วันเสาร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 41 ประตูดวงดาวปรากฏ



ตอนที่  41  ประตูดวงดาวปรากฏ
จวนเจ้าเมืองซิงฟงมีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา

 “ผู้อาวุโสอู่เดินทางมาชมด้วยตนเอง นับเป็นเกียรติของเมืองซิงฟงเรายิ่งนัก” เจ้าเมืองซิงฟงพูดประจบ ผู้ที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นบุรุษผอมสูงคนหนึ่ง สวมใส่ชุดอย่างดีราคาแพงมีรอยยิ้มน้อยๆ อยู่บนใบหน้าเขา ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกับว่าถูกสายลมฤดูใบผลิพัดโชย
ตามที่คาดหวังของผู้ปกครองสถานที่ใหญ่  เพียงแค่โบกมือก็ทำให้เจ้าเมืองซิงฟงรู้สึกว่าด้อยจนได้
ตระกูลอู่จากหมู่ดาวคอร์เวิร์ส (หมู่ดาวอีกา) นับเป็นตระกูลใหญ่
ผู้อาวุโสอู่ยิ้มเล็กน้อย “ท่านเจ้าเมืองเกรงใจไปแล้ว  ประตูดวงดาวนี้เป็นแหล่งที่มาของรายได้  ผมยังต้องขอบคุณท่านเจ้าเมือง  เมืองซิงฟงนับเป็นสถานที่ดี แม้แต่อากาศก็มีสีทองจางๆ น่าลิ้มลองนัก”
เจ้าเมืองหัวเราะจนตาหยี “ก็มั่งคั่งไปด้วยกัน มาสร้างมันให้มั่งคั่งไปด้วยกันเถอะ”
เมื่อผู้อาวุโสอู่มาหาเขา  เจ้าเมืองก็ยังสงสัยอยู่  เขาคาดหวังอยู่เล็กน้อยว่าผู้อาวุโสอู่ได้พบประตูดวงดาวอยู่ใกล้เมืองซิงฟงจริงๆ  ตามข้อตกลง ประตูดวงดาวจะถูกใช้โดยเขากับผู้อาวโสอู่ เพียงสองคนเท่านั้น
ประตูดวงดาวทุกแห่ง  ก็คือประตูแห่งความมั่งคั่ง
 “อย่างนั้น เราจะเริ่มสำรวจกันเมื่อไหร่?”  เจ้าเมืองมองดูผู้อาวุโสอู่อย่างกระสับกระส่าย
 “แน่นอน ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี!  ผู้อาวุโสอู่จิบชาเขียวเล็กน้อย
 “งั้นเราต้องเริ่มจัดตั้งทีมงานคุ้มกัน”  เจ้าเมืองพร้อมจะสู้แล้ว
ผู้อาวุโสอู่วางถ้วยชาลง “ผมมีความคิดดีๆ  ได้ยินมาว่าชุมนุมวิทยายุทธเมืองซิงฟงกำลังจะเริ่ม”
เจ้าเมืองซิงฟงรู้สึกพอใจ “ผมไม่คิดเลยว่าแม้แต่ผู้อาวุโสอู่ก็รู้เรื่องงานชุมนุมวิทยายุทธเมืองซิงฟงด้วย  การแข่งขันนี้ก็นับว่ามีความสำคัญ”
 “นี่คือโอกาสที่ดีอย่างหนึ่ง”  ผู้อาวุโสอู่หัวเราะแล้วพูดต่อ  “ผมคิดว่า ไม่มีที่ใดในดาวอู่อันจะมียอดฝีมือมากกว่างานชุมนุมวิทยายุทธซิงฟงแล้ว”
 “ผู้อาวุโสอู่หมายความว่าไง?”  เจ้าเมืองซิงฟงสงสัย
 “ทำไมเราไม่ให้พวกเขาเป็นคนบุกเบิกก่อน?  ยอดฝีมือตั้งมากมาย ก็ดำเนินการแข่งขันได้อยู่แล้ว  จะเสียเวลาเปล่าทำไม” ผู้อาวุโสอู่มีหน้าขมขื่นเล็กน้อย “พวกเขาเหมาะจะเป็นคนงานบุกเบิกระลอกแรกได้อยู่แล้ว”
 “นั่นออกจะอันตรายเกินไปหน่อย”  เจ้าเมืองพูดอย่างลังเล
 “ตราบใดที่พวกเขาไม่เจาะลึกลงไปภายใน  ก็ไม่น่าจะมีอันตรายมาก  ด้วยพลังของพวกเขา  ถ้าพวกเขากล้าพูดอะไรที่เป็นการละเมิดคุณ ในฐานะเจ้าเมือง  องครักษ์และกองกำลังของคุณก็ยังมีกำลังมากกว่าพวกเขา”  ผู้อาวุโสอู่ชำเลืองมองเจ้าเมืองวูบหนึ่ง “ในอดีต เมืองซิงฟงไม่มีความคุ้มค่าใดๆ ที่คนจะอยากได้  แต่ตอนนี้ ในฐานะเป็นหุ้นส่วนของคุณ  ผมขอเตือนคุณ  เมืองซิงฟงซึ่งถือครองประตูดวงดาวอยู่ในตอนนี้ จะก่อให้เกิดความอิจฉากับผู้คนมากมาย  ความมั่งคั่งต่อเนื่องนับเป็นแรงดึงดูดที่ร้ายกาจ   เพื่อจะยึดเมืองซิงฟง  คุณก็รู้  สำหรับคุณในตอนนี้ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดที่จำต้องทำ”
เจ้าเมืองซิงฟงมีสีหน้าไม่แน่นอน  แต่คำพูดนี้ล้วนเสียดแทงความคิดในปัจจุบันของเขา
ในอดีต เมืองซิงฟงเป็นแค่เมืองที่มีโรงเรียนอยู่หลายแห่ง  แต่ไม่มีผลประโยชน์มากนัก จึงเป็นธรรมดาที่ไม่ได้มีส่วนร่วมต่อสู้แย่งชิงอำนาจใดๆ
แต่ตอนนี้...
 “ท่านเจ้ามือง, ท่านก็เอื้ออาทรมาหลายปีแล้ว ตอนนี้สมควรเก็บเกี่ยวผลตอบแทนกลับมาบ้าง”  ผู้อาวุโสอู่ยิ้มและว่า “ภายใต้รางวัลล่อใจก้อนโต  ย่อมต้องมีผู้กล้า  ด้วยความยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย  พวกเขาสามารถรับรางวัลเพิ่มได้  และจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขา   ผมยินดีสนับสนุนงานชุมนุมวิทยายุทธ โดยตระกูลอู่จะบริจาคสมบัติระดับทองแดง ทวนอีการ่วมด้วย”
เจ้าเมืองซิงฟงเริ่มหน้าบาน “ผู้อาวุโสอู่ช่างใจกว้างแท้ๆ  ดี, เมื่อเป็นอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นเราจะทำกันตามวิธีนี้”
※※※※※※※※※※※※※※※

ถังเทียนและอาโมรี่หายไปจนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงร้องของโจวเผิง
 “กูจะฆ่ามัน!  ฆ่ามัน”
ลับหลังเสียงกรีดร้องที่ควบคุมตนเองไม่ได้ของโจวเผิง  ถังเทียนกับอาโมรี่หัวเราะลั่น
 “ถังพื้นฐาน! ฉันไม่เคยคิดว่านายจะเป็นคนฉลาดและเจ้าเล่ห์อย่างนั้น”  อาโมรี่พูดสีหน้ามาดเข้ม แต่ต่อมาก็ยิ้ม “ฮ่าฮ่า, แต่ก็รู้สึกสะใจเป็นบ้าว่ะ!  ความจริงนายใช้คัมภีร์ปราณกระเรียนได้ร้ายกาจมาก  มิน่าเล่า นายถึงได้เป็นชาวฟ้า!  เจ้าหน้าตัวเมียโจวเผิงแทบฉี่ราดรดกางเกงอยู่แล้ว”
 “เจ้าวัวแมงวัน, นายพูดถึงไอ้คนน่ารังเกียจที่น่าขยะแขยงนั่นได้เฉย  นายก็นับเป็นเพื่อนฉันได้แล้ว”  ถังเทียนเดินตามอาโมรี่และพูดด้วยสีหน้าซื่อตรง
ทั้งสองคนมองหน้ากันเองแล้วหัวเราะใส่กัน
 “เครื่องมือไม้ข้างตัวโจวเผิงดูเหมือนจะทรงพลัง”  อาโมรี่พูดขณะที่เขานึกขึ้นได้
 “ใครจะสนกันเล่า? อย่างแย่ก็แค่สู้กัน”  ถังเทียนพูดอย่างตั้งใจและมองดูอาโมรี่ด้วยสีหน้าแปลกๆ “วัวแมงวัน! อย่าบอกนะว่านายกลัวเขา?”
 “กลัวเขาเหรอ?”  อาโมรี่ลืมตาโพลงและควงดาบในมือ  เขาคำรามลั่น “ถังพื้นฐาน! นายกำลังทำให้ลูกผู้ชายที่จะสร้างมรรคาวิชาบู๊เป็นของตนเองต้องขายขี้หน้า  ความอัปยศนั้นจะสงบลงได้ก็ด้วยการซ้อมกันซักหนึ่งยก...”
โป๊ก..
มะเหงกของใครคนหนึ่งเขกใส่กบาลของอาโมรี่
 “ดูเหมือนว่าแกจะคึกมากเลยนะ”  ผู้เฒ่าเว่ยโผล่ออกมาด้วยท่าทีที่โกรธ
อาโมรี่ทำคอย่น
 “มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง”  ผู้เฒ่าเว่ยเคร่งขรึมและพูดเสียงเบาลง “ชุมนุมวิทยายุทธเมืองซิงฟงต่างจากครั้งก่อนๆ แล้ว”
 “ต่างจากครั้งก่อน?”  ถังเทียนและอาโมรี่เงยหน้ามองพร้อมกัน
 “ใกล้ๆ งานชุมนุมวิทยายุทธ  มีคนค้นพบประตูดวงดวงแห่งใหม่”  ผู้เฒ่าเว่ยหน้าเครียด
 “อ๋า! ประตูดวงดาวหรือ?”  ถังเทียนปากอ้าค้างด้วยความงง  หลังจากผ่านไปชั่วขณะ เขาก็รู้สึกตัว  “ประตูดวงดาวจะนำพาไปที่ไหน?”
 “ไม่ทราบเหมือนกัน”  ผู้เฒ่าเว่ยส่ายหน้า  “เป็นเหตุผลให้เจ้าเมืองตัดสินใจให้พวกแกบุกเบิกแผ่นดิน”
 “เราน่ะหรือ?”  ถังเทียนและอาโมรี่ตกตะลึง
 “แม้ว่าพวกแกทั้งสองยังเป็นมือใหม่  พวกแกก็แค่ขาดประสบการณ์ในการต่อสู้  ความสามารถของพวกแกสูงกว่ายอดฝีมือธรรมดาที่นั่นอยู่มาก และยังมีพลังมากกว่า  ยิ่งกว่านั้น ยอดฝีมือจากดาวอู่อันมากกว่าครึ่งหนึ่งก็อยู่ที่งานชุมนุมวิทยายุทธเมืองซิงฟง  เจ้าเมืองซิงฟงจึงเกิดความคิดแปลกใหม่”  นัยน์ตาผู้เฒ่าเว่ยเป็นประกาย  “แต่พวกแกทั้งคู่ยังเป็นมือใหม่ และฉันกลัวว่าพวกแกจะได้รับบาดเจ็บรุนแรง  ดังนั้นเจ้าเมืองซิงฟงจึงกำหนดเกณฑ์ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของสถาบัน  สำหรับสถาบันสิบอันดับแรก  พวกเขาจะได้รับบัตรผ่านไปโดยตรงก่อน  นอกจากนี้ยังไม่มีลำดับ  ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากงานชุมนุมวิทยายุทธนี้ได้  แกสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้  มันเป็นวิธีที่โหดร้าย”
อาโมรี่กับถังเทียนฟังไปงงไป
 “ตราบใดที่พวกแกทั้งสองคนรู้ว่าตามรายทางมีของมีค่ามากขนาดไหน  นั่นคือสิ่งที่พวกแกจะต้องทำ”  ผู้เฒ่าเว่ยพึมพำ  “ดูเหมือนรอบนี้ ฉันคงต้องตามไปให้ตลอดเสียแล้ว  ทันทีที่ฉันได้รับบัตรผ่าน สถาบันคาราเมลจะไม่อะไรที่ต้องกังวลไปอีกสิบปี”
 “ปู่จะมากับพวกเราด้วยเหรอ?”  ถังเทียนและอาโมรี่ถามขณะที่หน้าของพวกเขาแสดงว่ามีความสุข
 “ก็ไปสิวะ!  ผู้เฒ่าเว่ยพูดเด็ดขาด
 “ย้า..ฮู้ววว”
 “ปู่..จงเจริญ!
ขณะที่พวกเขาร่าเริงชูมือขึ้นไปในท้องฟ้า
ผู้เฒ่าเว่ยไม่มีความสุข แววกังวลหมองคล้ำปรากฏวูบในดวงตาเขา
※※※※※※※※※※※

จู่ๆ เจ้าเมืองซิงฟงก็ประกาศการค้นพบประตูดวงดาวและตอนนี้  เสียงหัวเราะคิกคักดังอยู่ภายในเมืองซิงฟง
ประตูดวงดาวบานใหม่  ก็หมายถึงการจัดการที่มั่นคง และรายได้ที่ดี
ประตูดวงดาวจะนำพาไปยังที่ไหนกันแน่?  ของมีค่าอะไรจะอยู่ที่ปลายทางอีกด้านหนึ่ง?
ทุกคนพากันสงสัย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้าเมืองซิงฟงได้ตั้งกฎเกณฑ์สำหรับผ่านเข้าไป ไม่เพียงแต่ไม่มีผู้ใดจากไป  ยังมีอีกหลายคนที่เร่งรีบเข้าสู่จวนเจ้าเมืองหวังจะมีส่วนร่วมในงานชุมนุมวิทยายุทธด้วย  แม้ว่าจะอันตรายสำหรับการบุกเบิกดินแดนใหม่  แต่ก็มักจะหมายถึงปาฏิหาริย์และความมั่งคั่งเสมอ
นอกจากนี้ เพื่อให้ได้บัตรผ่านหมายความว่า เมื่อประตูดวงดาวเปิดอย่างเป็นทางการ  พวกเขาก็จะสามารถได้รับส่วนแบ่ง
นี่จะเป็นผลประโยชน์ระยะยาวที่มั่นคง
 “ท่านเจ้าเมืองวางแผนระยะยาวได้ดีอย่างแน่นอน”  ผู้อาวุโสอู่มองดูผู้คนหลั่งไหลเข้ามาจากข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง  จึงกล่าวชื่นชม “เราดึงดูดผู้คนเข้ามาโดยไม่ต้องใช้เงินเลยแม้แต่แดงเดียว”
เจ้าเมืองซิงฟงหัวเราะ “เป็นเพราะคุณนั่นแหละ ผู้อาวุโสอู่ที่ชี้แนะผม  เนื่องจากเรามีเจ้าหน้าที่อยู่ในเมืองซิงฟงแล้ว  ทำไมเราไม่ปล่อยให้ทุกคนได้รับผลประโยชน์ด้วยเล่า?  พวกเขาอาจจะได้รับผลประโยชน์บางอย่าง  แต่เมื่อทำเช่นนี้ จะไม่มีใครคิดชิงมันไปจากเรา  ซึ่งก็หมายความว่าเห็นคนอื่นเป็นศัตรู  อีกอย่าง ก็จะช่วยให้งานเดินหน้าได้  ดังนั้นทำไมถึงไม่ทำล่ะ?”
 “ความรู้และภูมิปัญญาของคุณ พระอาทิตย์ยังอายเลยนะ”  ผู้อาวุโสอู่ตอบอย่างให้เกียรติ
 “เพียงแต่เวลานี้  ผมเกรงว่าหลายคนจะตาย”  เจ้าเมืองถอนหายใจเบาๆ
 “ความมั่งคั่ง มักมาพร้อมกับการเสียเลือดเนื้อเสมอ ถ้าไม่ใช่ของคุณ  อย่างนั้นก็ต้องเป็นคนอื่น”  ผู้อาวุโสอู่หัวเราะ  “ปล่อยให้คนอื่นสละเลือดไป  ส่วนเราก็แค่ทำเงิน”
เจ้าเมืองซิงฟงปรบมือหัวเราะ “ฮ่าฮ่า พูดได้ดี”
※※※※※※※※※※※※

 “นี่คือโอกาส!  ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลมองดูตื่นเต้น  “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเมืองซิงฟงของพวกเราจะมีการค้นพบประตูดวงดาว! ฮ่าฮ่า  สวรรค์โปรดตระกูลโจวของเราแล้ว  ตอนนี้ไม่ว่ายังไง  เราต้องผ่านไปให้ได้”
มือของโจวเผิงพันผ้าพันแผลไว้  และเขาไม่พูดอะไรสักคำ เพราะอารมณ์ขุ่นมัว
 “เราทำข้อตกลงกับสถาบันแอนดรูว์แล้ว  และเราจะทำงานร่วมกัน”  ประมุขตระกูลโจวพูดด้วยความเคารพ  “ตราบใดที่บัตรผ่านตกมาอยู่ในเงื้อมมือเรา  เราทั้งสองจะเพลิดเพลินกับสิทธิพิเศษของบัตรผ่าน  ทางด้านเรา เราสามารถจัดคนไปได้หกคน”
ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลพยักหน้าพึงพอใจ สายตาของเขากวาดไปที่โจวเผิงที่ยังรู้สึกขุ่นมัวอยู่ที่มุมหนึ่ง และพูดเย็นชา “เสียท่าเล็กน้อยแล้วเป็นไง? อีกไม่นานแกจะมีโอกาสล้างแค้นแล้ว”
ตาโจวเผิงเป็นประกาย เขากำหมัดแน่นด้วยอารมณ์โกรธ
 “ดีมาก แกยังคงมีวิญญาณนักสู้อยู่ในตัวแก”  ผู้อาวุโสสูงสุดก้มหน้าและล้วงเอาการ์ดวิญญาณระดับเงินออกมา  “นี่คือการ์ดวิชาหอกกระชากวิญญาณ วิทยายุทธระดับสี่  ฉันได้มาเมื่อสมัยยังเยาว์วัย  มันถูกสร้างขึ้นโดยยอดฝีมือหอกหยางหวิน  น่าเศร้า ไม่มีผู้ประสบความสำเร็จในตระกูลโจวที่สามารถฝึกวิชาหอกได้  และสามารถใช้ได้เพียงเรียกพลังวิญญาณออกมา  ในช่วงหนึ่งเดือนนี้ ฉันรับประกันความปลอดภัยของแกได้”
พอเขาขยับนิ้วมือ การ์ดเงินกลายเป็นแสงสีเงินพุ่งวาบไปอยู่ในมือของโจวเผิง
ประมุขตระกูลโจว์มีความสุขทันที เมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสสูงสุดที่ท่านให้ความรักเมตตาเผิงเอ๋อ  เขาจะต้องฝึกฝนอย่างหนักแน่นอนเพื่อไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่”
ผู้อาวุโสสูงสุดหัวเราะ “เรียกมันออกมา, บอกตามความสัตย์ ฉันก็ยังสงสัยอยู่ว่าพลังวิญญาณของปรมาจารย์หยางหวินจะเป็นแบบไหน และหอกกระชากวิญญาณของเขาจะเป็นเช่นไร”
ทุกคนจับตามองดูร่างของโจวเผิง  หยางหวินคือปรมาจารย์หอกเมื่อสองร้อยปีที่แล้ว วิชาหอกของเขามีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ หอกสลายวิญญาณ
โจวเผิงตื่นเต้นดีใจมาก  เขาขบฟันขณะที่เลื่อนนิ้วไปตามขอบการ์ด  การ์ดมีขนาดบางมาก  มันบาดนิ้วของเขาจนเลือดย้อมการ์ดวิญญาณ
ซู่ววว!
สายแห่งเลือดถูกดูดและซึมซับเข้าไปในด้านหน้าของการ์ดวิญญาณทันที
โห!
อุณหภูมิในห้องโถงลดลงฮวบฮาบ  พอตบลงครั้งหนึ่ง การ์ดวิญญาณก็แตกเป็นเสี่ยงและเปลี่ยนเป็นกลุ่มหมอกกลมสีเทา  หมอกสีเทายังคงมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อหมอกสีเทาหายไป  เด็กหนุ่มที่สีหน้าไม่มีความรู้สึกปรากฏอยู่ข้างหน้า เขายังหลับตามอยู่  เด็กหนุ่มดูเหมือนคนจริง และมีชีวิตจริง  แต่สามารถเห็นได้ว่าเขาแตกต่างจากคนจริงอยู่บ้าง  สีหน้าของเขาดูธรรมดา  ขณะที่ผิวของเขาและเสื้อผ้าเหมือนแก้วสีเทา
นี่คือวิญญาณขุนพล
วิญญาณขุนพลนี้กำลังลอยตัวอยู่ในอากาศ ห่างจากพื้นอย่างน้อยหนึ่งเมตร
วิญญาณขุนพลลืมตาขึ้นทันที
บึ้ม! ปราณมหาศาลและโดดเด่นรอบตัววิญญาณขุนพลเป็นเหมือนพายุกวาดไปทั่วทุกมุมของห้องโถง
ทุกคนตกตะลึงกันหมด!

7 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

kk.putting กล่าวว่า...

บ้านพังซะ สมน้ำหน้า5555

kk.putting กล่าวว่า...

บ้านพังซะ สมน้ำหน้า5555

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น