ตอนที่ 4-18
มังกรเกราะหนาม
ในถ้ำใต้ดิน ลินลี่ย์นอนพักเอาแรงอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากรู้สึกดีขึ้นแล้วจึงลุกขึ้น เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา
การถูกล้อมกรอบโจมตีโดยมังกรยักษ์นับร้อยเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ลินลี่ย์เคยเผชิญมา
ทุกวินาทีเขาได้แต่คิดหวาดกลัวทุกลมหายใจเข้าออก แต่เมื่อผ่านพ้นมาแล้วจิตใจเขาก็สงบขึ้น
ลินลี่ย์วางแผนจะหยุดพักหายใจชั่วครู่เพื่อดื่มด่ำกับชีวิต
แต่ในส่วนลึกของจิตใจเต็มไปด้วยความปรารถนา...ปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้น!
ต่อหน้ามังกรยักษ์เหล่านั้น
เขาไม่มีค่าไปมากกว่าของเล่นฆ่าเวลาชิ้นหนึ่ง ซึ่งเขาไม่สามารถต้านทานได้เลย
“เจ้านาย ไม่มีทางออกทางอื่น
ช่องทางเข้าออกของที่นี่มีทางเดียวคือทางที่เราใช้เข้ามา
ถัดจากที่เราอยู่ไปเป็นทางเดินที่กว้างมาก” บีบีสื่อสารกับลินลี่ย์ผ่านทางจิตเมื่อกระโดดขึ้นมายืนบนไหล่ของชายหนุ่ม
บริเวณถัดจากที่พวกเขาอยู่
เป็นทางเดินที่ดูแตกระแหงกว้าง 10 เมตรและสูงจากพื้นด้านล่างเกือบ 10
เมตร
ทางเดินที่ขรุขระและแตกระแหงนี้ทอดยาวไปยังทิศตะวันออกซึ่งเขามองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
หลังจากไตร่ตรองท่ามกลางความเงียบ ลินลี่ย์และบีบีก็ตัดสินใจเสี่ยงดวงมุ่งหน้าไปสู่หนทางที่มืดสนิท
ยิ่งเดินมาไกลเท่าใด
อุโมงค์ก็ค่อยๆมืดลง จนกระทั่งในที่สุดก็ไม่สามารถเห็นสิ่งใดในความมืดนี้ได้ ลินลี่ย์ไม่เห็นแม้แต่ทางเดินด้วยซ้ำ
ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากและเลาะตามผนังฝั่งหนึ่งไป
“เจ้านาย! พวกเราอยู่ที่ไหนกันแน่
เหตุใตจึงมีทางเดินยาวอยู่ในหุบเขาเช่นนี้ได้?” บีบีเอ่ยถาม
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ
“มีมังกรกว่าร้อยตัวรอเราอยู่ด้านบนนั่น
หากออกไปก็เป็นการฆ่าตัวตาย พวกเราทำได้เพียงมุ่งหน้าเข้าไปเท่านั้น” ลินลี่ย์ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะฝ่าภัยอันตรายออกไป
หนทางเดียวของเขาคือเดินตามเส้นทางที่ไม่อาจทราบจุดหมายได้
บีบีที่ตามติดลินลี่ย์เพิ่มความระมัดระวังถึงระดับสูงสุด
มันมองซ้ายขวาราวกลับเกรงว่าอสูรเวทพร้อมจะผุดออกจากเงามืดได้ตลอดเวลา
“ตรงนั้นมีแสงจากข้างบน”
ในความมืด ลินลี่ย์สังเกตเห็นแสงเรืองรองจากด้านบน
เขาเพิ่มความเร็วในแต่ละย่างก้าวอย่างไม่รู้ตัว จนในที่สุดเขาก็พบทางออกจากอุโมงค์
ทางออกนั้นมุ่งไปสู่บริเวณที่เรืองรองด้วยแสงสีแดง
ทันใดนั้น...
“ฮ่าฮ่า ซาร์เทียส เจ้าจะไม่ลำพองไปหน่อยหรือ? สิ่งที่เจ้าทำกับข้าเมื่อ
300 ปีก่อน ข้าจะขอคืนให้เจ้าในวันนี้” เสียงโทนต่ำดังขึ้นจากทางออก
เป็นน้ำเสียงทุ้มที่แฝงไปด้วยอำนาจดังก้องดั่งสายฟ้าฟาด
ลินลี่ย์ได้แต่รู้สึกตกใจ
“มีคนอยู่!”
“ไม่ว่าผู้คนนั้นจะเป็นใคร
พูดคุยกับมนุษย์ย่อมง่ายดายกว่าอสูรเวทอยู่แล้ว
ข้าไม่มีหนทางอื่นนอกจากตามเสียงดังก้องนี้ไป” ลินลี่ย์เกาะอยู่กับผนังอุโมงค์เดินตรงไปยังทางออก
ในขณะที่เหลืออีก 20 เมตรจะถึงทางออกนั้น ลินลี่ย์ก็มองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอก
สิ้นสุดทางออกนั้น
เป็นโถงถ้ำขนาดใหญ่
ถ้ำนี้มีความกว้างหลายกิโลเมตร
และมีเพดานสูงหลายเมตร แต่สิ่งที่ทำให้ลินลี่ย์ตกตะลึง...
จากจุดที่เขายืนอยู่
ลินลี่ย์สามารถมองเห็นร่างของหมีสีดำขนาดมหึมายืนอยู่ในอากาศ
ความสูงของมันอย่างต่ำก็ 10 เมตร ขนทั่วร่างของมันเหมือนทำจากเหล็ก
เจ้าหมีสีดำตัวนี้ถูกปกคลุมด้วยลวดลายสีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วน
ทำให้มันยิ่งดูอันตรายเข้าไปอีก
เป็นหมีสีดำนี่เองที่เอ่ยถ้อยคำด้วยภาษาของ
‘มนุษย์’ ดังที่ลินลี่ย์ได้ยิน
“มัน...มัน...” ลินลี่ย์เกือบหยุดหายใจ
เขาได้แต่เอ่ยซ้ำไปซ้ำมาอย่างโง่งม
มึนเบลอว่างเปล่า
“อสูรเวทระดับเซียน!” ในที่สุดลินลี่ย์ก็เข้าใจ
เมื่อบรรลุถึงระดับเซียน
อสูรเวททุกสายพันธุ์จะสามารถบินได้ และสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ เป็นจุดเด่นหนึ่งของอสูรเวทระดับเซียน
อสูรเวทระดับเซียนถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตรายยิ่ง
มนุษย์ที่บรรลุระดับเซียนส่วนใหญ่ล้วนไม่สามารถต่อกรกับอสูรเวทระดับเซียนได้ มีแต่เพียงการร่วมมือกันระหว่างนักสู้ระดับเซียนเท่านั้นที่จะสามารถล้มอสูรเวทระดับเซียนได้สักตัว
และความสามารถพิเศษอีกอย่างหนึ่งของอสูรเวทระดับเซียนคือการเปลี่ยนขนาด
อสูรเวทระดับเซียนใหญ่กว่า 100 เมตรสามารถย่อขนาดจนเล็กกว่างูเขียวได้
แต่อย่างไรก็ตาม....ไม่มีทางที่อสูรเวทระดับเซียนจะอยู่ในรูปกายของมนุษย์ได้
อาจเพราะพลังอำนาจของมันมากเกินกว่าจะอยู่ในรูปของมนุษย์ก็เป็นได้
“อสูรเวทระดับเซียน ข้าเพิ่งได้พบกับอสูรเวทระดับเซียน”
ลินลี่ย์ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
เขาได้แต่แอบมองจากซอกหลืบบริเวณทางออกของอุโมงค์ “มันคือเซียนหมีลายม่วง อสูรเวทระดับ
9”
เซียนหมีลายม่วงนี้จัดเป็นอสูรเวทระดับ
9 มีบางครั้งที่พวกมันจะสามารถบรรลุถึงระดับเซียนได้
“แต่ดูเหมือนเซียนหมีลายม่วงนี้จะตาบอดข้างหนึ่ง”
ลินลี่ย์สังเกตเห็นรอยแผลเป็นร้ายแรงที่ตาซ้ายของเซียนหมีลายม่วงที่ยืนอยู่ในอากาศ
“ซาร์เทียส
หลายปีมานี้ข้าเฝ้ารอโอกาสแก้แค้นเจ้ามาโดยตลอด ฮ่าฮ่า
เจ้าคิดจะยึดที่แห่งนี้เป็นของตัวเองอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!
ตลอดเวลาที่หลบซ่อนอยู่ในสถานที่ที่มีอณูธาตุหนาแน่นเป็น 100 เท่าของโลกภายนอกนี้
ในที่สุดข้าก็บรรลุระดับเซียนก่อนเจ้า ฮ่าฮ่า”
เห็นได้ชัดว่าเซียนหมีลายม่วงนี้ดูตื่นเต้นนัก
“แล้วซาร์เทียสที่เจ้าหมีนี่พูดถึงมันอยู่ที่ใดกันแน่?”
ลินลี่ย์สอดส่องไปรอบๆแล้วค่อยๆคืบคลานไปยังอีกด้านของผนังอุโมงค์
จากตรงนี้เขามองเห็นอสูรเวทอีกตัว และอสูรเวทตัวนี้ก็ทำให้หัวใจของลินลี่ย์เต้นถี่อีกครั้ง
“มันมีความยาวมากกว่า 10 เมตร และสูงกว่า 3 เมตร
ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำสนิท
ซึ่งมีลวดลายแปลกประหลาดยิ่ง แต่ละเกล็ดมีขนาดใหญ่พอๆกับฝ่ามือของมนุษย์
แต่ลวดลายของเกล็ดที่สอดรับกันอย่างแปลกประหลาดนี้
ช่างข่มขวัญให้หัวใจผู้มองเห็นหวาดกลัวยิ่งนัก
หลังของมันมีหนามแหลมยาว
30 เซนติเมตรจำนวนมาก ปกคลุมตลอดแผ่นหลังกลับไปจนถึงหลังคอ
ส่วนที่น่าหวาดกลัวที่สุดคือดวงตาของมัน...
ดวงตาสีทองเข้ม
ที่เย็นยะเยือกราวกับจะแช่แข็งทุกสรรพสิ่ง
“มังกรเกราะหนาม อสูรเวทประเภทมังกรที่อันตรายที่สุดในระดับ
9” หัวใจของิลนลี่ย์แทบกระดอนออกมาจากอก
ในหัวของเขาพยายามรวบรวมข้อมูลของมังกรเกราะหนามที่เคยได้รับ
มังกรเกราะหนาม: อสูรเวทระดับ
9 ธาตุความมืด อสูรเวทประเภทมังกรที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดามังกรระดับเดียวกัน
มังกรเกราะหนามมีพลังป้องกันสูงที่สุดในบรรดาสายพันธุ์เดียวกัน มีกรงเล็บแหลมคมเป็นอาวุธ
โดยไม่มีข้อสงสัย
ในบรรดามังกรระดับเดียวกัน มังกรเกราะหนามนี้ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดอย่างแน่นอน
“มันเป็นมังกรเกราะหนาม!” ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจทุกอย่างแล้ว
เซียนหมีลายม่วงเป็นคู่ต่อสู่ที่น่ากลัวยิ่ง
ในบรรดาอสูรเวทตระกูลหมีมันถือว่ามีความแข็งแกร่งที่สุด
ซึ่งนับว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
ในบรรดาอสูรเวทระดับ
9
มีน้อยสายพันธุ์ที่จะเหนือไปกว่าเซียนหมีลายม่วง...แต่มังกรเกราะหนามนับเป็นหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
มังกรเกราะหนามปรายสายตาเย็นยะเยือกมายังลินลี่ย์
ลินลี่ย์รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
เหงื่อจำนวนมากผุดขึ้นบริเวณศีรษะ ความกลัวที่เขารู้สึกในตอนนี้มากกว่าความกลัวเมื่อตอนเด็กที่เผชิญหน้ากับมังกรดำระดับ
9 ในเมืองอู่ซันอย่างเทียบกันไม่ติด
แม้ว่ามังกรเกราะหนามจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของลินลี่ย์
มันก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะบัดนี้ศัตรูอันร้ายกาจของมันคือเซียนหมีลายม่วงตรงหน้า
ในบรรดาอสูรเวทระดับ 9 มังกรเกราะหนามนับว่าร้ายกาจที่สุด เมื่ออยู่ต่อหน้าอสูรเวทระดับเซียน....
“กรรร...” มังกรเกราะหนามส่งเสียงคำรามต่ำ
“ซาร์เทียส เจ้ากล่าวว่าข้าเพิ่งได้เป็นอสูรเวทระดับเซียนอย่างนั้นหรือ? เป็นเหตุที่เจ้าไม่เกรงกลัวข้า?
ฮ่าฮ่า จริงอยู่ที่ข้าเพิ่งบรรลุระดับเซียน
แต่กระนั้นก็เพียงพอจะสังหารเจ้าแล้ว! หืม ในเมื่อข้าก้าวเข้าสู่ระดับเซียน
เจ้าก็ไม่ใช่คู่มือ” ใบหน้าของเซียนหมีลายม่วงระดับเซียนฉาบไปด้วยความมั่นใจ
“มังกรเกราะหนาม เจ้าเป็นมังกรจำพวกที่พัฒนาได้เชื่องช้า
เจ้าครอบครองสถานที่แห่งนี้และสำราญกับอณูธาตุที่หนาแน่นนี้มายาวนานเกินไปแล้ว
แม้ว่าเจ้าจะอยู่จุดสูงสุดของระดับ 9 แต่ก็ไม่สามารถฝ่าขั้นสุดท้ายไปได้
ในวันนี้ข้าจะให้เจ้ารับรู้ถึงพลังอำนาจของระดับเซียน” กลิ่นอายของเซียนหมีลายม่วงแผ่พลังออกมาอย่างเข้มข้น
แม้ว่าเซียนหมีลายม่วงจะพูดจาโอ้อวดเสียใหญ่โต
แต่ใจมันรู้ดีถึงพิษสงของมังกรเกราะหนาม
มังกรเกราะหนามมีพลังป้องกันสูงที่สุดในบรรดามังกรด้วยกัน
และซาร์เทียสก็อยู่ขั้นสูงสุดของระดับ 9 แล้ว เพียงแค่ก้าวเดียวจะบรรลุเป็นเซียนมังกรเกราะหนาม
ด้านพลังป้องกันนับว่าเทียบได้กับมังกรระดับเซียน
แต่นอกจากนั้นก็มีเพียงสิ่งเดียวที่มันต้องระวัง!
The twin talons of the Armored
Razorback Wyrm were incomparably sharp!
คือกรงเล็บทั้งสองของมังกรเกราะหนามที่แหลมคมอย่างยากจะหาผู้ใดมาเปรียบ!
“ไม่ว่าอย่างไร...ข้าก็บรรลุระดับเซียนแล้ว”
เซียนหมีลายม่วงทะนงตนอย่างยิ่ง
“เมื่อบรรลุระดับเซียน
ข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งคือสามารถบินได้
ข้อได้เปรียบที่สองคือข้าสามารถส่งพลังวิญญาณออกนอกร่างกายของข้าได้
อสูรเวทส่วนใหญ่ใช้ประสาทสัมผัสในการต่อสู่ แต่นักสู้ระดับซียนจะใช้พลังวิญญาณในการตรวจจับการเคลื่อนไหวของศัตรูในระหว่างการต่อสู้
ศึกครั้งนี้ข้ามีข้อได้เปรียบมากมาย”
และที่สำคัญ
เมื่อบรรลุระดับเซียน พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ลินลี่ย์แทบหยุดหายใจจ้องมองสถานการณ์ของอสูรเวทอันตรายทั้งสองอยู่ที่ช่องแคบนั้น
มังกรเกราะหนามที่อยู่จุดสูงสุดของระดับ
9 ปะทะกับเซียนหมีลายม่วง ลินลี่ย์รู้สึกว่าเลือดของเขาเดือดพล่าน
อย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อลินลี่ย์จ้องมองไปยังดวงตาของมังกรเกราะหนาม
เขาพลันรู้สึกหวาดกลัวมันมากกว่าเซียนหมีลายม่วงเสียอีก
“เริ่มแล้ว” ดวงตาของลินลี่ย์เบิกกว้าง
เซียนหมีหมีลายม่วงเหยียบย่างลงบนพื้น
ในขณะเดียวกันก็คำรามเสียงลั่น กล้ามเนื้อทุกมัดบนร่างหมีสั่นระริกและเริ่มแตกออก
เสียงกร๊อบดังขึ้น เซียนหมีลายม่วงที่เคยสูง 10 เมตร บัดนี้สูงขึ้นอีก 2 เมตร
กลายเป็น 12 เมตรแล้ว แม้ว่าช่วงตัวจะมีขนาดเท่าเดิม แต่ช่วงขาของมันขยายใหญ่ขึ้น
“ตายซะ ซาร์เทียส!”
แสงเรืองรองขึ้น
ก่อนร่างเซียนหมีลายม่วงจะพุ่งออกไปเป็นภาพติดตาเข้าหามังกรเกราะหนาม
มังกรที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วตวัดหางฟาดพื้นส่งให้ร่างกายทะยานขึ้นหลบการโจมตี
รอยแตกที่พื้นลึกราวหนึ่งเมตรจากแรงฟาดของมังกรเกราะหนามเมื่อชั่วอึดใจก่อน
“ตูม!” ลินลี่ย์มองเห็นพื้นดินที่ร้าวเป็นรัศมีสองถึงสามเมตรรอบอุ้งมือของเจ้าหมี
จากนั้นพื้นดินก็กลายเป็นฝุ่นผง ลึกกว่าครึ่งเมตร
และเป็นรอยแตกแผ่ออกเป็นรัศมีหลาย 10 เมตรราว 7 – 8 รอย
“ช่างน่าหวาดกลัวยิ่ง” เหมือนหัวใจของลินลี่ย์ขึ้นมาจุกอยู่ตรงคอหอย
ทันใดนั้นเซียนหมีลายม่วงก็กลับตัว
สายตาอันตรายของมันเปล่งแสงสีแดง จับจ้องไปยังมังกรเกราะหนาม
มังกรเกราะหนามยังคงหยุดนิ่ง
ดวงตาสีทองฉายแววเยือกเย็น ไม่ได้เข้าโจมตีแต่อย่างใด
“ซาร์เทียส เหมือนว่าเจ้ากำลังกลัวนะ”
เซียนหมีลายม่วงหัวเราะอย่างยินดี จากนั้น ทั่วร่างของมันก็ปลดปล่อยไอสีดำ
“วูชชชช!” ลูกเตะอันทรงพลังฟาดกับพื้นดิน ส่งให้ร่างของมันทะยานขึ้นไปในอากาศ
เคลื่อนไหวด้วยรูปแบบอันตรายในขณะที่พุ่งตรงมาที่มังกรเกราะหนาม
มังกรเกราะหนามปรายตามองหมีลายม่วงด้วยสายตาเย็นยะเยือก
จากนั้น หางมังกรดุจแซ่เหล็กก็ตวัดออก...
“แควก!”
เสียงฟาดกับอากาศดังลั่นจนแก้วหูของลินลี่ย์เจ็บปวด
“หางมังกรนี้อันตรายกว่าหางของมังกรลมกรดพวกนั้นมากนัก แม้แต่ข้า
บีบีคนนี้ก็ไม่สามารถทานทนไหว” ในเวลานี้ ดวงตาเล็กๆของบีบีเบิกกว้างจนแถบถลน
อุ้งมือซ้ายของเซียนหมีลายม่วงปรากฏกลุ่มพลังสีดำ
ก่อนคว้าเข้าที่หางของมังกรเกราะหนาม
อุ้งมือของเซียนหมีลายม่วงนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง และมีพลังป้องกันมหาศาลเช่นกัน
“ตุ้บ”
หางมังกรพันรอบอุ้งมือใหญ่
เสียงลั่นดังขึ้น อุ้งมือของเซียนหมีลายม่วงสั่นเล็กน้อยก่อนที่หางมังกรจะบีบรัดยิ่งขึ้น
แต่เมื่อมันแลกเปลี่ยนการโจมตีกัน
บัดนี้อุ้งมือขวาของเซียนหมีลายม่วงก็จับยึดเข้ากับร่างกายของมังกรเกราะหนาม
มังกรเกราะหนามไม่ได้แม้แต่จะหลบเลี่ยง ในทางกลับกัน มันใช้หนามแหลมคมบริเวณหลังโจมดีอุ้งมือนั้น
มังกรเกราะหนามและเซียนหมีลายม่วงคู่นี้นับว่าเป็นอริเก่าแก่
ซึ่งหมีรับรู้ถึงลูกเล่นนี้ของมังกรดี
ไม่ใช้เพียงแต่มังกรเกราะหนามที่มีพลังป้องกันสูงส่ง
ร่างกายของมันยังถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี เมื่อคู่ต่อสู่จับยึดเข้ากับร่างกาย
มันก็สามารถใช้หนามอันแหลมคมตอบโต้ฝ่ามือมรณะนี้ได้อย่างง่ายดาย
“ซาร์เทียส ข้าไม่ได้เป็นเพียงอสูรเวทระดับ 9
อีกต่อไปแล้ว” นัยน์ตาของเซียนหมีลายม่วงฉายแววอันตรายอย่างยิ่ง ทันใดนั้น
แสงสีดำก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากอุ้งมือของเซียนหมีลายม่วง
อุ้งมือนั้นเริ่มเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเทียบไม่ติด
ทำลายหนามแหลมของมังกรเกราะหนามด้วยพละกำลังอันมหาศาล
“โครม!”
ร่างของมังกรเกราะหนามฟาดลงกับพื้นจากการโจมตีนั้น รัศมีความเสียหายแผ่กว้างกว่า 100
เมตร พื้นหินเบื้องล่างแยกออก หนามแหลมแถบหนึ่งบนแผ่นหลังของมันกรเกราะหนามหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เลือดสดๆไหลออกมาจากปากของมังกรเกราะหนาม
1 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น