วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 391 หยิ่งนัก? ต้องซัดให้เละ


ตอนที่  391  หยิ่งนัก? ต้องซัดให้เละ
 เซี่ยอีห่วงใยกังวลมาก เนื่องจากพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก นางมิอาจจะคาดคิดคำนวณได้เลย

ไม่เพียงแต่มารมังกรฟ้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหกเท่านั้น  แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง หรือนักสู้ชั้นเตรียมปราณก่อกำเนิดก็สามารถฆ่านางได้ทันที  ถ้าอย่างนั้น นางปลดปล่อยพลังและใช้มีดฟันใส่ร่างสตรีกรงเล็บดำที่เป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ยังไง?  เซี่ยอีไม่อาจเข้าใจได้  แต่นางคิดว่าบางทีเพราะไตตันน้อยเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ฆ่าสตรีกรงเล็บดำไปแล้ว  นั่นคือสาเหตุที่นางสามารถฆ่าสตรีนางนั้นได้ง่าย

 
ขณะที่บรรยากาศตึงเครียด  นางไม่มีเวลาเหลือพอจะคิดเพิ่มเติม
เซี่ยอีรู้สึกว่าปวดตัวไปทุกส่วน  ดูเหมือนว่านางเพิ่งใช้พลังมากเกินไป  มากขนาดที่นางได้รับบาดเจ็บที่เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ
 “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”  ภรรยาของหม่าหลงเห็นว่าทุกย่างก้าวของเซี่ยอี กดประทับพื้นไม้มะเกลือจนยุบเป็นรอย  นางคิดขณะที่เห็นว่ามีรอยกดประทับที่ชัดเจนบนพื้นที่เซี่ยอีก้าวผ่าน  แต่เรื่องที่แปลกก็คือเซี่ยอีไม่ตระหนักรู้ถึงเรื่องเหล่านี้
 “ไม่มีอะไร, ข้าแค่กังวลเล็กน้อย”  เซี่ยอียังไม่รู้ถึงความผิดปกติของร่างกายนางแม้แต่น้อย
ในอดีตที่ผ่านมา  กว่านางจะทำลายพื้นปูนได้  ก็ต้องใช้กำลังเต็มแรง
การสร้างรอยเท้าเช่นนี้บนพื้นหินปูนยังถือเป็นเรื่องยากแม้จะได้รับการช่วยเหลือจากสัตว์อสูรก็ตาม  แต่ตอนนี้  ตามแนวถนนมีแต่รอยเท้าของนางทุกย่างก้าว  เป็นเหมือนกับรอยเท้าที่ประทับไว้ตามหาดทราย
เจ้าอ้วนจั๊ดด์มองดูรอยเท้า ถึงกับปากอ้าค้างจนแทบยัดฮิปโปโปเตมัสได้ทั้งตัว
เกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยอี?
ในสังเวียนเลือดนักสู้  เย่ว์หยางและมารมังกรฟ้าเตรียมพร้อมต่อสู้กันแล้ว
เย่ว์หยางเรียกตั๊กแตนมัจจุราชออกมา  แต่ไม่ได้เรียกอสูรอย่างนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง, นางพญากระหายเลือดหงและโคเงาอาหมัน
เขาค่อยๆ ปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง  ด้านหน้าเขาเป็นมารมังกรฟ้าที่ปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดไปถึงระดับสามแล้ว  แต่ในไม่ช้ามารมังกรฟ้าก็ตระหนักได้ว่า พลังหลักของเขายังไม่เทียบเท่าพลังของเย่ว์หยาง  ขณะที่ไอเย็นซึ่งแผ่ออกมาจากตัวเขาถูกกระแสหมุนวนพลังหยินหยางของเย่ว์หยางดูดกลืนหาย  มารมังกรฟ้ากัดฟันขณะที่เขาพยายปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับสี่และระดับห้า  มังกรสายฟ้า อสูรแพลตตินัมระดับเก้าถูกมารมังกรฟ้าเรียกออกมา  มันเป็นอสูรพิทักษ์สายเสริมพลังของเขาที่สามารถผสานเข้ากับตัวของมารมังกรฟ้าได้รวดเร็ว  พอสายฟ้าแปลบปลาบและเสียงครืนๆ ดังขึ้น มังกรสายฟ้าก็ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับมารมังกรฟ้า
ร่างของมารมังกรฟ้ายืดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว  กลายเป็นมังกรยักษ์ที่มีเขาอยู่บนศีรษะ  ริมฝีปากของเขาฉีกกว้างจรดขอบหู  ขณะที่ฟันของเขาแหลมคมดุจใบมีด
ปีกคู่สีเงินค่อยๆ งอกออกจากหลังของเขา
สายลมพัดหวิว  ปีกยักษ์สยายชี้ไปเบื้องบนอย่างสวยงาม  ราวกับว่าต้องการแสดงตัวของมันอวดสรรพชีวิตว่า  มันคือมังกรยักษ์ระดับจ้าว  ร่าง แขนและขาของมันทั้งหมดมีเกล็ดมังกรเงินปกคลุม  ตอนแรกมีเพียงไม่มีเกล็ด  แต่ภายในไม่กี่วินาที มันขยายลามไปทั้งตัวปกป้องร่างของมารมังกรฟ้าไว้เต็มที่
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวมารมังกรฟ้าจนเกิดเสียงดังซี่ๆๆ
เล็บทั้งสิบของเขาทั้งแหลมและคม  มีพลังฉีกกระชากทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นชิ้นได้
เช่นเดียวกับขาของเขามีเล็บมังกรโผล่ทะลุรองเท้าเขาออกมา  ขณะที่ผิวของเขาปูดโปนขึ้นแต่เปี่ยมไปด้วยพลังงาน
ในที่สุด มารมังกรฟ้าลืมตาที่ปิดแน่นก่อนหน้านั้น ขณะที่มีกระแสไฟพุ่งออกมาจากตาของเขาขึ้นไปในท้องฟ้า เหมือนกับดาบคมที่ฉีกท้องฟ้าถล่มทลายได้  ดูแล้วน่าประทับใจ
มารมังกรฟ้าใช้กรงเล็บลูบคัมภีร์แพลตตินัมของตน  ขณะที่เปลวไฟถูกพ่นออกมาจากปากและจมูก  “ฮึ่ม, เข้ามา ขอให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อย  ขณะที่เจ้ายังจะหยิ่งผยองได้ ข้าจะดูว่าเจ้ามีพลังอะไรบ้าง  ข้าหวังว่าพลังของเจ้าคงจะดีพอๆ กับฝีปากของเจ้านะ  ออกมา, มังกรสองหัว, ตั๊กแตนมัจจุราชจะเป็นเหยื่อของเจ้าในวันนี้!  คัมภีร์แพลตตินัมเรืองแสงสีทอง  ขณะที่มังกรยักษ์สองหัวถูกเรียกออกมาในเวลานี้
มันใหญ่กว่ามังกรปกติถึงสองเท่า
มีสองหัว และปีกอีกสี่ข้าง
หัวซ้ายสามารถพ่นพิษเหลวได้ ขณะที่หัวด้านขวาสามารถยิงไฟกรดได้  เมื่อมันปรากฏตัวออกมา มันคำรามเสียงก้องทั่วท้องฟ้า
ไอเย็นของมันอาจทำให้อสูรที่อ่อนแอและนักสู้ที่ไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิดหนาวสะท้าน  ขณะที่พวกเขาต่างหวาดกลัวมังกรยักษ์สองหัวอสูรแพลตตินัมระดับเก้า
แม้ว่าตั๊กแตนมัจจุราชจะเป็นดาวข่มของมังกรยักษ์ และเป็นอสูรชั้นแพลตตินัม  แต่ระดับของพวกมันยังห่างกันไกล
ตั๊กแตนมัจจุราชเป็นแค่อสูรแพลตตินัมระดับสี่  มีความแตกต่างระหว่างระดับของพวกมันอย่างมาก
ไม่มีผู้ใดคิดว่าตั๊กแตนมัจจุราชจะสามารถเอาชนะมังกรยักษ์สองหัวซึ่งสูงกว่ามันถึงห้าระดับได้  มีเพียงซานเซียวและเซวี่ยเหอที่รู้สึกว่าไตตันน้อยท้าทายมารมังกรฟ้าด้วยความมั่นใจ  เขาคงมีอสูรที่ทรงพลังอื่นๆ อีกแน่
 “ถ้ามันเป็นแค่สัตว์โง่งม ต่อให้หัวใหญ่ขนาดไหนก็ไร้ประโยชน์”  เย่ว์หยางยิ้มอยู่แต่ไกล  เขายังไม่ได้อัญเชิญ,  ยังไม่มีคัมภีร์อัญเชิญปรากฏ  แต่เปลวควันไฟของภูตเพลิงปรากฏอยู่ข้างตัวเขา  มันมีระดับที่สูงกว่าตั๊กแตนมัจจุราช  แต่ก็เป็นเพียงอสูรแพลตตินัมระดับห้า  อย่างไรก็ตาม สีหน้าของมารมังกรฟ้าเปลี่ยนไปเมื่อเห็นนางปรากฏตัว
อสูรสายธาตุเฉพาะที่ใกล้จะเป็นร่างมนุษย์สามารถเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ ถ้ามันมีความสามารถทางสติปัญญา
แหล่งกำเนิดไฟของภูตควันไฟยังทำให้มารมังกรฟ้ากลัว
มันไม่ใช่ภูตควันไฟธรรมดาเสียแล้ว...
การเผชิญหน้าของภูตควันไฟที่มีระดับสูงกว่า ทำให้มังกรสองหัวสูญเสียพลังของมันทั้งหมด  เพราะพลังโจมตีของมันทั้งหมดใช้ไม่ได้ผลกับภูตควันไฟ อสูรสายธาตุเฉพาะ  ไม่ใช่เพียงแค่นั้น แม้แต่น้ำพิษของอีกหัวหนึ่งก็ยังใช้กับภูตควันไฟไม่ได้อีกด้วย  ไฟกรดก็มีแต่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ศัตรู
 “มังกรน้ำทลายแผ่นดิน จงออกมา..เร็วเข้า”  มารมังกรฟ้ากดกรงเล็บลงคนคัมภีร์อัญเชิญ  ขณะที่เขาเรียกงูเหลือมน้ำมีเขา อสูรทองระดับสิบออกมา
 “ยังอ่อนชั้นนัก”  เย่ว์หยางชอบเปรียบเทียบสัตว์อสูรอยู่แล้ว
อสูรอัญเชิญทั้งสองฝ่ายทุกตัว  เริ่มเข้าตะลุมบอนกันทั้งหมด
ด้วยวิธีนี้  ยิ่งได้ครอบครองชัยชนะในการสู้มาก  โอกาสของฝ่ายตรงข้ามก็จะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ  ที่สำคัญที่สุด  อสูรของเขามีพลังและประสบการณ์เพิ่มขึ้นระหว่างต่อสู้
บึ้ม!
โคเงาอาหมันชักจะคล้ายเดลานี่ย์หญิงขณะที่นางพลิกตัวกลางอากาศสามตลบลงมายืนบนพื้นอย่างคล่องแคล่ว  (เดลานีย์...นักฟุตบอลอาชีพชาวไอริช)
ดวงตาของนางฉายแววแห่งปัญญา  ขณะที่นางมองดูแตกต่างจากพวกโคเถื่อนอย่างสิ้นเชิง
หลังจากผ่านการผลัดเปลี่ยนโครงสร้างร่างกายมามากครั้ง  ทำให้นางชำระเอ็นผลัดไขกระดูกถือกำเนิดใหม่ด้วยเพลิงอมฤตและภายใต้พลังปราณก่อกำเนิดและอักษรรูนโบราณ ทำให้พลังของนางเป็นรองแค่เสี่ยวเหวินหลี  แม้แต่ฮุยไท่หลางที่เป็นอสูรในตำนานไปแล้วยังไม่กล้าสู้กับนางโดยวู่วาม  แน่นอนว่าสิ่งที่น่ากลัวของนางที่สุดก็คือเนตรประหารและเนตรประหารซ้ำสองของนาง  แม้ว่าจะมีโอกาสใช้ได้ไม่มากนักและความสามารถที่จะเรียกออกมาใช้ได้เป็นบางครั้ง  แต่ทันทีที่เนตรประหารทำงาน  ไม่เพียงแต่อสูรฝ่ายศัตรูที่ต้องตายไปเท่านั้น  แม้แต่เจ้านายมันก็จะประสบชะตาเดียวกัน
เมื่ออาหมันปรากฏตัว  แรงย่ำพื้นของนางทำให้เวทีสะเทือนไปทั้งหมด
งูเหลือมน้ำที่มีเขาที่ดูมีพลังมาก เตรียมจะฉีดน้ำใส่ภูตควันไฟ ถึงกับล้มลงเพราะแรงสั่นสะเทือน  หัวของมันสั่นและยังมึนงงไม่หาย
สีหน้าของมารมังกรฟ้าเปลี่ยนไป
อสูรศักดิ์สิทธิ์  นางโคเถื่อนนี้เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์แน่นอน
อสูรที่กลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด จะมีพลังแบบก้าวกระโดด  อสูรศักดิ์สิทธิ์ตามปกติไม่อาจใช้การทดสอบประเมินธรรมดาได้ต่อไป  ตัวอย่างเช่น  โคเถื่อนตัวนี้ เหมือนกับว่าเป็นอสูรชั้นเพชร ระดับหนึ่ง  แต่พลังที่แท้จริงในระหว่างต่อสู้คงทำให้งูเหลือมน้ำมีเขาต้องเจ็บตัวแน่นอน  เพราะระดับที่ถูกต้องของนางก็คืออสูรศักดิ์สิทธิ์หนึ่งดาวแน่นอน
มันเทียบเท่ากับปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง  และตามความสามารถของอสูรที่ไม่เหมือนใคร  พวกมันอาจมีพลังมากกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดก็ได้
โคเถื่อนสตรีนี้เป็นอสูรพิทักษ์  ดังนั้นนางไม่ได้มีพลังปราณก่อกำเนิดตั้งแต่แรก  แต่นางคงพัฒนายกระดับมาโดยตลอด
ถ้าอย่างนั้น นางยกระดับเป็นอสูรชั้นเพชรระดับหนึ่งดาวได้อย่างไร?
เมื่อยกระดับไปถึงชั้นทอง ก็จะมีข้อจำกัดในการเลื่อนระดับชั้นของอสูรทุกชนิด  แล้วนางโคเถื่อนเปลี่ยนจากอสูรทองไปเป็นอสูรแพลตตินัมและพัฒนาต่อเป็นอสูรเพชรได้ยังไง?  ควรรู้ไว้ว่าอสูรระดับเพชรนั้นแตกต่างจากระดับชั้นอื่นๆ... ท่านไตตันน้อยต้องมีวิธีการบางอย่างในการเปลี่ยนอสูรของเขาให้เป็นระดับเพชร  ดังนั้นถ้าให้เขาบอกความลับ  มารมังกรฟ้าก็คงสูญเสียความยิ่งใหญ่แน่
อสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะสามารถครอบครองได้
จะต้องมีโชคและวาสนามากพอ  ไม่แต่เพียงเท่านั้น  เขายังต้องให้มันยินยอมเพื่อทำสัญญากับมัน
ขณะที่ครอบครองมันอยู่ มารมังกรฟ้าต้องเหน็ดเหนื่อยทุกวิถีทาง  แต่อสูรพิทักษ์ของเขาก็เป็นได้เพียงอสูรแพลตตินัมระดับเก้า  แม้มันจะกินผลปัญญาเกินร้อยผลก็ตาม  เขาก็ยังไม่สามารถปลดผนึกปัญญาของอสูรศักดิ์สิทธิ์ให้มันได้
 “มาเลย, มาประลองกันให้สุดฝีมือเดี๋ยวนี้, มาสู้กัน!  พอเห็นอสูรของเย่ว์หยาง  ที่ยังคงเป็นอสูรพิทักษ์ของเขา  มารมังกรฟ้ารู้สึกว่าสถานการณ์อาจตกอยู่ในความยุ่งยากเล็กน้อย  สิ่งเดียวที่เขามั่นใจก็คือ ไตตันน้อยนี้ดูเหมือนจะยังไม่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหกในตอนนี้  ดังนั้นเย่ว์หยางยังด้อยกว่าเขาชั่วขณะ  แม้ว่าอสูรของเย่ว์หยางจะดีกว่าของเขา  แต่เขาก็ยังเหนือกว่าในแง่พลังต่อสู้
มารมังกรฟ้ารู้สึกว่าเขาสามารถสู้ต่อไปด้วยพลังยุทธได้ เนื่องจากเป็นการต่อสู้ระหว่างนักสู้ปราณก่อกำเนิดสองคน
มังกรสะท้านปฐพีมีขนาดตัวหนักกว่าร้อยตัน และตะกวดหัวมังกรที่มีเชื้อโรคระบาดถูกมารมังกรฟ้าเรียกออกมา  ทั้งสองตัวนั้นเป็นอสูรทองระดับแปด
ถ้าเขาสามารถชนะเย่ว์หยางในแง่คุณภาพของสัตว์อสูรไม่ได้  เขาก็สามารถชดเชยได้ในแง่ของปริมาณ
และวิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะไตตันน้อยผู้มีฝีมืออ่อนกว่าเขาได้ก็คือ  จัดการตัวหัวหน้าให้ได้ก่อน มารมังกรฟ้าคิดแผนเองอยู่ในใจ
มังกรสะท้านปฐพีสามารถข่มนางโคเถื่อนได้ชั่วคราว  และถ้าตะกวดหัวมังกรและมังกรสองหัวร่วมมือกันเป็นอย่างดี  พวกมันจะเอาชนะตั๊กแตนมัจจุราชได้  ขณะที่มังกรน้ำมีเขา  เพราะรูปแบบเฉพาะของพวกมันก็อาจตรึงภูตควันไฟเอาไว้ได้  ตราบเท่าที่พวกมันยังไม่ถูกนางโคเถื่อนเล่นงาน  มารมังกรฟ้าก็ยังรับสถานการณ์ได้อย่างเสียอย่างเอาไว้ได้  ที่สำคัญคือนางเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์  ยิ่งต่อสู้ยืดเยื้อก็จะทำให้สถานการณ์เสียเปรียบ
 “ฆ่า, ฆ่าตั๊กแตนมัจจุราชตัวนั้น”  มารมังกรฟ้าคำรามเหมือนสายฟ้า ขณะที่เขาสั่งอสูรของเขาทุกตัวขณะที่พวกมันเริ่มต่อสู้
 “ฝันไปเถอะ”  แทนที่จะถอยหลัง แต่เย่ว์หยางกลับบุกเข้าสู้
มารมังกรฟ้าที่ปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดจนถึงระดับห้า ปล่อยคลื่นพลังหมัดกระแทกใส่หน้าอกเย่ว์หยางขณะที่เขาถูกหมัดของเย่ว์หยางต่อยใส่พร้อมกัน
มารมังกรฟ้ารู้สึกเจ็บปวดทรมานปานว่าร่างกายแทบฉีกขาด
เขาตระหนักได้ว่ากรงเล็บมังกรของเขาที่สามารถตัดโลหะและหินได้ไม่อาจระคายผิวเย่ว์หยางได้  ตรงกันข้าม หมัดของไตตันน้อยสามารถกระแทกใส่เกล็ดมังกรที่ปกป้องร่างกายเขา  เป็นไปได้ยังไง? เหตุนี้สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน และภายใต้สายตาจับจ้องของเยาถง, ซานเซียวและเซวี่ยเหอ  เย่ว์หยางกำหมัดของมารมังกรฟ้าไว้ขณะที่ยันร่างมารมังกรฟ้าขึ้นในอากาศ  ผลักมารมังกรฟ้าที่ปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดจนถึงระดับห้าจนพ้นจากพื้นเวทีด้วยพลังปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง
ทั่วเวทีต่างตกตะลึงกันหมด
แรงคลื่นอัดกระแทกจากพลังปะทะทำให้อาคารรอบๆ สังเวียนเลือดนักสู้พังทลายเหมือนกับว่าถูกพายุสลาตันกวาดล้าง  นอกจากซานเซียว, เซวี่ยเหอ, เยาถงและหม่าหลงแล้ว  จั๊ดด์, เซี่ยอีและคนที่เหลือถูกคลื่นอัดกระแทกกระเด็นไปสิบเมตร  พวกที่อ่อนแอกว่าอยู่ห่างออกไปเป็นร้อยเมตร
นี่คือระดับพลังในการโจมตีครั้งเดียวของไตตัน
การต่อสู้ระหว่างพลังปราณก่อกำเนิดระดับห้าและระดับหนึ่ง มารมังกรฟ้าเป็นฝ่ายแพ้
ทำไมกัน?
เย่ว์หยางไม่ได้อธิบายเหตุผล  แต่หลังจากเรียกคัมภีร์อัญชิญแล้ว  เขายังเสริมพลังเงาปีศาจยักษ์อีก ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  แม้แต่มารมังกรฟ้ายังตกใจจนสุดระงับ
 “อั้ก!  มารมังกรฟ้ากระอักโลหิตจากพลังหมัดของเย่ว์หยางขณะที่โลหิตเขาพุ่งเป็นทางยาวถึงสิบเมตร
เกิดหลุมขนาดใหญ่บนเวทีที่สร้างจากหินอัคนีหลังจากที่มารมังกรฟ้าร่วงลงมา
เกล็ดมังกรหลุดปลิวจากขาของเขาขณะที่กรงเล็บมังกรบนพื้นก็แทบแตกหัก
นี่คือพลังหมัดเพียงหมัดเดียว
 “หยิ่งนักใช่ไหม? ข้าจะซัดเจ้าให้เละ เอาให้กระอักเลือดสักสามลิตร”  เย่ว์หยางกระโจนเข้าหาขณะที่เขาเงื้อหมัดโจมตีใส่มารมังกรฟ้า  สร้างความหวาดกลัวให้เขามากถึงกลับหลบหลีกไปทั่วโดยไม่กล้าตอบโต้
มารมังกรฟ้าอับอายที่ต้องหลบการรุกจู่โจมของเย่ว์หยางอย่างต่อเนื่อง สภาพทุลักทุเลเยิ่งกว่าสุนัขป่าวิ่งหนีเสียอีก  สภาพเช่นนี้ดำเนินไปจนกระทั่งผลกระทบของเงาปีศาจยักษ์หมดลง เย่ว์หยางจึงหยุดโจมตี  มารมังกรฟ้ายังคงกระอักเลือดต่อจากนั้นก็หยุด และเริ่มหอบหายใจพยายามสงบจิตใจ  เย่ว์หยางแปลกเกินไป  เขาได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากอสูรเป็นอย่างดี  โชคดีที่ใช้ระยะเวลาไม่นานนัก  ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจสู้กับเย่ว์หยางได้
 “เจ้าบังคับข้าให้เป็นเช่นนี้ อย่าตำหนิข้า เพราะเจ้ารนหาที่เอง”  มารมังกรฟ้าตัดสินใจปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับหกของเขา มิฉะนั้นเขาจะบาดเจ็บหนักจนไม่อาจพลิกสถานการณ์ต่อสู้ได้
 “มาเลย, มัวแต่พิรี้พิไรอยู่ได้”  เย่ว์หยางดีใจมาก  นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด  คู่ต่อสู้ยิ่งโกรธก็เป็นโอกาสเหมาะที่จะฆ่ามารมังกรฟ้า  แน่นอนว่าเขาต้องหาช่วงนาทีทองที่จะทำเช่นนั้น  เพราะเขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก  เขาไม่ใช่เจ้างั่งคนหนึ่ง  ถ้ามารมังกรฟ้าปล่อยพลังเต็มที่แล้วยังสู้เย่ว์หยางไม่ได้  เขาก็คงหนีแน่นอน
เยาถง, เซวี่ยเหอ, ซานเซียวและหม่าหลงตะลึงงันไปหมด
การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้ความคิดพวกเขากระเจิดกระเจิงไปหมด  เป็นไปได้อย่างไรที่คนซึ่งมีระดับนักสู้ต่ำกว่าจะเอาชนะคนที่มีระดับนักสู้สูงกว่าได้?  ใครจะยอมเชื่อกันว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งสามารถเอาชนะพลังปราณก่อกำเนิดระดับห้าได้ ถึงขนาดทำให้เขากระอักเลือดได้?
และแน่นอนว่าอสูรของไตตันน้อยน่าประทับใจ  พวกเขาไม่เคยเห็นอสูรที่น่ากลัวอย่างนั้นซึ่งสามารถขยายพลังเจ้านายเพิ่มถึงสิบเท่าหรือแม้กระทั่งร้อยเท่าได้
ได้ครอบครองอสูรที่แข็งแกร่งขนาดนั้น  ไตตันน้อยยิ่งมีพลังมากยิ่งขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการก็ตาม
ถ้าไม่มีขีดจำกัดเรื่องเวลา  มารมังกรฟ้าก็คงกลัวจัดจนทุบศิลาเทเลพอร์ตหนีเอาตัวรอดไปแล้ว
จั๊ดด์ปลาบปลื้มน้ำตาซึม  เจ้านายของเขาน่าประทับใจมากขนาดนั้น เขาสามารถสร้างชื่อเสียงได้ ขนาดที่มารมังกรฟ้ายังต้องกระอักเลือด  เซี่ยอีกำหมัดแน่น ขณะที่นางรู้ว่ามารมังกรฟ้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก  มีความแตกต่างกันถึงห้าระดับ  นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้า 10 คนยังไม่อาจเอาชนะนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนเดียวได้  แม้ว่าไตตันน้อยจะเอาเพิ่งเอาชนะมารมังกรฟ้ามาได้ในยกแรก  แต่การต่อสู้รอบต่อไปเล่า?
เย่ว์หยางจะเอาชนะเขาจนถึงกระอักโลหิตได้ไหม?
บึ้ม!
แรงสั่นสะเทือนทำให้ทุกคนโงนเงนเหมือนเกิดแผ่นดินไหว
ทุกคนหันศีรษะไปดูอย่างมิอาจควบคุมได้  ขณะที่พวกเขาตระหนักได้ว่าโคเถื่อนจัดการจนมังกรสะท้านปฐพีขนาดยักษ์ทรุดลงกับพื้น  จากนั้นพวกเขาหันไปเห็นว่านางกำลังคว้างูเหลือมน้ำหวดฟาดลงกับพื้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว  ในชั่วพริบตา งูเหลือมน้ำก็หมดฤทธิ์สิ้นพลังต่อสู้และกำลังจะตายเนื่องจากกระดูกสันหลังแตกหัก  ตอนนี้มันได้แต่รอความตาย
ทุกคนแทบสลบ
แม้ว่าโคเถื่อนจะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งดาว แต่นางฆ่ามังกรแผ่นดินไหวอสูรทองระดับแปดที่หนักเกินร้อยตันและงูเหลือมน้ำ อสูรทองระดับแปดทันทีได้ยังไง?
นี่ต้องเป็นทักษะที่ไม่ธรรมดาแน่นอน

19 ความคิดเห็น:

toom1567 กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สู้ทีไรพีชอบทำตัวเป็นละมั้งก่อนแล้วค่อยกลายร่างเป็นเสือทีหลัง พี่โรคจิตนี่หว่า ชอบเหยียดหยามคนอื่น 55555

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

งำงำ มีดบิน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

เจ้มโคเงานี้ ขาโหดเลย.
อ่านดำน้ำไปหลังๆๆ. โอ้วๆๆๆ. บ่ะเจ้า. เจ้โหดได้โล่

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

อ๊ากช่วงนี้มีแต่นิยายค้าง

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณตอนใหม่ค่ะ

neng2006 กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

tho กล่าวว่า...

โอ้ววว..อันนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งคับ

Unknown กล่าวว่า...

เริ่มมีเลือดแล้วชอบๆๆ...

Unknown กล่าวว่า...

เริ่มมีเลือดแล้วชอบๆๆ...

Art กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

สนุกมากขอบคุนครับ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

ฮิฮิ เหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็กอ่ะบอกเลย 55555+ มันคนละระดับกันเฟ้ย!

copilot กล่าวว่า...

ให้ยุงน่ารำคาญมันกินอิ่มก่อน แล้วค่อยบี้ให้เลือดสาดทีเดียว หุหุหุ

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น