วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 1-11 ระบำอสรพิษเพลิง (2)



ตอนที่ 1-11  ระบำอสรพิษเพลิง (2)
 

อสรพิษเพลิงทั้งเจ็ดบินด้วยระดับความเร็วสูงมาก ที่ใดก็ตามที่พวกมันบินผ่านไป แม้แต่บ้านศิลาที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงยังลุกไหม้ เปลวเพลิงโหมลุกไหม้สูงราวกับจะแผดเผาสรวงสวรรค์ เป็นภาพหายนะอย่างแท้จริง  พอเห็นบ้านของพวกเขาถูกทำลายแต่ระยะไกล ชาวเมืองอู่ซันได้หลบหนีไปซ่อนตัวในที่ห่างไกลแล้ว  ทุกคนรู้สึกเจ็บปวดและทุกข์ทรมานใจ

ที่อยู่ข้างหน้าอสรพิษเพลิงยักษ์ทั้งเจ็ด เป็นบ้านที่สร้างจากศิลาซึ่งดูเหมือนจะไม่ต่างอะไรกับของเล่นสำหรับพวกมัน  บ้านเหล่านั้นถูกทำลายย่อยยับอย่างง่ายดาย และเปลวเพลิงพวยพุ่งลุกโหมขึ้นไปบนท้องฟ้า
 “หนีเร็ว!” ขมังธนูหญิงไม่สนใจอะไรอื่นอีกต่อไป  นางสั่งกริฟฟินของนางให้บินขึ้นไปในระดับที่สูง
มีขีดจำกัดเรื่องระยะห่างซึ่งผู้วิเศษสายธาตุไฟใช้ควบคุมอสรพิษเพลิงทั้งเจ็ด  ถ้ามือขมังธนูและพาหนะของนางสามารถบินหนีได้ไกลถึงจุดนั้นได้  นางจะปลอดภัย
 “วูบบบบ” อสรพิษเพลิงม้วนคลุมตัวนักเวทหญิงและกระทิงเหล็กกระหายเลือดทั้งคู่ไว้ได้  เสียงเผาไหม้ เสียงเนื้อปริแตกแทบจะได้ยินในทันที และลินลี่ย์คิดว่าเขาได้กลิ่นผมไหม้
 “พี่เคอรี่! ช่วยพวกเราด้วย!  เสียงร้องโหยหวนของนักเวทหญิงดังออกมา เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเพราะตกอยู่ในท่ามกลางตัวอสรพิษเพลิง
 “ครืดด, ครืดดด” ดวงตาของกระทิงเหล็กกระหายเลือดแดงก่ำน่ากลัว และกล้ามเนื้อแต่ละมัดของมันกระตุกไม่หยุด  มันคำรามด้วยความโกรธอย่างต่อเนื่อง  ต้องการจะพุ่งฝ่าวงล้อมอสรพิษเพลิง  แต่โชคไม่ดีที่ขอบเขตพลังของอสรพิษเพลิงแต่ละตัวมีมากเกินไป
 “ลูอิซ่า!” นักรบผมแดงคำรามลั่นด้วยความโกรธ  เสียงของเขาเปี่ยมแววปวดร้าว
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งนักเวทหญิงและกระทิงเหล็กกระหายเลือดก็เหลือแต่เถ้าถ่าน  แต่นักรบผมแดงไม่มีโอกาสจะร้องออกมาได้อีกต่อไป  เขากับนักรบอีกสองคนต่างต้องเผชิญกับอสรพิษเพลิงขนาดมหึมาอีกตัวหนึ่งเช่นกัน เมื่ออยู่ต่อหน้าร่างอสรพิษเพลิงยักษ์ พวกเขาไม่ต่างอะไรกับเด็ก  ไม่สามารถขัดขืนต้านทานได้
แม้พวกเขาสามารถใช้พลังต่อยศิลาให้แตกได้ด้วยพลังหมัดเพียงครั้งเดียว แต่แล้วยังไงล่ะ?  ขณะที่โดนบีบคั้นจากอสรพิษเพลิง พวกเขาจะทำอะไรได้?
 “อ๊าาาาา!” พอถูกอสรพิษเพลิงรายล้อมไว้  นักรบทั้งสามทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องอย่างทุกข์ทรมานอย่างเดียว
ขณะที่พวกเขาส่งเสียงโหยหวนลั่น  ปราณยุทธของพวกเขาก็หายไป มันถูกทำลายหมดสิ้น  เสียงเนื้อเผาไหม้ดังซี่ๆ ดังจนได้ยินอีกครั้ง  กล้ามเนื้อบนใบหน้าของนักรบทั้งสามบิดเบี้ยว และนัยน์ตาพวกเขาถลนออก ผมเผ้าบนศีรษะถูกไฟเผาจนเกลี้ยงตามมาด้วยหนังศีรษะ, เนื้อและกระดูก  ไม่มีอะไรจะต้านทานความร้อนสูงที่น่ากลัวของอสรพิษเพลิงได้
ในช่วงเวลาสั้นๆ นักรบที่น่าเกรงขามทั้งสามคนก็ไหม้จนไม่เหลืออะไรนอกจากฝุ่นเถ้า
 “แฮก...แฮก..”
มือธนูหญิงหอบหายใจหนักหน่วง  แต่ในที่สุดนางก็หนีพ้นขอบเขตพลังของอสรพิษเพลิงได้
 “ลูค...ลูอิซา.. พี่เคอรี่.. ข้าจะต้องแก้แค้นให้พวกท่านทุกคนแน่นอน”  มือธนูหญิงร้องอย่างเจ็บปวดใจ และขณะที่นางร้องอยู่นั้น นางสั่งให้กริฟฟินของนางบินสูงต่อไป
 “เปรี้ยง!
จู่ๆ สายฟ้าขนาดใหญ่ฟาดเปรี้ยงลงมาจากท้องฟ้าสดใสปราศจากเมฆเข้าที่ร่างนักธนูหญิงผู้ยังมิได้เตรียมพร้อมอะไรเลย  ร่างของนางทั้งหมดสลายเป็นผุยผงจากพลังโจมตีนั้น  ขณะที่กริฟฟินของนางถูกย่างไหม้เกรียมเช่นกัน  ทั้งสองร่วงลงมาจากท้องฟ้าพุ่งทะลุหลังคาไม้กระแทกพื้นหินของเมืองอย่างรุนแรง
 “คิดจะหนีหรือ? ฮึ่ม”  จอมเวทลึกลับคำรามในลำคอ
ในที่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร ฮิลแมนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก  ในใจของเขาเกิดความกลัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “นี่ไม่ใช่จอมเวทระดับแปดธรรมดาเท่านั้น... เขาเป็นจอมเวทที่ชำนาญถึง ๒ สายธาตุ”
….

 “เวทนั้นเรียกว่าระบำอสรพิษเพลิงเหรอ?”  ลินลี่ย์ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ตกใจกลัวทำอะไรไม่ถูก
ภาพอสรพิษเพลิงและอัคคีนรกที่เผาผลาญทำให้ลินลี่ย์ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก  ดูเหมือนเขาไม่เคยตื่นตระหนกขนาดนั้นมาก่อน  อสรพิษเพลิงแต่ละตัวน่าสะพรึงกลัวพอๆ กับมังกรลมกรด  พวกมันมีกันเจ็ดตัวหรือ?  พวกมันเหมือนเป็นตัวแสดงให้เห็นจุดจบโลก  แม้แต่บ้านศิลาก็ยังถูกพวกมันเผาผลาญทำลาย
ในชั่วพริบตา นักรบที่ทรงพลังทั้งสี่คน, นักเวทสองคนและมือธนูอีกคนหนึ่ง  อสูรวิเศษทั้งสองตัวก็เช่นกันต่างถูกทำลายย่อยยับ ยกเว้นแต่กริฟฟินนั้นที่ยังเหลือซาก
ตอนนี้อสรพิษเพลิงทั้งเจ็ดหายไปแล้ว  แต่ลินลี่ย์ยังรู้สึกหวาดหวั่น, แผ่นดินสั่นสะเทือนและพลังควมร้อนที่ยังตกค้างอยู่ในพื้นที่ต่อสู้  พื้นที่ต่อสู้ทั้งหมดถูกทำลายไม่เหลืออะไรนอกจากซากปรักหักพัง  ซากหักพังทั้งหมดยังมีความร้อนหลงเหลืออยู่ราวกับเป็นพยานถึงพลังของการต่อสู้ที่พวกเขาต้องกล้ำกลืนฝืนทน
 “สุ...สุดยอดเลย”
ลินลี่ย์กำลังผ่อนลมหายใจช้าๆและเริ่มจะคงที่ ภาพอสรพิษเพลิงยังวนเวียนอยู่ในใจเขา และวิธีการที่พวกมันเข้าสู่สนามต่อสู้เหมือนกับแสดงวิธีทำลายล้างโลก
เมื่อเทียบกับภาพเช่นนั้น  ก็ยังรู้สึกว่าแม้แต่มังกรลมกรดก็ยังไม่น่าประทับใจเหมือนแต่ก่อน
ลินลี่ย์เบนสายตามาที่จอมเวทลึกลับที่อยู่บนหลังมังกรลมกรดทันที  ถ้าดูจากลักษณะแล้วจอมเวทจะดูเล็กกว่าและอ่อนแอกว่ามาก
 “งั้น..งั้น..เขาก็แค่ใช้ระบำอสรพิษเพลิงเท่านั้นเหรอ?” ลินลี่ย์พบว่าเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อได้จริงๆ  คนที่ดูเหมือนตัวเล็กกว่าลุงฮิลแมนจะใช้คาถาทำลายล้างได้ขนาดนั้น
หัวใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความครั่นคร้าม ขณะที่เขาจ้องมองร่างที่อยู่ห่างออกไปนั้น
 “นะ..นี่น่ะหรือ จอมเวท?”  เป็นครั้งแรกที่ภาพพจน์ของจอมเวทตราตรึงใจลินลี่ย์อย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกัน
จู่ๆ ลินลี่ย์ก็มีแรงบันดาลใจเต็มเปี่ยม ต้องการจะกลายเป็นจอมเวทที่ทรงพลังเช่นกัน
 “ถ้าสักวันหนึ่ง  ข้าสามารถใช้พลังโจมตีได้ขนาดนั้นเช่นกัน...” พอนึกฝันเรื่องนี้แล้ว ลินลี่ย์รู้สึกว่าเลือดในตัวเขาเดือดจนถึงขีดสุด  เขาอยู่ในสภาพที่ตื่นเต้นอย่างมาก
อย่างนั้นสมควรไหม?
ลินลี่ย์รู้เส้นทางที่เขาจะเลือกในอนาคตแล้ว
ไล่ล่าไขว่คว้าหาพลังสุดยอด
 “ท่านพ่อ!” ทันใดนั้นลินลี่ย์เห็นฮ็อกบิดาของเขา  พอเห็นว่าเมืองชนบทอย่างอู่ซานต้องประสบภัยพิบัติเดือดร้อน  หัวใจของฮ็อกในฐานะผู้นำเมืองเล็กๆ ก็พลอยทุกข์ใจไปด้วย
 “อย่าส่งเสียง” ฮ็อกจ้องมองลินลี่ย์ บอกใบ้ผ่านทางสายตาของเขา
ฮ็อกหันไปมองจอมเวท, หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเศร้า  “ความจริงเขาเป็นจอมเวทระดับแปด และยังเป็นจอมเวทชำนาญสองสายธาตุ  บางทีทั่วอาณาจักรเฟนไลคงจะมีเพียงไม่กี่คนที่แข็งแกร่งกว่าเขา คนอย่างเขามาถึงเมืองเล็กๆ ของเราจริงๆ ด้วย...”
ถึงตอนนี้ฮ็อกเพียงต้องการให้จอมเวทลึกลับผู้นั้นออกไปจากเมืองอู่ซันให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้  และปล่อยให้เมืองอู่ซันกลับสู่สภาวะปกติ
ทันใดนั้นจอมเวทลึกลับกระโดดลงจากหลังของมังกรลมกรด เขาอยู่ในระยะความสูงอย่างน้อยเท่าอาคารสองชั้น แต่กลับโดดลงมารวดเดียวได้อย่างง่ายดาย
พอเดินไปที่เถ้าถ่านของนักรบผมแดง จอมเวทลึกลับก็โบกมือทั้งสอง เถ้าถ่านแยกกระจายออก  เพชรสีม่วงโปร่งแสงปรากฏออกมาทันที  เพียงแค่สะบัดมือเท่านั้นจอมเวทลึกลับก็คว้าเพชรเงาแห่งเบโรมาถือไว้
 “ฮ่าๆๆ เพชรเงาแห่งเบโร ข้าตามหามาได้สิบปีแล้ว  นึกไม่ถึงเลยว่าเพราะวันนี้ ข้าแค่ตัดสินใจแวะเมืองนี้ ข้ากลับได้พบเจ้าโดยบังเอิญ?  ฮ่าฮ่า... เฮย์แมนส์ ตอนนี้ข้าได้เพชรเงามาแล้ว  ทันทีที่ข้าบรรจุลงในไม้เท้าของข้า  ข้าจะดูว่าครั้งต่อไปเจ้าจะต้านทานข้าได้อย่างไร ฮ่าฮ่า...” จอมเวทลึกลับเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ฮ็อกและชาวบ้านได้แต่มองดูอยู่ไกลๆ อย่างเงียบงัน  ไม่กล้าส่งเสียง เพราะกลัวทำให้จอมเวทลึกลับผู้ทรงพลังนี้โกรธ
 “เมืองอู่ซัน เอ่อ.. ใครเป็นผู้ปกครองเมือง?”  จู่ๆ จอมเวทลึกลับก็เอ่ยขึ้น
 “ท่านพ่อ...” ลินลี่ย์ตกตะลึง
มาถึงจุดนี้แล้ว ฮ็อคไม่มีทางเลือก ได้แต่เดินหลังตั้งตรงสาวเท้าไปข้างหน้า  เขาพูดอย่างนอบน้อมว่า “ท่านจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่,  ข้าเป็นผู้นำของเมืองนี้เอง”
 “โอว” หน้าของจอมเวทลึกลับยังถูกชุดสีม่วงของเขาคลุมบังไว้ป้องกันมิให้ผู้ใดเห็นใบหน้าเขา  เขาพูดเบาๆ ว่า “วันนี้เมืองของท่านได้รับความเดือดร้อนเสียหาย  ข้าได้ฆ่ากลุ่มนักผจญภัยกลุ่มเล็กๆ นี้ไปแล้ว บนร่างของพวกเขาคงมีเหรียญทองทรัพย์สินดีๆ อยู่แน่  พูดถึงเหรียญทองก็คงละลายอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะโดนระบำอสรพิษเพลิงของข้าเล่นงาน  แต่พวกเขาก็ยังมีเงินบางส่วน ขอให้พวกเจ้าตรวจดูดีๆ ถือเสียว่าเป็นการชดเชยให้กับสิ่งที่เพิ่งเกิดในเมืองอู่ซัน”
พอได้ยินคำพูดของจอมเวทลึกลับ  ฮ็อกค่อยรู้สึกโล่งใจ
ตอนนี้จอมเวทลึกลับผู้นี้คงไม่คลั่งฆ่าใครอีกแล้ว
 “ข้า..ฮ็อก ในนามของชาวเมืองอู่ซันขอขอบคุณในความกรุณาของท่านจอมเวท” ฮ็อกโค้งตัวแสดงความเคารพ
จอมเวทลึกลับพยักหน้าเล็กน้อย  จากนั้นหันกายเดินตรงไปที่มังกรลมกรด  มังกรลมกรดคุกเข่าลงทันทีเหยียดขาหน้าของมันออก  จอมเวทก้าวเดินไปบนขาของมังกรลมกรด จากนั้นกระโจนขึ้นไปอยู่บนหลังของมัน
 “ฮึ่มมม” มังกรลมกรดคำรามอย่างเกียจคร้าน ขณะที่ควันสองสายพ่นออกจากจมูกของมันอีกครั้งหนึ่ง
จากนั้นก็เริ่มเดินอีกครั้งหนึ่ง ฝีเท้าของมันหนักหน่วงจนพื้นดินสั่นสะเทือน  พอมองเห็นสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาและจอมเวทลึกลับค่อยเดินห่างออกไปไปจนลับสายตา  ชาวเมืองอู่ซันทุกคนค่อยสงบจิตใจได้ในที่สุด

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น