วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 1-10 ระบำอสรพิษเพลิง (1)




 


“ก๊าซซซซ”  เปลวเพลิงที่พ่นออกมาจากปากของมังกรลมกรดครอบคลุมเป็นวงมีรัศมีราวสิบเมตร อาบพวกเขาไว้ในทะเลเพลิง
 “ก๊าซซซ...”
ไฟของมังกรลมกรดลามเลียรายล้อมร่างของนักรบทั้งสี่  แต่เกราะน้ำแข็งที่ปกป้องพวกเขาอยู่และปราณนักรบของพวกเขา ทำให้นักรบทั้งสี่ยังต้านทานความร้อนอยู่ได้
 
ขณะที่หญิงสาวที่เป็นขมังธนู จากจุดนี้นางปักหลักอยู่บนตัวกริฟฟินและบินขึ้นฟ้าพาดธนูเตรียมยิง
กระทิงเหล็กดูดเลือดยืนอยู่ที่นั่นเหมือนกำแพงเหล็ก คอยปกป้องนักเวทหญิงทั้งสอง
 “เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยประกายเยียบเย็น และมือของนางมั่นคงเหมือนหิน  พอกริฟฟินอ้าปากมือธนูก็ยิงธนูสามดอกเรียงกัน เป้าหมายก็คือจอมเวทลึกลับที่อยู่บนหลังมังกรลมกรด
 “วืดดด” หางที่เหมือนกับแส้ของมังกรลมกรดหวดใส่ราวสาวฟ้า ยังมีความเร็วมากกว่าธนูเสียอีก ในพริบตาเดียว มันหักทำลายธนูที่มือธนูยิงออกมาครั้งละสามดอกจนหมดสิน  ทันทีหลังจากนั้น มันฟาดหางใส่นักรบสี่คนที่กำลังโจมตีเข้ามา เสียงหวีดหวิวจากหางที่แหวกอากาศทำให้สีหน้าของนักรบทั้งสี่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาพยายามกระโจนถอยหลังเหมือนลิงแตกตื่น
แต่หางมังกรมิได้เคลื่อนที่ในแนวตรงอย่างเดียว  มันแกว่งไปมาและมีวิถีโค้งแปลกประหลาดไม่ตายตัว
 “โครม!
หนึ่งในสี่นักรบหลบไม่ทันถูกหางมังกรหวดเข้าที่เอว เกราะน้ำแข็งป้องกันและพลังปราณยุทธถูกกระแทกสลายหายไปในพริบตา  พอมันสะบัดหางเล็กน้อยหางนั้นก็ม้วนรวบตัวเขาไว้แน่น
 “ลูค!” นักรบผมแดงที่อยู่ข้างๆ เขาตวาดลั่นด้วยความโกรธ  ตาของเขามีแววเจ็บปวด
 “ไม่!” ลูคร้องโหยหวนขวัญผวา
เพียงแค่สะบัดหางครั้งเดียว หางมังกรได้โยนลูคตรงเข้าหาปากมังกรลมกรด  มังกรลมกรดอ้าปากจนเห็นหลอดคอสีแดงเลือดและมันเคี้ยวกร้วมทันที  เสียงกรามกระทบกันน่ากลัว สิ่งสุดท้ายที่หลุดรอดออกมาก็คือเสียงร้องโหยหวน
พื้นขากรรไกรล่างที่ดูเหมือนฟันเลื่อยของมังกรลมกรด มีร่างของลูคที่ตอนนี้กลายเป็นเนื้อสับ ขาที่เปรอะเลือดครึ่งท่อนกระเด็นหลุดจากปากของมังกรลมกรดร่วงลงบนพื้น ท่อนกระดูกสีขาวโผล่พ้นออกมาจากขาครึ่งท่อน
 “อย่ามอง” ฮิลแมนปิดตาลินลี่ย์ไว้
ภาพนั่นเป็นฉากนองเลือดสยดสยองเกินไป  แม้แต่ผู้ใหญ่เต็มวัย เมื่อเผชิญกับภาพน่าสยดสยองเป็นครั้งแรกก็คงจะตื่นตระหนก  ลินลี่ย์เป็นแค่เด็กอายุแปดขวบ
แต่สายเกินไปเสียแล้ว  ลินลี่ย์เห็นทุกอย่างหมดแล้ว
 “แฮก แฮก” ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับหัวใจของเขากำลังถูกก้อนหินยักษ์บีบอัด เขาหายใจอย่างยากลำบากและเริ่มจะหอบ  แต่ในสายตาของเขา เขานึกย้อนถึงภาพที่บุรุษหนุ่มชื่อลูคถูกกินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ท้องของเขาถูกฉีกและลำไส้ของเขาถูกทำลาย กะโหลกของเขาถูกบดเละ ขาครึ่งท่อนร่วงลงพื้น
ภาพทุกอย่างนี้ทำให้ลินลี่ย์หายใจติดขัด และรู้สึกมึนงง
นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์ได้เห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดโหดร้าย  และเป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์เห็นคนถูกสิ่งมีชีวิตอย่างมังกรลมกรดกินทั้งเป็น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาที่ถูกกินนั้นฝังลึกอยู่ในใจของลินลี่ย์เอง
ฮิลแมน, โรเจอร์และลอร์รี่ผลัดกันชำเลืองดูขณะที่พวกเขาดูแลลินลี่ย์
ฉากนองเลือดนี้จะทำร้ายเด็กจิตใจเด็กแปดขวบได้ขนาดไหน? จะทิ้งบาดแผลทางจิตใจต่อเนื่องกันไปหรือไม่?  ทันทีที่รุ่นผู้เยาว์บอบช้ำจากการต่อสู้  อนาคตของเขาย่อมได้รับผลกระทบอย่างมาก
 “ฆ่าคน, ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย”  ลินลี่ย์บังคับตนเองให้คิดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  “เมื่อข้าเติบโตและเข้าร่วมกับกองทัพ  ข้าก็จะฆ่าคนด้วยเช่นกัน ต้องอดกลั้นไว อดกลั้นเอาไว้”
ความจริงลินลี่ย์เป็นเด็กอัจฉริยะ เขาได้อ่านหนังมากมาย และรู้หนทางที่เขาจะต้องจัดการในอนาคต
ในทวีปยูลาน เมื่อบุรุษคนหนึ่งเติบโต  มีโอกาสเป็นไปได้มากที่เขาจะต้องต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย  แต่เนื่องจากลินลี่ย์ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง  เขายังมิได้ทำเช่นนั้น เขาต้องเตือนตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้สงบจิตใจ  และเรื่องน่าหวาดกลัวสยดสยองในหัวใจเขาก็ค่อยๆ เริ่มลดน้อยลง
ความจริง กลับตรงกันข้าม ในช่วงเวลาสั้นๆ ลินลี่ย์รู้สึกราวกับว่าเลือดของเขากำลังจะเริ่มเดือดพล่าน
 “สงครามที่แท้จริงนั้น รุนแรงอย่างเหลือเชื่อ ช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ”   ด้วยเหตุผลบางอย่าง การต่อสู้โชกเลือดนั้นทำให้เลือดลินลี่ย์ดาดพล่านด้วยความตื่นเต้น  รู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา.. ปรารถนาจะต่อสู้และฆ่า
 “เป็นเพราะเลือดมังกรในสายเลือดเราอย่างนั้นหรือ” ลินลี่ย์ไม่รู้
แต่จู่ๆ ลินลี่ย์พบว่า เขามีความกระตือรือร้นมากที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้อาบเลือดเช่นนี้  ลินลี่ย์ก้าวออกมาด้านข้างทันที  อ้อมวงแขนที่คอยปกป้องของฮิลแมนและดูการต่อสู้ที่ห่างออกไปเป็นร้อยเมตรต่อไป
 “ลินลี่ย์, อย่ามอง” พอฮิลแมนเห็นว่าลินลี่ย์กำลังตั้งใจจะดูต่อไป เขาถึงกับตะลึง
 “ลุงฮิลแมน!  ข้าไม่กลัว”  ลินลี่ย์หันศีรษะกลับมามองฮิลแมน
ทันใดนั้นฮิลแมนสังเกตเห็นประกายแววตาสีแดงที่ตื่นเต้นในดวงตาของลินลี่ย์  น่าประหลาดใจ เขาไม่พยายามป้องกันลินลี่ย์ไม่ให้ดูต่อไป  ขณะที่ลินลี่ย์มองดูการต่อสู้อยู่ห่างออกไปต่อ  เขาเห็นว่ากำลังจะถึงจุดนองเลือดที่สูงสุดยอด
 “กรรรร” เสียงคำรามลั่น มังกรลมกรดหันศีรษะและก้มลงกัดนักรบคนหนึ่ง  ขณะที่กรงเล็บขนาดใหญ่ของมันกวาดใส่นักรบอีกคนหนึ่งไวดุจสายฟ้า  หางที่เหมือนแส้ก็เช่นกัน มันหวดใส่นักรบคนที่สาม
พวกนักรบถูกกดดันจนถึงขึ้นยอมละทิ้งการรุกและใช้วิธีถอยแทน
จอมเวทลึกลับบนหลังของมังกรลมกรดยังคงไม่ขยับ  เขาปล่อยให้มังกรลมกรดจัดการภัยคุกคาม ขณะที่ปากของเขาบริกรรมต่อเนื่อง
 “ระบำอสรพิษเพลิง!
เสียงเยือกเย็นของจอมเวทลึกลับดังขึ้นทันที  และในชั่วพริบตา  อสรพิษเพลิงเจ็ดตัว  แต่ละตัวยาวสิบเมตร  ปรากฏตัวขึ้น  พวกมันผุดขึ้นห่างจากจอมเวทในทุกทิศทาง  อสรพิษเพลิงแต่ละตัวปรากฏเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตจริงๆ  มีทั้งเกล็ดและลำตัวใหญ่โตทำให้ทุกคนที่เห็นเกิดความกลัว
ทุกคนมองดูอย่างตกตะลึง
เวทอัคคีระดับ 8 – ระบำอสรพิษเพลิง
ตอนนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ จอมเวทลึกลับกำลังร่ายคาถามนต์ขลัง  เขาเตรียมใช้เวทอัคคีระดับ 8 ที่น่ากลัว ระบำอสรพิษเพลิง  เวทชนิดนี้จะปล่อยอสรพิษเพลิงขนาดใหญ่เจ็ดตัว แต่ละตัวมีพลังโจมตีที่น่าทึ่ง  และทักษะป้องกันตัวที่น่ากลัวของมังกรลมกรดเป็นข้อพิสูจน์อย่างดี  ต่อให้รอดชีวิตมาได้ ก็คงจะบาดเจ็บหนัก
ถ้าจัดการกับจอมเวทระดับ  ทีมเล็กๆ อาจจะต้านทานได้ชั่วขณะหน่ง  แต่ถ้าให้ต้องสู้กับจอมเวทระดับ 8 และมังกรลมกรดอีกตัวหนึ่งล่ะ?  พวกเขาย่อมไม่มีพลังพอจะต่อต้านได้
ถึงตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าจอมเวทลึกลับผู้นี้ เป็นยอดนักสู้ระดับ 8
 “มันคือระบำอสรพิษเพลิง เร็วเข้า, หนีเร็ว”  สีหน้าของนักรบผมแดงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และเขาส่งเสียงตะโกนลั่น
สมาชิกที่เหลือหกคนของกลุ่มเล็กๆ เต็มไปด้วยความหวาดผวา
 “สายเกินไป เตรียมรับความตายได้!  จอมเวทลึกลับพูดเสียงเย็นชาอำมหิต ที่เสียดแทงใจเหมือนกับมีดที่เย็นที่ทิ่มแทงหัวใจของสมาชิกในทีมเล็กๆ นี้

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น