วันเสาร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 4-11 พบเจอ



ตอนที่  4-11  พบเจอ
ถนนศาลาหอมนั้นหนาแน่นไปด้วยผู้คน แต่เยล จอร์จ และเรย์โนลด์กลับมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้หญิงที่ยื่นอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานั้นคือใคร เป็นเวลานานนับปีที่ลินลี่ย์กับอลิซได้คบหาดูใจกัน ย่อมเป็นธรรมดาที่เยล จอร์จ และเรย์โนลด์จะได้ไปแนะนำตัวกับอลิซ และพวกเขาก็จดจำนางได้อย่างแม่นยำ

 “นั่นอลิซนี่” จอร์จลดเสียง
ในเวลานั้น อลิซกำลังเดินจับมือเคียงข้างกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง รอยยิ้มกระจ่างบนใบหน้าของนาง หากลินลี่ย์ได้มายืนอยู่ตรงนี้ก็คงจะจำได้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคือคาลันนั่นเอง
 “บัดซบ!” สีหน้าโหดเหี้ยมราวกับฆาตกรฉาบบนใบหน้าเยล
เรย์โนลด์ก็ไม่สามารถอยู่เฉยได้เช่นกัน “2 เดือนที่ผ่านมา ลินลี่ย์ไปหานางที่บ้านนับครั้งไม่ถ้วน รอคอยอย่างขมขื่น เขาบันทึกช่วงเวลาต่างๆลงในลูกบอลแก้วผลึกนั่นเหมือนคนโง่ และถึงขั้นบอกกับพวกเราว่าในอนาคตเขาจะแต่งงานกับนังอลิซนี่ ให้ตายเถอะ!”
 “น้องสามของเราไม่คู่ควรกับนางตรงไหน?” จอร์จเริ่มอารมณ์เสียเช่นกัน
เยลพ่นลมหายใจแรงๆ “ไม่ใช่เรื่องเหมาะถ้าพวกเราจะเข้าไปต่อว่านางในตอนนี้ เราจะกลับไปที่สวรรค์น้ำหยกก่อนและรอจนกว่าน้องสามกลับมา เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเตรียมจิตใจของเขาให้รองรับความผิดหวังนี้ให้ได้ มิเช่นนั้นแล้วข้าเกรงว่าเขาอาจเจ็บปวดจนเสียผู้เสียคนก็เป็นได้”
จอร์จกับเรย์โนลด์พยักหน้าอย่างเห็นด้วยเช่นกัน
……
ห้องส่วนตัวในสวรรค์น้ำหยก เยล จอร์จ และเรย์โนลด์นั่งบนเก้าอี้คนละตัว คิ้วของพวกเขาขมวดแน่น ไม่มีใครเอ่ยเรียกใช้หญิงบริการ ในแก้วแต่ละใบมีเพียงน้ำผลไม้เท่านั้น ทั้งสามต่างเกรงว่าหากพวกเขาดื่มจนเมามายจะมิสามารถรับมือกับลินลี่ย์ได้ดีนัก
 “ข้ารู้ว่าน้องสามนั้นเป็นคนดีเพียงใด” จอร์จกล่าวอย่างกังวล “ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนพูดมากนัก และเป็นคนขยันขันแข็งคนหนึ่ง มีหญิงสาวในสถาบันหลายคนที่สนใจเขา แต่ลินลี่ย์ไม่สานสัมพันธ์กับใครเลย ผู้ชายเช่นเขาหากได้ตกหลุมรักใครสักคนแล้ว คงจะรักลึกซึ้งกว่าพวกเจ้ามากนัก พี่ใหญ่ น้องสี่”
ทั้งเยลและเรย์โนลด์ต่างพยักหน้า
สำหรับเยลกับเรย์โนลด์แล้ว เลิกรากับหญิงสาวสักคนก็สามารถหาใหม่ได้ในเวลาสั้นๆ ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างใด แต่ในช่วง 2 ปีมานี้ ทุกๆวันที่พวกเขาหยอกเย้าลินลี่ย์ด้วยเรื่องของอลิซ พวกเขาสามารถบอกได้จากท่าทางของน้องสามว่าอีกฝ่ายมีความรู้สึกลึกซึ้งกับอลิซเพียงใด
 “มันถึงทำให้ข้าอารมณ์เสียนี่สิ!” เยลยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นดื่มครั้งหนึ่ง
เรย์โนลด์กล่าว “พี่ใหญ่เยล อย่าอารมณ์เสียไปเลย กับแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง จริงอยู่ว่าในตอนนี้พี่สามอาจเจ็บปวด  แต่ไม่นานเขาจะผ่านมันไปได้ และทุกอย่างจะไม่เป็นไร”
เยลพยักหน้ารับ
เยล เรย์โนลด์ และจอร์จต่างเป็นสมาชิกของตระกูลใหญ่ และมีผู้คนมากมายห้อมล้อมติดสอยห้อยตามตั้งแต่ยังเล็ก สำหรับเรย์โนลด์และจอร์จอาจไม่มากนักเนื่องจากตระกูลของพวกเขาค่อนข้างเข้มงวด แต่เยลนั้นได้ผ่านหญิงสาวมามากตั้งแต่ยังเด็ก
เวลาล่วงเลยผ่านไป หลายวินาที หลายนาทีแล้วในตอนนี้ เยลและคนอื่นๆก็ยังคงนั่งอยู่เงียบๆ
ประมาณตี 1 เสียงแครกเบาๆดังขึ้น และประตูก็เปิดอ้าออก เป็นลินลี่ย์ที่เดินเข้ามา ทั้งตัวกรุ่นไปด้วยกลิ่นไวน์ “เฮ้ ทำไมพวกเจ้ายังอยู่ที่นี่กัน?”
เยลหัวเราะลั่น “ก็รอเจ้าอยู่น่ะสิ”
 “น้องสาม ไม่ใช้ว่าเจ้าไปรออลิซอยู่ทั้งคืนหรือใช่ไหม?” จอร์จถามอย่างตรงไปตรงมา
ลินลี่ย์พยักหน้าเบาๆและทรุดตัวนั่งลง “ทำไมคืนนี้พวกเจ้าจึงไม่ดื่มกันเล่า?” ลินลี่ย์หยิบเครื่องดื่มฤทธิ์แรงออกมาจากสาบเสื้อก่อนเทลงในแก้วแล้วกระดกรวดเดียว
 “น้องสาม พวกเรามีเรื่องอยากคุยกับเจ้า” เยลกล่าวยิ้มพลาง
 “พูดไปสิ” ลินลี่ย์ไม่ได้มีสติมากนัก
เยลกล่าวอย่างนุ่มนวล “เมื่อคืน ระหว่างที่พวกข้ากำลังเดินอยู่บนถนน ก็พลันเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง นางดูเหมือนอลิซมาก แต่เนื่องจากนางอยู่ไกลนักพวกข้าจึงบอกให้แน่ชัดไม่ได้ แต่หญิงนางนั้นกลับจูงมืออยู่กับชายอีกคน”
 “โกหก” ลินลี่ย์พูดเสียแข็งเป็นอันจบบทสนทนา
เยลได้แต่มองหน้าเพื่อนอีก 2 คน
เรย์โนลด์ตบบ่าลินลี่ย์พลางหัวเราะ “น้องสาม พวกเราต่างก็เป็นบุรุษ ในฐานะชายชาตรีคนหนึ่งเจ้าจะปล่อยให้ผู้หญิงมาขี่หัวเราอยู่ได้อย่างไร อลิซไม่ยอมมาพบเจ้าหลายครั้ง ถ้าเป็นข้าคงทอดทิ้งนางไปนานแล้ว แม้จะคุกเข่าต่อหน้าข้า ข้าก็จะมิสนใจนางแม้แต่น้อย”
 “น้องสี่ เจ้ามันเด็กแสบคนหนึ่ง จะไปรู้อะไร?” ลินลี่ย์กล่าวพลางหัวเราะ และยกแก้วขึ้นมาดื่มอีกอึกใหญ่ “หยุดพูดกันแค่นี้เถิด วันนี้ข้าอยู่ในอารมณ์อยากดื่มยิ่ง ดื่มเป็นเพื่อนเข้าหน่อยก็แล้วกัน”
เรย์โนลด์ เยล และจอร์จแลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาทำอะไรไม่ได้จึงนั่งลงข้างๆและเริ่มดื่มกับลินลี่ย์
เช้าตรู่วันถัดมา ลินลี่ย์ เยล จอร์จ และเรย์โนลด์ต่างหลับฟุบอยู่คนละมุมโต๊ะ ลินลี่ย์เป็นคนแรกที่รู้สึกตัว
เมื่อมองไปยังเพื่อนรักทั้งสาม รอยยิ้มขมขื่นพลันปรากฏบนใบหน้า ในหัวใจของเขาได้แต่พร่ำบ่นตัวเอง “พี่ใหญ่เยล พี่รอง น้องสี่....พวกเจ้าร่วมดื่มและกล่าวหลายสิ่งเพื่อโน้มน้าวข้า สิ่งที่พวกเจ้ากำลังคิดอยู่นั้นข้าเข้าใจดี เพียงแค่อลิซผิดนัดข้าสองสามครั้งข้าก็รู้สึกแย่มากพอแล้วแต่....ข้าไม่เชื่อ ข้าเพียงไม่อยากเชื่อเท่านั้น”
ลินลี่ย์ลุกขึ้นเดินไปยังหน้าตา และมองลงไป
ตอนนี้เป็นเวลาตี 5 เกือบ 6 โมงเช้า เมืองเฟนไลดูเหมือนเพิ่งตื่นจากนิทรา มีผู้คนจำนวนน้อยที่กำลังเดินอยู่บนท้องถนนเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน และส่วนใหญ่ดูยังไม่ตื่นเต็มที่นัก
 “ลินลี่ย์” เดลิน โคเวิร์ทปรากฏตัวจากแหวนมังกรขนด
เดลิน โคเวิร์ทผู้ซึ่งสวมชุดคลุมยาวสีขาวอยู่ตลอด และเป็นเจ้าของเครายาวตลอดกาล
 “ปู่เดลิน” เมื่อเห็นเดลิน โคเวิร์ทปรากฏตัว ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนเขาซึ่งอยู่บนเรือลำน้อยล่องลอยอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรเพียงลำพัง กำลังจะได้เทียบเข้าฝั่ง
เมื่อเห็นสภาพสมาชิกหอพักของลินลี่ย์ เดลิน โคเวิร์ทก็หัวเราะ “ลินลี่ย์ เจ้ามีเพื่อนที่วิเศษมากถึง 3 คน มิตรภาพของพวกเจ้าสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหัวใจที่ผูกพันระหว่างชายหญิง ข้าพูดได้เพียงว่า ตลอด 1,300 ปีที่ข้ามีชีวิตอยู่ ข้าได้พบชายเพียง 1 จาก 10 คนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในรักแรก”
 “ปู่เดลิน ข้าเข้าใจ” ลินลี่ย์ฝืนพยักหน้า “แต่....ข้าไว้ใจนาง”
เดลิน โคเวิร์ทก็พยักหน้าเช่นกัน ไม่มีคำพูดใดๆระหว่างพวกเขาอีก
….
กลางเดือนพฤศจิกายน ลินลี่ย์จัดกระเป๋าเป้เพื่อให้มันใจว่าลูกบอลแก้วผลึกทั้งสองจะปลอดภัย และมุ่งหน้าสู่เมืองเฟนไลอีกครั้ง เขามุ่งหน้าไปยังบ้านสองชั้นหลังน้อยดังที่เคยทำ
 “ลุงฮัด อลิซกลับมาบ้านหรือยัง?” ลินลี่ย์เอ่ยถามทหารยามที่บัดนี้กลายเป็นคนคุ้นเคย
ฮัดส่ายศีรษะ “ยัง เป็นเวลามากกว่า 1 เดือนนับตั้งแต่ที่อลิซกลับมาครั้งก่อน นางยังไม่ได้กลับมาสักครั้ง”
 “ไม่แม้แต่สักครั้งเลยหรือ?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว รอยย่นจางๆปรากฏขึ้นบนหน้าผาก “ถ้าเช่นนั้น ลุงฮัด ข้าคงต้องขอตัวก่อน” ลินลี่ย์กล่าวลาอย่างสุภาพ
เมื่ออยู่ลำพังบนถนนดรายโร้ด ลินลี่ย์ก็มุ่งหน้าไปบาร์ แต่กลับไม่เข้าไป บีบีกล่าวกับเขาผ่านทางจิต “เจ้านาย อย่าเป็นกังวลไปเลย ที่อลิซยังไม่กลับมา เป็นไปได้ว่านางอาจมีอย่างอื่นที่ต้องทำ อย่างการฝึกฝนก็เป็นไปได้ อย่ามัวแต่ยืนเฉยคิดเรื่องไร้สาระอยู่เลย”
 “ใช่แล้ว บางทีนางอาจจะยุ่งอยู่กับอะไรสักอย่างจนไม่มีเวลาปลีกตัวมา” ดวงตาของลินลี่ย์พลันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เห็นดังนั้น บีบีได้แต่ถูจมูกเล็กๆของมันอย่างรำคาญ “เจ้านายลุ่มหลงในความรักจนกลายเป็นคนโง่งมไปแล้วเป็นแน่ เพียงแค่ถ้อยคำปลอบใจเล็กน้อยก็พลันเปลี่ยนเป็นคนละคน”
 “เจ้าตัวน้อยนี่! วันนี้เจ้าต้องถูกงดเหล้าเป็นการลงโทษ” ลินลี่ย์ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
But Linley also had to admit that after joking around with Bebe, his mood improve a little.
แต่ก็ต้องยอมรับว่าหลังจากหยอกล้อกับบีบี อารมณ์ของเขาก็พลันดีขึ้นเล็กน้อย
……
วันที่ 29 พฤศจิกายน นับว่าเป็นวันที่หนาวเหน็บวันหนึ่ง หิมะสีขาวปกคลุมทั่วทุกสรรพสิ่ง ลินลี่ย์ เรย์โนลด์ เยล และจอร์จกำลังนั่งอยู่บนรถม้า ซึ่งมีคนขับเป็นคนรับใช้จากตระกูลพ่อค้าของเยล เบื้องหลังพวกเขา มีอัศวินจำนวนหนึ่งกำลังอารักขารูปสลักของลินลี่ย์
 “น้องสาม อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะเป็นช่วงสอบปลายปีแล้ว ข้าอยากรู้จริงๆว่าเจ้าอดีตอัจฉริยะหมายเลขหนึ่งของสถาบันนั่นจากเป็นจอมเวทระดับ 6 หรือยัง” เยลหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
จอร์จกับเรย์โนลด์ก็ดูภูมิใจมากเช่นกัน
ต้นเหตุมาจากสัปดาห์ที่แล้ว ลินลี่ย์เพิ่งบรรลุระดับ 6 ได้นั่นเอง
ความจริงนั้น ลินลี่ย์บรรลุระดับ 4 เมื่อเขาอายุ 13 ปี และระดับ 5 เมื่ออายุราวๆ 16 ปี เป็นเวลาเพียง 5 ปีเท่านั้น ถ้าจะเทียบกับการพัฒนาของดิ๊กซี่ที่ถูกเล่าขานกันว่ารวดเร็วมากแล้ว เมื่อมาเทียบกับลินลี่ย์ ผู้พัฒนาบนเส้นทางของโรงเรียนเหล็กสกัด ก็ไม่นับว่ารวดเร็วเท่าไรนัก
สองปีครึ่ง
เกี่ยวอะไรกับดิ๊กซี่ผู้ที่ก่อนนั้นกล่าวกันว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะของสถาบัน?
ดิ๊กซี่เป็นจอมเวทระดับห้าเมื่ออายุสิบสองปี  แต่ตอนนี้เขาสิบห้าปีแล้ว  เป็นเวลาห้าปี หากจะกล่าวตามตรง พัฒนาการของดิ๊กซี่นั้นเร็วมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับลินลี่ย์ที่ได้รับการช่วยเหลือฝึกฝนจากโรงเรียนเหล็กสกัด  เขาก็ยังช้ากว่ามาก
หากการทดสอบสิ้นปีมาถึง แล้วผลออกมาว่าลินลี่ย์บรรลุระดับ 6 ในขณะที่ดิ๊กซี่ทำไม่ได้ ลินลี่ย์จะกลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสถาบันเอินส์แทน
 “พี่สาม ยิ้มเข้าไว้ ได้เป็นจอมเวทระดับ 6 ทั้งทีนับเป็นเรื่องน่ายินดีแล้ว” เรย์โนลด์กล่าวอย่างกระตือรือร้น
ลินลี่ย์ฉีกยิ้ม
 “เจ้าเรียกนั่นว่ารอยยิ้มอย่างนั้นหรือ?” เรย์โนลด์พยายามหยอกเย้าลินลี่ย์
จนท้ายที่สุดลินลี่ย์ก็หลุดยิ้มออกมา “ก็ได้ๆ น้องสี่ ปล่อยข้าไว้ตามลำพังสักพักเถิด” ในเวลานั้นลินลี่ย์ได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องพบอลิซให้ได้ ถ้าเข้าไม่พบนางในเมืองเฟนไล เขาจะมุ่งหน้าสู่สถาบันเวลเลนเพื่อตามหานาง
ไม่ว่าอย่างไรก็อยากจะพูดคุยกับอลิซแบบตัวต่อตัวอีกสักครั้ง
เมื่อเปิดหน้าต่างรถม้า ลินลี่ย์ก็รู้สึกว่ามีกระแสลมหนาวพัดเข้ามา เมื่อชำเลืองมองออกไป ทุกสิ่งในครรลองล้วนปกคลุมไปด้วยสีขาว แม้แต่ท้องฟ้าก็ยังมีเกล็ดหิมะล่องลอยอย่างหนาแน่น เมื่อเพลิดเพลินกับบรรยากาศสงบของฤดูหนาว เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดพวกเขามาถึงเมืองเฟนไล
หลังจากส่งมอบรูปสลักทั้ง 3 ให้หอศิลป์พรูกซ์แล้ว ทั้ง 4 รับประทานอาหารที่เพิงข้างทางแห่งหนึ่ง
ในเวลานี้ ลินลี่ย์นับว่ามีรายได้สูงยิ่ง ในแต่ละเดือนเขาสามารถเก็บเงินได้ราวๆ 20,000 เหรียญทอง ทำให้ลินลี่ย์ไม่ใส่ใจกับเรื่องเงินทองอีกต่อไป ลินลี่ย์สะพายเป้ที่บรรจุลูกบอลแก้วผลึก 2 ลูกไว้ด้านใน และมุ่งหน้าไปยังบ้านของอลิซ
 “เจ้านาย! ถ้าข้าจำไม่ผิด นี่เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ท่านมายังเมืองเฟนไลพร้อมกับลูกบอลผลึกพวกนี้ ถูกหรือไม่?” บีบีกล่าวอย่างไม่แน่ใจ “เอาอย่างนี้สิ เจ้านายมอบพวกมันให้ดีเลียแทนดีหรือไม่? ข้าชอบนางมากเช่นกัน”
ตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ลินลี่ย์นำลูกบอลแก้วผลึกติดตัวมาเมืองเฟนไล
 “พอได้แล้วบีบี” ลินลี่ย์กล่าวพลางขมวดคิ้ว
เมื่อย่ำเท้าไปบนถนนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เสียงสวบสาบดังขึ้นในแต่ละก้าวที่เข้าเดิน ในเวลาไม่นาน ลินลี่ย์ก็มายืนหยู่หน้าบ้านสองชั้น
หลังจากพูดคุยกับฮัดเพียงสั้นๆ ลินลี่ย์ก็จากมา
 “อีกครั้งที่นางไม่กลับมา” ลินลี่ย์ขมวดคิ้วนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว “สถาบันเวลเลน!” ลินลี่ย์ตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังสถาบันเวลเลนอย่างรวดเร็ว
บนถนนศาลาหอมของเมืองเฟนไล
อลิซกำลังเดินอยู่บนถนน มือของนางถูกคาลันกุมไว้ คาลันกล่าวอย่างนุ่มนวล “อลิซ เจ้าไม่คิดจะทำอะไรให้มันชัดเจนสำหรับลินลี่ย์หน่อยหรือ?”
 “อาจจะเป็นคราวหลัง” อลิซส่ายหน้า
คาลันพยักหน้าและไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก
สายตาของเขาจับจ้องไปที่อลิซ หญิงสาวที่เขากำลังกุมมือนางอยู่ คาลันเผยรอยยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ตั้งแต่เด็กคาลันก็หลงรักอลิซมาตลอด ในหัวใจของเขามีเพียงนางเท่านั้น แต่เขาไม่เคยคิดว่าอลิซจะไปคบหากับลินลี่ย์อย่างรวดเร็วเช่นนั้น
ครั้งแรกที่เขารู้ว่าอลิซกับลินลี่ย์เริ่มคบหากัน อารมณ์ของเขาก็แทบระเบิด
ตั้งแต่เด็ก คาลันคิดว่าอลิซเป็นของเขามาโดยตลอด แม้ว่าลินลี่ย์จะเพิ่งช่วยชีวิตเขาไว้ แต่เมื่อมีเรื่องหัวใจมาเกี่ยวข้องคาลันก็ไม่คิดจะถอยให้ แม้ว่า....จะต้องใช้เล่ห์กลเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการก็ตาม
 “รับแรกพบอย่างนั้นหรือ? วีรบุรุษที่ช่วยหญิงงามจากเงื้อมมือของสัตว์ร้าย?” คาลันเต็มไปด้วยความคิดดูถูก “ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ของแบบนั้นมีอยู่แค่ในนิยาย”
เขากุมมืออลิซแน่น แล้วเข้าเรื่อง
 “อลิซ เมื่อไหร่ที่เจ้าคิดว่าจะบอกเรื่องราวต่างๆกับลินลี่ย์” คาลันถามอีกครั้ง เขาไม่ต้องการให้อลิซกับลินลี่ย์มีเยื่อใยใดๆระหว่างกันอีก
อลิซส่ายหัว “ข้าไม่รู้เช่นกัน ข้าเชื่อเพียงแต่ว่า หากข้าไม่ไปเจอกับลินลี่ย์เป็นเวลานาน ความรู้สึกของเราอาจจะจางหายพอให้ข้ากล้าพอที่จะเอ่ยคำลากับเขา และเขาคงไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากแล้ว”
 “เจ้าพูดถูก อย่างน้อยลินลี่ย์ก็เคยช่วยชีวิตพวกเราไว้ครั้งหนึ่ง” คาลันพยักหน้า
เมื่อเดินต่อไป พวกเขาก็มาถึงสี่แยกที่ตัดกันระหว่างถนนศาลาหอมและถนนดรายโร้ด คาลันรู้สึกว่าอลิซหยุดเดินจึงได้แต่สงสัย เมื่อมองไปยังอลิซก็เห็นท่าทีตกตะลึงของนางที่จ้องมองไปทางถนนดรายโร้ด ใบหน้าของนางซีดเผือด คาลันจึงหันไปมองบ้าง...
ชายหนุ่มในชุดสีเหลืองอ่อนยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขา ไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่น้อย ชายคนนั้นจับจ้องมายังพวกเขาด้วยท่าทีชะงักค้าง ใบหน้าของเขาไร้สีสัน มันซีดขาวเหมือนสีหิมะ
 ลินลี่ย์!” คาลันขมวดคิ้มเคร่งเครียด

4 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ชิบหายแล้ว รถไฟชนกัน อยากให้แอดทำสารบัญ ในโทรศัพท์ กดเลือกตอนแล้วไม่ไป

Hemm กล่าวว่า...

แสดงว่าโทรศัพท์นั้น บล็อคป๊อบอัพ ต้องปลดบล็อคครับ หรือเลือกให้มันแสดงทุกครั้งก็ดีได้

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

neng2006 กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น