ตอนที่ 3-8 การเดินทาง (2)
“จอมเวทขมังธนูธาตุลม จากลูกธนูที่ยิงมานั้นแฝงมาด้วยเวท ‘ความเร็วเสียง’ และ
‘แม่นยำ’ จอมเวทขมังธนูธาตุลมผู้นี้อย่างน้อยต้องมีระดับห้าเป็นอย่างน้อยแน่”
เสียงของเดลิน
โคเวิร์ทดังขึ้นในใจลินลี่ย์ “ดูจากพลังของเจ้าผู้นี้ ถ้าเขาเข้ามาใกล้เจ้าถึงห้าสิบเมตร
ต่อให้เจ้าหลบได้ เจ้าก็ยังบาดเจ็บหนักอยู่ดี หนีไปซะ!”
ลินลี่ย์ใจสั่น
“ทิ้งของมีค่าทั้งหมดของเจ้าไว้
แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”
เสียงเย็นชาดังขึ้น
จากนั้นบุรุษเกินกว่าสิบคนในชุดเขียวเข้มกรูกันออกมาจากป่า ทุกคนถือธนูยาวในมือ และมีดาบสั้นห้อยอยู่ที่เอว
พวกนั้นจ้องมาที่ลินลี่ย์และพวกอีกสองคนอย่างเย็นชาพร้อมกับค่อยๆขยับเข้าใกล้
แต่คนพูดยังไม่ปรากฏตัว
ลินลี่ย์กับพวกสบตากัน พวกเขาไม่ยอมให้ทรัพย์สินของตัวเองแน่
พวกเขาเพียงมองเหล่านักธนูก้าวเข้ามาอย่างระมัดระวัง
“ยิง!” เสียงเยือกเย็นดังขึ้นอีกครั้ง จอมเวทขมังธนูธาตุลมที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
เนื่องจากลินลี่ย์และพวกไม่ยอมแพ้
เขาจึงสั่งให้ฆ่าทันที
“ควั่บ ควั่บ ควั่บ ควั่บ”
ในฉับพลัน มือธนูทุกคนก็ยิงลูกศรของพวกเขา และลูกศรก็พุ่งเข้าหากลุ่มของลินลี่ยซึ่งหลบกันอย่างจ้าละหวั่น
คาฟใช้ดาบเล่มใหญ่ในมือของเขาช่วยป้องกันลูกธนู
ลินลี่ย์ร่ายเวทลม ‘ความเร็วเสียง’ ช่วยให้ตัวเขาหลบหลีกอย่างง่ายดาย
ขณะที่มีเวลาหันไปมองดูอีกสองคน แม็ทหลบหลีกต่อเนื่องค่อนข้างแม่นยำและระวังตัวได้ดี
พร้อมทั้งใช้ดาบสั้นปัดลูกธนูได้
แต่คาฟไม่คล่องแคล่วนัก ขณะที่เขาควงดาบเล่มโต เห็นได้ชัดว่าเขาเคลื่อนที่ได้ไม่เร็วมากนัก
เขาอาศัยดาบยักษ์และพลังปราณขั้นเริ่มต้นชั้นบางๆ ในการปกป้องตัวเอง ความจริงนั้นอันตรายจากลูกธนูก็ไม่ได้มาก
นักรบระดับห้าสามารถยืนต้านได้
“กรอดดด ตายซะ” คาฟคำรามอย่างเกรี้ยวกราดแล้วพุ่งเข้าหานักธนูโดยตรงพร้อมกับดาบยักษ์ในมือ
เมื่อเห็นอย่างนี้ แววตาอำมหิตปรากฏขึ้นในตาของจอมเวทขมังธนูที่ซ่อนอยู่ในป่า
เขาเหนี่ยวธนูออกอีกครั้งและเริ่มร่ายเวทมนต์ ‘ความเร็วเสียง’ และ ‘แม่นยำ’ ซึ่งทำให้คันธนูและลูกธนูส่องแสงสีฟ้าปนทอง
คาฟคำรามเกรี้ยวกราดยังคงพุ่งเข้าใส่นักธนู แต่ไปได้เพียงครึ่งทาง
เขาก็รู้สึกถึงประกายแสงสีฟ้าด้านหน้า ก่อนที่เขาจะทันตอบโต้
ลูกธนูก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เขารู้สึกหวาดกลัวจนหลั่งเหงื่อเย็นเยียบทั้งตัว
เขายกดาบยักษ์ขึ้นเพื่อป้องกันทันที แต่ถึงอย่างนั้น…
“อ๊าคคค!”
ธนูเจาะทะลุกะโหลกของเขา
“อ๊า...” คาฟยืนนิ่งอยู่กับที่ นัยน์ตาของเขาเต็มไม่ด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
เขาเห็นชัดเจนว่าสามารถใช้ดาบของเขากันลูกธนูไว้ได้ แล้วมันฆ่าเขาได้อย่างไร?
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยคำถาม ประกายชีวิตหายไปจากดวงตาเขาแล้วเขาก็ล้มลง
คล้ายภูเขาที่พังทลาย
ลินลี่ย์ที่อยู่ห่างออกไปรู้สึกว่าหัวใจตนเองสั่นสะท้าน
“เวทแม่นยำซึ่งเป็นเวทสนับสนุนสายธาตุลม แม่นยำจริงๆ!”
ในฐานะจอมเวทธาตุลมคนหนึ่ง
ลินลี่ย์รู้จักเวทแม่นยำซึ่งเป็นเวทสนับสนุนเป็นอย่างดี เมื่อใช้สนับสนุนนักธนู สามารถทำให้ธนูของนักธนูจับระยะเป้าหมายได้ในเสี้ยววินาที
ตัวอย่างเช่น เมื่อครู่นี้ คาฟยกดาบของเขาป้องกันได้ทันเวลาแน่นอน แต่เพียงปรับระยะผิดพลาดเล็กน้อย
ลูกธนูจึงเจาะทะลุศีรษะของคาฟ
“เวทธาตุลมเมื่อถูกใช้คู่กับธนูยิงไกล ช่างน่ากลัวจริงๆ” ลินลี่ย์แอบรู้สึกตกใจ แต่ในเวลาต่อมา
เขาเริ่มร่ายเวท
“พวกเจ้าทั้งสองคนยอมจำนนเสียแต่โดยดี”
เสียงเย็นชาดังออกมาจากป่าอีกครั้ง
แล้วนักธนูราวๆ สิบคนก็หัวเราะอย่างลำพอง
จอมเวทขมังธนูธาตุลมมีความสามารถทางเวทดีพอๆกับทางร่างกาย เขาใช้ธนูได้อย่างเชี่ยวชาญ
จอมเวทขมังธนูธาตุลมเป็นนักจู่โจมระยะไกลที่น่ากลัวที่สุด
นัยน์ตาของลินลี่ย์ทอประกายประหลาด ขณะที่เขาจ้องมองนักธนูทั้งสิบเหมือนว่าพวกเขาเป็นแค่เพียงศพ
“แครก!” “แครก!”
“แครก!”
“แครก!”
ทันใดนั้น พื้นดินสั่นสะเทือน และหอกศิลาพุ่งขึ้นมาจากใต้ร่างของนักธนูทั้งสิบเป็นจำนวนมาก
หอกศิลาที่แหลมคมและแวววาวทะลุทั้งขาและหน้าอกของเหล่านักธนู ทำให้เลือดย้อมพื้นและในอากาศมีเสียงร้องโหยหวน
เวทธาตุดินระดับห้า – พยุหะหอกศิลา
“อ๊าา...”
เสียงร้องโหยหวนทรมานระงมอยู่ในอากาศ
หอกศิลานับสิบๆ เล่มผุดขึ้นมาพร้อมกันจากข้างใต้นักธนู หอกแต่ละเล่มยาวเกินหนึ่งเมตร
ในชั่วพริบตา โจรทั้งกลุ่มถูกหอกที่เรียงรายแน่นหนาแทงทะลุโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
เหมือนการซุ่มโจมตีทำลายล้างในคราเดียว นักธนูทั้งสิบอยู่ในสภาพบาดเจ็บและสิ้นหวัง
“หัวหน้า! ช่วยพวกเราด้วย, ช่วยเราด้วย!” บุรุษที่ถูกแทงทะลุท้องร้องออกมาอย่างยากลำบาก
“อ๊า, อ๊า!” นักธนูอีกคนที่ถูกแทงที่ต้นขาก็ร้องโหยหวนทรมาน
ในกลุ่มของนักธนู มีตายคาที่สี่คน ขณะที่อีกเกือบสิบคนที่เหลือบาดเจ็บหนัก
กำลังรบของพวกเขาถูกทำลายลงในรวดเดียว
“จอมเวทธาตุดิน!”
นักธนูที่ซ่อนอยู่ในป่ารู้สึกตกตะลึงอย่างหนัก เขากับคนของเขาซ่อนอยู่ที่นี่
ที่ชายป่าของเขตภูเขาอสูรเวทอยู่นานพอสมควร
โดยซุ่มโจมตีและฆ่านักเดินทางที่ผ่านไปมา และปล้นของมีค่ามาได้ค่อนข้างมาก
โดยปกติแล้ว เมื่อพวกเขาซุ่มโจมตี เขาจะฆ่าจอมเวทของศัตรูเป็นอันดับแรก!
ที่สำคัญที่สุด ศัตรูที่เป็นจอมเวทนั้นสามารถโจมตีระยะไกลได้ แน่นอนว่า พวกเขาเป็นตัวอันตรายที่สุด
แต่คราวนี้เขาคิดไม่ถึงว่า หลังจากฆ่าจอมเวทไปหนึ่งคน อีกคนก็โผล่ออกมา
“ไปกันเร็ว”
ฉวยโอกาสช่วงเวลาที่ศัตรูคลายการระมัดระวัง ลินลี่ย์ใช้เวทความเร็วเสียงเพื่อเพิ่มความเร็วถึงขีดสุด
แล้วรีบพุ่งออกไปจนหายลับไป ลินลี่ย์รู้ดีว่าเขาไม่มีวิธีโจมตีจอมเวทขมังธนูที่ซ่อนอยู่ในป่า
ระยะห่างของพวกเขามากเกินไป และแม้แต่เวทก็มีขีดจำกัด แต่ถ้าเขาเข้าใกล้จอมเวทขมังธนูคนนั้น
เขาอาจจะป้องกันลูกศรสังหารไม่ได้ก็ได้
หลังจากวิ่งหนีด้วนความเร็วเต็มที่ ลินลี่ย์หนีมาได้เกือบสามสิบกิโลเมตร
“เจ้านาย! ท่านหนีมาทำไมกัน จอมเวทขมังธนูผู้นั้นอาจทำอันตรายท่านได้ แต่ถ้าให้ข้าโจมตี
ข้าสามารถฆ่าเจ้านั่นได้อย่างง่ายดาย ทำไมเจ้านายไม่ให้ข้าจัดการเขา?” หนูเงาน้อย บีบีบ่นหงุดหงิดใส่ลินลี่ย์ผ่านทางจิต
ลินลี่ย์รู้ดีว่าหนูเงาบีบีมีพลังร้ายกาจขนาดไหน
เมื่อลินลี่ย์อายุแปดปี หนูเงาก็มีความเร็วเหนือกว่านักรบระดับหกแล้ว แต่เจ็ดปีต่อมาเมื่อลินลี่ย์อายุสิบห้าปี แม้ว่าขนาดตัวของบีบีจะไม่เปลี่ยนไป
แต่ความเร็วของมันเกือบเท่ากับนักรบระดับเก้าแล้ว
พูดถึงเรื่องความเร็วของหนูเงาน้อยแล้ว
จอมเวทขมังธนูผู้นั้นไม่ทันได้เล็งธนูใส่มันด้วยซ้ำ
“นี่เป็นการฝึกฝนของข้า ข้าควรแก้ไขปัญหาด้วยความสามารถตัวเอง”
ลินลี่ย์อธิบาย
บีบีกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของลินลี่ย์ พร้อมส่งเสียงร้องผ่านฟันแหลมคม
มันตะโกนใส่ลินลี่ย์ทางจิตอย่างหงุดหงิด “เจ้านาย! นี่จะมากเกินไปแล้ว ข้าเองก็อยากฝึก ข้าอยากต่อสู้!”
พอเห็นหนูเงาน้อยแล้วลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้
“ก็ได้
เมื่อเราไปถึงเทือกเขาอสูรเวท
ถ้าเราไปเจอกับอสูรที่ทรงพลังร้ายกาจ
ข้าจะให้เจ้าสู้กับพวกมัน ดีไหม?”
“ค่อยยังชั่ว” หนูเงาน้อยนั่งลง
เอามือเล็กๆทั้งสองข้างกอดอก จมูกน้อยของมันย่นลงเมื่อมันยิ้มอย่างมีความสุข
เพียงชั่วครู่ ฟ้าก็เริ่มมืด และมีฟ้าแล่บลงมาสว่างจ้า
ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องดังกระหึ่ม
“ดูเหมือนพายุหนักกำลังจะมาในไม่ช้านะ”
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
ลินลี่ย์เร่งความเร็วมุ่งเข้าสู่เขตภูเขาอสูรเวท ในเวลานี้ ลินลี่ย์อยู่ห่างจากภูเขาเพียงสิบกิโลเมตร
ฝนหยาดแรกเริ่มตกลงมา และตามมาด้วยเม็ดฝนจำนวนมากซึ่งทำให้ผืนดินเจิ่งนองด้วยน้ำในไม่นาน
“ครืนนน...”
เสียงสายฟ้าดังครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่ฝนเทลงมาอย่างต่อเนื่อง
ผืนดินมีน้ำเจิ่งนอง จนมีความรู้สึกว่าน้ำจะท่วมโลก
แต่ไม่มีฝนที่ตกลงมาโดนลินลี่ย์ที่ยังมุ่งหน้าต่อไปด้วยความเร็วสูง ทั้งนี้เป็นเพราะเหนือศีรษะเขาสิบเซนติเมตรมี
‘โล่วายุ’ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งเมตรกางอยู่ ความสามารถในการป้องกันของโล่วายุนั้นค่อนข้างสูง
ลินลี่ย์เพียงใช้พลังเวทเล็กน้อยก็เพียงพอใช้กันฝนได้
ลมนั้นไม่มีรูปร่าง โล่วายุนั้นก็เช่นกัน ปรากฏเป็นคลื่นสีฟ้าอ่อนที่โปร่งใส
ที่ห่างออกไป จะไม่มีใครมองออกว่ามีโล่วายุอยู่ที่นี่ ดังนั้นแม้ใช้โล่วายุนี้ ลินลี่ย์พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเช่นเดิม
สักพักหนึ่ง ลินลี่ย์มองเห็นแนวภูเขาที่ทอดยาวจากทางเหนือลงใต้ไม่เห็นที่สิ้นสุด
ความยาวของภูเขานี้ แยกทวีปยูลานออกเป็นสองฟาก เป็นเทือกเขายาวที่สุดในโลก เทือกเขาอสูรเวท
เห็นภูเขาขนาดมหึมาที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร ลินลี่ย์แทบหยุดหายใจ
“เป็นแนวเขาที่ใหญ่โตอะไรอย่างนี้....”
เทือกเขานี้ใหญ่โตมโหฬาร คะเนด้วยสายตาเท่าที่คนๆนึงจะบอกได้
แทบจะไม่มีที่สิ้นสุด
และไม่ว่าจะทางเหนือหรือใต้ก็ยังเห็นเพียงแต่ภูเขา มองภูเขาที่มีนับไม่ถ้วนในเทือกเขาแล้วเหมือนกับมองน้ำในทะเล
มันขยายไปไม่มีสิ้นสุด!
“เทือกเขาอสูรเวทนี้เป็นเทือกเขาอันดับหนึ่งในทวีป มีอสูรเวทในนั้นมากมายขนาดไหนกัน?
แล้วจะมีอสูรเวทระดับเซียนอยู่เท่าไหร่กัน?” ในตอนนี้ เดลิน โคเวิร์ทปรากฏตัวออกมาข้างๆลินลี่ย์
สายตาของเขาดูหยิ่งทะนง “นานแค่ไหนแล้วตั้งแต่ที่ข้าได้มาที่เทือกเขาอสูรเวทแห่งนี้”
ดูเหมือนแววตาของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ไปกันเถอะ!”
ลินลี่ย์พุ่งฝ่าพายุฝนเข้าเทือกเขาด้วยความรู้สึกฮึกเหิม
ขณะที่หนูเงาน้อย บีบี ส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้นอยู่ที่ไหล่ของลินลี่ย์
ภายใต้พายุฝน ลินลี่ย์มุ่งตรงเข้าสู่ภูเขาไร้ที่สิ้นสุด
3 ความคิดเห็น:
ขอบคุณ
บีบี สู้ๆ
ลิลลี่ย์เริ่มมีปทระสบการณ์ สนุกจริงๆๆ
แสดงความคิดเห็น