วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 4-18 มังกรเกราะหนาม



ตอนที่  4-18  มังกรเกราะหนาม
ในถ้ำใต้ดิน ลินลี่ย์นอนพักเอาแรงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากรู้สึกดีขึ้นแล้วจึงลุกขึ้น เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา การถูกล้อมกรอบโจมตีโดยมังกรยักษ์นับร้อยเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ลินลี่ย์เคยเผชิญมา ทุกวินาทีเขาได้แต่คิดหวาดกลัวทุกลมหายใจเข้าออก แต่เมื่อผ่านพ้นมาแล้วจิตใจเขาก็สงบขึ้น ลินลี่ย์วางแผนจะหยุดพักหายใจชั่วครู่เพื่อดื่มด่ำกับชีวิต แต่ในส่วนลึกของจิตใจเต็มไปด้วยความปรารถนา...ปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้น!

ต่อหน้ามังกรยักษ์เหล่านั้น เขาไม่มีค่าไปมากกว่าของเล่นฆ่าเวลาชิ้นหนึ่ง ซึ่งเขาไม่สามารถต้านทานได้เลย
 “เจ้านาย ไม่มีทางออกทางอื่น ช่องทางเข้าออกของที่นี่มีทางเดียวคือทางที่เราใช้เข้ามา ถัดจากที่เราอยู่ไปเป็นทางเดินที่กว้างมาก” บีบีสื่อสารกับลินลี่ย์ผ่านทางจิตเมื่อกระโดดขึ้นมายืนบนไหล่ของชายหนุ่ม
บริเวณถัดจากที่พวกเขาอยู่ เป็นทางเดินที่ดูแตกระแหงกว้าง 10 เมตรและสูงจากพื้นด้านล่างเกือบ 10 เมตร ทางเดินที่ขรุขระและแตกระแหงนี้ทอดยาวไปยังทิศตะวันออกซึ่งเขามองไม่เห็นจุดสิ้นสุด หลังจากไตร่ตรองท่ามกลางความเงียบ ลินลี่ย์และบีบีก็ตัดสินใจเสี่ยงดวงมุ่งหน้าไปสู่หนทางที่มืดสนิท
ยิ่งเดินมาไกลเท่าใด อุโมงค์ก็ค่อยๆมืดลง จนกระทั่งในที่สุดก็ไม่สามารถเห็นสิ่งใดในความมืดนี้ได้ ลินลี่ย์ไม่เห็นแม้แต่ทางเดินด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากและเลาะตามผนังฝั่งหนึ่งไป
 “เจ้านาย! พวกเราอยู่ที่ไหนกันแน่ เหตุใตจึงมีทางเดินยาวอยู่ในหุบเขาเช่นนี้ได้?” บีบีเอ่ยถาม
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ
 มีมังกรกว่าร้อยตัวรอเราอยู่ด้านบนนั่น หากออกไปก็เป็นการฆ่าตัวตาย พวกเราทำได้เพียงมุ่งหน้าเข้าไปเท่านั้น” ลินลี่ย์ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะฝ่าภัยอันตรายออกไป หนทางเดียวของเขาคือเดินตามเส้นทางที่ไม่อาจทราบจุดหมายได้
บีบีที่ตามติดลินลี่ย์เพิ่มความระมัดระวังถึงระดับสูงสุด มันมองซ้ายขวาราวกลับเกรงว่าอสูรเวทพร้อมจะผุดออกจากเงามืดได้ตลอดเวลา
 ตรงนั้นมีแสงจากข้างบน” ในความมืด ลินลี่ย์สังเกตเห็นแสงเรืองรองจากด้านบน เขาเพิ่มความเร็วในแต่ละย่างก้าวอย่างไม่รู้ตัว จนในที่สุดเขาก็พบทางออกจากอุโมงค์ ทางออกนั้นมุ่งไปสู่บริเวณที่เรืองรองด้วยแสงสีแดง
ทันใดนั้น...
 “ฮ่าฮ่า ซาร์เทียส เจ้าจะไม่ลำพองไปหน่อยหรือ? สิ่งที่เจ้าทำกับข้าเมื่อ 300 ปีก่อน ข้าจะขอคืนให้เจ้าในวันนี้” เสียงโทนต่ำดังขึ้นจากทางออก เป็นน้ำเสียงทุ้มที่แฝงไปด้วยอำนาจดังก้องดั่งสายฟ้าฟาด
ลินลี่ย์ได้แต่รู้สึกตกใจ “มีคนอยู่!”
 “ไม่ว่าผู้คนนั้นจะเป็นใคร พูดคุยกับมนุษย์ย่อมง่ายดายกว่าอสูรเวทอยู่แล้ว ข้าไม่มีหนทางอื่นนอกจากตามเสียงดังก้องนี้ไป” ลินลี่ย์เกาะอยู่กับผนังอุโมงค์เดินตรงไปยังทางออก ในขณะที่เหลืออีก 20 เมตรจะถึงทางออกนั้น ลินลี่ย์ก็มองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอก
สิ้นสุดทางออกนั้น เป็นโถงถ้ำขนาดใหญ่
ถ้ำนี้มีความกว้างหลายกิโลเมตร และมีเพดานสูงหลายเมตร แต่สิ่งที่ทำให้ลินลี่ย์ตกตะลึง...
จากจุดที่เขายืนอยู่ ลินลี่ย์สามารถมองเห็นร่างของหมีสีดำขนาดมหึมายืนอยู่ในอากาศ ความสูงของมันอย่างต่ำก็ 10 เมตร ขนทั่วร่างของมันเหมือนทำจากเหล็ก เจ้าหมีสีดำตัวนี้ถูกปกคลุมด้วยลวดลายสีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้มันยิ่งดูอันตรายเข้าไปอีก
เป็นหมีสีดำนี่เองที่เอ่ยถ้อยคำด้วยภาษาของ ‘มนุษย์’ ดังที่ลินลี่ย์ได้ยิน
 “มัน...มัน...” ลินลี่ย์เกือบหยุดหายใจ
เขาได้แต่เอ่ยซ้ำไปซ้ำมาอย่างโง่งม มึนเบลอว่างเปล่า
 “อสูรเวทระดับเซียน!” ในที่สุดลินลี่ย์ก็เข้าใจ
เมื่อบรรลุถึงระดับเซียน อสูรเวททุกสายพันธุ์จะสามารถบินได้ และสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ เป็นจุดเด่นหนึ่งของอสูรเวทระดับเซียน อสูรเวทระดับเซียนถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตรายยิ่ง มนุษย์ที่บรรลุระดับเซียนส่วนใหญ่ล้วนไม่สามารถต่อกรกับอสูรเวทระดับเซียนได้ มีแต่เพียงการร่วมมือกันระหว่างนักสู้ระดับเซียนเท่านั้นที่จะสามารถล้มอสูรเวทระดับเซียนได้สักตัว
และความสามารถพิเศษอีกอย่างหนึ่งของอสูรเวทระดับเซียนคือการเปลี่ยนขนาด อสูรเวทระดับเซียนใหญ่กว่า 100 เมตรสามารถย่อขนาดจนเล็กกว่างูเขียวได้
แต่อย่างไรก็ตาม....ไม่มีทางที่อสูรเวทระดับเซียนจะอยู่ในรูปกายของมนุษย์ได้
อาจเพราะพลังอำนาจของมันมากเกินกว่าจะอยู่ในรูปของมนุษย์ก็เป็นได้
 “อสูรเวทระดับเซียน ข้าเพิ่งได้พบกับอสูรเวทระดับเซียน” ลินลี่ย์ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง เขาได้แต่แอบมองจากซอกหลืบบริเวณทางออกของอุโมงค์ “มันคือเซียนหมีลายม่วง อสูรเวทระดับ 9”
เซียนหมีลายม่วงนี้จัดเป็นอสูรเวทระดับ 9 มีบางครั้งที่พวกมันจะสามารถบรรลุถึงระดับเซียนได้
 “แต่ดูเหมือนเซียนหมีลายม่วงนี้จะตาบอดข้างหนึ่ง” ลินลี่ย์สังเกตเห็นรอยแผลเป็นร้ายแรงที่ตาซ้ายของเซียนหมีลายม่วงที่ยืนอยู่ในอากาศ
 “ซาร์เทียส หลายปีมานี้ข้าเฝ้ารอโอกาสแก้แค้นเจ้ามาโดยตลอด ฮ่าฮ่า เจ้าคิดจะยึดที่แห่งนี้เป็นของตัวเองอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ! ตลอดเวลาที่หลบซ่อนอยู่ในสถานที่ที่มีอณูธาตุหนาแน่นเป็น 100 เท่าของโลกภายนอกนี้ ในที่สุดข้าก็บรรลุระดับเซียนก่อนเจ้า ฮ่าฮ่า”
เห็นได้ชัดว่าเซียนหมีลายม่วงนี้ดูตื่นเต้นนัก
 แล้วซาร์เทียสที่เจ้าหมีนี่พูดถึงมันอยู่ที่ใดกันแน่?” ลินลี่ย์สอดส่องไปรอบๆแล้วค่อยๆคืบคลานไปยังอีกด้านของผนังอุโมงค์ จากตรงนี้เขามองเห็นอสูรเวทอีกตัว และอสูรเวทตัวนี้ก็ทำให้หัวใจของลินลี่ย์เต้นถี่อีกครั้ง
 “มันมีความยาวมากกว่า 10 เมตร และสูงกว่า 3 เมตร
ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำสนิท ซึ่งมีลวดลายแปลกประหลาดยิ่ง แต่ละเกล็ดมีขนาดใหญ่พอๆกับฝ่ามือของมนุษย์
แต่ลวดลายของเกล็ดที่สอดรับกันอย่างแปลกประหลาดนี้ ช่างข่มขวัญให้หัวใจผู้มองเห็นหวาดกลัวยิ่งนัก
หลังของมันมีหนามแหลมยาว 30 เซนติเมตรจำนวนมาก ปกคลุมตลอดแผ่นหลังกลับไปจนถึงหลังคอ
ส่วนที่น่าหวาดกลัวที่สุดคือดวงตาของมัน...
ดวงตาสีทองเข้ม ที่เย็นยะเยือกราวกับจะแช่แข็งทุกสรรพสิ่ง
 “มังกรเกราะหนาม อสูรเวทประเภทมังกรที่อันตรายที่สุดในระดับ 9” หัวใจของิลนลี่ย์แทบกระดอนออกมาจากอก ในหัวของเขาพยายามรวบรวมข้อมูลของมังกรเกราะหนามที่เคยได้รับ
มังกรเกราะหนาม: อสูรเวทระดับ 9 ธาตุความมืด อสูรเวทประเภทมังกรที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดามังกรระดับเดียวกัน มังกรเกราะหนามมีพลังป้องกันสูงที่สุดในบรรดาสายพันธุ์เดียวกัน มีกรงเล็บแหลมคมเป็นอาวุธ
โดยไม่มีข้อสงสัย ในบรรดามังกรระดับเดียวกัน มังกรเกราะหนามนี้ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดอย่างแน่นอน
 “มันเป็นมังกรเกราะหนาม!” ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจทุกอย่างแล้ว
เซียนหมีลายม่วงเป็นคู่ต่อสู่ที่น่ากลัวยิ่ง ในบรรดาอสูรเวทตระกูลหมีมันถือว่ามีความแข็งแกร่งที่สุด ซึ่งนับว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
ในบรรดาอสูรเวทระดับ 9 มีน้อยสายพันธุ์ที่จะเหนือไปกว่าเซียนหมีลายม่วง...แต่มังกรเกราะหนามนับเป็นหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
มังกรเกราะหนามปรายสายตาเย็นยะเยือกมายังลินลี่ย์
ลินลี่ย์รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เหงื่อจำนวนมากผุดขึ้นบริเวณศีรษะ ความกลัวที่เขารู้สึกในตอนนี้มากกว่าความกลัวเมื่อตอนเด็กที่เผชิญหน้ากับมังกรดำระดับ 9 ในเมืองอู่ซันอย่างเทียบกันไม่ติด
แม้ว่ามังกรเกราะหนามจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของลินลี่ย์ มันก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะบัดนี้ศัตรูอันร้ายกาจของมันคือเซียนหมีลายม่วงตรงหน้า ในบรรดาอสูรเวทระดับ 9 มังกรเกราะหนามนับว่าร้ายกาจที่สุด เมื่ออยู่ต่อหน้าอสูรเวทระดับเซียน....
 “กรรร...” มังกรเกราะหนามส่งเสียงคำรามต่ำ
 “ซาร์เทียส เจ้ากล่าวว่าข้าเพิ่งได้เป็นอสูรเวทระดับเซียนอย่างนั้นหรือ? เป็นเหตุที่เจ้าไม่เกรงกลัวข้า? ฮ่าฮ่า จริงอยู่ที่ข้าเพิ่งบรรลุระดับเซียน แต่กระนั้นก็เพียงพอจะสังหารเจ้าแล้ว! หืม ในเมื่อข้าก้าวเข้าสู่ระดับเซียน เจ้าก็ไม่ใช่คู่มือ” ใบหน้าของเซียนหมีลายม่วงระดับเซียนฉาบไปด้วยความมั่นใจ
 “มังกรเกราะหนาม เจ้าเป็นมังกรจำพวกที่พัฒนาได้เชื่องช้า เจ้าครอบครองสถานที่แห่งนี้และสำราญกับอณูธาตุที่หนาแน่นนี้มายาวนานเกินไปแล้ว แม้ว่าเจ้าจะอยู่จุดสูงสุดของระดับ 9 แต่ก็ไม่สามารถฝ่าขั้นสุดท้ายไปได้ ในวันนี้ข้าจะให้เจ้ารับรู้ถึงพลังอำนาจของระดับเซียน” กลิ่นอายของเซียนหมีลายม่วงแผ่พลังออกมาอย่างเข้มข้น
แม้ว่าเซียนหมีลายม่วงจะพูดจาโอ้อวดเสียใหญ่โต แต่ใจมันรู้ดีถึงพิษสงของมังกรเกราะหนาม
มังกรเกราะหนามมีพลังป้องกันสูงที่สุดในบรรดามังกรด้วยกัน และซาร์เทียสก็อยู่ขั้นสูงสุดของระดับ 9 แล้ว เพียงแค่ก้าวเดียวจะบรรลุเป็นเซียนมังกรเกราะหนาม ด้านพลังป้องกันนับว่าเทียบได้กับมังกรระดับเซียน แต่นอกจากนั้นก็มีเพียงสิ่งเดียวที่มันต้องระวัง!
The twin talons of the Armored Razorback Wyrm were incomparably sharp!
คือกรงเล็บทั้งสองของมังกรเกราะหนามที่แหลมคมอย่างยากจะหาผู้ใดมาเปรียบ!
 “ไม่ว่าอย่างไร...ข้าก็บรรลุระดับเซียนแล้ว” เซียนหมีลายม่วงทะนงตนอย่างยิ่ง
 “เมื่อบรรลุระดับเซียน ข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งคือสามารถบินได้ ข้อได้เปรียบที่สองคือข้าสามารถส่งพลังวิญญาณออกนอกร่างกายของข้าได้ อสูรเวทส่วนใหญ่ใช้ประสาทสัมผัสในการต่อสู่ แต่นักสู้ระดับซียนจะใช้พลังวิญญาณในการตรวจจับการเคลื่อนไหวของศัตรูในระหว่างการต่อสู้ ศึกครั้งนี้ข้ามีข้อได้เปรียบมากมาย”
และที่สำคัญ เมื่อบรรลุระดับเซียน พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ลินลี่ย์แทบหยุดหายใจจ้องมองสถานการณ์ของอสูรเวทอันตรายทั้งสองอยู่ที่ช่องแคบนั้น
มังกรเกราะหนามที่อยู่จุดสูงสุดของระดับ 9 ปะทะกับเซียนหมีลายม่วง ลินลี่ย์รู้สึกว่าเลือดของเขาเดือดพล่าน อย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อลินลี่ย์จ้องมองไปยังดวงตาของมังกรเกราะหนาม เขาพลันรู้สึกหวาดกลัวมันมากกว่าเซียนหมีลายม่วงเสียอีก
 “เริ่มแล้ว” ดวงตาของลินลี่ย์เบิกกว้าง
เซียนหมีหมีลายม่วงเหยียบย่างลงบนพื้น ในขณะเดียวกันก็คำรามเสียงลั่น กล้ามเนื้อทุกมัดบนร่างหมีสั่นระริกและเริ่มแตกออก เสียงกร๊อบดังขึ้น เซียนหมีลายม่วงที่เคยสูง 10 เมตร บัดนี้สูงขึ้นอีก 2 เมตร กลายเป็น 12 เมตรแล้ว แม้ว่าช่วงตัวจะมีขนาดเท่าเดิม แต่ช่วงขาของมันขยายใหญ่ขึ้น
 “ตายซะ ซาร์เทียส!”
แสงเรืองรองขึ้น ก่อนร่างเซียนหมีลายม่วงจะพุ่งออกไปเป็นภาพติดตาเข้าหามังกรเกราะหนาม มังกรที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วตวัดหางฟาดพื้นส่งให้ร่างกายทะยานขึ้นหลบการโจมตี
รอยแตกที่พื้นลึกราวหนึ่งเมตรจากแรงฟาดของมังกรเกราะหนามเมื่อชั่วอึดใจก่อน “ตูม!” ลินลี่ย์มองเห็นพื้นดินที่ร้าวเป็นรัศมีสองถึงสามเมตรรอบอุ้งมือของเจ้าหมี จากนั้นพื้นดินก็กลายเป็นฝุ่นผง ลึกกว่าครึ่งเมตร และเป็นรอยแตกแผ่ออกเป็นรัศมีหลาย 10 เมตรราว 7 – 8 รอย
 “ช่างน่าหวาดกลัวยิ่ง” เหมือนหัวใจของลินลี่ย์ขึ้นมาจุกอยู่ตรงคอหอย
ทันใดนั้นเซียนหมีลายม่วงก็กลับตัว สายตาอันตรายของมันเปล่งแสงสีแดง จับจ้องไปยังมังกรเกราะหนาม
มังกรเกราะหนามยังคงหยุดนิ่ง ดวงตาสีทองฉายแววเยือกเย็น ไม่ได้เข้าโจมตีแต่อย่างใด
 “ซาร์เทียส เหมือนว่าเจ้ากำลังกลัวนะ” เซียนหมีลายม่วงหัวเราะอย่างยินดี จากนั้น ทั่วร่างของมันก็ปลดปล่อยไอสีดำ “วูชชชช!” ลูกเตะอันทรงพลังฟาดกับพื้นดิน ส่งให้ร่างของมันทะยานขึ้นไปในอากาศ เคลื่อนไหวด้วยรูปแบบอันตรายในขณะที่พุ่งตรงมาที่มังกรเกราะหนาม
มังกรเกราะหนามปรายตามองหมีลายม่วงด้วยสายตาเย็นยะเยือก จากนั้น หางมังกรดุจแซ่เหล็กก็ตวัดออก...
 “แควก!” เสียงฟาดกับอากาศดังลั่นจนแก้วหูของลินลี่ย์เจ็บปวด “หางมังกรนี้อันตรายกว่าหางของมังกรลมกรดพวกนั้นมากนัก แม้แต่ข้า บีบีคนนี้ก็ไม่สามารถทานทนไหว” ในเวลานี้ ดวงตาเล็กๆของบีบีเบิกกว้างจนแถบถลน
อุ้งมือซ้ายของเซียนหมีลายม่วงปรากฏกลุ่มพลังสีดำ ก่อนคว้าเข้าที่หางของมังกรเกราะหนาม อุ้งมือของเซียนหมีลายม่วงนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง และมีพลังป้องกันมหาศาลเช่นกัน
 “ตุ้บ”
หางมังกรพันรอบอุ้งมือใหญ่ เสียงลั่นดังขึ้น อุ้งมือของเซียนหมีลายม่วงสั่นเล็กน้อยก่อนที่หางมังกรจะบีบรัดยิ่งขึ้น
แต่เมื่อมันแลกเปลี่ยนการโจมตีกัน บัดนี้อุ้งมือขวาของเซียนหมีลายม่วงก็จับยึดเข้ากับร่างกายของมังกรเกราะหนาม มังกรเกราะหนามไม่ได้แม้แต่จะหลบเลี่ยง ในทางกลับกัน มันใช้หนามแหลมคมบริเวณหลังโจมดีอุ้งมือนั้น
มังกรเกราะหนามและเซียนหมีลายม่วงคู่นี้นับว่าเป็นอริเก่าแก่ ซึ่งหมีรับรู้ถึงลูกเล่นนี้ของมังกรดี
ไม่ใช้เพียงแต่มังกรเกราะหนามที่มีพลังป้องกันสูงส่ง ร่างกายของมันยังถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี เมื่อคู่ต่อสู่จับยึดเข้ากับร่างกาย มันก็สามารถใช้หนามอันแหลมคมตอบโต้ฝ่ามือมรณะนี้ได้อย่างง่ายดาย
 “ซาร์เทียส ข้าไม่ได้เป็นเพียงอสูรเวทระดับ 9 อีกต่อไปแล้ว” นัยน์ตาของเซียนหมีลายม่วงฉายแววอันตรายอย่างยิ่ง ทันใดนั้น แสงสีดำก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากอุ้งมือของเซียนหมีลายม่วง อุ้งมือนั้นเริ่มเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเทียบไม่ติด ทำลายหนามแหลมของมังกรเกราะหนามด้วยพละกำลังอันมหาศาล
 โครม!” ร่างของมังกรเกราะหนามฟาดลงกับพื้นจากการโจมตีนั้น รัศมีความเสียหายแผ่กว้างกว่า 100 เมตร พื้นหินเบื้องล่างแยกออก หนามแหลมแถบหนึ่งบนแผ่นหลังของมันกรเกราะหนามหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลือดสดๆไหลออกมาจากปากของมังกรเกราะหนาม

1 ความคิดเห็น:

neng2006 กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น