดับที่ช้ามาก ขณะที่กฎธรรมชาติธาตุไฟ
นี่คือด้านที่อ่อนด้อยที่สุดของลินลี่ย์และเขาฝึกได้ช้ามากเป็นธรรมดา
เพียงแต่ในกฎธรรมชาติธาตุดินและเคล็ดลึกลับ
‘เดินดิน’ซึ่งลินลี่ย์ยังไม่หลอมรวมกับเคล็ดลึกลับอื่นแต่อย่างใด
ความเร็วในการก้าวหน้าในการฝึกของเขาค่อนข้างจะเร็ว
เมื่ออยู่อย่างสงบสุขเช่นนี้
ห้าสิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลาหลายปีเหล่านี้
เขาอยู่ในภูเขาอะเมทิสต์และได้รับผลจากแรงดึงดูดที่นี่อย่างต่อเนื่อง ลินลี่ย์เริ่มเชี่ยวชาญพื้นฐานเคล็ดความรู้สึกลับ
‘พื้นที่โน้มถ่วงของกฎธาตุดิน
อย่างไรก็ตามเคล็ดพื้นที่โน้มถ่วงเป็นเคล็ดความรู้ที่เข้าใจได้ยากมาก
ดังนั้นลินลี่ย์จึงยังคงให้ความสนใจกับเคล็ดเดินดิน
ก่อนจะเข้าเทือกเขาอะเมทิสต์ ลินลี่ย์ใช้เวลาเกือบยี่สิบปีกับเคล็ดเดินดิน
ตอนนี้เขาใช้เวลาห้าสิบปีแล้ว
ลินลี่ย์ถึงระดับเชี่ยวชาญเคล็ดความรู้ลึกลับทันที
ภายในเงื้อมภูเขา
ร่างแยกธาตุดินของลินลี่ย์ บีบี และโอลิเวอร์จะฝึกด้วยกัน
“พี่ใหญ่! ท่านนี่น่ากลัวจริงๆ ถึงกับเชี่ยวชาญเคล็ดเดินดินแล้ว!” บีบีพูดแสดงความยินดี
“เคล็ดความรู้ลึกลับจะเชื่อมโยงกับแก่นธาตุดินได้โดยปกติ
และเป็นเคล็ดที่ง่ายกว่าในบรรดเคล็ดความรู้ลึกลับของกฎธาตุดินหกอย่าง แม้จะเป็นเช่นนั้น
ข้าก็ยังต้องใช้เวลาเจ็ดสิบปีก่อนจะสำเร็จเคล็ดนี้” ลินลี่ย์ถอนหายใจ
ในอดีตเจ็ดสิบปีที่แล้ว
ความก้าวหน้าครั้งใหญ่ที่สุดของลินลี่ย์เกิดขึ้นกับพลังวิญญาณ!
ในเทือกเขาอะเมทิสต์
ไม่เคยขาดแคลนอะเมทิสต์!
แม้ว่าบนพื้นของเทือกเขาอะเมทิสต์
ถ้าค้นหาอะเมทิสต์อย่างจริงจังในวันหนึ่งก็ยังจะเก็บอะเมทิสต์ได้มากกว่าหมื่นชิ้น ถ้าใครไปที่รังอะเมทิสต์ปีศาจ แม้ว่าจะไม่พ่นอะเมทิสต์ออกมามากเท่าในช่วงวันคลื่นหมอก เมื่อรังพวกนั้นอยู่ในขั้นตอน ‘พัก’ จำนวนอะเมทิสต์ในรอยแยกถึงจะไม่มากนัก แต่ถ้ามีคนใช้มือพลังธาตุคว้ารวบรวมไว้กลุ่มหนึ่ง
ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาอาจเก็บอะเมทิสต์ได้ถึงล้านชิ้น
ทันทีที่โอลิเวอร์และบีบีเบื่อ พวกเขาจะเดินทางไปตามรอยแยกต่างๆ
และใช้เวลาครึ่งเดือนอยู่ที่นั่นและเก็บอะเมทิสต์มาได้เกินกว่าร้อยล้าน หลังจากนั้นพอเบื่อพวกเขาก็กลับมา ในเทือกเขาอะเมทิสต์ อะเมทิสต์เหล่านี้มีค่าน้อยมาก
คนอื่นพบว่ายากจะกลั่นอะเมทิสต์ได้ แต่ลินลี่ย์นั้นแตกต่างออกไป
หลังจากกลั่นอะเมทิสต์เสริมพลังวิญญาณของเขาอย่างต่อเนื่อง
ลินลี่ย์มีพลังมากกว่าที่เคยมีเมื่อห้าสิบปีก่อน
ที่สำคัญคือห้าสิบปีมานี้พลังวิญญาณของเขาเติบโตต่อเนื่อง
“ตอนนี้เจ้ามีทักษะเดินดินแล้ว เทือกเขาอะเมทิสต์ปลอดภัยมากกว่าแต่ก่อน” โอลิเวอร์ถอนหายใจ “ภูเขาหินเหล่านี้ยังคงแยกจากโลก ด้วยทักษะเดินดิน เจ้าสามารถหลอมรวมกับหินศิลาและผ่านไปได้ เมื่อคลื่นหมอกครั้งต่อไปมาถึง เนื่องจากมีทักษะเดินดิน เจ้าจะสามารถเอาตัวรอดได้ดีขึ้น”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
มีเทพเพียงหนึ่งในสิบที่ฝึกในกฎธาตุดิน
และในส่วนนั้นมีไม่กี่คนที่เชี่ยวชาญเคล็ดเดินดิน
จาร์ร็อดและการ์แลนโชคไม่ดี
ไม่มีใครในพวกเขาที่ฝึกกฎธาตุดินเลย
พวกเขารู้ว่าการฝึกเคล็ดเดินดินยอดเยี่ยมสำหรับการเอาชีวิตรอดในภูเขาอะเมทิสต์ แต่การฝึกฝนนั้นไม่ใช่สิ่งที่พูดว่าอยากทำก็ทำได้
ต่อให้ใช้เวลาทั้งหมดในโลกก็ตาม
“พี่ใหญ่, ลองดูซิ
เคล็ดเดินดินจะใช้งานยังไง?”
ตาของบีบีเป็นประกาย
ลินลี่ย์หัวเราะ “ข้ากำลังจะเริ่มทดลองอยู่พอดี”
ลินลี่ย์สงบจิตใจทันที
จากนั้นเริ่มใช้เคล็ดเดินดิน
ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าตนเองหลอมรวมกับแก่นธาตุที่กว้างใหญ่ไพศาล
หินศิลาที่นี่เต็มไปด้วยแก่นธาตุดินตามธรรมชาติ ลินลี่ย์ผ่านศิลาไปได้ง่ายด้วยความเร็วสูง
“พี่ใหญ่หายไปแล้ว เคล็ดเดินดินน่าสนใจจริงๆ” บีบีหัวเราะ
โอลิเวอร์ถอนหายใจชื่นชม “ลินลี่ย์น่ากลัวอย่างแท้จริง
เขามีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ถึงสามร่างและตอนนี้เขายังเชี่ยวชาญเคล็ดเดินดินอีกด้วย” อย่างไรก็ตามในใจของโอลิเวอร์ เขาไม่ได้รู้สึกแย่นัก เพราะในช่วงเวลาสองสามปีที่ผ่านมา เขาเข้าถึงระดับเทพแท้ในสายกฎธาตุมืด
ครั้งแรกที่ใช้เคล็ดเดินดินเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ
ลินลี่ย์ปล่อยให้ตนเองผ่านไปตามหินภูเขาต่างๆ “ใช้เคล็ดเดินดินได้น่าสนใจจริงๆ
อย่างไรก็ตาม...เทือกเขาอะเมทิสต์ยังคงเต็มไปด้วยแรงดึงดูด ต่อให้ใช้เคล็ดเดินดินกับแก่นธาตุดินเขาก็ยังได้รับผลจากพลังดึงดูดกลับอยู่ดี
ลินลี่ย์ยังคงเดินหน้าต่อ
ท่องเที่ยวไปได้หลายพันกิโลเมตร
ทันใดนั้น...
“เอ๊ะ?”
ทันใดนั้นลินลี่ย์พบว่าลึกลงไปในภูเขาหินแห่งเทือกเขาอะเมทิสต์
ยังมีถ้ำว่างแห่งหนึ่ง
ถ้ำนี้ไม่มีทางออกแม้แต่น้อย
แต่มันอยู่ในกลางภูเขา
เป็นที่แปลกมาก
แค่เพียงคิด
ร่างของลินลี่ย์กลับมาเป็นร่างแข็งหยาบอยู่ภายในถ้ำ
“ถ้ำใหญ่มาก”
ลินลี่ย์ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง
ถ้ำสูงเกินกว่าสิบเมตรกว้างหลายสิบเมตร
แต่ไม่มีอุโมงค์อยู่เลย
ถ้ำนี้ถูกผนึกไว้อย่างสิ้นเชิง
ลินลี่ย์ยังคงรู้สึกว่าถ้ำนี้น่าจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ไม่มีโครงสร้างรอยขุดเจาะแต่อย่างใด
“เกิดตามธรรมชาติ น่าสงสัยจริงๆ” ลินลี่ย์ถอนหายใจอย่างอัศจรรย์ใจ
“เฮ้, เจ้าเด็กของสี่ตระกูลอสูรศักดิ์สิทธิ์ ทำไมเจ้าเข้ามาเพ่นพ่านในที่ของข้า?” ทันใดนั้นเสียงกึกก้องดังขึ้น วิญญาณของลินลี่ย์สั่นสะท้านด้วยความตกใจ
และเขาหันไป...
อสูรอะเมทิสต์เด็กที่หน้าตาน่ารักกำลังยืนนิ่งอยู่กับที่ มันเงยหัวและจ้องมองลินลี่ย์ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “ข้าคาดไม่ถึงเลย
นึกว่าจะต้องรอจนถึงคลื่นหมอกคราวต่อไปจึงจะมีโอกาสหาเรื่องเจ้า แต่เจ้ากลับวิ่งเข้ามาในที่ของข้าเอง”
“หนี!” ลินลี่ย์ไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาใช้เคล็ดเดินดินทันที
“ปัง!”
ลินลี่ย์กระแทกเข้ากับผนังอย่างแรง
ไม่สามารถจากไปได้
“เจ้ามาถึงสนามหน้าบ้านของข้าแล้วยังคิดจะจากไปอีกหรือ
เป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือ?”
อสูรอะเมทิสต์เด็กแค่นเสียง
ดวงตาเต็มไปด้วยความดีใจ “เฮอะ..
เวลานานนับปีไม่ถ้วนช่างน่าเบื่อ แต่วันนี้ มีของเล่นสนุกมาถึงที่ ข้าจะไม่เล่นด้วยได้ยังไง?”
ลินลี่ย์รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
เขาเพียงแต่มาถ้ำที่ผนึกไว้อย่างลึกลับนี้โดยใช้ทักษะเดินดิน
กลับจบลงเพราะวิ่งมาเจออสูรอะเมทิสต์น้อยนี้ได้ยังไง?

7 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ได้เวลาออกไปข้างนอกแล้วสิ ว่าแต่จะหลอกล่อยังไงดีน้อ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น