วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 1-14 ศึกกลางเวหา (1)



ตอนที่  1-14  ศึกกลางเวหา (1)
 เช้าวันต่อมา

เป็นเหมือนเช่นเคยทุกวัน ลานว่างทางทิศตะวันออกเมืองอู่ซันเต็มไปด้วยเด็กๆ ฮิวแมนและครูผู้ฝึกอีกสองคนยังมาไม่ถึง  ดังนั้นเด็กทุกคนจึงสนทนากันเองอย่างออกรสชาติ  โดยทั่วไปเรื่องที่พูดคุยกันจะเป็นเรื่องการต่อสู้ที่น่าตื่นตกใจเมื่อวานนี้
 
 “อสูรเวทตัวเมื่อวานนี้มีพลังมาก  เมื่อลุงฮิลแมนและคนอื่นยืนอยู่ข้างหน้า  ข้าอยู่ข้างหลังพวกเขาและแอบมองจากที่ไกล  พวกเจ้าคิดไม่ออกแน่  เมื่ออสูรเวทขนาดมหึมาจิกกรงเล็บลงที่พื้น  พื้นถนนศิลาก็แตกกระจายเป็นชิ้นๆ  และบ้านแถวๆ นั้นพังทลายลงเหมือนกับสร้างมาจากดิน”  ในท่ามกลางเด็กทั้งหมดฮาดลี่ย์ช่างคุยเหมือนอย่างเคย  เขาบรรยายเป็นฉากๆ อย่างเมามันพร้อมทั้งทำมือประกอบท่าทางเหมือนกับว่าเห็นทุกอย่างด้วยตาตนเอง
เด็กทุกคนจ้องมองฮาดลี่ย์ดวยนัยน์ตาเบิกกว้าง
 “ฮาดลี่ย์! เมื่อวานนี้เจ้าอยู่กับเราทางด้านตะวันออกเหมือนกันนี่  เจ้าไม่กล้าไปตรงนั้น  แล้วเจ้าจะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้ยังไง?”  เด็กผมน้ำตาลวัยสิบสามขวบแค่นเสียง
พวกเด็กที่เป็นผู้ใหญ่กว่าเล็กน้อยไม่อาจหลอกได้ง่ายเหมือนกับเด็ก 7-8 ขวบ
ฮาดลี่ย์หันไปจ้องเด็กวัยสิบสามปี  นัยน์ตาเขาเบิกกว้าง เขาพูดว่า “ฟอร่า! เจ้าไม่เชื่อข้าเหรอ?  ข้า, ฮาดลี่ย์เคยหลอกใครซะเมื่อไหร่กัน?”
เด็กผมน้ำตาลชื่อฟอร่าพูดพลางเยาะเย้ย “ทุกคนก็รู้ทั้งนั้นว่าเจ้าขี้โม้  เจ้าเคยพูดเรื่องจริงเมื่อไหร่กัน?  เฮ้, ทุกคน  ทำไมพวกเจ้าถึงไม่พูดเองเล่าว่าฮาดลี่ย์เคยพูดความจริงบ้างไหม?”  ฟอร่าพูดกับเด็กๆที่อยู่ถัดจากเขาไป
กลุ่มเด็กอายุ 12-15 ปีเริ่มหัวเราะกันทุกคน  “ถูกแล้ว หนูน้อยฮาดลี่ย์ชอบเติมเรื่องไร้สาระเสมอ”
พวกเด็กอายุค่อนข้างมากจะเข้าข้างฟอร่า
ฮาดลี่ย์รีบพูดขึ้นทันที  “พวกเจ้าไม่เชื่อข้าเหรอ?  ดีล่ะ งั้นก็ไม่ต้องเช่อ”  ฮาดลีย์หงุดหงิดหมุนตัวไปทุกด้านกระทั่งเห็นลินลี่ย์  นัยน์ตาของเขาเป็นประกาย  เขาพูดทันทีว่า “แต่ทุกคนที่นี่รู้ว่านอกจากลุงฮิลแมนและครูฝึกอีกสองคน  ลินลี่ย์ก็ไปด้วย ลินลี่ย์เห็นทุกอย่างกับตาตนเอง  คำพูดของลินลี่ย์น่าจะถูกต้อง จริงไหม?  ให้ลินลี่ย์เล่าให้พวกเจ้าฟัง ดูซิว่าข้าจะพูดถูกหรือไม่”
 “คุณชายลินลี่ย์เหรอ?”  เด็กๆ หันไปมองลินลี่ย์
ในสายตาของเด็กๆ ชาวเมืองอู่ซัน  ลินลี่ย์มีฐานะอยู่ในท่ามกลางหมู่พวกเขา  ประการแรกเขาเป็นทายาทตระกูลบาลุค และประการที่สองขณะที่เขาอายุแปดขวบ  ลินลี่ย์สามารถฝึกได้พอๆ กับเด็กวัยสิบสามและสิบสี่ปี   ในทวีปยูลานที่เต็มไปด้วยสงคราม  ความกล้าหาญของลินลี่ย์ทำให้เด็กชาวเมืองอู่ซันทุกคนยกย่องเขา
 “คุณชายลินลี่ย์เห็นทุกอย่างกับตาตนเอง  ปกติ พวกเราจะเชื่ออะไรก็ตามที่คุณชายลินลี่ย์พูด”  เด็กๆ พวกนั้นพยักหน้า
เด็กๆ วัยสิบสามและสิบสี่ขวบเหล่านั้นหรือที่เป็นผู้ใหญ่กว่าก็เหมือนกัน  พวกเขารู้ว่าลินลี่ย์เป็นคนมีชาติตระกูลสูงไม่เหมือนกับพวกเขา  พวกเขาเกือบทุกคนจะเรียกเขาว่า “คุณชายลินลี่ย์  มีเพียงฮาดลี่ย์และเด็กๆ ตัวแสบวัยเจ็ดและแปดขวบบางคนยังคงเรียกเขาตรงๆ ว่าลินลี่ย์โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสม
 “บอกข้าที, ลินลี่ย์ ข้าโกหกหรือเปล่า? ข้าเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นใช่ไหม?”  ฮาดลี่ย์เร่งรัดลินลี่ย์พลางเขย่ามือลินลี่ย์และลอบกระพริบตาให้ลินลี่ย์
ลินลี่ย์ไม่รู้จะช่วยยังไง  วิธีที่ฮาดลี่ย์ดึงเขาเข้าไปพัวพันกับการสนทนาครั้งนี้ได้ยังไง?
 “สัตว์อสูรนั่นรู้จักในชื่อว่ามังกรลมกรด และเป็นอสูรเวทระดับที่เจ็ด มันมีพลังเหลือเชื่อ  ทั้งร่างของมันมีเกล็ดแข็งมากปกคลุมทั้งหมด  สามารถต้านทานอาวุธธรรมดาได้ มันมีหางที่เหมือนแส้แข็งแรงและกรงเล็บที่คมเป็นอาวุธ  ขนาดหินถนนแข็งๆ ยังถูกหางและกรงเล็บของมันทำลายกระจุยราวกับสร้างจากกระดาษ  มันสามารถพ่นไฟออกมาจากปากของมันได้  ไฟของมันร้อนมากจนหินแตกเป็นเสี่ยง” ลินลี่ย์พูดไปตามจริง
เด็กทุกคนฟังลินลี่ย์เล่าให้ฟังอย่างเงียบงัน
 “ความจริง พวกเจ้าทุกคนก็รู้ว่ามังกรลมกรดมีพลังมากขนาดไหนจากช่วงที่พวกเจ้าเห็นมันกับตาตนเอง  ไม่จำเป็นต้องให้ข้าอธิบายเพิ่มเติมเลย”  ลินลี่ย์พูดไปยิ้มไป
เด็กโตทุกคนพยักหน้า
ทันทีที่พวกเขาเห็นมังกรลมกรดในวันก่อน พวกเขากลัวอย่างที่สุด  ร่างของมันใหญ่โตเหมือนภูผาขนาดใหญ่ และเกล็ดใหญ่สีแดงบนร่างของมันเห็นแล้วแทบไม่ต้องจินตนาการเลยว่าแข็งทนทานขนาดไหน
 “เจ้าได้ยินไหมล่ะ?  ข้าบอกแล้วว่ามังกรลมกรดมีพลังแข็งแกร่งจริงๆ” ฮาดลี่ย์เริ่มโม้เสียงดัง
เด็กชื่อฟอร่าชำเลืองมองเขา และพูดอะไรบางอย่าง
 “ลุงฮิลแมนกำลังมา”  ลินลี่ย์เห็นฮิลแมน, ลอร์รี่และโรเจอร์กำลังเดินตรงมาทางพวกเขาแต่ไกลและพูดขึ้นทันที  เด็กทุกคนสงบเงียบลงทันทีและอยู่ในระเบียบเคร่งครัด จัดแถวเป็นสามกลุ่ม
สนามฝึกฝนสงบลงทันที  มีแต่เสียงฝีเท้าของฮิลแมนและอีกสองคนที่พวกเขาได้ยิน
ฮิลแมนและครูฝึกอีกสองคนเดินมาอยู่ต่อหน้ากลุ่มทั้งสาม  ฮิลแมนยิ้มและพูดตรงๆ ถึงสิ่งที่เด็กทุกคนคิดอยู่  “ทุกคนควรจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ จริงไหม?”
 “ใช่ขอรับ”  พอได้ยินคำพูดของฮิลแมนและเห็นว่าเขาผ่อนคลายเพียงไหน  เด็กทุกคนตอบรับขึงขังทันที
 “ดีแล้ว” สีหน้าของฮิลแมนเปลี่ยนเป็นเคร่งครัดจริงจัง  “สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์นั้นเรียกว่ามังกรลมกรด  จอมเวทที่ขับขี่มังกรลมกรดมีพลังเหลือเชื่อ  แต่ทุกคนต้องรู้ไว้อย่างหนึ่ง”
สายตาฮิลแมนเปลี่ยนเป็นแหลมคมทันทีขณะกวาดมองหน้าเด็กแต่ละคน  “แม้ว่าจอมเวทลึกลับจะได้มีพลังเหนือกว่าขั้นหนึ่ง  แต่ก็ต้องเริ่มต้นจากระดับต้นก่อน  เพื่อเป้าหมายกำราบมังกรลมกรดที่ทรงพลัง  เขาต้องใช้เวลาหลายปีฝึกหนัก ทำงานหนัก  ถ้าพวกเจ้าต้องการกำราบมังกรลมกรดให้ได้ด้วยตัวพวกเจ้าเอง  ก็ต้องมีพลังให้เท่ากับจอมเวทลึกลับผู้นั้น  จากนั้นพวกเจ้าทุกคนต้องฝึกฝนอย่างหนักโดยมิอาจล้มเหลว”
 “ทุกคนมีศักยภาพพอที่จะกลายเป็นคนเก่งได้  คำถามก็คือ  พวกเจ้ายินดีฝึกหนักอย่างเพียงพอหรือไม่?”
คำพูดของลุงฮิลแมนชัดและหนักแน่นเหมือนกับตอกตะปู  สายตาของเขาดุและเยือกเย็น
ทันใดนั้น เด็กทุกคนเงียบเสียงลง  แต่จินตนาการบางคนกำลังเตลิดเปิดเปิง  และสายตาของพวกเขาฉายแววความคิดที่แตกต่าง
 “ตอนนี้ ได้เวลาฝึกฝนยามเช้าของพวกเราแล้ว  ทำเหมือนอย่างเคย  หันหน้าหาตะวันและเริ่มฝึกซึมซับพลังปราณ”  ฮิลแมนเริ่มให้ทุกคนฝึกฝนประจำวัน และทันใดนั้นกลุ่มเด็กๆ ก็ฝึกอยู่ในท่าซึมซับปราณ
____________
ตามทักษะแต่ละกลุ่ม  ฮิลแมนฝึกฝนให้ต่างกัน  ภายใต้การแนะนำของผู้ใหญ่ทั้งสาม  เด็กแต่ละคนก็ฝึกได้ตามที่ตั้งใจ  วันนี้บรรยากาศการฝึกฝนแตกต่างไปจากเดิม  แทบไม่มีเด็กคนใดบ่นว่าเหนื่อย
พวกเด็กทุกคนมีไฟลุกโชนอยู่ในใจในวันนี้  และพวกเขาก็ฝึกฝนอย่างหนัก
 “ห้าสิบ, ห้าสิบเอ็ด...”  ลินลี่ย์นับในใจขณะที่เขานอนขวางพื้น ใช้ปลายนิ้วของมือข้างหนึ่งและปลายเท้ายันตัวเอง  เขาเกร็งไปทั้งตัว เขากำลังฝึกวิดพื้นด้วยปลายนิ้ว
การฝึกฝนนี้ไม่เพียงแต่ฝึกความแข็งแรงของฝ่ามือเท่านั้น  แต่ยังทำให้นิ้วมือแข็งแรงยิ่งขึ้นและข้อศอกมีแรง  วิธีนี้ง่ายและได้ผล
ถ้าบางคนต้องการเป็นนักรบทรงพลัง  ปกติพวกเขาต้องฝึกฝนปราณยุทธ  ทักษะในการฝึกฝนปราณยุทธ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและทนทานในที่สุด ยิ่งร่างกายแข็งแรงก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับปราณยุทธได้มากยิ่งขึ้น
 “เนื่องจากร่างกายเรามีเลือดมังกรอยู่ในสายเลือดจึงไม่สามารถฝึกฝนปราณยุทธได้  ทางเลือกประการเดียวของเราก็คือฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งกว่าคนอื่นมากที่สุด”  ดวงตาของลินลี่ย์มุ่งมั่น และนิ้วของเขาจิกลงบนพื้นแน่นเหมือนรากไม้เก่าแก่ของไม้ยืนต้น  เขาวิดพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า สร้างความตื่นเต้นให้กับเด็กๆ โดยรอบ
 “เก้าสิบแปด, เก้าสิบเก้า...”
ลินลี่ย์ยังคงนับต่อเนื่อง
____________________
 “การฝึกฝนช่วงเช้าจบลงแล้ว”  ฮิลแมนพูดเสียงดัง ขณะหันหน้ามาทางเด็กๆ
หลังจากพูดคำนี้แล้ว ฮิลแมนสูดลมหายใจลึก  ขณะที่เขาคิดเองว่า “เขาจะเล่าเรื่องอะไรให้เด็กๆ ฟังในวันนี้?”  ทุกๆ วัน เมื่อฝึกฝนยามเช้าเสร็จ  ฮิลแมนจะเล่าเรื่องให้เด็กๆ ฟัง นี่เหมือนกลายเป็นกิจวัตร
 “ลุงฮิลแมน, เรา..”
เสียงเด็กคนหนึ่งดังขึ้น
แต่ชั่วขณะนั้นที่เด็กคนนั้นพูดไปครึ่งเดียว  ฮิลแมนมองลงมาขณะที่เขารวบรวมความคิดอยู่  ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกแปลก  เขาเงยศีรษะขึ้น  ตอนนี้กลุ่มเด็กทุกคนจ้องไปทางทิศตะวันออก ปากอ้าตาค้าง  โรเจอร์และลอร์รี่ก็หันไปมองทางทิศตะวันออกเช่นกัน  และสายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกลัว
 “เอ๊ะ?”  ฮิลแมนประหลาดใจอย่างช่วยไม่ได้จึงหันไปมองทางทิศตะวันออกเหมือนกัน
ในทิศตะวันออกห่างออกไปไม่ไกลนัก ประมาณ 200-300 เมตรในอากาศ มังกรยักษ์สีน้ำตาลนอนขดตัวอยู่กลางท้องฟ้า  ตัวของมันยาวร้อยเมตรเป็นอย่างน้อย นัยน์ตาสีดำขนาดยักษ์เท่าล้อเกวียน  เกล็ดสีดำเป็นประกายใหญ่พอจะทำให้คนกลัวได้  และปีขนาดร้อยเมตรของมันกระพืออย่างนุ่มนวล  แต่ความเคลื่อนไหวของมันเต็มเปี่ยมด้วยพลังอย่างไม่น่าเชื่อ
อสูรศักดิ์สิทธิ์ – มังกรดำ!

4 ความคิดเห็น:

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Anny กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ

neng2006 กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับผม

แสดงความคิดเห็น