วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 1-13 ตั้งเป้าไขว่คว้าพลัง (2)


ตอนที่  1-13  ตั้งเป้าไขว่คว้าพลัง (2)
  เวลาอาหารค่ำ สมาชิกตระกูลบาลุคทั้งสามคนและแอชลี่ย์พ่อบ้านของพวกเขาจะกินอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากัน  วอร์ตันตัวน้อยจะลุกขึ้นส่งเสียงดังน่ารักหัวเราะร่าเริงอยู่ที่โต๊ะทานอาหาร พอทานอาหารค่ำเสร็จ  พ่อบ้านผู้รับใช้ชราก็นำวอร์ตันกลับไปที่ห้อง  ขณะที่ลินลี่ย์กับฮ็อกบิดาของเขาเริ่มสนทนากัน

 “จริงสิ, ท่านพ่อ, ระหว่างจอมเวทกับนักรบ ผู้ใดแข็งแกร่งกว่ากัน?”  ลินลี่ย์สงสัย
 
ฮ็อกจ้องลินลี่ย์ แล้วหัวเราะเบาๆ ส่ายหน้ากล่าวว่า “ลินลี่ย์!  จอมเวทกับนักรบต่างก็มีความแข็งแกร่งของตนเอง  ในระดับที่เท่ากันบางทีจอมเวทอาจดูแข็งแกร่งกว่านักรบอยู่บ้าง  แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสถานะของจอมเวทจะสูงส่งกว่านักรบในระดับที่เท่ากันมากนัก  ตัวอย่างเช่น จอมเวทสองสายธาตุผู้นั้นอยู่ในระดับแปด  กติกาสถานะในสังคมบางทียังเหนือกว่านักรบระดับเก้าเล็กน้อย”
 “ถ้าพวกเขามีพลังต่างกันเล็กน้อย  ทำไมถึงมีสถานะต่างกันใหญ่หลวงขนาดนั้น?”  ลินลี่ย์สงสัย
ฮ็อกหัวเราะ “ก่อนจะอธิบายเรื่องนี้  ลูกควรจะเข้าใจระบบจัดระดับของจอมเวทเสียก่อน  มีอยู่ถึงเก้าระดับ  นักเวทระดับแรกและระดับสองถือเป็นนักเวทชั้นต้น  นักเวทระดับสามและสี่เป็นนักเวทชั้นกลาง  ระดับห้าและหกถือเป็นนักเวทระดับสูง  สามระดับเหนือจากนั้น ระดับเจ็ด, แปด, เก้าล่ะ?  จอมเวทพวกนี้จะทรงพลังน่ากลัวมาก  และแน่นอนว่าที่เหนือกว่านักเวทระดับเก้าก็คือ นักเวทระดับเซียน”
 “เหตุผลที่นักเวทมีสถานะในสังคมก็เป็นเพราะเวทที่มีศักยภาพในการทำลายล้างของพวกเขามีอยู่มาก” ฮ็อกหยิบแก้วน้ำผลไม้มาถือและจิบน้ำหลังจากพูด
 “ศักยภาพในการทำลายล้าง?” ลินลี่ย์มองบิดาของเขา
พอวางแก้วน้ำผลไม้แล้ว ฮ็อกพยักหน้า  “นักรบคนหนึ่ง  ต่อให้เป็นนักรบเลือดมังกรก็ตามสามารถฆ่าคนได้มากสุดร้อยคนในการตวัดดาบคราวเดียว  เมื่อเผชิญหน้ากับกองทหารเป็นล้าน  อย่างมากก็ฆ่าหัวหน้าพวกเขาได้  แต่เมื่อผู้นำคนหนึ่งของพวกเขาตาย  เขาก็สามารถหาคนอื่นแทนที่ได้  แต่เซียนจอมเวทเล่า? ถ้าเขาเลือกใช้เวทต้องห้าม เขาสามารถกวาดเมืองได้ทั้งเมือง ทำลายทหารได้ทั้งกองทัพ  พอทหารถูกทำลายทั้งกองทัพ ต่อให้หัวหน้ารอดตาย  ยังจะใช้การอะไรได้อีก? ฉะนั้น จอมเวทชั้นเซียนของอาณาจักรจึงน่ากลัวกว่าทหารทั้งกองทัพ”
ลินลี่ย์เข้าใจทันที
 “ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดถึงจอมเวทชั้นเซียนเลย  แม้ว่าจะเป็นจอมเวทระดับแปดหรือระดับเก้าก็สามารถใช้เวทที่มีพลังน่าทึ่งได้ และสามารถเปลี่ยนแปลงผลการต่อสู้ได้  นี่คือสาเหตุให้จอมเวทดำรงอยู่ในสังคมระดับสูงได้”  ฮ็อกพูดพลางหัวเราะเบาๆ
ลินลี่ย์พยักหน้าเงียบงัน
ในสงครามแย่งชิงดินแดนในทวีปยูลาน  ใครก็สามารถจินตนาการได้ว่าจอมเวทมีความสำคัญต่อราชอาณาจักรขนาดไหน
 “ใช่แล้ว ท่านพ่อ ข้าเคยอ่านตำราเล่มหนึ่ง เทียบกับนักรบคนหนึ่งแล้ว กำลังทางกายภาพของจอมเวทอ่อนแอมาก  แต่ตอนนั้นข้าเห็นจอมเวทคนนั้นโดดลงมาจากหลังของมังกรลมกรด  เป็นไปได้ยังไงที่ร่างกายเขาจะอ่อนแอ?” ลินลี่ย์คาดคั้นต่อ
ฮ็อกตอบ “เราค่อยคุยปัญหานี้ทีหลัง  ลินลี่ย์! ลูกควรจะรู้ว่าในทวีปยูลานอายุขัยคนทั่วไปประมาณ 120-130 ปี  จอมเวทและนักรบผู้พลังสามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน ปกติก็ 200-300 ปีขึ้นไป  หรือบางครั้ง 400 ปีก็มี  จำกัดสูงสุดก็มีอายุขัยถึง 500 ปี   มีแต่ผู้ที่มีพลังในตำนานระดับเซียน  ถึงจะอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ไม่มีขีดจำกัดเรื่องเวลา
ลินลี่ย์ผงกศีรษะ
เขาก็ได้อ่านในหนังสือของเขาเช่นกัน
 “แต่ว่าลินลี่ย์, ลูกรู้เหตุผลที่นักรบและจอมเวทผู้ทรงพลังจะมีอายุขัยยืนยาวไหม?”  ฮ็อกยังคงถามต่อ
ลินลี่ย์สะดุ้ง
ลินลี่ย์มักคิดเสมอว่าความจริงนักรบและจอมเวทที่ทรงพลังอาจมีชีวิตได้ถึง 300 หรือ 400 ปี  เขาไม่เคยคิดถึงเหตุผล
พอดูสีหน้าของลินลี่ย์แล้ว ฮ็อกหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ “ลินลี่ย์, ก่อนอื่นพ่อต้องขอบอกลูกไว้ก่อนเลยว่าในโลกนี้ มีพลังธาตุคงอยู่ ธาตุไฟ, ธาตุน้ำ, ธาตุลม, ธาตุดินธาตุสายฟ้า ธาตุแสงและธาตุมืด  นักรบและจอมเวททั้งสองนั้นจะดูดซับธาตุเหล่านี้จากธรรมชาติ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝน  การร่ายเวทและพลังลมปราณทั้งสองอย่างจะเป็นเชื้อเพลิงและถูกกำหนดโดยธาตุเฉพาะ  ถ้าลูกสังเกตดีๆ ลูกจะสังเกตเห็นได้ว่ากลุ่มนักผจญภัยที่ลูกได้พบเห็นมาในวันนี้ ทั้งสี่คน หัวหน้าที่มีผมสีแดงมีพลังธาตุไฟและมีปราณยุทธ  ส่วนอีกสามคนเป็นพลังธาตุลมและปราณยุทธ หรือไม่ก็ธาตุน้ำกับปราณยุทธ  แล้วก็เช่นเดียวกับปราณยุทธ  พลังเวทของจอมเวทก็ยังแบ่งเป็นตามธาตุ
นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์ได้ยินได้ฟังเรื่องเช่นนี้  ตอนนี้เขาได้เรียนรู้แล้วว่า ทั้งจอมเวทและนักรบทั้งสองอาศัยการดูดซับพลังธรรมชาติจากสายธาตุตนเอง
 “สาเหตุที่ทำให้จอมเวทผู้ทรงพลังสามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน เพราะเมื่อจอมเวทซึมซับพลังธาตุธรรมชาติเข้าสู่ร่างของตนและสร้างพลังเวทที่บริสุทธิ์  เมื่อพลังงานธาตุโคจรทั่วตัวของพวกเขา  มันจะปรับแต่งจุดต่างๆ ในร่างและเลือดเนื้อโดยธรรมชาติ ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ  พอมีร่างกายที่แข็งแรงขึ้น  พวกเขาก็มีชีวิตยาวนานขึ้นเป็นธรรมดา  โดยแนวคิดเดียวกันนี้  เมื่อนักรบฝึกฝนปราณยุทธ  พวกพวกเขาจะดูดซับพลังธรรมชาติมาโคจรผ่านร่างกายเขาและเสริมพลังให้เข้มแข็ง  นักรบที่มีพลังมาก ร่างกายของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้น โดยปกติเขาจะมีชีวิตยืนยาว” ฮ็อกอธิบายรายละเอียดทุกอย่าง
ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนเข้าใจทุกอย่างกระจ่างชัด
จากที่บิดาของเขาพูด  ร่างของจอมเวทได้รับการเสริมพลังโดยพลังธาตุและจะแข็งแกร่างมากตามธรรมชาติแน่นอน
 “แต่ว่าท่านพ่อ, ทำไมคนถึงชอบบอกว่าจอมเวทอ่อนแอเล่า?”  ลินลี่ย์สับสน
ฮ็อกส่ายศีรษะ  “ลูกไม่ลองคิดด้วยตัวเองบ้างเล่า?  จอมเวทมีร่างกายที่อ่อนแอเมื่อเทียบกับนักรบในระดับเท่ากัน และก็เอาแน่นอนไม่ได้  ตัวอย่างเช่น จอมเวทระดับแปดอาจมีความแข็งแรงทางกายภาพเท่ากับนักรบระดับสองหรือสาม  แม้ว่าเขาจะไม่เคยฝึกทางกายภาพเลย  แต่แน่นอนว่า  เทียบกับนักรบระดับแปดแล้ว  ร่างกายของเขาอ่อนแอกว่ามากแน่นอน”
ลินลี่ย์ตบศีรษะตนเอง จากนั้นหัวเราะแบบอายๆ
ทำไมเขาไม่ตระหนักแนวคิดง่ายๆ แบบนี้?  ความคิดของเขาทื่อจนเกินไป
 “ถึงแม้จะมีความจริงที่ว่าจอมเวทเสี่ยงต่อการสู้ในระยะประชิด  แต่พวกเขามีวิธีการของตนเองเพื่อทดแทนส่วนที่ขาดแคลน  วิธีหนึ่งก็คือใช้คาถาโล่ป้องกันวิเศษ อย่างเช่น คาถาโล่ดิน โล่น้ำแข็ง โล่สายลมหรือโล่แสง  ก่อนอื่นพวกเขาจะใช้เวทของเขาป้องกัน  จากนั้นก็จะใช้เวทโจมตีโต้ตอบ
 “แล้วจอมเวทผู้ทรงพลังที่แท้จริงยังจะมีวิธีการอย่างอื่น  คือการใช้สัตว์เวท!
พอได้ยินคำพูดเช่นนี้ ลินลี่ย์นัยน์ตาเป็นประกาย
ลินลี่ย์ต้องการมีสัตว์เวทเป็นของตนเอง  เช่นมังกรลมกรดที่ทรงพลัง
 “สัตว์เวทที่ทรงพลังสามารถปกป้องร่างของจอมเวทได้ ป้องกันศัตรูมิให้เข้ามาใกล้  วิธีอย่างนี้จอมเวทจะสามารถร่ายคาถาโจมตีของเขาเพื่อสังหารศัตรูของเขา”  ฮ็อกยิ้มขณะพูด
ลินลี่ย์ถามทันที “ท่านพ่อ,  คนๆ หนึ่งจะมีสัตว์เวทมาช่วยงานได้ยังไง?”
พอเห็นสีหน้าของลินลี่ย์  ฮ็อกหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้  “มีอยู่เพียงสองวิธีที่จะได้รับสัตว์เวทมาช่วย คือทางแรกทำให้อสูรเวทยอมรับใช้เจ้าด้วยตัวเองอย่างเต็มใจ  วิธีที่สองใช้พลังเวททำสัญญากับอสูรเวทให้ยอมรับใช้”
 “ความต้องการสำหรับข้อต้นนั้นยากมาก  สำหรับอสูรเวทที่ยินดีรับใช้เจ้าด้วยตนเอง  บางทีมีวิธีเดียวก็คือเอาชนะอสูรเวทด้วยการต่อสู้โดยตรง  จากนั้นมันถึงจะยินยอมติดตามลูก  ตัวอย่างเช่น ถ้าลูกต้องการควบคุมมังกรลมกรด  ลูกจะต้องต่อสู้เอาชนะมังกรลมกรดให้ได้เสียก่อน”  คำพูดของบิดาทำให้ลินลี่ย์พูดไม่ออก
เขาต้องการมังกรลมกรดตัวหนึ่งเป็นของตนเอง  แต่จะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะมีพลังเอาชนะมันได้?
 “สำหรับวิธีที่สอง   มันซับซ้อนมากในการเตรียมทำสัญญาผูดมัดกับอสูรเวท  มีเพียงจอมเวทระดับเจ็ดเป็นอย่างน้อย  ถึงจะทำสัญญาเช่นนั้นได้”  ฮ็อกพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ลินลี่ย์ตะลึกง “ท่านพ่อ, ถ้าเป็นอย่างที่พ่อพูด ก็มีเพียงจอมเวทระดับเจ็ดหรือสูงกว่านั้นถึงจะทำสัญญากับอสูรเวทได้อย่างนั้นหรือ?”
 “ไม่, ไม่จำเป็น  ถ้าเจ้ามีเงินมากพอ  เจ้าสามารถซื้อม้วนเวททำสัญญาผูกพันได้  เมื่อเวลามาถึง  ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำก็คือฉีกมันออก  และสัญญาเวทรับใช้ก็จะทำงานของมันเอง  อย่างไรก็ตาม ม้วนเวทสัญญาแพงอย่างมาก”  ฮ็อกพูดพลางหัวเราะอย่างจนใจ
 “มันแพงขนาดไหน?”  ลินลี่ย์คาดคั้นต่อ
 “ล่าสุดที่พ่อได้ยินมา ราคาประมาณหมื่นเหรียญทอง และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า  ต่อให้ลูกมีเงิน  แต่ก็แทบไม่มีตลาดจะหาซื้อได้  เนื่องจากมันหายาก” คำพูดของฮ็อกทำให้ลินลี่ย์หัวเราะอย่างจนใจ
ส่วนที่ยากที่สุดเพื่อให้ได้อสูรเวทมาช่วยงานก็คือ เอาชนะมัน
แน่นอน ท่านอาจจะได้รับอสูรเวทที่อ่อนแอมาช่วยงาน  แต่มันจะมีประโยชน์อะไร?  แต่สำหรับอสูรเวทที่ทรงพลัง ท่านมีพลังมากพอจะปราบปรามมันลงได้หรือไม่?  ถ้าท่านเอาชนะมันได้โดยใช้กับดักหรือกลลวง  อสูรเวทจะยินดีรับใช้ท่านได้อย่างไร?
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะโน้มน้าวให้ใครๆ ยอมรับใช้ท่านด้วยตัวเองได้
ขณะที่วิธีที่สองใช้คาถาเวทผูกมัด ก็เห็นได้ชัดว่าเงื่อนไขนี้มีเพียงจอมเวทที่ทรงพลังเท่านั้นหรือคนที่มั่งคั่งเท่านั้นถึงจะทำได้  แม้แต่ตระกูลขุนนางก็ยังไม่ยินดีจะใช้เงินถึงหมื่นเหรียญทองเพื่อซื้อม้วนเวททำสัญญาแค่ม้วนเดียว
ลินลี่ย์เม้มปาก ขมวดคิ้วใช้ความคิด
 “ถ้าข้าต้องการได้อสูรเวทไว้ช่วยงานจริงๆ   ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว อย่างนั้นข้าต้องกลายเป็นจอมเวทระดับเจ็ดก่อน  นั่นเป็นวิธีเดียว”    ลินลี่ย์แอบไตร่ตรองถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด  แต่เขารู้ดีว่าเรื่องเช่นนี้ยากเพียงไร
และอุปสรรคแรกในแผนนี้เล่า?  คำถามก็คือเขามีพรสวรรค์ธรรมชาติในการใช้เวทหรือไม่
ที่สำคัญที่สุด  เขามีโอกาสเพียงหนึ่งในหมื่น  ถ้าเขาไม่มีพรสวรรค์ตามธรรมชาติ  อย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางได้เป็นจอมเวทแน่นอน

5 ความคิดเห็น:

แค่ผ่านมา กล่าวว่า...

ขอบคุณครับท่าน

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

iboon2550@gmail.com กล่าวว่า...

ยอดเยี่ยมอ่านสนุกฉีกแนวจีนเอาแฟนตาซีฝรั่งมาฉายมั่งช่างสรรหานะท่านขอบน้ำใจไม่มีลืม

iboon2550@gmail.com กล่าวว่า...

ยอดเยี่ยมอ่านสนุกฉีกแนวจีนเอาแฟนตาซีฝรั่งมาฉายมั่งช่างสรรหานะท่านขอบน้ำใจไม่มีลืม

neng2006 กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับผม

แสดงความคิดเห็น