เล่ม
15 สมบัติประมาณค่ามิได้ – ตอนที่ 41 ติดอยู่ห้าร้อยปี
ภายในถ้ำในเทือกเขาอะเมทิสต์
มีเพียงลินลี่ย์และอสูรอะเมทิสต์เด็กเท่านั้นที่ปรากฏอยู่
“เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้ามายังไม่มีใครอยู่ภายในถ้ำเลย ข้ามั่นใจว่าอสูรอะเมทิสต์เด็กนี้ไม่มีอยู่แน่นอน
แล้วเขามาปรากฏตัวได้โดยข้าไม่รู้สึกอะไรเลยได้ยังไง?”
หัวใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ เขาไม่กล้าเชื่อว่านี่จะเป็นความจริง!
สิ่งที่เขาเผชิญอยู่ตอนนี้ก็คือผู้นำอสูรอะเมทิสต์นับไม่ถ้วนเหล่านั้น
– อสูรอะเมทิสต์เด็ก
“ข้าจะทำยังไงดี?” ลินลี่ย์ไตร่ตรองหาวิธีหนี
ผนังของถ้ำใหญ่เป็นเหมือนกับพื้นเช่นกันเปล่งรัศมีสีม่วงเลือนราง ต่อให้เขาใช้เคล็ดเดินดิน
เขาก็ไม่สามารถผ่านม่านพลังนี้เข้าไปหลอมรวมกับพื้นศิลาได้
ไม่มีทางหนี!
“นี่, เจ้าเด็กน้อย! เจ้ากำลังคิดอะไร? เจ้ายังคิดหาทางหนีอีกหรือ?”
ดวงตาของอสูรอะเมทิสต์กระจ่างกำลังจ้องมาทางลินลี่ย์ มุมปากของมันโค้งขึ้นเล็กน้อย “ช่างเถอะ, ขนาดเมื่อยอดฝีมือเทพชั้นสูงระดับที่เจ้ายกย่องให้เป็นอสูรเจ็ดดาวมาถึงนี่
และอยู่ต่อหน้าข้า
เขายังประพฤติตัวอย่างว่าง่าย!” อสูรอะเมทิสต์เด็กเชิดศีรษะอย่างหยิ่งทระนง
ลินลี่ย์ลอบตกใจ
แม้แต่อสูรเจ็ดดาวก็ยังไม่ใช่คู่มือของอสูรอะเมทิสต์เด็กนี่หรือ?
“ข้าชื่อลินลี่ย์ ขอเรียนถาม ท่านเป็นใคร?” มารยาทของลินลี่ย์อ่อนน้อมมาก
อสูรอะเมทิสต์กระแอมก่อนจากนั้นกล่าวต่อ
“ฟังให้ดี ข้าชื่อรีสเจม
ก่อนนี้เคยท่องเที่ยวไปในพิภพต่างๆ และข้ายังมีส่วนร่วมในสงครามในขุมนรกมาก่อน ข้าเป็นแม่ทัพผู้ทรงพลังในขุมนรก!”
“แม่ทัพขุมนรก?” ลินลี่ย์งงอย่างสิ้นเชิง
ขุมนรกคืออะไร?
เมื่อเขาอ่านหนังสือแนะนำภูมิศาสตร์แดนนรก
ลินลี่ย์ไม่เคยได้ยินสถานที่เรียกว่าขุมนรก
“เจ้าไม่รู้จักแม้กระทั่งขุมนรก?” อสูรอะเมทิสต์เด็กจ้องมอง จากนั้นเขาพยักหน้าเข้าใจ “โอว..จริงสิ, เจ้าเป็นแค่เทพแท้
แม้แต่เทพชั้นสูงหลายคนก็ยังไม่รู้เรื่องสถานที่นั้น
สมควรแล้วที่เจ้าไม่รู้จัก..ฮึ คุยกับเจ้าเสียเวลาเปล่าจริงๆ เจ้าไม่รู้จักกระทั่งว่าแม่ทัพขุมนรกคืออะไร
เฮ้อ!”
อสูรอะเมทิสต์น้อยไม่พอใจอย่างมาก
ลินลี่ย์ทำได้แต่เพียงฝืนยิ้ม เขาไม่รู้เหตุผลที่อสูรอะเมทิสต์น้อยชื่อรีสเจมถึงพูดเรื่องเหล่านี้
“ตอนนี้, ข้าจะลงโทษเจ้ายังไงดี?” อสูรอะเมทิสต์น้อยยืนขึ้น เขาใช้กรงเล็บน้อยเกาคางขณะที่เดินกลับไปกลับมาอยู่ในถ้ำแสดงอาการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง “เล่นเกมหินบดดีกว่าไหม? เหมือนกับคนสุดท้ายที่ข้าบดขยี้จนตายไป?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลินลี่ย์ใจสั่นสะท้าน
เกมหินบดน่ะหรือ? กระแทกจนตาย?
ลินลี่ย์สามารถนึกภาพถึงสิ่งที่อสูรอะเมทิสต์น้อยสามารถทำได้
“ไม่, ไม่เข้าท่า” ขณะที่เดินกลับไปกลับมา
อสูรอะเมทิสต์น้อยยังคงพึมพำต่อเนื่อง
เมื่อได้ยินเสียงอสูรอะเมทิสต์น้อยพึมพำ ใจของลินลี่ย์สงบมาก
“อสูรอะเมทิสต์น้อยรีสเจมผู้นี้เป็นคนน่ากลัวมีพลังอำนาจมหาศาล
แต่ยังมีหัวใจเหมือนเด็ก”
ใจของลินลี่ย์ตื่นเต้น
เขาก้มดูพื้นและเห็นแสงสีม่วงเลือนรางครอบคลุม
นี่คือชั้นพลังงานที่รีสเจมคลุมพื้นไว้และผนังถ้ำไว้
แต่ลินลี่ย์ไม่สามารถต่อต้านแสงสีม่วงได้เลยแม้แต่น้อย
จากตรงนี้ลินลี่ย์แน่ใจว่าพลังยิ่งใหญ่ของอสูรอะเมทิสต์น้อยนี้ นอกจากนี้...เขายังเห็นอสูรอะเมทิสต์น้อยโจมตีและฆ่าเทพชั้นสูงที่ทรงพลังกับตาตัวเอง
“ตอนนี้
ข้ามีแต่เพียงร่างแยกธาตุดินอยู่ที่นี่
ข้าอ่อนแอเกินไป”
ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ
พลังของมหาเทพและอาวุธของเขาอยู่ในร่างหลักทั้งหมด
เขาไม่มีอาวุธอะไรสักอย่างอยู่บนร่างแยกธาตุดินของเขา ปัจจุบันนี้
เขาไม่มีความสามารถในการสู้ตอบโต้แม้แต่น้อย
“อสูรอะเมทิสต์น้อยนี้...”
ลินลี่ย์ตรวจสอบอสูรอะเมทิสต์น้อยนี้อย่างระมัดระวัง เทียบกับอสูรอะเมทิสต์แล้ว เขามีความคล้ายกันมาก ตลอดทั้งร่างของเขาเป็นสีม่วง และศีรษะของเขาและหลังปกคลุมไปด้วยหลาวหนามรวมแล้ว
108
และขณะเดียวกันร่างของเขาเหมือนกับอสูรอะเมทิสต์ทั่วไป
อสูรอะเมทิสต์น้อยร่าเริงทันที
และเริ่มโดดโลดเต้นไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น
“ฮ่าฮ่า, ข้ามีวิธีแล้ว”
ทันใดนั้น...
หน้าของอสูรอะเมทิสต์น้อยชะงักค้าง จากนั้นเขาขยับมุมปากบ่นพึมพำ
“ข้ายังไม่ได้เล่นสนุกเลย”
และจากนั้นอสูรอะเมทิสต์น้อยเงยหน้ามองดูลินลี่ย์
สีหน้ากลายเป็นเย็นชา “เด็กน้อย,
ตอนนี้ข้ากำลังอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นข้าต้องระบายอารมณ์กับเจ้า ถ้าเจ้าไร้ประโยชน์เกินไป ข้าจะฆ่าเจ้าซะ”
“ท่านรีสเจม, ท่านไม่สนใจกระทั่งอสูรเจ็ดดาว
ทำไมต้องมาลงมือกับข้าด้วยเล่า
ข้าเป็นแค่เทพแท้ธรรมดาไม่ใช่หรือ?”
ลินลี่ย์รู้สึกแย่
อสูรอะเมทิสต์น้อยมีท่าทีว่าไม่มีเจตนาดี
อสูรอะเมทิสต์น้อยแค่นเสียง “เจ้าหุบปากซะ!
ให้ตายเถอะ
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าข้าถูกสั่งให้รั้งอยู่ในภูเขาอะเมทิสต์มานานปีก่อนจะได้รับอนุญาตให้ออกไป ทำไมข้าจะต้องมาสนใจเทพแท้อย่างเจ้าด้วย? ต่อให้เจ้าอ่อนแอไปบ้าง แต่อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีชีวิต เจ้าสามารถเล่นกับข้าได้” ขณะที่เขาพูด
อสูรอะเมทิสต์น้อยพลิกกรงเล็บและปรากฏหินดำที่เปล่งคลื่นแสงสีม่วงลอยอยู่ข้างหน้าเขา
ลินลี่ย์อดตรวจสอบศิลาดำอย่างช่วยไม่ได้
ศิลาดำเล็กมาก
มีขนาดเพียงเท่านิ้วมือ แต่เปล่งรังสีม่วง
คลื่นที่แผ่ออกมาจากภายในนั้นไม่ธรรมดา
“ไป”
อสูรอะเมทิสต์น้อยโบกอุ้งมือ
ทันใดนั้นศิลาดำลอยอยู่เหนือลินลี่ย์
และจากนั้นแสงรัศมีพลังเทพสีม่วงฉายลงพื้นหลังจากนั้นฉายกลับมาที่ศิลาดำกลับไปกลับมาเหมือนโซ่ มีรังสีม่วงรวมทั้งหมด 108
สายซึ่งเป็นพลังเทพทั้งนั้น
รังสี
108 สายของพลังเทพสีม่วงฉายออกมาจากภายในศิลาดำ
ก่อเป็นรูปวงกลมและเชื่อมโยงกับพื้นใต้เท้าลินลี่ย์ เส้นโค้งพลังเทพสีม่วงทั้ง 108
กลายเป็นรูปโลกที่สมบูรณ์แบบขณะที่ลินลี่ย์อยู่ในใจกลางของรูปโลกนี้
“ฮ่าฮ่า มาเริ่มกัน” อสูรอะเมทิสต์น้อยแสยะยิ้ม
ทันใดนั้น
รังสีพลังเทพสีม่วงทั้ง 108 สายเริ่มฉายประกายและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
และเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกได้ว่าเป็นรังสีพลังเทพทั้ง 108 สายอีกต่อไป
ลินลี่ย์สามารถเห็นได้แต่เพียงว่าพื้นที่รอบตัวเขาเป็นรูปโลกสีม่วง
ขณะที่เขาเองถูกขังอยู่ภายใจ
“แครก...”
ภายในลูกโลกแสงสีม่วง
ราวกับว่ามีประกายไฟฟ้าทำให้แสงสีม่วงมีความสว่าง
พลังงานแปลกประหลาดชุดแล้วชุดเล่าถูกสร้างขึ้น
“อ๊าคคค!” ลินลี่ย์ส่งเสียงครางและขดตัวกลมทันทีลอยอยู่ในใจกลางลูกโลกม่วง พร้อมกับเสียง กร๊อบแปลกประหลาด
ผิวและกระดูกของลินลี่ย์ถูกบีบอัดอย่างหนัก ร่างของเขาคุดคู้เข้าหากัน
ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ชัดว่าแสงสีม่วงสร้างพลัง
‘ผลัก’ ทุกๆ
ส่วนของแสงสีม่วงล้วนแต่สร้างพลังผลักทั้งนั้น และมีผลต่อร่างกายของเขาโดยตรง
พลังผลักกดดันลงมาที่ตัวลินลี่ย์จากทุกด้าน
เหมือนกับว่าลินลี่ย์ถูกบีบอัดอย่างต่อเนื่องราวกับลูกกลมพยายามจะบีบเข้ามาจนตัวลินลี่ย์เองเหมือนกับลูกบอล
พลังบีบอัดที่น่ากลัวนี้แฝงไปด้วยความเจ็บปวดเหลือทน
“รีสเจมผู้นี้..สภาพจิตเขามีปัญหาแน่นอน!” ลินลี่ย์สบถในใจ
เขาพยายามเงยหน้ามองหินสีดำซึ่งอยู่ห่างเขาออกไปสองเมตรกำลังลอยอยู่ในกลางอากาศ แหล่งแสงสีม่วงก็คือศิลาดำนั้น
“เด็กน้อย, เนื่องจากอารมณ์ข้ายังปกติ
ไม่งั้นเจ้าคงตายไปแล้ว อย่างไรก็ตาม
วันนี้ข้ายังรู้สึกใจดีมีเมตตาอยู่บ้าง”
อสูรอะเมทิสต์น้อยจ้องมองลูกโลกแสงสีม่วงที่มีลินลี่ย์ถูกบีบอัดอยู่ภายใน “ข้าเสริมพลังเทพให้กับศิลาดำนั่น
น่าจะมีความสามารถในการสร้างสนามพลังโน้มถ่วงอยู่ได้หมื่นปี
ถ้าภายในหมื่นปีเจ้าสามารถออกจากที่นั่นได้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า
แต่ถ้าเจ้ารอจนกระทั่งพลังเทพหมดไปโดยเจ้าไม่สามารถออกมาได้ อย่างนั้นข้าจะ....” อสูรอะเมทิสต์น้อยเหยียดกรงเล็บ “ฆ่าเจ้าซะ”
ภายในลูกโลกแสงสีม่วง
แม้ว่ากระดูกของเขาจะลั่นแทบจะแตกหักเพราะแรงกดดัน
ความทรมานสุดจะทนนี้ทำให้ทั่วทั้งตัวลินลี่ย์บิด
แต่ลินลี่ย์ยังสามารถได้ยินคำพูดที่อสูรอะเมทิสต์น้อยพูดเอาไว้ ลินลี่ย์พยายามส่งเสียงทันที “สนามพลังโน้มถ่วง? นี่คือสนามพลังโน้มถ่วง? เป็นไปไม่ได้!!!” พลังผลักที่น่ากลัวแข็งกล้ารุนแรงจนลินลี่ย์เห็นว่ายากจะเอ่ยปากพูด
เพียงแต่ลินลี่ย์ไม่เข้าใจเลย
เพราะเขาไม่เคยได้ยินสนามพลังโน้มถ่วงสามารถสร้างพลังผลักได้
สนามพลังโน้มถ่วงมีแต่แรงดึงดูดที่น่ากลัว
“ใช่แล้ว นี่คือสนามพลังโน้มถ่วง
หนึ่งในหกเคล็ดกฎธรรมชาติธาตุดิน
ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้สำหรับมัน!” อสูรอะเมทิสต์น้อยแค่นเสียง “แต่แน่นอน
นี่คือสนามพลังโน้มถ่วงที่สร้างหลังจากผสานเคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงและยังมีการเพิ่มบางอย่างพิเศษเข้าไป ข้าขอเตือนเจ้า.. ถ้าเจ้าต้องการหนี
ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำให้ได้ก็คือ คว้าศิลาดำนั้นให้ได้
หลังจากพูดจบอสูรอะเมทิสต์น้อยหมอบลงกับพื้นจากนั้นเชิดหัวมองดูลินลี่ย์อีกครั้ง “โอว, จริงสิ แม้ว่าจะเจ็บปวดก็ตาม อย่าส่งเสียงรบกวน ถ้าเสียงดังจนปลุกข้า ข้าจะฆ่าเจ้าซะ”
ลินลี่ย์ได้แต่ฝืนทนเจ็บตลอดทั้งตัว
และไม่กล้าส่งเสียง
“แฮก!” “แฮก!”.....
เสียงกรนเบาๆ
ดังไปทั้งถ้ำ
ลินลี่ย์ตกอยู่ในอาการเจ็บปวดแสนสาหัส พลังผลักไม่ได้อ่อนด้อยกว่าพลังดึงดูดจากภูเขาอะเมทิสต์ เมื่อแผ่ลามไปทั้งตัว เขาเจ็บปวดหนักเจียนตาย
นอกจากนี้นี่ไม่ใช่ร่างหลักของเขาที่สามารถแปลงร่างเป็นมังกรได้
เขาตกอยู่ในความเจ็บปวด
แต่ก็ไม่ส่งเสียง..และอสูรอะเมทิสต์น้อยยังนอนหลับนิ่งอยู่กับที่!
“เขาแค่หยอกข้าเล่น!” ลินลี่ย์สบถด่าในใจ แต่ขณะต่อมาลินลี่ย์พยายามฝืนตนเองให้สงบ
“สิ่งที่ข้าต้องทำในตอนนี้คือหลบหนีออกไปจากลูกโลกแสงสีม่วง จะออกไปได้ข้าต้องได้ศิลาดำนั่นก่อน “ลินลี่ย์เงยหน้าจ้องมองศิลาดำที่เปล่งแสงสีม่วง
“แต่แรงผลักนี้รุนแรงมาก
ขณะที่ข้าถูกบีบอัดอยู่ในใจกลางลูกโลกแสงม่วง ข้าไม่อาจเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย” ลินลี่ย์ฝืนหัวเราะ
จากนั้นลินลี่ย์กัดฟันดิ้นรนชูแขนขึ้น
“กร๊อบ!” แรงผลักที่ทรงพลังจากเหนือแขนขวาของลินลี่ย์กดลงทันทีและอัดใส่ไหล่ของลินลี่ย์ทำให้กระดูกไหล่ทั้งสองและแขนแตก
“มาดูซิว่าแก่นธาตุดินจะใช้ได้หรือไม่” ลินลี่ย์ลองอีกครั้ง
เขาพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า
ลินลี่ย์ทำทุกอย่างที่เขาคิด
แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะพลังบีบอัดได้ซึ่งมีพลังรุนแรงมาก
“ดูเหมือนว่าข้าต้องใช้วิธีสุดท้าย”
ลินลี่ย์ข่มใจตัวเองให้สงบ
ในการใช้เวท
เมื่อคนเข้าใจวิชาเวทพลังแรงโน้มถ่วง
ถ้าเขาตกลงไปในสนามพลังโน้มถ่วงคนอื่น
ถ้าความเชี่ยวชาญของคู่ต่อสู้อ่อนกว่าเขาก็ยังสามารถลดพลังโน้มถ่วงได้
“พลังผลักนี้ทรงพลังมากเพราะอาศัยการหลอมรวมกับเคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดพลังโน้มถ่วงเข้าด้วยกัน จากนั้นถ้าข้าสามารถหลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับทั้งสอง
ข้าน่าจะสามารถลดแรงบีบอัดให้กลับเข้าไปในหินดำได้”
ลินลี่ย์หลักจากคิดได้เช่นนี้แล้ว
จึงพยายามไม่สนใจความเจ็บปวดทันทีและฝืนบังคับให้อยู่ในกฎธรรมชาติธาตุดิน
ลินลี่ย์เข้าใจเคล็ดสัจธรรมสนามพลังโน้มถ่วงแค่พื้นฐานเท่านัก
แต่เขาเชี่ยวชาญเคล็ดชีพจรโลก
ลินลี่ย์ตั้งใจรวบรวมสมาธิเริ่มเพ่งพยายามทำความเข้าใจวิธีหลอมรวมของเคล็ดลึกลับทั้งสองนี้
เพียงแต่เคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงและเคล็ดชีพจรโลกเป็นเคล็ดความรู้ลึกลับที่ยากมากและเวลาที่ต้องใช้จะต้องยาวนานแน่นอน
ภายในเงื้อมภูเขากลวง
เดเลีย บีบีและโอลิเวอร์อยู่ในสภาพตกใจ
“พี่ใหญ่!
ร่างแยกธาตุดินของท่านถูกอสูรอะเมทิสต์น้อยจับได้หรือ?” บีบีละล่ำละลักพูด “งั้น..เราจะทำยังไงดี?”
เดเลียทั้งกังวลและกระวนกระวายเช่นกัน
“ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะมองดูเดเลีย “เดเลีย
เฉพาะตอนนี้ข้าไม่สามารถอยู่พร้อมกับเจ้าได้
ร่างหลักข้าจำเป็นต้องเพ่งสมาธิกับการรู้แจ้งกฎธรรมชาติธาตุดินและต้องทำงานหนักร่วมกับร่างแยกธาตุดิน
เดเลียพยักหน้าทันที
ร่างแยกของลินลี่ย์ตกอยู่ในสถานการณ์คับขันคุกคามถึงชีวิต เดเลียจะเห็นแก่ตัวรั้งลินลี่ย์ให้อยู่ข้างกายนางตลอดเวลาได้ยังไง?
“หมื่นปีหรือ?”
ลินลี่ย์ขำ
“เป็นไปได้ไหมที่อสูรอะเมทิสต์น้อยนี้คิดว่าข้าไม่สามารถหลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับทั้งสองได้ แม้จะภายในหมื่นปีก็ตาม?”
ร่างหลักของลินลี่ย์เริ่มฝึก
ขณะเดียวกันก็ยังดูดซับแก่นพลังวิญญาณจากอะเมทิสต์เสริมพลังวิญญาณของเขาอย่างต่อเนื่อง
นี่เป็นเพราะวิญญาณของเขาทรงพลังมากเกินไป ในแง่ความเร็วของการสร้างภาพในใจ
ร่างหลักของลินลี่ย์จึงมีความเร็วมากกว่าร่างแยกธาตุดินเล็กน้อย ร่างหลักและร่างแยกต่างร่วมเพ่งสมาธิถึงกฎธรรมชาติธาตุดินและสร้างภาพในใจ...
“หลอมรวม
ข้าจะหลอมรวมเคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงได้ยังไง?”
ความเข้าใจเรื่องสนามพลังโน้มถ่วงของลินลี่ย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะที่ลินลี่ย์หลอมรวม เขากลับไม่มีพื้นฐานแล้วจะทำให้สำเร็จได้ยังไง
………………… .
ภายในเงื้อมเขาแห่งนั้นเดเลียและบีบีมองดูลินลี่ย์อยู่ห่างๆ
เขานั่งอยู่ในท่าเข้าสมาธิ
ทั้งสองคนต่างกังวล
“พี่ใหญ่ฝึกมาเกือบห้าร้อยปีแล้ว
ทำไมเขายังไม่มีปฏิกิริยาอะไรแม้แต่น้อย?”
บีบีกล่าว
“อย่าใจร้อน ลินลี่ย์จะทำได้สำเร็จแน่นอน” ผ่านมาเกินห้าร้อยปี แม้ว่าตอนแรกเดเลียจะแตกตื่นและกังวล แต่ตอนนี้นางก็ยังกังวล เพียงนางสงบใจได้อยู่
นี่เป็นเพราะขณะที่ลินลี่ย์กล่าวว่า
ถ้าเขาโชคร้ายล้มเหลวจริงๆ อย่างมากก็สูญเสียร่างแยกธาตุดิน

8 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ถ้าหลอมรวมเสร็จอาจกลายเป็นเทพชั้นสูงก็ได้ ขอบคุณมาก
ขอบคุณครับ
ขอบคุนคับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น