วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 3-3 คืนหนึ่งที่สวรรค์น้ำหยก



ตอนที่ 3-3 คืนหนึ่งที่สวรรค์น้ำหยก


เวลาล่วงเลยไป ในชั่วพริบตาก็ถึงปลายเดือนพฤษภาคมแล้ว
ช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ทุกๆวัน ลินลี่ย์จะใช้เวลาว่างของเขาไปกับการนั่งสมาธิ และแกะสลักหรืออ่านหนังสือ ห้องสมุดของสถาบันเอินส์มีหนังสือมากมายมหาศาล และด้วยหนังสือเหล่านี้ลินลี่ย์สามารถเพิ่มความรู้ของเขาได้มาก
 
เช้าวันที่ 29 พฤษภาคม
ลินลี่ย์ เยล จอร์จ และเรย์โนลด์ยืนอยู่หน้าหอศิลป์พรูกซ์ ใกล้ๆ รถม้าเต็มไปด้วยลังไม้ ในสองเดือนที่ผ่านไปนั้น ลินลี่ย์ได้สร้างรูปสลักขึ้นมาเก้าชิ้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ส่งผลงานมาที่ห้องแสดง ลินลี่ย์เพียงต้องการสัมผัสการทำงานเช่นนี้จึงนำมาเพียงสามชิ้น
 “ไปยกกล่องสามกล่องนั้นมา” เยลสั่ง
ผู้รับใช้จากตระกูลของเยลเริ่มเคลื่อนย้ายกล่องไม้
 “น้องสาม มากับข้า” เห็นได้ชัดว่าเยลคุ้นเคยกับถนนสายนี้มาก เขาตรงไปยังด้านข้างของหอศิลป์พรูกซ์ หอศิลป์พรูกซ์ มีที่ว่างมากมาย และด้านข้างทางเข้าหลัก ห่างออกไปสองสามร้อยเมตร มีประตูที่สังเกตเห็นได้ยาก ซึ่งมีบุรุษวัยกลางคนแต่งชุดนักรบยืนอยู่ด้านหน้า
เมื่อบุรุษวัยกลางคนเห็นเยลมุ่งหน้ามาทางเขา ตาของเขาเบิกกว้างและรีบรุดออกไปทันที เขายิ้มและพูดอย่างเคารพ “คุณชายเยล ยินดีต้อนรับขอรับ”
เยลยิ้มและพยักหน้า “ข้าคิดว่าท่านคงรู้สาเหตุที่ข้ามาที่นี่แล้ว  นี่ลินลี่ย์สหายรักของข้า  งานแกะสลักทั้งสามชิ้นเป็นฝีมือของเขา ลูกน้องของท่านอยู่ไหน?  ให้พวกเขามาขนรูปสลักเหล่านี้เข้าไปข้างในได้ไหม?”
 “กรุณารอก่อน” บุรุษวัยกลางคนยิ้มและพยักหน้า
ในเวลาไม่นาน ผู้รับใช้หลายคนก็โผล่ออกมาจากทางเดิน ตามด้วยบุรุษวัยกลางคนที่ยิ้มมาทางลินลี่ย์ “คุณชายลินลี่ย์ ตามกฎของหอศิลป์พรูกซ์  ท่านต้องแสดงหลักฐานยืนยันตัวตน ทั้งหมดที่ท่านต้องทำคือให้พวกเราจดรายละเอียดสถานะนักเรียนของสถาบันเอินส์ของท่าน”
สถานะยืนยันว่าเป็นนักเรียนในสถาบันเอินส์ถือเป็นข้อพิสูจน์ที่มากเพียงพอ
ลินลี่ย์แสดงการยืนยันสถานะนักเรียนของเขา
พอรับใบยืนยันสถานะจากลินลี่ย์  บุรุษวัยกลางคนจ้องมองดู ตาของเขาเบิกกว้างขึ้นทันที ตกตะลึง เขาเลื่อนสายตาของเขากลับไปที่ลินลี่ย์ “นักเรียนเวทระดับห้า?” ระดับเวทของลินลี่ย์เห็นได้ชัดเจนในใบข้อมูล สำหรับเด็กวัยนี้การสำเร็จเป็นจอมเวทระดับห้านั้นน่าประหลาดมาก
เยลอดพูดอย่างภูมิใจไม่ได้ “น้องของข้าผู้นี้เป็นหนึ่งในสองสุดยอดอัจฉริยะของสถาบันเอินส์  เมื่อปีที่แล้วเขาอายุเพียงสิบสี่ปี  ตอนสอบปลายปีเขาก็กลายเป็นจอมเวทระดับห้าไปแล้ว”
หนึ่งในสองสุดยอดอัจฉริยะสถาบันเอินส์น่ะหรือ?
ภายในใจของบุรุษวัยกลางคนนั้น เขารู้ดีว่าอนาคตของเด็กหนุ่มข้างหน้าตนนั้นไร้ขอบเขต ท่าทีของเขากลายเป็นประจบสอพลอยิ่งกว่าเดิม หลังจากบันทึกประวัติของลินลี่ย์ เขาทำสัญลักษณ์บนกล่องไม้ทั้งสามกล่อง
 “คุณชายลินลี่ย์ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ท่านต้องทำมีเพียง กลับมารับเงินของท่านหลังจากนี้ไปหนึ่งเดือนเท่านั้น” บุรุษวัยกลางคนยิ้มออกมา
 “ในอีกหนึ่งเดือนเหรอ? เดือนหน้าข้าไม่ว่าง  อย่างนั้นเราเลื่อนออกไปอีกสามเดือนได้ไหม?”  ลินลี่ย์ถาม  ลินลี่ย์วางแผนไว้ว่าจะมุ่งหน้าเข้าเทือกเขาอสูรเวทภายในสัปดาห์หรือสองสัปดาห์นี้  และในการเดินทางครั้งนี้  เขาตั้งใจจะใช้เวลาอยู่ที่นั่นสองเดือน
 “ไม่ต้องรีบก็ได้  ตราบใดที่งานแกะสลักของท่านยังรอผู้ประมูลซื้ออยู่  ท่านสามารถกลับมารับเงินเมื่อไรก็ได้” บุรุษวัยกลางคนพยักหน้า
เยลขมวดคิ้ว  “หืม?  เกิดอะไรขึ้น  ข้าจำได้ว่าในอดีต ก่อนจะยอมรับงานแกะสลัก  ท่านต้องตรวจสอบในลังไม้เสียก่อน ทำไมตอนนี้ท่านไม่ตรวจสอบล่ะ”
บุรุษวัยกลางคนพูด  “เหตุผลที่เราตรวจสอบภายในลังเพื่อป้องกันผู้ที่คิดโกงโดยส่งรูปสลักที่เสียหายมาให้เรา ถ้าเราไม่ตรวจสอบตรวจสอบความเสียหาย คนพวกนั้นอาจจะใส่ร้ายว่าเป็นฝีมือของทางหอศิลป์และพยายามจะขู่เอาเงินจากเรา แต่งานสามชิ้นนี้ถูกส่งมาโดยคุณชายลินลี่ย์และคุณชายเยล ข้าจึงไม่ต้องกังวลอะไร ข้ามั่นใจว่าคนอย่างคุณชายเยลคงไม่ลดตัวมาทำเรื่องเช่นนี้”
บุรุษวัยกลางคนรู้ว่าเขาควรทำเช่นไรกันแน่
เยลเป็นคนระดับไหน
ขู่กรรโชกหอศิลป์พรูกซ์? จำนวนเงินที่ขู่ได้อาจจะไม่เท่ากับเงินในกระเป๋าของเขาก็ได้ และผู้สร้างรูปสลักเหล่านี้  ลินลี่ย์ เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในสองสุดยอดอัจฉริยะแห่งสถาบันเอินส์ คนจำพวกนี้จะลดตัวลงทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?
…..
จากวันเปลี่ยนเป็นกลางคืน บนถนนสายหลักฝั่งตะวันออกของเมืองเฟนไลที่เต็มไปด้วยร้านค้า ชั้นสามของร้านสวรรค์น้ำหยก ลินลี่ย์และอีกสามคนจองห้องส่วนตัวไว้
ยามราตรีในเมืองเฟนไลมักจะวุ่นวายอยู่เสมอ
แต่ราตรีในสวรรค์น้ำหยกยิ่งอึกทึกครึกโครมจนถึงที่สุด เสียงสตรีที่หัวเราะยั่วยวนดังไม่หยุด ขณะที่เสียงหัวเราะลั่นของบุรุษก็ดังอย่างต่อเนื่อง ภายในห้องส่วนตัว สี่พี่น้องกำลังดื่มพร้อมกับสนทนาอย่างเรื่อยเปื่อยและข้างๆของพวกเขาแต่ละคนมีเด็กสาวที่น่ารักน่าทะนุถนอม
 “น้องรอง, น้องสาม  ข้าจะไปนอนแล้ว และน้องสี่ก็เหมือนกัน  พวกเจ้าทั้งสอง...” แขนของเขาโอบกอดตัวเด็กสาวที่มีผมยาวสีเขียว ลมหายใจของเยลคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า
 “พอได้แล้ว เยล เลิกพูด ได้มั้ย” ลินลี่ย์พูดแทรกเยล
เยลและเรย์โนลด์สบตากัน แล้วมองไปที่ลินลี่ย์และจอร์จด้วยสายตาดูถูก แล้วเยลและเรย์โนลด์ก็ออกไปจากห้องพร้อมกับแขนที่โอบเอวของคู่ขาพวกเขา สองปีมานี้ ลินลี่ย์และพวกมาที่นี่บ่อย
โดยทั่วไป เยลและเรย์โนลด์มักจะไปเล่นสนุก ขณะที่ลินลี่ย์กับจอร์จจะนั่งดื่มและคุยกับเด็กสาว
 “คุณชายลินลี่ย์,  เรารู้จักกันมาสองปีแล้ว แต่ท่าน....” เด็กสาวผมเขียวที่นั่งอยู่ข้างๆ ลินลี่ย์พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ
ลินลี่ย์ปวดหัวอย่างช่วยไม่ได้
 “ไอรา, ถ้าเจ้าระอา เจ้ากลับไปพักได้นะ  รับรองได้ว่าเจ้าจะไม่ได้รับแม้แต่แดงเดียว  ลินลี่ย์ไม่มีทางเลือก ได้แต่พูดเย็นชา ทำให้เด็กสาวนามไอร่าไม่กล้าพูดต่อไป ความจริงเป็นเรื่องยากที่จะเห็นคนมาเที่ยวสวรรค์น้ำหยกเพื่อดื่มกินอย่างเดียว
แสงสีขาววาบออกมาจากแหวนมังกรขนด และกลายเป็นเดลิน โคเวิร์ท
หน้าของเดลิน  โคเวิร์ทมีรอยยิ้มผุดขึ้น มองดูลินลี่ย์ เขาพูดหยอกว่า “เฮ้ ลินลี่ย์ ทำไมเจ้าทำหน้ามุ่ยกับเด็กสาวข้างหน้าเจ้าล่ะ โธ่เอ๋ย ข้า จอมเวทผู้วิเศษระดับเซียนที่แก่หง่อมตอนนี้เป็นเพียงวิญญาณที่ไร้ร่าง แตะต้องอิสตรีไม่ได้ถึงแม้ข้าจะต้องการเพียงไหน แต่เจ้ากลับแสดงท่าทีเช่นนี้หรือ?”
 “ปู่เดลิน”  ลินลี่ย์ขมวดคิ้วขณะที่สนทนาทางใจกับเดลิน โคเวิร์ทอย่างไม่สบายใจ
เดลิน โคเวิร์ทเบะปาก  “เจ้าไม่เคยลิ้มรสสตรี  ถ้าเจ้าได้ลองสักครา เจ้าจะไม่ทำท่าทีอย่างนั้นแน่”
ลินลี่ย์เงยหัวขึ้นและมองไปนอกหน้าต่าง ไม่สนใจเฒ่าหัวงูอย่างเดลิน  โคเวิร์ทอีก อากาศเย็นภายนอกกระทบกับหน้าของเขา ช่วยให้เขาสงบลง
 “ภูเขาอสูรเวท  จะมีอะไรอยู่ในนั้นบ้างนะ?”
ในอีกหนึ่งหรือสองสัปดาห์ ลินลี่ย์จะออกเดินทาง  ภายในสถาบันเอินส์ ลินลี่ย์ได้ยินตำนานเรื่องราวเกี่ยวกับเทือกเขาอสูรเวท และยังได้ฟังมาจากเดลิน โคเวิร์ทเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม  ลินลี่ย์ไม่เคยไปด้วยตนเอง  ดังนั้น ลินลี่ย์จึงได้แต่จินตนาการภาพของเทือกเขาแห่งอสูรเวทเท่านั้น
 “ในอีกสัปดาห์หนึ่ง  เราจะเดินทาง”
พอมองไปนอกหน้าต่าง เห็นท้องฟ้าค่ำคืนไร้ที่สิ้นสุด ลินลี่ย์ตัดสินใจได้แล้ว

4 ความคิดเห็น:

แค่ผ่านมา กล่าวว่า...

ลินลี่ย์ ไอ้ไก่อ่อน

neng2006 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

KiattisakPleng กล่าวว่า...

หมดกัน

Unknown กล่าวว่า...

สนุกขึ้นเรื่อยๆๆ ขอบคุณค่ะ

แสดงความคิดเห็น