วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 1-12 ตั้งเป้าไขว่คว้าพลัง (1)


ตอนที่  1-12  ตั้งเป้าไขว่คว้าพลัง (1)
  แค่ได้เห็นมังกรลมกรดอสูรเวทระดับ 7  และจอมเวทลึกลับเจ้านายของมัน ทำให้ฮ็อกใจเย็นลงได้

 “ลุงแอชลี่ย์” ฮ็อกหันไปมองพ่อบ้านแอชลี่ย์ทันทัน “รีบหาคนมาค้นดูทองที่หลอมละลายอยู่ในกองเถ้าถ่านนี้  นักผจญภัยกลุ่มนี้ไม่ใช่พวกธรรมดาเหมือนกัน  ไม่ต้องสงสัยว่า พวกเขาคงมีสมบัติมีค่าอยู่กับตัวแน่  ข้าหวังว่าพวกเขาคงมีมากพอชดเชยความเสียหายที่เราได้รับในวันนี้”
 
ฮ็อกจ้องมองไปทุกที่ เห็นบ้านเรือนพังทลายเป็นอันมาก
 “ได้ขอรับ ท่าน”  แอชลี่ย์พยักหน้า
 “ฮิลแมน” ฮ็อกหันไปมองฮิลแมน  ยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าคิดว่ายังไงบ้าง?”
ฮิลแมนพยักหน้าเช่นกัน “ข้าว่าน่ากลัวจริงๆ เมื่อข้าเห็นมังกรลมกรดอสูรวิเศษระดับเจ็ด และจอมเวทลึกลับผู้นั้น  ข้าว่าชาวเมืองอู่ซันคงไม่มีความสามารถจะสู้ตอบโต้อย่างนั้นได้  ถ้าผู้มีฝีมือยอดเยี่ยมจอมเวทระดับแปดตั้งใจจะทำลายเมืองของเรา  ข้ายังสงสัยว่าผู้ใดยังจะกล้าตำหนิเขา  อย่าว่าแต่ตอบโต้หรือลงโทษเขาเลย
นักเวทมีสถานะในสังคมสูงส่งมาก
ปกติ แม้จะเป็นนักเวทธรรมดาก็มีฐานะในสังคมเท่ากับขุนนาง
แล้วถ้าเป็นจอมเวทระดับแปดเล่า?  แม้ว่าเขาจะอยู่ต่อหน้าพระราชา เขาไม่จำเป็นต้องคุกเข่าถวายบังคมแต่อย่างใด  เขาสามารถสนทนาขณะที่ยังยืนก็ได้  จากเหตุนี้เอง ใครๆ ก็อาจบอกได้ว่าจอมเวทมีสถานะสูงส่งเพียงไหน
 “ถูกแล้ว ดังนั้น เราควรฉลองกับความจริงที่ว่าวันนี้ไม่มีชาวเมืองอู่ซันตายแม้แต่คนเดียว” ฮ็อกหัวเราะ
 “ย่อมคุ้มค่าต่อการฉลองแน่นอน”  ฮิลแมนพยักหน้าหัวเราะเช่นกัน
 “ฮิลแมน เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปช่วยลุงแอชลี่ย์  หลังจากเสร็จแล้ว  ให้จดรายชื่อคนที่สูญเสียบ้านมาด้วย”  ฮ็อกสั่ง
 “ได้ขอรับ, ท่านฮ็อก”  ฮิลแมนรับคำ
ฮ็อกหันไปมองข้างหลังอย่างระมัดระวัง  จากนั้นถามฮิลแมนอย่างสงสัยว่า “ฮืม? ลินลี่ย์ไปไหนแล้ว?  เมื่อครู่นี้ยังอยู่ตรงนี้เลย”
 “ไม่ทราบเหมือนกัน  ไม่ทันได้สังเกต”  ฮิลแมนส่ายศีรษะเช่นกัน
 “นายท่าน, คุณชายลินลี่ย์เพิ่งออกไปจากบ้าน  แอชลี่ย์พูดอยู่ด้านข้างๆ “แม้ตอนที่เขาออกไป  ดูเหมือนเขาจะยังงงงวยอยู่  ไม่ทราบว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไร”
ฮ็อกพยักหน้าอย่างใช้ความคิด
==================
ถ้าจะมีอย่างเดียวที่คฤหาสน์ตระกูลบาลุคไม่ขาดแคลน นั่นก็คือห้อง  ในช่วงที่ตระกูลบาลุครุ่งเรือง ที่นี่มีคนอยู่อาศัยเป็นร้อย  ประชากรตอนนี้ลดน้อยลงกว่าเมื่อก่อนมาก  แม้แต่เด็กแปดขวบอย่างลินลี่ย์ก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวของเขา
ภายในห้องนอนของลินลี่ย์
ลินลี่ย์กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียงขมวดคิ้วคิดอยู่
พลังที่น่าหวาดหวั่นของระบำอสรพิษเพลิงวนเวียนผุดเป็นภาพในใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า  อสรพิษเพลิงยักษ์เหล่านั้นและเปลวเพลิงร้อนแรงที่พวกมันสร้างผุดขึ้นมาในใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า  พวกมันเปลี่ยนให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆกลายเป็นเถ้าถ่าน  รวมทั้งกลุ่มนักรบและนักเวทกลุ่มเล็กๆที่ทรงพลัง
 “จอมเวททรงพลังมากจริงๆ”
ลินลี่ย์รู้สึกถึงด้ายแห่งความปรารถนาในใจเขา  “แม้ว่าเราจะเป็นสมาชิกของตระกูลนักรบเลือดมังกรคนหนึ่ง  แต่ความเข้มข้นของเลือดมังกรในสายเลือดของเรายังต่ำเกินไป  เป็นความจริงที่คนที่มีเลือดมังกรไม่เข้มข้นไม่สามารถฝึกฝนปราณยุทธอย่างอื่นได้  วิธีฝึกฝนเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งความสามารถของเรามิให้พัฒนาทักษะนักรบขั้นสูงสุดได้  สงสัยว่าหากเป็นไปได้ เราน่าจะเป็นจอมเวทแทน”
ทันใดนั้นลินลี่ย์มีความต้องการจะเป็นจอมเวท
 “มังกรลมกรดตัวนั้นทรงพลังน่ากลัวเช่นกัน  ถ้าเรามีมังกรลมกรด  อย่างนั้น...”
ลินลี่ย์เริ่มคิดย้อนไปถึงพลังที่น่ากลัวของมังกรลมกรด
มันรวดเร็วดุจสายฟ้า  หางที่เหมือนแส้หวดใส่ก้อนศิลาที่พุ่งโจมตีมาได้อย่างง่ายดายและยังทำลายบ้านเรือนเพียงแค่มันสัมผัส  ร่างมหึมาของมันคล้ายอาวุธโอบล้อมขนาดยักษ์ ที่ศัตรูจะต้องเผชิญในสงคราม
 “อสูรเวท... สงสัยจริงว่าทำอย่างไรถึงจะครอบครองอสูรเวทได้”  ลินลี่ย์ปรารถนาจะมีอสูรเวทเป็นของตนเองสักตัว
ไม่ว่าด้วยเหตุผลไรก็ตาม ขณะที่เขานอนบนอยู่บนเตียงเขาไม่อาจหลับได้  เขากระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา  ในใจยังเต็มไปด้วยภาพมังกรลมกรดและระบำอสรพิษเพลิงที่จอมเวทผู้นั้นใช้ออกมา
 “ลินลี่ย์, เป็นอะไรไปลูก?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
ลินลี่ย์ถีบเท้าและเงยศีรษะขึ้น  เขาเห็นว่าเป็นบิดาเขานั่นเอง ฮ็อก  ขณะนั้นใบหน้าฮ็อกมีรอยยิ้มขณะมองดูลินลี่ย์
 “ท่านพ่อ”  ลินลี่ย์พูดอย่างนอบน้อม  ทันใดนั้นลินลี่ย์รู้สึกสับสน “ทำไมท่านพ่อถึงยิ้มให้เรา? และทำไมท่านถึงมีสีหน้าเช่นนั้น
ปกติฮ็อกจะเข้มงวดกับลินลี่ย์มาก  และไม่ค่อยยิ้มอย่างสนิทสนม  สีหน้าของเขาในตอนนี้ทำให้ลินลี่ย์รู้สึกประหลาดใจ
 “ไม่เลว, ไม่เลวเลย” ฮ็อกพูดอย่างภูมิใจขณะมองลินลี่ย์  “ลูกเป็นทายาทคนหนึ่งของตระกูลนักรบเลือดมังกรเราจริงๆ  ลูกมีคุณสมบัติระดับสูง  ถ้าลูกหลานนักรบเลือดมังกรหวาดหวั่นต่อความตาย  กลัวเห็นเลือด, กลัวการฆ่า อย่างนั้นก็คงเป็นเรื่องตลก”
พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ ลินลี่ย์เข้าใจได้ทันที  บิดาของเขามีความสุขที่เขาแสดงออกว่าไม่กลัวภาพที่น่ากลัวที่มังกรลมกรดกินลูคทั้งเป็น
ลินลี่ย์พูดอย่างประหลาดใจ “ท่านพ่อ, ท่านเห็นทุกอย่างเหรอ?”
 “มังกรลมกรดนั้นทำให้เกิดความปั่นป่วนขนาดนั้น  พ่อจะไม่เห็นได้ยังไง?  ทันทีที่มังกรลมกรดมาถึงเมืองอู่ซัน  พ่อก็ออกมาเช่นกัน  แต่พ่อไปอยู่อีกด้านหนึ่ง  พ่อสามารถเห็นสีหน้าของลูกและของฮิลแมน”  ฮ็อกพยักหน้า
ลินลี่ย์ฉีกยิ้ม
นึกถึงตอนนั้น จากที่เริ่มตื่นเต้นเล็กน้อย  ต่อมาเขารู้สึกเหมือนกับว่าเลือดสูบฉีดเดือดพล่าน ทำให้เขาเหมือนกับกระหายเลือด  ลินลี่ย์สงสัยว่าอาจเป็นเพราะเลือดมังกรในสายเลือดเขา
ฮ็อกหัวเราะ  “ลินลี่ย์ เหตุการณ์วันนี้ประหลาดมากขนาดทำให้ลูกลืมอาหารค่ำอย่างนั้นหรือ?”
 “อาหารค่ำ?” ลินลี่ย์สะดุ้ง
 “จ๊อก......”  เสียงท้องร้องเหมือนจะเห็นด้วยในเวลานี้  เดี๋ยวนี้ลินลี่ย์ตระหนักว่ายังไม่ได้ฝึกตอนเย็นก่อนที่มังกรลมกรดและจอมเวทลึกลับจะมาถึง
ถูกแล้ว  ตอนนี้ได้เวลาอาหารค่ำแล้ว
แต่ในใจของลินลี่ย์ยังคงวนเวียนคิดถึงเรื่องระบำอสรพิษเพลิงและมังกรลมกรด
 “ท่านพ่อ ข้ามีเรื่องอยากถาม  เป็นไปได้ไหมที่สมาชิกตระกูลนักรบเลือดมังกรจะกลายเป็นจอมเวท?”  ลินลี่ย์รวบมือโดยไม่ทันรู้ตัวกำผ้าคลุมเตียงแน่น  เขาจ้องบิดาเขาแน่วแน่
ฮ็อกสะดุ้ง  แต่ชั่วครู่ต่อมาเขาก็เข้าใจได้ทันที  ดูเหมือนตอนนี้บุตรชายของเขาต้องการเป็นจอมเวท
 “เป็นไปได้สิ” ฮ็อกพยักหน้า
ลินลี่ย์ไม่สามารถปิดความยินดีมิให้ปรากฏอยู่บนสีหน้า
ฮ็อกโบกมือเตือนให้ลินลี่ย์สงบอารมณ์ก่อนที่จะพูดว่า “ลินลี่ย์ มีนักเวทอยู่ในสายตระกูลนักรบเลือดมังกรของเรา  อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีเพียงสองคนเท่านั้น  ลินลี่ย์ ลูกควรจะรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนที่จะเป็นนักเวทได้ก็คือพรสวรรค์โดยธรรมชาติ  โดยทั่วไปมีเพียงคนหนึ่งในพันคนที่มีพรสวรรค์พอจะเป็นนักเวทได้  หนึ่งในพัน!  โอกาสต่ำมากจริงๆ  ดังนั้น ลูกอย่าตั้งความหวังมากเกินไปจะดีที่สุด”
ลินลี่ย์ส่ายหน้า
 “ท่านพ่อ, ตราบใดที่มีความหวังมาก  ข้าก็จะอดทน”  แววตาแน่วแน่ปรากฏอยู่บนใบหน้าลินลี่ย์
ฮ็อกมองดูสีหน้าจริงจังปรากฏอยู่บนใบหน้าเด็กวัยแปดขวบ  อย่างไรก็ตามเด็กคนหนึ่งเอาจริงเอาจังนับเป็นเรื่องน่าขัน  แต่ฮ็อกไม่ได้หัวเราะ
ฮ็อกไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะ จากนั้นพูดว่า “ลินลี่ย์ ทุกๆ ปีเมื่อกองทัพประกาศรับสมัครในปลายฤดูใบไม้ร่วง  ในเมืองหลวงเฟนไล จะมีนักเรียนนักเวทเข้ามาสมัครทดสอบ  ถ้าลูกต้องการไปจริงๆ พอถึงฤดูใบไม้ร่วง ลูกไปทดสอบก็ได้”
 “ฤดูใบไม้ร่วงหน้าหรือ? ยังเหลืออีกครึ่งปีไม่ใช่เหรอ?”  นัยน์ตาของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

2 ความคิดเห็น:

Anny กล่าวว่า...

ท่านพ่อน่ารัก

Unknown กล่าวว่า...

สนุกไมอิอิ

แสดงความคิดเห็น