วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2562

Panlong เล่ม 15 สมบัติประมาณค่ามิได้ – ตอนที่ 41 ติดอยู่ห้าร้อยปี


เล่ม 15 สมบัติประมาณค่ามิได้ – ตอนที่ 41 ติดอยู่ห้าร้อยปี
ภายในถ้ำในเทือกเขาอะเมทิสต์ มีเพียงลินลี่ย์และอสูรอะเมทิสต์เด็กเท่านั้นที่ปรากฏอยู่
 “เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้ามายังไม่มีใครอยู่ภายในถ้ำเลย  ข้ามั่นใจว่าอสูรอะเมทิสต์เด็กนี้ไม่มีอยู่แน่นอน  แล้วเขามาปรากฏตัวได้โดยข้าไม่รู้สึกอะไรเลยได้ยังไง?”  หัวใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ  เขาไม่กล้าเชื่อว่านี่จะเป็นความจริง!

สิ่งที่เขาเผชิญอยู่ตอนนี้ก็คือผู้นำอสูรอะเมทิสต์นับไม่ถ้วนเหล่านั้น – อสูรอะเมทิสต์เด็ก
 “ข้าจะทำยังไงดี?”  ลินลี่ย์ไตร่ตรองหาวิธีหนี
ผนังของถ้ำใหญ่เป็นเหมือนกับพื้นเช่นกันเปล่งรัศมีสีม่วงเลือนราง  ต่อให้เขาใช้เคล็ดเดินดิน เขาก็ไม่สามารถผ่านม่านพลังนี้เข้าไปหลอมรวมกับพื้นศิลาได้
ไม่มีทางหนี!
 “นี่, เจ้าเด็กน้อย!  เจ้ากำลังคิดอะไร?  เจ้ายังคิดหาทางหนีอีกหรือ?”  ดวงตาของอสูรอะเมทิสต์กระจ่างกำลังจ้องมาทางลินลี่ย์  มุมปากของมันโค้งขึ้นเล็กน้อย  “ช่างเถอะ,  ขนาดเมื่อยอดฝีมือเทพชั้นสูงระดับที่เจ้ายกย่องให้เป็นอสูรเจ็ดดาวมาถึงนี่ และอยู่ต่อหน้าข้า  เขายังประพฤติตัวอย่างว่าง่าย!  อสูรอะเมทิสต์เด็กเชิดศีรษะอย่างหยิ่งทระนง
ลินลี่ย์ลอบตกใจ แม้แต่อสูรเจ็ดดาวก็ยังไม่ใช่คู่มือของอสูรอะเมทิสต์เด็กนี่หรือ?
 “ข้าชื่อลินลี่ย์  ขอเรียนถาม ท่านเป็นใคร?”  มารยาทของลินลี่ย์อ่อนน้อมมาก
อสูรอะเมทิสต์กระแอมก่อนจากนั้นกล่าวต่อ “ฟังให้ดี ข้าชื่อรีสเจม  ก่อนนี้เคยท่องเที่ยวไปในพิภพต่างๆ และข้ายังมีส่วนร่วมในสงครามในขุมนรกมาก่อน  ข้าเป็นแม่ทัพผู้ทรงพลังในขุมนรก!
 “แม่ทัพขุมนรก?”  ลินลี่ย์งงอย่างสิ้นเชิง
ขุมนรกคืออะไร?
เมื่อเขาอ่านหนังสือแนะนำภูมิศาสตร์แดนนรก ลินลี่ย์ไม่เคยได้ยินสถานที่เรียกว่าขุมนรก
 “เจ้าไม่รู้จักแม้กระทั่งขุมนรก?”  อสูรอะเมทิสต์เด็กจ้องมอง  จากนั้นเขาพยักหน้าเข้าใจ  “โอว..จริงสิ, เจ้าเป็นแค่เทพแท้  แม้แต่เทพชั้นสูงหลายคนก็ยังไม่รู้เรื่องสถานที่นั้น สมควรแล้วที่เจ้าไม่รู้จัก..ฮึ คุยกับเจ้าเสียเวลาเปล่าจริงๆ  เจ้าไม่รู้จักกระทั่งว่าแม่ทัพขุมนรกคืออะไร เฮ้อ!
อสูรอะเมทิสต์น้อยไม่พอใจอย่างมาก
ลินลี่ย์ทำได้แต่เพียงฝืนยิ้ม  เขาไม่รู้เหตุผลที่อสูรอะเมทิสต์น้อยชื่อรีสเจมถึงพูดเรื่องเหล่านี้
 “ตอนนี้, ข้าจะลงโทษเจ้ายังไงดี?”  อสูรอะเมทิสต์น้อยยืนขึ้น เขาใช้กรงเล็บน้อยเกาคางขณะที่เดินกลับไปกลับมาอยู่ในถ้ำแสดงอาการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง  “เล่นเกมหินบดดีกว่าไหม?  เหมือนกับคนสุดท้ายที่ข้าบดขยี้จนตายไป?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้  ลินลี่ย์ใจสั่นสะท้าน
เกมหินบดน่ะหรือ?  กระแทกจนตาย?  ลินลี่ย์สามารถนึกภาพถึงสิ่งที่อสูรอะเมทิสต์น้อยสามารถทำได้
 “ไม่, ไม่เข้าท่า”  ขณะที่เดินกลับไปกลับมา อสูรอะเมทิสต์น้อยยังคงพึมพำต่อเนื่อง  เมื่อได้ยินเสียงอสูรอะเมทิสต์น้อยพึมพำ ใจของลินลี่ย์สงบมาก
 “อสูรอะเมทิสต์น้อยรีสเจมผู้นี้เป็นคนน่ากลัวมีพลังอำนาจมหาศาล แต่ยังมีหัวใจเหมือนเด็ก”  ใจของลินลี่ย์ตื่นเต้น  เขาก้มดูพื้นและเห็นแสงสีม่วงเลือนรางครอบคลุม
นี่คือชั้นพลังงานที่รีสเจมคลุมพื้นไว้และผนังถ้ำไว้  แต่ลินลี่ย์ไม่สามารถต่อต้านแสงสีม่วงได้เลยแม้แต่น้อย  จากตรงนี้ลินลี่ย์แน่ใจว่าพลังยิ่งใหญ่ของอสูรอะเมทิสต์น้อยนี้  นอกจากนี้...เขายังเห็นอสูรอะเมทิสต์น้อยโจมตีและฆ่าเทพชั้นสูงที่ทรงพลังกับตาตัวเอง
 “ตอนนี้ ข้ามีแต่เพียงร่างแยกธาตุดินอยู่ที่นี่  ข้าอ่อนแอเกินไป”  ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ
พลังของมหาเทพและอาวุธของเขาอยู่ในร่างหลักทั้งหมด  เขาไม่มีอาวุธอะไรสักอย่างอยู่บนร่างแยกธาตุดินของเขา  ปัจจุบันนี้  เขาไม่มีความสามารถในการสู้ตอบโต้แม้แต่น้อย
 “อสูรอะเมทิสต์น้อยนี้...”  ลินลี่ย์ตรวจสอบอสูรอะเมทิสต์น้อยนี้อย่างระมัดระวัง  เทียบกับอสูรอะเมทิสต์แล้ว  เขามีความคล้ายกันมาก  ตลอดทั้งร่างของเขาเป็นสีม่วง  และศีรษะของเขาและหลังปกคลุมไปด้วยหลาวหนามรวมแล้ว 108  และขณะเดียวกันร่างของเขาเหมือนกับอสูรอะเมทิสต์ทั่วไป
อสูรอะเมทิสต์น้อยร่าเริงทันที และเริ่มโดดโลดเต้นไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น  “ฮ่าฮ่า, ข้ามีวิธีแล้ว”
ทันใดนั้น...
หน้าของอสูรอะเมทิสต์น้อยชะงักค้าง  จากนั้นเขาขยับมุมปากบ่นพึมพำ “ข้ายังไม่ได้เล่นสนุกเลย”  และจากนั้นอสูรอะเมทิสต์น้อยเงยหน้ามองดูลินลี่ย์ สีหน้ากลายเป็นเย็นชา  “เด็กน้อย, ตอนนี้ข้ากำลังอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นข้าต้องระบายอารมณ์กับเจ้า  ถ้าเจ้าไร้ประโยชน์เกินไป  ข้าจะฆ่าเจ้าซะ”
 “ท่านรีสเจม, ท่านไม่สนใจกระทั่งอสูรเจ็ดดาว ทำไมต้องมาลงมือกับข้าด้วยเล่า  ข้าเป็นแค่เทพแท้ธรรมดาไม่ใช่หรือ?”  ลินลี่ย์รู้สึกแย่  อสูรอะเมทิสต์น้อยมีท่าทีว่าไม่มีเจตนาดี
อสูรอะเมทิสต์น้อยแค่นเสียง  “เจ้าหุบปากซะ! ให้ตายเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าข้าถูกสั่งให้รั้งอยู่ในภูเขาอะเมทิสต์มานานปีก่อนจะได้รับอนุญาตให้ออกไป  ทำไมข้าจะต้องมาสนใจเทพแท้อย่างเจ้าด้วย?  ต่อให้เจ้าอ่อนแอไปบ้าง  แต่อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีชีวิต  เจ้าสามารถเล่นกับข้าได้”  ขณะที่เขาพูด อสูรอะเมทิสต์น้อยพลิกกรงเล็บและปรากฏหินดำที่เปล่งคลื่นแสงสีม่วงลอยอยู่ข้างหน้าเขา
ลินลี่ย์อดตรวจสอบศิลาดำอย่างช่วยไม่ได้
ศิลาดำเล็กมาก มีขนาดเพียงเท่านิ้วมือ  แต่เปล่งรังสีม่วง คลื่นที่แผ่ออกมาจากภายในนั้นไม่ธรรมดา
 “ไป”  อสูรอะเมทิสต์น้อยโบกอุ้งมือ
ทันใดนั้นศิลาดำลอยอยู่เหนือลินลี่ย์ และจากนั้นแสงรัศมีพลังเทพสีม่วงฉายลงพื้นหลังจากนั้นฉายกลับมาที่ศิลาดำกลับไปกลับมาเหมือนโซ่  มีรังสีม่วงรวมทั้งหมด 108 สายซึ่งเป็นพลังเทพทั้งนั้น
รังสี 108 สายของพลังเทพสีม่วงฉายออกมาจากภายในศิลาดำ ก่อเป็นรูปวงกลมและเชื่อมโยงกับพื้นใต้เท้าลินลี่ย์ เส้นโค้งพลังเทพสีม่วงทั้ง 108 กลายเป็นรูปโลกที่สมบูรณ์แบบขณะที่ลินลี่ย์อยู่ในใจกลางของรูปโลกนี้
 “ฮ่าฮ่า มาเริ่มกัน”  อสูรอะเมทิสต์น้อยแสยะยิ้ม
ทันใดนั้น รังสีพลังเทพสีม่วงทั้ง 108 สายเริ่มฉายประกายและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง  และเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกได้ว่าเป็นรังสีพลังเทพทั้ง 108 สายอีกต่อไป  ลินลี่ย์สามารถเห็นได้แต่เพียงว่าพื้นที่รอบตัวเขาเป็นรูปโลกสีม่วง ขณะที่เขาเองถูกขังอยู่ภายใจ
 “แครก...”
ภายในลูกโลกแสงสีม่วง ราวกับว่ามีประกายไฟฟ้าทำให้แสงสีม่วงมีความสว่าง
พลังงานแปลกประหลาดชุดแล้วชุดเล่าถูกสร้างขึ้น
 “อ๊าคคค!  ลินลี่ย์ส่งเสียงครางและขดตัวกลมทันทีลอยอยู่ในใจกลางลูกโลกม่วง  พร้อมกับเสียง กร๊อบแปลกประหลาด ผิวและกระดูกของลินลี่ย์ถูกบีบอัดอย่างหนัก ร่างของเขาคุดคู้เข้าหากัน
ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ชัดว่าแสงสีม่วงสร้างพลัง ผลัก ทุกๆ ส่วนของแสงสีม่วงล้วนแต่สร้างพลังผลักทั้งนั้น  และมีผลต่อร่างกายของเขาโดยตรง
พลังผลักกดดันลงมาที่ตัวลินลี่ย์จากทุกด้าน
เหมือนกับว่าลินลี่ย์ถูกบีบอัดอย่างต่อเนื่องราวกับลูกกลมพยายามจะบีบเข้ามาจนตัวลินลี่ย์เองเหมือนกับลูกบอล  พลังบีบอัดที่น่ากลัวนี้แฝงไปด้วยความเจ็บปวดเหลือทน
 “รีสเจมผู้นี้..สภาพจิตเขามีปัญหาแน่นอน!  ลินลี่ย์สบถในใจ
เขาพยายามเงยหน้ามองหินสีดำซึ่งอยู่ห่างเขาออกไปสองเมตรกำลังลอยอยู่ในกลางอากาศ  แหล่งแสงสีม่วงก็คือศิลาดำนั้น
 “เด็กน้อย, เนื่องจากอารมณ์ข้ายังปกติ ไม่งั้นเจ้าคงตายไปแล้ว  อย่างไรก็ตาม วันนี้ข้ายังรู้สึกใจดีมีเมตตาอยู่บ้าง”  อสูรอะเมทิสต์น้อยจ้องมองลูกโลกแสงสีม่วงที่มีลินลี่ย์ถูกบีบอัดอยู่ภายใน  “ข้าเสริมพลังเทพให้กับศิลาดำนั่น น่าจะมีความสามารถในการสร้างสนามพลังโน้มถ่วงอยู่ได้หมื่นปี  ถ้าภายในหมื่นปีเจ้าสามารถออกจากที่นั่นได้  ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า  แต่ถ้าเจ้ารอจนกระทั่งพลังเทพหมดไปโดยเจ้าไม่สามารถออกมาได้  อย่างนั้นข้าจะ....”  อสูรอะเมทิสต์น้อยเหยียดกรงเล็บ “ฆ่าเจ้าซะ”
ภายในลูกโลกแสงสีม่วง
แม้ว่ากระดูกของเขาจะลั่นแทบจะแตกหักเพราะแรงกดดัน   ความทรมานสุดจะทนนี้ทำให้ทั่วทั้งตัวลินลี่ย์บิด แต่ลินลี่ย์ยังสามารถได้ยินคำพูดที่อสูรอะเมทิสต์น้อยพูดเอาไว้  ลินลี่ย์พยายามส่งเสียงทันที  “สนามพลังโน้มถ่วง?  นี่คือสนามพลังโน้มถ่วง?  เป็นไปไม่ได้!!!  พลังผลักที่น่ากลัวแข็งกล้ารุนแรงจนลินลี่ย์เห็นว่ายากจะเอ่ยปากพูด
เพียงแต่ลินลี่ย์ไม่เข้าใจเลย  เพราะเขาไม่เคยได้ยินสนามพลังโน้มถ่วงสามารถสร้างพลังผลักได้
สนามพลังโน้มถ่วงมีแต่แรงดึงดูดที่น่ากลัว
 “ใช่แล้ว นี่คือสนามพลังโน้มถ่วง หนึ่งในหกเคล็ดกฎธรรมชาติธาตุดิน  ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้สำหรับมัน!  อสูรอะเมทิสต์น้อยแค่นเสียง  “แต่แน่นอน นี่คือสนามพลังโน้มถ่วงที่สร้างหลังจากผสานเคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงและยังมีการเพิ่มบางอย่างพิเศษเข้าไป  ข้าขอเตือนเจ้า.. ถ้าเจ้าต้องการหนี ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำให้ได้ก็คือ คว้าศิลาดำนั้นให้ได้
หลังจากพูดจบอสูรอะเมทิสต์น้อยหมอบลงกับพื้นจากนั้นเชิดหัวมองดูลินลี่ย์อีกครั้ง  “โอว, จริงสิ แม้ว่าจะเจ็บปวดก็ตาม  อย่าส่งเสียงรบกวน ถ้าเสียงดังจนปลุกข้า  ข้าจะฆ่าเจ้าซะ”
ลินลี่ย์ได้แต่ฝืนทนเจ็บตลอดทั้งตัว และไม่กล้าส่งเสียง
 “แฮก!  “แฮก!”.....
เสียงกรนเบาๆ ดังไปทั้งถ้ำ
ลินลี่ย์ตกอยู่ในอาการเจ็บปวดแสนสาหัส  พลังผลักไม่ได้อ่อนด้อยกว่าพลังดึงดูดจากภูเขาอะเมทิสต์  เมื่อแผ่ลามไปทั้งตัว  เขาเจ็บปวดหนักเจียนตาย  นอกจากนี้นี่ไม่ใช่ร่างหลักของเขาที่สามารถแปลงร่างเป็นมังกรได้
เขาตกอยู่ในความเจ็บปวด แต่ก็ไม่ส่งเสียง..และอสูรอะเมทิสต์น้อยยังนอนหลับนิ่งอยู่กับที่!
 “เขาแค่หยอกข้าเล่น!  ลินลี่ย์สบถด่าในใจ  แต่ขณะต่อมาลินลี่ย์พยายามฝืนตนเองให้สงบ  “สิ่งที่ข้าต้องทำในตอนนี้คือหลบหนีออกไปจากลูกโลกแสงสีม่วง  จะออกไปได้ข้าต้องได้ศิลาดำนั่นก่อน  “ลินลี่ย์เงยหน้าจ้องมองศิลาดำที่เปล่งแสงสีม่วง
 “แต่แรงผลักนี้รุนแรงมาก  ขณะที่ข้าถูกบีบอัดอยู่ในใจกลางลูกโลกแสงม่วง  ข้าไม่อาจเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย”  ลินลี่ย์ฝืนหัวเราะ
จากนั้นลินลี่ย์กัดฟันดิ้นรนชูแขนขึ้น
 “กร๊อบ!  แรงผลักที่ทรงพลังจากเหนือแขนขวาของลินลี่ย์กดลงทันทีและอัดใส่ไหล่ของลินลี่ย์ทำให้กระดูกไหล่ทั้งสองและแขนแตก
 “มาดูซิว่าแก่นธาตุดินจะใช้ได้หรือไม่”  ลินลี่ย์ลองอีกครั้ง
เขาพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า ลินลี่ย์ทำทุกอย่างที่เขาคิด  แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะพลังบีบอัดได้ซึ่งมีพลังรุนแรงมาก
 “ดูเหมือนว่าข้าต้องใช้วิธีสุดท้าย” ลินลี่ย์ข่มใจตัวเองให้สงบ
ในการใช้เวท เมื่อคนเข้าใจวิชาเวทพลังแรงโน้มถ่วง  ถ้าเขาตกลงไปในสนามพลังโน้มถ่วงคนอื่น  ถ้าความเชี่ยวชาญของคู่ต่อสู้อ่อนกว่าเขาก็ยังสามารถลดพลังโน้มถ่วงได้
 “พลังผลักนี้ทรงพลังมากเพราะอาศัยการหลอมรวมกับเคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดพลังโน้มถ่วงเข้าด้วยกัน  จากนั้นถ้าข้าสามารถหลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับทั้งสอง ข้าน่าจะสามารถลดแรงบีบอัดให้กลับเข้าไปในหินดำได้” ลินลี่ย์หลักจากคิดได้เช่นนี้แล้ว  จึงพยายามไม่สนใจความเจ็บปวดทันทีและฝืนบังคับให้อยู่ในกฎธรรมชาติธาตุดิน
ลินลี่ย์เข้าใจเคล็ดสัจธรรมสนามพลังโน้มถ่วงแค่พื้นฐานเท่านัก
แต่เขาเชี่ยวชาญเคล็ดชีพจรโลก
ลินลี่ย์ตั้งใจรวบรวมสมาธิเริ่มเพ่งพยายามทำความเข้าใจวิธีหลอมรวมของเคล็ดลึกลับทั้งสองนี้  เพียงแต่เคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงและเคล็ดชีพจรโลกเป็นเคล็ดความรู้ลึกลับที่ยากมากและเวลาที่ต้องใช้จะต้องยาวนานแน่นอน
ภายในเงื้อมภูเขากลวง เดเลีย บีบีและโอลิเวอร์อยู่ในสภาพตกใจ
 “พี่ใหญ่! ร่างแยกธาตุดินของท่านถูกอสูรอะเมทิสต์น้อยจับได้หรือ?”  บีบีละล่ำละลักพูด “งั้น..เราจะทำยังไงดี?”
เดเลียทั้งกังวลและกระวนกระวายเช่นกัน
 “ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้”  ลินลี่ย์ส่ายศีรษะมองดูเดเลีย  “เดเลีย เฉพาะตอนนี้ข้าไม่สามารถอยู่พร้อมกับเจ้าได้  ร่างหลักข้าจำเป็นต้องเพ่งสมาธิกับการรู้แจ้งกฎธรรมชาติธาตุดินและต้องทำงานหนักร่วมกับร่างแยกธาตุดิน
เดเลียพยักหน้าทันที
ร่างแยกของลินลี่ย์ตกอยู่ในสถานการณ์คับขันคุกคามถึงชีวิต  เดเลียจะเห็นแก่ตัวรั้งลินลี่ย์ให้อยู่ข้างกายนางตลอดเวลาได้ยังไง?
 “หมื่นปีหรือ?”  ลินลี่ย์ขำ  “เป็นไปได้ไหมที่อสูรอะเมทิสต์น้อยนี้คิดว่าข้าไม่สามารถหลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับทั้งสองได้  แม้จะภายในหมื่นปีก็ตาม?”
ร่างหลักของลินลี่ย์เริ่มฝึก  ขณะเดียวกันก็ยังดูดซับแก่นพลังวิญญาณจากอะเมทิสต์เสริมพลังวิญญาณของเขาอย่างต่อเนื่อง
นี่เป็นเพราะวิญญาณของเขาทรงพลังมากเกินไป  ในแง่ความเร็วของการสร้างภาพในใจ ร่างหลักของลินลี่ย์จึงมีความเร็วมากกว่าร่างแยกธาตุดินเล็กน้อย  ร่างหลักและร่างแยกต่างร่วมเพ่งสมาธิถึงกฎธรรมชาติธาตุดินและสร้างภาพในใจ...
 “หลอมรวม ข้าจะหลอมรวมเคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงได้ยังไง?”  ความเข้าใจเรื่องสนามพลังโน้มถ่วงของลินลี่ย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  แต่ขณะที่ลินลี่ย์หลอมรวม เขากลับไม่มีพื้นฐานแล้วจะทำให้สำเร็จได้ยังไง
………………… .

ภายในเงื้อมเขาแห่งนั้นเดเลียและบีบีมองดูลินลี่ย์อยู่ห่างๆ เขานั่งอยู่ในท่าเข้าสมาธิ  ทั้งสองคนต่างกังวล
 “พี่ใหญ่ฝึกมาเกือบห้าร้อยปีแล้ว ทำไมเขายังไม่มีปฏิกิริยาอะไรแม้แต่น้อย?”  บีบีกล่าว
 “อย่าใจร้อน ลินลี่ย์จะทำได้สำเร็จแน่นอน”  ผ่านมาเกินห้าร้อยปี  แม้ว่าตอนแรกเดเลียจะแตกตื่นและกังวล  แต่ตอนนี้นางก็ยังกังวล เพียงนางสงบใจได้อยู่
นี่เป็นเพราะขณะที่ลินลี่ย์กล่าวว่า ถ้าเขาโชคร้ายล้มเหลวจริงๆ อย่างมากก็สูญเสียร่างแยกธาตุดิน

8 ความคิดเห็น:

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Tiger กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Demon Slayer กล่าวว่า...

ถ้าหลอมรวมเสร็จอาจกลายเป็นเทพชั้นสูงก็ได้​ ขอบคุณมาก

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

Añu-y กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

Dearwy กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น