ตอนที่ 4-10 รอยร้าว (2)
ท้องฟ้ามืดลง แต่ลินลี่ย์ก็ยังคงนั่งดื่มอย่างช้าๆ
แม้สายตาจะสอดส่องไปยังบ้านสองชั้นของอลิซอยู่ตลอด ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคนรัก
ผู้คนในบาร์ค่อยๆบางตาลง ข้างๆเขาคือเจ้าบีบีที่กำลังสนุกสนานกับเหล้า
ปกติแล้วลินลี่ย์จะไม่ปล่อยให้ตัวเองดื่มมากขนาดนี้
นับเป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มดื่มจนรู้สึกราวกับว่าเหล้านั้นสูบฉีดเลี้ยงหัวใจแทนเลือดไปเสียแล้ว
“ท่านขอรับ ร้านของเรากำลังจะปิดแล้ว” พนักงานกล่าวกับลินลี่ย์
“ปิดหรือ?” ลินลี่ย์ชำเลืองมอง
“โอ้ คิดเงินเท่าไหร่?” เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน มีอาการเซเล็กน้อย
เขาเพิ่งดื่มไวน์ขวดที่ 6 หมดไปเมื่อสักครู่ ช่างโชคดีที่ลินลี่ย์ยังมีสติพอจะประคองแก้วไว้ได้
หากเป็นคนอื่นคงล้มพับหมดสติไปนานแล้ว และด้านข้างของเขาก็มีหนูเงาบีบีที่ดื่มมากอย่างไม่น่าเชื่อ
ไม่ไกลจากมันนักมีขวดเปล่าราวหนึ่งโหลกองอยู่
หลังจากชำระค่าเครื่องดื่มเสร็จ ลินลี่ย์ก็เดินออกจากบาร์
ตอนนี้นับเป็นเวลาดึกมากแล้ว ถนนดรายโร้ดนั้นว่างเปล่าไร้ผู้คนโดยสิ้นเชิง
“นี่เป็นครั้งแรกที่อลิซผิดนัดของเรา” ลินลี่ย์ถอนหายใจยาว
เขาหันไปมองบ้านสองชั้นที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิดอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนมุ่งหน้าสู่สวรรค์น้ำหยก
ณ สถานบันเทิงสวรรค์น้ำหยก
“น้องสามคงกำลังมีความสุขกับสาวงามอยู่เป็นแน่” เยล จอร์จ
และเรย์โนลด์กำลังพูดคุย หัวเราะ และเพลิดเพลินอยู่กับเครื่องดื่ม
“เฮ้ ลูกพี่เยล...เจ้าคิดว่าลินลี่ย์จะยังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่?” เรย์โนลด์ถามพลางหัวเราะร่วน
เยลลูบจมูกของเขา และกล่าวอย่างมั่นใจ “ไม่ต้องพูดอะไรมาก
แค่เพียงมองเขาเจ้าก็บอกได้เลยว่าบริสุทธิ์แน่นอน 100% ....น้องสี่
พวกเราไปพักผ่อนกันดีกว่า” ในขณะที่พูด เยลก็ใช้มือจับจูงหญิงงามออกจากห้องไป โดยมีเรย์โนลด์ที่กระทำเช่นเดียวกันตามไปไม่ห่าง
“แครก”
ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออก
เยลกับเรย์โนลด์จ้องมองอย่างประหลาดใจ พวกเขาชะงักเล็กน้อย ก่อนเยลจะกล่าว
“น้องสาม ทำไมเจ้าจึงกลับเร็วนัก?”
“ไม่มีเหตุผล มาเถอะพี่ใหญ่เยล น้องสี่ พี่รอง มาดื่มเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ”
น้ำเสียงของลินลี่ย์ทั้งทุ้มต่ำและเรียบเฉย
เรย์โนลด์ จอร์จ และเยลหันมามองหน้ากัน เยลเป็นคนแรกที่หัวเราะลั่น
“ยอดเยี่ยม! หายากที่น้องสามของเราจะพูดอะไรตรงไปตรงมาเช่นนี้ คืนนี้พวกเราพี่น้องจะดื่มเป็นเพื่อนเจ้าเอง”
เยล เรย์โนลด์ และจอร์จนั่งลงและเริ่มดื่มกับลินลี่ย์
วันต่อมา ลินลี่ย์กลับมายังบ้านของอลิซอีกครั้ง แต่ก็ไม่เจอคนรักที่ตนเฝ้ารอ
…..
ภายในสถาบันเอินส์
“ครั้งนี้อลิซคงโกรธข้ามากจริงๆ” ลินลี่ย์กำลังเดินอยู่บนถนนหน้าสถาบันเอินส์
และมีอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว
ระหว่างเดินลินลี่ย์ก็สังเกตเห็นร้านค้าแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่เพียงลำพัง ณ
ใจกลางสถาบัน มีป้ายประกาศและโฆษณามากมายติดอยู่ด้านนอกร้าน สายตาของลินลี่ย์จับจ้องไปที่ป้ายโฆษณาของลูกบอลแก้วผลึก
คำพูดหนึ่งของอลิซพลันผุดขึ้นมาในความคิดเขา “พี่ลินลี่ย์ พวกเราอยู่กันคนละที่
บางคราที่ข้าเห็นคู่รักในสถาบัน มันทำให้ข้าคิดถึงท่านยิ่ง
แต่นับว่ายากนักที่เราจะมีโอกาสได้พบกัน
หากเราทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็คงจะดี”
หัวใจของลินลี่ย์สั่นไหว
เขาตรงไปยังเคาท์เตอร์ และกล่าวกับผู้ดูแลร้าน “ลูกบอลแก้วผลึกความทรงจำนี้ราคาเท่าไหร่?”
“800 เหรียญทอง” ผู้ดูแลร้านเหลือบตาขึ้นมามองครั้งหนึ่ง ลูกบอลแก้วผลึกความทรงจำนับเป็นสินค้าราคาแพง
“ที่นี่เราขายลูกบอลแก้วผลึกความทรงจำคุณภาพสูงเท่านั้น เป็นแก้วผลึกความทรงจำที่สร้างโดยจอมเวทธาตุน้ำระดับ
8 ของสถาบัน”
ลินลี่ย์เข้าใจพื้นฐานการสร้างและหลักการทำงานของลูกบอลแก้วผลึกความทรงจำนี้ดี
โดยจะใช้เวทธาตุน้ำ “วิชากระจกวารี” ในการแปรธาตุขึ้นเป็นทรงกลม เมื่อลูกบอลแก้วผลึกถูกกระตุ้นโดยพลังเวทปริมาณเล็กน้อย
บทร่ายก็จะทำงานโดยอัตโนมัติและบันทึกช่วงเวลานั้นไว้ หลังจากการบันทึกเสร็จสิ้น
เมื่อกระตุ้นด้วยพลังเวทที่ลูกบอลแก้วผลึกอีกครั้งหนึ่ง ลูกบอลแก้วผลึกก็จะเล่นช่วงเวลาที่บันทึกไว้
หลังจากต่อรองราคาอยู่ครู่หนึ่ง ลินลี่ย์ก็สามารถซื้อลูกบอลแก้วผลึกความทรงจำ
2 ลูกได้ในราคา 1,200 เหรียญทอง
“ข้าจะใช้ลูกบอลแก้วผลึกความทรงจำลูกหนึ่งบันทึกสิ่งที่ข้าทำในสถาบัน
เมื่อข้าได้พบกับอลิซอีกครึ่ง ข้าจะมอบมันให้และให้นางทำแบบเดียวกัน
เผื่อเวลาที่ข้าไม่สามารถไปเจอนางได้ ข้าจะได้ดูความทรงจำของนางแทน”
เมื่อได้มองลูกบอลแก้วผลึกสองลูกในมือ รอยยิ้มกว้างก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม
….
ระหว่างสลักหินในหอพัก การฝึกฝนบนภูเขา การเรียนในแต่ละชั้นเรียน...ลินลี่ย์บันทึกทุกสิ่งลงไป
จนกระทั่งความทรงจำในลูกบอลแก้วผลึกเต็มแน่นจนไม่สามารถบันทึกลงไปได้อีกแล้ว
หลังจากนั้น ในช่วงกลางเดือนตุลาคม ลินลี่ย์ก็นำลูกบอลแก้วผลึกความทรงจำทั้งสองลูกเดินทางไปยังเมืองเฟนไลพร้อมกับเขา
เพื่อมอบให้อลิซ....แต่นางก็ยังไม่ปรากฏตัว
วันที่ 29 ตุลาคม
พี่น้องทั้งสี่พากันรวมกลุ่มมุ่งหน้าไปยังเมืองเฟนไล เมื่อถึงตัวเมือง ลินลี่ย์ก็บอกลาพี่น้องของเขา
เรย์โนลด์ เยล์ และจอร์จต่างจ้องมองแผ่นหลังของลินลี่ย์เมื่ออีกฝ่ายเดินจากไป
บนใบหน้าของพวกเขาฉาบไปด้วยความกังวล
“ตลอด 7 ปีที่ข้าได้รู้จักน้องสาม
เขาเป็นอัจฉริยะระดับแนวหน้าทั้งในด้านเวทและการสลักหิน
แต่เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและอลิซอย่างแท้จริง
หากผลสุดท้ายเป็นต้องผิดหวัง ข้าเกรงว่าน้องสามจะเจ็บปวดเกินทนไหว”
เยลกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่น
เรย์โนลด์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ข้าก็รู้สึกแบบเดียวกัน อลิซไม่ได้มาตามนัดเขาครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่
3 แล้ว เกรงว่าจะมีปัญหาบางอย่าง”
“กล่าวตามตรง การเลิกราก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใด” เยลหัวเราะ
“ในฐานะชายคนหนึ่ง หากไม่เคยเจ็บปวดกับความรักแล้วจะนับว่าเติบโตสมชายได้อย่างไร? ข้าคิดอยู่ตลอดว่าน้องสามให้ความสำคัญกับอลิซมากเกินไป
หากเป็นข้าน่ะหรือ? ให้ตายสิ!
ถ้าหญิงใดกล้าทำแบบนี้กับข้า ข้าจะทอดทิ้งนางอย่างไม่ลังเล”
จอร์จหัวเราะ “พี่ใหญ่เยล กล่าวตามตรง
ข้านับถือการกระทำของน้องสามอยู่หลายส่วน แต่มุมมองของเจ้ามันช่าง...”
จอร์จส่ายหัว
“ตัวข้าเองก็คิดอย่างพี่ใหญ่เยลเช่นกัน” เรย์โนลด์ท้วง
“หยุดพูดคุยแค่นี้ก่อนเถิด แล้วค่อยไปคุยกันต่อที่สวรรค์น้ำหยก”
เยล เรย์โนลด์ และจอร์จก็มุ่งหน้าไปยังสวรรค์น้ำหยก แต่ระหว่างทางเรย์โนลด์ก็พลันสะกิดเยลกับจอร์จ
“ลูกพี่เยล จอร์จ หยุดก่อน มองดูทางนั้นแล้วพวกเจ้าเห็นว่าเป็นใคร?”
เมื่อเยลและจอร์จหันหลังกลับไปมองยังทิศทางที่เรย์โนลด์ชี้ ทันใดนั้น
สีหน้าของพวกเขาก็พลันเปลี่ยน
1 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น