
“ก๊าซซซซ” เปลวเพลิงที่พ่นออกมาจากปากของมังกรลมกรดครอบคลุมเป็นวงมีรัศมีราวสิบเมตร
อาบพวกเขาไว้ในทะเลเพลิง
“ก๊าซซซ...”
ไฟของมังกรลมกรดลามเลียรายล้อมร่างของนักรบทั้งสี่
แต่เกราะน้ำแข็งที่ปกป้องพวกเขาอยู่และปราณนักรบของพวกเขา
ทำให้นักรบทั้งสี่ยังต้านทานความร้อนอยู่ได้
ขณะที่หญิงสาวที่เป็นขมังธนู จากจุดนี้นางปักหลักอยู่บนตัวกริฟฟินและบินขึ้นฟ้าพาดธนูเตรียมยิง
กระทิงเหล็กดูดเลือดยืนอยู่ที่นั่นเหมือนกำแพงเหล็ก
คอยปกป้องนักเวทหญิงทั้งสอง
“เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!”
นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยประกายเยียบเย็น และมือของนางมั่นคงเหมือนหิน พอกริฟฟินอ้าปากมือธนูก็ยิงธนูสามดอกเรียงกัน
เป้าหมายก็คือจอมเวทลึกลับที่อยู่บนหลังมังกรลมกรด
“วืดดด” หางที่เหมือนกับแส้ของมังกรลมกรดหวดใส่ราวสาวฟ้า
ยังมีความเร็วมากกว่าธนูเสียอีก ในพริบตาเดียว
มันหักทำลายธนูที่มือธนูยิงออกมาครั้งละสามดอกจนหมดสิน ทันทีหลังจากนั้น
มันฟาดหางใส่นักรบสี่คนที่กำลังโจมตีเข้ามา
เสียงหวีดหวิวจากหางที่แหวกอากาศทำให้สีหน้าของนักรบทั้งสี่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขาพยายามกระโจนถอยหลังเหมือนลิงแตกตื่น
แต่หางมังกรมิได้เคลื่อนที่ในแนวตรงอย่างเดียว มันแกว่งไปมาและมีวิถีโค้งแปลกประหลาดไม่ตายตัว
“โครม!”
หนึ่งในสี่นักรบหลบไม่ทันถูกหางมังกรหวดเข้าที่เอว
เกราะน้ำแข็งป้องกันและพลังปราณยุทธถูกกระแทกสลายหายไปในพริบตา
พอมันสะบัดหางเล็กน้อยหางนั้นก็ม้วนรวบตัวเขาไว้แน่น
“ลูค!” นักรบผมแดงที่อยู่ข้างๆ เขาตวาดลั่นด้วยความโกรธ ตาของเขามีแววเจ็บปวด
“ไม่!” ลูคร้องโหยหวนขวัญผวา
เพียงแค่สะบัดหางครั้งเดียว หางมังกรได้โยนลูคตรงเข้าหาปากมังกรลมกรด
มังกรลมกรดอ้าปากจนเห็นหลอดคอสีแดงเลือดและมันเคี้ยวกร้วมทันที เสียงกรามกระทบกันน่ากลัว
สิ่งสุดท้ายที่หลุดรอดออกมาก็คือเสียงร้องโหยหวน
พื้นขากรรไกรล่างที่ดูเหมือนฟันเลื่อยของมังกรลมกรด
มีร่างของลูคที่ตอนนี้กลายเป็นเนื้อสับ
ขาที่เปรอะเลือดครึ่งท่อนกระเด็นหลุดจากปากของมังกรลมกรดร่วงลงบนพื้น
ท่อนกระดูกสีขาวโผล่พ้นออกมาจากขาครึ่งท่อน
“อย่ามอง” ฮิลแมนปิดตาลินลี่ย์ไว้
ภาพนั่นเป็นฉากนองเลือดสยดสยองเกินไป แม้แต่ผู้ใหญ่เต็มวัย
เมื่อเผชิญกับภาพน่าสยดสยองเป็นครั้งแรกก็คงจะตื่นตระหนก ลินลี่ย์เป็นแค่เด็กอายุแปดขวบ
แต่สายเกินไปเสียแล้ว
ลินลี่ย์เห็นทุกอย่างหมดแล้ว
“แฮก แฮก” ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับหัวใจของเขากำลังถูกก้อนหินยักษ์บีบอัด
เขาหายใจอย่างยากลำบากและเริ่มจะหอบ
แต่ในสายตาของเขา
เขานึกย้อนถึงภาพที่บุรุษหนุ่มชื่อลูคถูกกินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ท้องของเขาถูกฉีกและลำไส้ของเขาถูกทำลาย กะโหลกของเขาถูกบดเละ
ขาครึ่งท่อนร่วงลงพื้น
ภาพทุกอย่างนี้ทำให้ลินลี่ย์หายใจติดขัด และรู้สึกมึนงง
นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์ได้เห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดโหดร้าย
และเป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์เห็นคนถูกสิ่งมีชีวิตอย่างมังกรลมกรดกินทั้งเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาที่ถูกกินนั้นฝังลึกอยู่ในใจของลินลี่ย์เอง
ฮิลแมน, โรเจอร์และลอร์รี่ผลัดกันชำเลืองดูขณะที่พวกเขาดูแลลินลี่ย์
ฉากนองเลือดนี้จะทำร้ายเด็กจิตใจเด็กแปดขวบได้ขนาดไหน?
จะทิ้งบาดแผลทางจิตใจต่อเนื่องกันไปหรือไม่?
ทันทีที่รุ่นผู้เยาว์บอบช้ำจากการต่อสู้
อนาคตของเขาย่อมได้รับผลกระทบอย่างมาก
“ฆ่าคน, ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย”
ลินลี่ย์บังคับตนเองให้คิดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เมื่อข้าเติบโตและเข้าร่วมกับกองทัพ ข้าก็จะฆ่าคนด้วยเช่นกัน ต้องอดกลั้นไว
อดกลั้นเอาไว้”
ความจริงลินลี่ย์เป็นเด็กอัจฉริยะ เขาได้อ่านหนังมากมาย
และรู้หนทางที่เขาจะต้องจัดการในอนาคต
ในทวีปยูลาน เมื่อบุรุษคนหนึ่งเติบโต
มีโอกาสเป็นไปได้มากที่เขาจะต้องต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
แต่เนื่องจากลินลี่ย์ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง เขายังมิได้ทำเช่นนั้น
เขาต้องเตือนตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้สงบจิตใจ
และเรื่องน่าหวาดกลัวสยดสยองในหัวใจเขาก็ค่อยๆ เริ่มลดน้อยลง
ความจริง กลับตรงกันข้าม ในช่วงเวลาสั้นๆ ลินลี่ย์รู้สึกราวกับว่าเลือดของเขากำลังจะเริ่มเดือดพล่าน
“สงครามที่แท้จริงนั้น รุนแรงอย่างเหลือเชื่อ ช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ” ด้วยเหตุผลบางอย่าง
การต่อสู้โชกเลือดนั้นทำให้เลือดลินลี่ย์ดาดพล่านด้วยความตื่นเต้น
รู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา.. ปรารถนาจะต่อสู้และฆ่า
“เป็นเพราะเลือดมังกรในสายเลือดเราอย่างนั้นหรือ” ลินลี่ย์ไม่รู้
แต่จู่ๆ ลินลี่ย์พบว่า
เขามีความกระตือรือร้นมากที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้อาบเลือดเช่นนี้ ลินลี่ย์ก้าวออกมาด้านข้างทันที
อ้อมวงแขนที่คอยปกป้องของฮิลแมนและดูการต่อสู้ที่ห่างออกไปเป็นร้อยเมตรต่อไป
“ลินลี่ย์, อย่ามอง” พอฮิลแมนเห็นว่าลินลี่ย์กำลังตั้งใจจะดูต่อไป
เขาถึงกับตะลึง
“ลุงฮิลแมน! ข้าไม่กลัว” ลินลี่ย์หันศีรษะกลับมามองฮิลแมน
ทันใดนั้นฮิลแมนสังเกตเห็นประกายแววตาสีแดงที่ตื่นเต้นในดวงตาของลินลี่ย์ น่าประหลาดใจ
เขาไม่พยายามป้องกันลินลี่ย์ไม่ให้ดูต่อไป
ขณะที่ลินลี่ย์มองดูการต่อสู้อยู่ห่างออกไปต่อ เขาเห็นว่ากำลังจะถึงจุดนองเลือดที่สูงสุดยอด
“กรรรร” เสียงคำรามลั่น มังกรลมกรดหันศีรษะและก้มลงกัดนักรบคนหนึ่ง
ขณะที่กรงเล็บขนาดใหญ่ของมันกวาดใส่นักรบอีกคนหนึ่งไวดุจสายฟ้า หางที่เหมือนแส้ก็เช่นกัน
มันหวดใส่นักรบคนที่สาม
พวกนักรบถูกกดดันจนถึงขึ้นยอมละทิ้งการรุกและใช้วิธีถอยแทน
จอมเวทลึกลับบนหลังของมังกรลมกรดยังคงไม่ขยับ
เขาปล่อยให้มังกรลมกรดจัดการภัยคุกคาม ขณะที่ปากของเขาบริกรรมต่อเนื่อง
“ระบำอสรพิษเพลิง!”
เสียงเยือกเย็นของจอมเวทลึกลับดังขึ้นทันที
และในชั่วพริบตา
อสรพิษเพลิงเจ็ดตัว
แต่ละตัวยาวสิบเมตร ปรากฏตัวขึ้น พวกมันผุดขึ้นห่างจากจอมเวทในทุกทิศทาง อสรพิษเพลิงแต่ละตัวปรากฏเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตจริงๆ
มีทั้งเกล็ดและลำตัวใหญ่โตทำให้ทุกคนที่เห็นเกิดความกลัว
ทุกคนมองดูอย่างตกตะลึง
เวทอัคคีระดับ 8 – ระบำอสรพิษเพลิง
ตอนนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานี้
จอมเวทลึกลับกำลังร่ายคาถามนต์ขลัง
เขาเตรียมใช้เวทอัคคีระดับ 8 ที่น่ากลัว ระบำอสรพิษเพลิง เวทชนิดนี้จะปล่อยอสรพิษเพลิงขนาดใหญ่เจ็ดตัว
แต่ละตัวมีพลังโจมตีที่น่าทึ่ง
และทักษะป้องกันตัวที่น่ากลัวของมังกรลมกรดเป็นข้อพิสูจน์อย่างดี ต่อให้รอดชีวิตมาได้ ก็คงจะบาดเจ็บหนัก
ถ้าจัดการกับจอมเวทระดับ ทีมเล็กๆ
อาจจะต้านทานได้ชั่วขณะหน่ง แต่ถ้าให้ต้องสู้กับจอมเวทระดับ
8 และมังกรลมกรดอีกตัวหนึ่งล่ะ?
พวกเขาย่อมไม่มีพลังพอจะต่อต้านได้
ถึงตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าจอมเวทลึกลับผู้นี้ เป็นยอดนักสู้ระดับ 8
“มันคือระบำอสรพิษเพลิง เร็วเข้า, หนีเร็ว”
สีหน้าของนักรบผมแดงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และเขาส่งเสียงตะโกนลั่น
สมาชิกที่เหลือหกคนของกลุ่มเล็กๆ เต็มไปด้วยความหวาดผวา
“สายเกินไป เตรียมรับความตายได้!” จอมเวทลึกลับพูดเสียงเย็นชาอำมหิต
ที่เสียดแทงใจเหมือนกับมีดที่เย็นที่ทิ่มแทงหัวใจของสมาชิกในทีมเล็กๆ นี้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น