วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 4-4 มูลค่ารูปสลัก


ตอนที่ 4-4  มูลค่ารูปสลัก
 บนถนนดรายโร้ดในเมืองเฟนไล อลิซยืนโดดเดี่ยวบนระเบียงชั้นสองของบ้าน มือทั้งสองท้าวคางในขณะจ้องมองลงมาที่ถนนในช่วงคนพลุกพล่าน
 

หลังลินลี่ย์จากไป อลิซก็ใช้เวลาเกือบทุกวันในการเฝ้ามองดูผู้คนบนท้องถนน หวังว่าจะได้พบกับลินลี่ย์อีกสักครั้ง แต่...
 “สถาบันกำลังจะเปิดสอนพรุ่งนี้แล้ว ข้าคงต้องเดินทางกลับในวันนี้” อลิซลอบถอนหายใจพลางชำเลืองมองถนน
นางหวังว่าลินลี่ย์จะมาหานางอีกสักครั้ง แต่ผ่านมาสิบวันแล้วก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา เสียงตะโกนเรียกของเพื่อนสนิทอย่างนีย่า ไม่ได้ต้องโสตประสาทเลยแม้แต่น้อย “อลิซ เร็วเข้า!” นีย่า โทนี่ และคาลันยืนรออยู่หน้าประตู
คาลัน นีย่า และโทนี่ต่างเป็นนักเรียนของสถาบันทหาร และสถาบันของพวกเขาก็อยู่ไม่ไกลจากสถาบันฝึกสอนจอมเวทของอลิซสักเท่าไร เนื่องจากทั้ง 4 ครอบครัวอาศัยอยู่ในเมืองเฟนไลเหมือนกันจึงมักเดินทางไปพร้อมกันอยู่บ่อยครั้ง
 “ก็ได้ๆ ข้ามาแล้ว!”
อลิซเหลือบมองไปที่ถนนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนสะพายเป้แล้วเดินลงบันไดไป
.
เป็นเวลา 3 วันหลังจากอลิซเดินทางออกจากเมืองเฟนไล ลินลี่ย์ก็มายืนอยู่เบื้องหน้าที่พักของอลิซ ชะเง้อมองดูบนระเบียงเล็กๆ แต่ก็ไม่เห็นใคร
 “เฮ้ เจ้าไปทำอะไรตรงนั้นกัน!?” ยามวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านพักตระโกนใส่ลินลี่ย์
ลินลี่ย์หันมายิ้มให้อย่างสุภาพแล้วเอ่ยตอบ “สวัสดี ข้ามาจากสถาบันเวลเลน อลิซเป็นเพื่อนสนิทของข้า นางยังอยู่ที่บ้านหรือไม่?”
 “โอ้” ได้ยินดังนั้น ยามผู้นั้นก็เปลี่ยนท่าทีส่งยิ้มให้อย่างรวดเร็ว “อลิซออกเดินทางไปสถาบันตั้งแต่ 3 วันที่แล้ว นางคงกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางเป็นแน่”
 “โอว... เข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก” ลินลี่ย์เอ่ย
ลินลี่ย์หันกลับมา ทิ้งถนนดรายโร้ดไว้เบื้องหลัง เดินออกมาสักพักก็อดหันกลับไปมองระเบียงชั้นสองไม่ได้ ความผิดหวังเล็กๆพลันผุดขึ้นมาในจิตใจ
……….
บนถนนหน้าสถาบันเอินส์
แสงสีขาวฉายออกมาจากแหวนมังกรขนดและกลายเป็นชายแก่ในชุดคลุมสีขาว เดลิน โคเวิร์ทในชุดขาวเอ่ยกับลินลี่ย์อย่างยิ้มแย้ม “ลินลี่ย์ เจ้ากำลังหลงรักอลิซใช่หรือไม่?”
 “นิดหน่อย” ลินลี่ย์ไม่ปฏิเสธ
เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราหัวเราะลั่น “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้า เจ้าเด็กโง่งมอย่างเจ้าจะหลงรักหญิงสาวได้สักวัน แต่ลินลี่ย์...เจ้ากับอลิซอยู่คนละสถาบัน สำหรับพวกเจ้าที่อยู่กันคนละที่แล้ว มันค่อนข้างยากที่จะพัฒนาความสัมพันธ์อยู่ไม่น้อย”
 “ข้ารู้ คงต้องแล้วแต่พรหมลิขิต ถ้าเราเกิดมาคู่กันย่อมเป็นตามนั้น หากไม่ใช่ข้าก็จะลืมเสีย” ลินลี่ย์อดคิดไม่ได้ว่าหากเขาได้ครองคู่กับอลิซจะดีเพียงใด
พลันคิดไปถึงใบหน้าหวาดกลัวของนางยามเผชิญกับหมูศึกกระหายเลือด
ท่าทีเขินอายของนางยามพวกเขาพูดคุยกัน ระหว่างเดินทางกลับจากเทือกเขาอสูรเวท
และรูปโฉมของนางภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง ช่างงดงามดุจเทพธิดาแห่งดวงจันทร์
..
 “รักแรกพบ ที่ใครเคยกล่าวถึงคงเป็นเช่นนี้กระมัง” ลินลี่ย์กล่าวกับตนเอง ตอนอายุเท่านี้ เหล่าพี่น้องในหอพักของเขาต่างก็เคยคบหากับหญิงสาวกันหมดแล้ว โดยเฉพาะเยลกับเรย์โนลด์ที่มีคนรักคนแรกตั้งแต่อายุน้อยกว่านี้
ลินลี่ย์อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ภาวนาให้ความสัมพันธ์นี้ยาวนานตราบเท่านาน
..
ที่สถาบันเอินส์ ลินลี่ย์ยังคงเป็นนักเรียนที่มุ่งมั่นและฝึกฝนอย่างหนัก ทุกวันเขาจะใช้เวลาส่วนหนึ่งฝึกฝนในโรงเรียนเหล็กสกัด พลังทั้งในการเชื่อมต่อกับธาตุและแก่นพลังวิญญาณต่างเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เพียงกระพริบตา หนึ่งเดือนก็ผ่านพ้นไป
ตามกำหนดการเดิม ลินลี่ย์และเหล่าพี่น้องจะนำรูปสลักใหม่ 3 ชิ้นไปยังเมืองเฟนไล เพื่อส่งมอบให้ตัวแทนของหอศิลป์พรูกซ์ ออสโทนี่
 “เกือบ 15,000 เหรียญทอง? แพงขนาดนั้นเชียวหรือ?” ลินลี่ย์รู้สึกประหลาดใจกับราคาของรูปสลักที่ถูกประมูลไปครั้งก่อน
ออสโทนี่หัวเราะลั่น “ท่านลินลี่ย์ นี่ยังถือว่าปกติ มูลค่ารูปสลักของช่างผู้เชี่ยวชาญย่อมมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 เหรียญทอง และที่หอศิลป์พรูกซ์ส่งจดหมายเชิญให้ท่านก็เนื่องจากท่านเป็นจอมเวทอัจฉริยะอายุ 15 ปีที่เชี่ยวชาญด้านการแกะสลัก จากสถานภาพของท่านเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ราคาของรูปสลักนี้เพิ่มขึ้นหลายเท่าจากปกติ”
 “และที่สำคัญ...รูปสลักของท่านยังปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ แม้ว่าผู้อื่นจะแกะสลักได้สวยงามเพียงใด ในด้านความเรียบเนียนเป็นเนื้อเดียวกันย่อมต้องมีตำหนิอยู่บ้าง แต่ลวดลายแกะสลักของท่านนั้นงดงามเป็นเนื้อเดียวกัน คนดูไม่สามารถบอกได้เลยว่าจุดไหนท่านใช้สิ่วตรงจุดไหนท่านใช้สิ่วปีกผีเสื้อ รูปสลักจึงสมบูรณ์แบบไร้ตำหนิ
ได้ยินดังนี้ลินลี่ย์ก็หัวเราะ
ร่องรอยจากการเปลี่ยนเครื่องมืออย่างนั้นหรือ?
ตั้งแต่เริ่มจนเสร็จสิ้น การแกะสลักของเขาใช้เพียงเหล็กสกัดตรงเพียงชิ้นเดียว ไม่ได้ใช้เครื่องมืออื่นอีก เป็นธรรมดาที่จะเรียบเนียนไร้ตำหนิ
 “ลักษณะเด่นนี้ ประกอบกับชาติกำเนิดของท่านในตระกูลขุนนาง บรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ที่แผ่ออกจากรูปสลัก และสถานภาพในปัจจุบันของท่าน จึงเป็นเหตุให้รูปสลักมีราคาสูงถึง 5,000 เหรียญทอง สิ่งเดียวที่ทำให้ราคาของรูปสลักไม่สูงไปว่านี้คือความบกพร่องเล็กน้อยในลวดลายการแกะสลักของท่าน” ออสโทนี่อธิบายและชื่นชม
ลินลี่ย์เข้าใจแจ่มแจ้ง
 “ความบกพร่องเล็กน้อย?” ลินลี่ย์สั่นหัว เพราะเขาใช้เพียงเหล็กสกัดตรง แม้ว่าจะให้ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เพียงใด แต่ในด้านประสิทธิภาพ ย่อมเป็นธรรมดาที่ไม่สามารถเทียบกับเครื่องมีเฉพาะอย่างสิ่วปีกผีเสื้อและสิ่วโค้งได้เลย
ในขณะเดียวกันก็ต้องถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
รูปสลักเพียง 3 ชิ้นกลับมีราคาสูงถึง 15,000 เหรียญทอง เงินจำนวนนี้ได้มาอย่างง่ายดายนัก ถ้ามุ่งมั่นแกะสลักสัก 1 เดือนคงทำได้สัก 10 ชิ้น
รูปสลัก 10 ชิ้นหมายถึงเงิน 50,000 เหรียญทอง!
 “ข้าใช้เวลา 2 เดือนในเทือกเขาอสูรเวท ฝ่าภัยอันตรายและประสบการณ์เสี่ยงตายนับครั้งไม่ถ้วน หลังจากสังหารเหล่านักฆ่าไปมากมายยังได้เพียง 70,000 เหรียญทอง การแกะสลักนี่ช่างไม่ต่างอะไรกับการขโมยเงินเสียจริง” ถอนหายใจอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
มูลค่ารูปสลักของลินลี่ย์ถือว่ามีราคาสูงแม้แต่ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้วยกัน
 “ถ้าผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักยังทำเงินได้ขนาดนี้ แล้วปรมาจารย์ด้านการแกะสลักเล่า...” หัวใจลินลี่ย์กระตุกเบาๆ
ยิ่งลินลี่ย์รู้จักกับอาชีพนี้มากเท่าไร ก็ยิ่งประหลาดใจมากเท่านั้น เหมือนว่าในวงการนักแกะสลักเองก็มีความแตกต่างอย่างมากในเรื่องของรายได้ ขนาดในสหภาพศักดิ์สิทธิ์เองยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักอยู่ไม่ถึงร้อยคน บอกได้เลยว่าหายากเพียงใด
 “ท่านลินลี่ย์ ได้โปรดฝึกฝนอย่างหนัก ข้าเชื่อว่าท่านจะกลายเป็นปรมาจารย์ด้านการแกะสลักที่ยอดเยี่ยมในสักวัน” ออสโทนี่กล่าวอย่างกระตือรือร้น
เหล่าปรมาจารย์ด้านการแกะสลักไม่เพียงแต่สร้างรูปสลักที่มีมูลค่ามหาศาลเท่านั้น พวกเขายังมีสถานะทางสังคมที่สูงส่งอีกด้วย ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโครงสร้างประติมากรรมโบราณ แม้แต่เหล่าขุนนางที่ทรงอำนาจก็ไม่อาจดูแคลน
ปรมาจารย์!
ช่างเป็นสมญานามที่ยิ่งใหญ่เสียจริง
ไม่ใช่สิ่งที่มีแค่เงินและอำนาจจะหามาได้ มีเพียงอัจฉริยะบุคคลที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของศาสตร์แต่ละแขนงเท่านั้น ที่จะได้รับเกียรติขนานนามว่า ‘ปรมาจารย์’

3 ความคิดเห็น:

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

แค่ผ่านมา กล่าวว่า...

สนุกมากครับ

NoT กล่าวว่า...

สนุกครับเอาจบเลยนะครับติดตามทั้งสามเรื่องเลยครับ

แสดงความคิดเห็น