วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 2-7 เมืองเฟนไล



ตอนที่  2-7 เมืองเฟนไล

ถัดจากเทือกเขาสัตว์วิเศษก็เป็นสหภาพศักดิ์สิทธิ์และพันธมิตรมืด  และเมืองหลวงอาณาจักรของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ก็คืออาณาจักรเฟนไล
เมืองเฟนไลกลายเป็นเมืองหลวงของอาณาจักเฟนไลด้วย
นอกจากนี้ ยังคงเป็นนครศักดิ์สิทธิ์ของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ด้วย  เพราะวิหารเจิดจรัสตั้งอยู่ในทิศตะวันตกของเมืองเฟนไล
 
ทั้งเมืองเฟนไลแบ่งออกเป็นสองส่วน คือเมืองเฟนไลตะวันออกและเฟนไลตะวันตก  เฟนไลตะวันออกปกครองโดยกษัตริย์แห่งเฟนไล  ขณะที่เฟนไลตะวันตกควบคุมโดยวิหารเจิดจรัส  เพราะเมืองเฟนไลเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรและเป็นเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน  ความมั่งคั่งของเมืองเฟนไลมีเพียงไม่กี่เมืองในทวีปยูลานถึงจะเทียบได้
เมืองเฟนไลกินพื้นที่มหาศาล และมีประชากรอาศัยอยู่ในเมืองมากกว่าล้านคน  ในทั่วทั้งทวีปยูลาน เมืองนี้ติดอันดับหนึ่งในห้าสุดยอดมหานคร
ตกกลางคืน ลินลี่ย์และฮิลแมนก็เข้ามาในเมืองเฟนไล
 “โห..”
ขณะที่พวกเขาเดินอยู่บนถนนศาลาหอม ถนนสายหลักของเมืองเฟนไลตะวันออก  ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับนัยน์ตาพร่ามัว  หนูเงาน้อยบีบีหลบเข้าไปอยู่ในชุดของลินลี่ย์ตามคำแนะนำของเขา  แต่มันก็แอบดูรอบๆตัว และจากนั้นก็เริ่มส่งเสียงร้องจี๊ดๆ อย่างตื่นเต้น
โชคดีที่ถนนทั้งสายเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกมากมายและสิ่งดึงดูดสายตา  ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเสียง
 “เงียบนะ!  ลินลี่ย์แตะหนูเงาเบาๆ ซึ่งมันก็เงียบเสียงอย่างว่าง่าย  แต่ความคิดผ่านการเชื่อมจิตกับลินลี่ย์  มันยังคงตื่นเต้นไม่หยุด
ถนนศาลาหอมสร้างจากกระเบื้องหินปูน กว้างพอให้รถม้าหลายคันแล่นไปพร้อมกันได้  ด้านข้างของถนนปูกระเบื้องจะมีโรงแรม, ร้านเสื้อผ้า ร้านอาวุธ ไนท์คลับและสถานที่ต่างๆ นอกจากนี้ทั้งสองฝั่งถนนศาลาหอมยังยังปลูกต้นสนไซเปรสเป็นแนว
คุณนายคุณหนูฐานะร่ำรวยใส่เสื้อผ้าใหม่ตามสมัยกำลังคุยและยิ้มขณะที่พวกเขาเดินไปตามถนน
พอเห็นท่าทางของลินลี่ย์ สุภาพสตรีชั้นสูงที่อยู่ใกล้เริ่มจะแอบหัวร่อต่อกระซิกในหมู่เพื่อนของนาง ขณะที่ชี้มาทางลินลี่ย์  เห็นได้ชัดว่าท่าทางของลินลี่ย์เหมือนกับบ้านนอกเข้าเมือง  พวกผู้ดีในเมืองหลวงรู้สึกอยู่ในใจว่าตนเองเหนือกว่าพวกบ้านนอกนั้น
 “ฮึ่ม..ช่างไร้มารยาท” ลินลี่ย์หน้าบึ้งรู้สึกไม่พอใจที่ถูกสาวผู้ดีชี้และหัวเราะใส่
เพราะได้รับการเลี้ยงดูและศึกษาจากตระกูลตั้งแต่เล็ก  ลินลี่ย์รีบควบคุมอารมณ์ตื่นเต้นอย่างรวดเร็ว  และทำหน้าให้ดูสงบมาก  แม้จะดูเผินๆ ก็ตาม
 “ลินลี่ย์ เจ้ารู้สึกยังไงกับเมืองเฟนไล?  นี่คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสหภาพศักดิ์สิทธิ์ของเรา”  ฮิลแมนเดินเคียงข้างลินลี่ย์  บางครั้งก็เห็นนักรบบางส่วนและแม้กระทั่งนักเวทเดินผ่านไป  เขาอดถอนหายใจไม่ได้ “ลินลี่ย์!  ในเมืองเฟนไล นักรบที่ทรงพลังและนักเวทที่มีพลังหาได้ทั่วไป”
ลินลี่ย์หัวเราะพลางพยักหน้า “ในหนังสือ กล่าวไว้ว่าเมืองเฟนไลเป็นศูนย์กลางการปกครอง, เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด”
 “นี่คือสวรรค์ของคนรวยหรือคนที่มีฐานะ”  ฮิลแมนพยักหน้าและถอนหายใจ
ถนนศาลาหอม มีเสียงอึกทึก มีรถม้าของผู้มั่งคั่งผ่านมาบ่อยๆ  หลังจากเดินไปตามถนนศาลาหอมเป็นระยะเวลาหนึ่ง  ฮิลแมนและลินลี่ย์ตรงไปที่บ้านพักธรรมดาเพื่ออาศัยพัก
มีร้านอาหารเล็กๆอยู่ใกล้บ้านพัก  ดังนั้นลินลี่ย์และฮิลแมนจึงกินมื้อค่ำที่นั่น
คืนนั้นภายในบ้านพัก
ลินลี่ย์และฮิลแมนพักอยู่ในห้องเดียวกัน  มีเตียงสองตัวในห้องนี้  ทันทีที่เข้าไปในห้อง หนูเงาน้อยบีบีก็โดดออกมาจากชุดของลินลี่ย์และวนเวียนอยู่รอบตัวลินลี่ย์พลางร้องจี๊ดๆ เสียงดัง
 “รู้แล้ว รู้แล้ว ว่าเจ้าหิว เอ้า..กินซะ”  ลินลี่ย์โยนเป็ดย่างที่เขาเอากลับมาด้วยจากร้านอาหารลงบนพื้น และบีบีกิวิ่งเข้ามาและเริ่มกินอย่างตื่นเต้นทันที
 “ลินลี่ย์!  รีบพักแต่หัวค่ำนะ  พรุ่งนี้เช้าเจ้าจะต้องเข้าประเมินและสมัครเป็นจอมเวท” ฮิลแมนสั่ง
 “ข้าเข้าใจแล้ว, ลุงฮิลแมน” แม้ขณะที่เขาพูด  ลินลี่ย์เดินไปใกล้หน้าต่างและเปิดออก
บ้านพักมีสามชั้น และลินลี่ย์พักอยู่บนชั้นที่สาม  ไม่มีอาคารที่สูงเกินสามชั้นในเมืองอู่ซานสักหลัง  แต่ในเมืองหลวงเฟนไล  มันเป็นภาพที่เห็นโดยทั่วไป เมืองหลวงมีกระทั่งอาคารสูงเจ็ดชั้นหรือแปดชั้นก็มี
พอมองออกไปนอกหน้าต่าง ลินลี่ย์เห็นว่าถนนคราคร่ำไปด้วยผู้คน
 “โห... นานแล้วนะนี่ตั้งแต่ข้าเคยอยู่ในเมืองใหญ่”  แสงสว่างส่องออกมาจากแหวนมังกรขนด เปลี่ยนรูปเป็นผู้เฒ่าเคราขาว  เดลิน โคเวิร์ทและลินลี่ย์ยืนเคียงข้างกันจ้องมองถนนข้างล่าง
 “ปู่เดลิน” ลินลี่ย์ทักทายเขาทันที
 “ลินลี่ย์! รู้สึกยังไงที่ได้อยู่ในเมืองใหญ่?”  เดลินหัวเราะขณะพูด
 “ก็ไม่มีอะไรมากนี่” ลินลี่ย์เบะปาก
เดลิน โคเวิร์ทถอนหายใจ “เจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่นานนัก  เจ้าไม่รู้เรื่องเมืองใหญ่มากนักว่าเมืองใหญ่นั้นเป็นยังไง  สถานที่นี้เป็นที่ใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย เหมือนกับการประมูลครั้งใหญ่ก็จะมีผู้ทรงอิทธิพลใช้เงินเป็นแสนหรือเป็นล้านเหรียญทองเพื่อซื้อของเพียงชิ้นเดียว”
 “เป็นล้านเหรียญทองเชียวหรือ?”  ลินลี่ย์รู้สึกคอแห้ง
นั่นเป็นจำนวนที่มากเพียงไหน? สมบัติของครอบครัวเขา รวมกันทั้งหมดบางทีอาจไม่ถึงล้านเหรียญทอง
 “มีตระกูลมั่งคั่งมากมายที่นี่ เงิน, อำนาจ, ความงาม การต่อสู้เพื่อสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องโหดร้าย  ทุกๆ วัน มีคนตายที่นี่  เมื่อสุ่มขุดลงไปในเมืองเฟนไลก็อาจพบศพถูกฝังบ่อยๆ บางทีก็เป็นของคนในตระกูลชั้นสูงก็ได้”
เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะเบาๆ “แต่เพื่อให้ยืนหยัดในโลกนี้ได้ เจ้าจำเป็นต้องมีพลังเป็นของตนเอง”
 “อย่างหวังว่าจะพึ่งพาอาศัยความช่วยเหลือจากคนอื่น  ทุกอย่างต้องพึ่งพาตนเอง และลำพังตัวเจ้าเองเท่านั้น”  เดลิน โคเวิร์ทมองดูลินลี่ย์
ความจริง เลือดมังกรที่ไหลเวียนอยู่ในสายเลือดของลินลี่ย์ทำให้เขากระหายเลือดและอยากต่อสู้
 “ถ้ามีผู้ใดคุกคามข้าหรือครอบครัวของข้า  ข้าจะฆ่าพวกมัน”  ลินลี่ย์พูดอย่างห้าวหาญ  หลังจากได้อ่านหนังสือประวัติศาสตร์มากมายหลายเล่มเกี่ยวกับความรุ่งเรืองและล่มสลายของตระกูลชั้นสูง  ลินลี่ย์รู้ชัดว่าการเมตตาศัตรูก็เหมือนกับโหดร้ายกับตนเอง
ถ้าท่านปล่อยให้ศัตรูหลุดมือไป  สักวันพวกมันอาจจะฆ่าครอบครัวท่านก็ได้
 “อย่างไรก็ตาม, ตอนนี้พลังของข้ายังอ่อนแอมาก”  ลินลี่ย์อดจะนึกถึงเมื่อตอนที่เขาเข้าเมืองเฟนไลครั้งแรก  พวกสตรีชั้นสูงมองเขาอย่างดูถูก  ในสายตาของชนชั้นสูงเหล่านั้น  เขาไม่มีอะไรที่สำคัญมากไปกว่าเด็กบ้านนอก
ลินลี่ย์ยิ้มสงบนั่งลงบนเตียงและเข้าสมาธิ เริ่มรวบรวมพลัง
การเข้าสมาธิเป็นวิธีที่ดีในการฝึกพลังจิตของตน  วิธีนี้ใช้ได้  มันเป็นวิธีที่ทำให้คนที่ใช้พลังจิตหมดไปแล้วหรือเหลือน้อยได้ฟื้นคืนพลัง
ภายในจุดศูนย์กลางในหน้าอก
สีธาตุดินมัวหม่นเป็นระลอกอยู่ภายในจุดตันเถียน  สิ่งที่พร่ามัวสลัวนี้เป็นพลังเวทที่ได้รับจากแก่นธาตุดิน เกี่ยวกับการสอนของเดลิน โคเวิร์ทจากตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงระดับหก พลังเวทยังปรากฏแบบสลัว  ขณะที่จอมเวทฝึกต่อเนื่องไป คุณภาพของพลังเวทจะสูงขึ้น มีความเข้มข้นเพิ่มขึ้นมาก
พอถึงระดับเจ็ด พลังเวทของจอมเวทจะควบแน่นเป็นของเหลว
ดังนั้น ระหว่างระดับที่หกและระดับที่เจ็ด มีช่องห่างแบบก้าวกระโดด
 “เด็กลินลี่ย์นี้ ฝึกหนักมาก  แม้แต่ยามราตรี เขาก็ยังฝึกพลังจิตต่อ”  พอเห็นลินลี่ย์นั่งขัดสมาธิพร้อมกับหลับตา  ฮิลแมนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขาอยู่เงียบๆ  พลังจิตเป็นสิ่งสำคัญมากต่อทั้งนักเวทและนักรบ
…..
เช้าตรู่วันต่อมา ถนนใบไม้เขียว ทางด้านตะวันออกของเมืองเฟนไล    ถนนสายหลักของเมืองเฟนไล มีอาคารอยู่สองข้างถนนใบไม้เขียวที่ตกแต่งก่อสร้างอย่างหรู  บางอาคารก็เป็นของราชอาณาจักร และอาคารที่สูงที่สุดในหมู่สิ่งก่อสร้างนั้น? ก็คือโบสถ์ของวิหารเจิดจรัส
วิหารเจิดจรัสควบคุมสหภาพศักดิ์สิทธิ์ไว้ทั้งหมด ซึ่งประกอบไปด้วยหกราชอาณาจักรและสิบห้าแว่นแคว้น
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหารเจิดจรัสมีสถานะสูงส่งมาก  เขามีอำนาจปลดพระราชาคนใดในอาณาจักรก็ได้  นี่คือเหตุผลที่ในเมืองเฟนไล  อาคารที่สูงที่สุดก็คือโบสถ์ของวิหารเจิดจรัส
เช้านี้ ผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่รอบๆ ทางเข้าโบสถ์ของวิหารเจิดจรัส  คนส่วนใหญ่จะเป็นพวกขุนนางแต่งชุดเต็มยศ  รถม้านับไม่ถ้วนเต็มพื้นที่ในโบสถ์วิหารเจิดจรัส และขุนนางแต่ละคนก็พูดคุยกันเอง
ลินลี่ย์และฮิลแมนมาถึงที่นี่เช่นกัน
 “ลุงฮิลแมน! วันนี้ที่นี่มีคนมากมาย  คนชั้นสูงหลายคนพาลูกหลานมาที่นี่ด้วย”  ลินลี่ย์หัวเราะให้ฮิลแมน  ตอนนี้ หนูเงาน้อยบีบียังซ่อนตัวอยู่ในชุดของลินลี่ย์  บางคราวก็แอบดูรอบตัวมัน
ฮิลแมนหัวเราะอย่างใจเย็น “คนชั้นสูงหรือ? นักเรียนทุกคนของสถาบันเอินส์สามารถเป็นเอิร์ลในอาณาจักรใดก็ได้
 “เอิร์ลในอาณาจักรใดก็ได้งั้นหรือ?” ลินลี่ย์เข้าใจได้ทันที
เป็นการไม่ยากที่จะได้เป็นขุนนางในอาณาจักรใดๆ ก็ตาม  แต่จะกลายเป็นขุนนางของจักรพรรดิเป็นเรื่องที่ยากมาก  ที่สำคัญที่สุด สี่จักรวรรดิที่มีพลังเทียบเท่ากับสหภาพศักดิ์สิทธิ์  นครหลวงเฟนไลไม่อาจเทียบได้กับพวกนี้
 “โอว, ลอร์ดโดเยิล ท่านก็มาด้วยหรือนี่?”
 “เอเบอร์ ข้ามาที่นี่เพราะลูกข้า  แน่นอน เฮส..มาคำนับลุงเอเบอร์สิลูก”
ในที่ไม่ห่างนัก พวกขุนนางกำลังสนทนากันเอง  เฉพาะค่าทดสอบและสมัครเป็นจอมเวทคือสิบเหรียญทอง  และถ้านักเรียนได้รับให้ศึกษาในสถาบันจอมเวท  ค่าเล่าเรียนก็จะสูงขึ้น  สถาบันจอมเวททั้งหมดจะเรียกเก็บค่าเล่าเรียนปีละร้อยเหรียญทอง  ตระกูลธรรมดาคงไม่สามารถจ่ายค่าเล่าเรียนได้  แต่ถ้าลูกๆ ของพวกเขาได้รับเลือก  เป็นธรรมดาที่พวกเขาสามารถหาขุนนางคอยอุปถัมภ์ค่าใช้จ่ายให้พวกเขา
อย่างไรก็ตาม  ใช่ว่าสถาบันจอมเวทจะมีค่าเล่าเรียนแพงไปเสียทั้งหมด
ตัวอย่างเช่น สถาบันจอมเวทอันดับหนึ่ง สถาบันเอินส์  เพราะรับนักเรียนน้อยมาก เพียงไม่กี่คน นักเรียนคนใดมีภูมิลำเนามาจากสหภาพศักดิ์สิทธิ์  ก็ไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนแต่อย่างใด  ที่สำคัญที่สุด ทุกคนที่ได้เข้าศึกษาในสถาบันเอินส์จะต้องเป็นนักเรียนระดับอัจฉริยะ  ในอนาคตความสำเร็จของพวกเขาไม่มีที่สิ้นสุด
 “ฮืม.. พวกชาวบ้านและเด็กบ้านนอกก็มาที่นี่ด้วย พวกเขาฝันอยู่หรือเปล่?”  ขุนนางคนที่ยืนไกลออกไปหัวเราะ
มีชาวบ้านทั่วไปบางส่วนปนอยู่ในหมู่คนหลายร้อย  และชนชั้นสูงที่อยู่ในเมืองห่างออกไปอย่างลินลี่ย์  ตามปกติแล้ว ตระกูลคนชั้นสูงที่อยู่ในเมืองที่ห่างไกลก็โดนดูถูกด้วยเช่นกัน  พวกขุนนางในเมืองหลวงจะหยิ่งยโสมาก ชอบดูถูกผู้คน
 “ลินลี่ย์,  อย่าไปสนใจคนอย่างพวกนั้นเลย”  ฮิลแมนพูดเบาๆ
พอจ้องกลุ่มพวกขุนนาง ลินลี่ย์แอบหัวเราะอย่างเง่ยบ  “ลุงฮิลแมน  ข้าไม่ได้สนใจคนอย่างนั้นเลย”  ภายใต้การสั่งสอนของบิดาเขา  ลินลี่ย์ไม่ใส่ใจมากนักกับพวกขุนนางที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง
ทั้งลานกว้างเห็นได้ชัดว่าแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มขุนนางก็จับกลุ่มคุยกัน  และอีกกลุ่มก็เป็นพวกชาวบ้านหรือไม่ก็ขุนนางบ้านนอก
ตอนนี้ นักรบเกราะโลหะสองคนกำลังยืนอยู่หน้าโบสถ์ คอยกันทางเข้าทั้งหมด
หลังจากนั้น  เจ้าหน้าที่ชุดดำก้าวเข้ามาจากหน้าประตูโบสถ์  หยุดอยู่หน้าประตู  เขายิ้มและพูดด้วยเสียงแจ่มชัดว่า “พิธีประเมินเวทใกล้จะเริ่มแล้ว  ผู้สมัครเข้าเป็นจอมเวทในสถาบันเตรียมพร้อมให้ดี  ทุกคนที่นี่จะเข้าทดสอบ โปรดตามข้ามาในหอประชุมใหญ่”

2 ความคิดเห็น:

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

neng2006 กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับผม

แสดงความคิดเห็น