ตอนที่ 5-1
ค่ายกลเวทลึกลับ
ลินลี่ย์
รู้สึกว่าร่างกายของเขาตอนนี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมากมายนัก
ก่อนหน้านี้ร่างกายของเขาเป็นเพียงนักรบระดับ 4 แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นรวดเดียวมาที่ระดับ
6 นี่ย่อมเป็นศักยภาพของนักรบเลือดมังกรโดยแท้
เมื่อคิดย้อนกลับไปที่ความเจ็บปวดซึ่งเขาได้รับนั้น ลินลี่ย์รู้สึกหนาวยะเยือกอย่างช่วยไม่ได้
"ลินลี่ย์
ลองทดสอบร่างมังกรของเจ้าดูสิ" เดลิน โคเวิร์ท กล่าวอย่างสนใจ
"เจ้านาย
ลองทดสอบดู!" บีบี สนับสนุนอย่างตื่นเต้น
ลินลี่ย์
พยักหน้าเล็กน้อย เขาเองก็อยากจะรู้ว่าระดับพลังของเขาอยู่ที่ระดับใดเช่นกัน
เมื่ออยู่ในร่างมังกร ลินลี่ย์เริ่มควบคุมลมปราณเลือดมังกรให้โคจรไปรวมกันที่จุดตันเถียน
ที่ท้องน้อยของเขา ทันใดนั้น ...
กระแสปราณดำเริ่มไหลจากจุดตันเถียนของเขา
ไปยังร่างกาย แขนขา และกระดูกของเขา
"ฮ่าาาาาห์"
ลินลี่ย์คำรามออกมาจากลำคอ ชั้นเกล็ดดำขนาดเล็กเริ่มงอกออกมาคลุมผิวของเขา
ในเวลาเดียวกันแถวของหนามแหลมเริ่มปรากฏให้เห็นบนหลังของเขา และหนามนั้นยาวขึ้น
หางที่คล้ายแส้เหล็กงอกออกมาจากกระดูกก้นกบเขา
เมื่อเทียบกับมังกรเกราะหนาม
หนามแหลมบนหลังของลินลี่ย์ มีจำนวนน้อยกว่าและสั้นกว่า
"ข้ารู้สึกว่าร่างกายของข้าเต็มไปด้วยพลังที่ไร้ขีดจำกัด"
ลินลี่ย์อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เขารู้สึกมีพลังเต็มเปี่ยมเหลือเชื่อ
นักรบเลือดมังกรเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดนักรบของทวีปยูลาน เขาเพิ่งเริ่มต้นในเส้นทางนี้
แต่เขามีความมุ่งมั่นอันแข็งแกร่ง
สุดยอดนักรบที่แท้จริงซึ่งได้ทิ้งนามของพวกเขาไว้!
"พลังของข้าตอนนี้
จะต้องมีพลังมากกว่าร่างปกติของข้าหลายสิบเท่า" ลินลี่ย์
ยืดแขนขวาของเขาซึ่งถูกปกคลุมไว้ด้วยเกล็ดออกและมองดูเล็บคมกริบราวกับมีด
ลินลี่ย์
กระโดดเตะด้วยพลังเต็มที่ทันที ...
ด้วยความเร็วดุจประกายไฟ
ลินลี่ย์ กระโดดไปที่ว่างตรงกลางถ้ำ แล้วชกออกไปที่ผนังถ้ำเต็มกำลัง
แผ่นดินสั่นสะเทือน หินจำนวนมากกระเด็นออกจากผนังถ้ำ
แขนของเขาทะลุเข้าไปในกำแพงหิน และสำหรับ ลินลี่ย์
มันให้ความรู้สึกว่ามันง่ายราวกับกำลังจุ่มแขนของเขาลงไปในโคลนนุ่ม.
พลังนี้มันช่างเหลือเชื่อ
"ฮ่าห์!"
เสียงตะโกนอย่างเร่าร้อน ลินลี่ย์ เตะออกไปอย่างรุนแรงสองครั้งไปที่ผนังถ้ำ
มันระเบิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ทันที ทำให้หินตกลงมาจากเพดานราวกับห่าฝน
จากแรงเตะนั้นเอง
ส่งให้ลินลี่ย์ลอยขึ้นไปในอากาศ ...
และจากนั้นลินลี่ย์ใช้สองหมัดกระแทกไปยังเพดานถ้ำอย่างรุนแรง
"ปัง!"
เพดานของถ้ำปริแตกราวกับกระดองเต่า และหินยักษ์ก้อนหลังหนึ่งตกลงมาจากเพดานท่ามกลางฝนหินมากมายก่อนหน้านี้
แต่ ลินลี่ย์ไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย
หินที่ตกลงมาจากเพดานถ้ำเหล่านี้ไม่สามารถสร้างริ้วรอยบาดแผลให้กับร่างกายของเขาได้แม้แต่รอยเดียว
เกล็ดดำที่ปกป้องร่างกายของเขาอยู่ตอนนี้มีพลังมากกว่าเกราะศิลาหยก
ซึ่งเป็นเวทป้องกันธาตุดินของเขาเสียอีก
"ฟุบ"
"ควับ" "เฟี้ยว!"
ร่างของลินลี่ย์กลายเป็นภาพเบลอสีดำหม่น
บางครั้งเขาอยู่บนพื้นดินบางคราว เขาโผบินอยู่กลางอากาศ
บางครั้งเขาจะใช้ความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมดกระแทกขาลงบนผนังถ้ำด้วยลูกเตะอันป่าเถื่อน
อีกหลายๆครั้งที่เขากระแทกอย่างดุดันไปยังเพดานถ้ำด้วยหมัดของเขาและปล่อยให้หินตกลงบนร่างกายของเขา
หลังจากนั้น...
ลินลี่ย์ลงสู่พื้นและพุ่งตัวตรงไปยังทางออกของถ้ำ
"ปู่เดลิน
ท่านคิดว่ายังไง?"ลินลี่ย์เอ่ยปากถาม
ผู้คนส่วนใหญ่พบว่ายากมากที่จะต้องประเมินความแข็งแกร่งของนักรบ
เว้นแต่จะใช้การทดสอบแบตเตอรี่มาใช้ อย่างน้อยที่สุดลินลี่ย์เองก็ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะประเมินแต่เดลิน
โคเวิร์ทนั้นมีประสบการณ์สูงพอสามารถที่จะประเมินความแข็งแกร่งของเขาจากพลังทำลายล้างที่เขาเพิ่งจะได้ปลดปล่อยไปได้
"ในด้านของพลังเพียงอย่างเดียว...เจ้าน่าจะเหนือกว่าระดับเริ่มต้นของนักรบระดับแปดไปแล้ว"
เดลิน โคเวิร์ท ดูท่าทางไม่มั่นใจเล็กน้อย
"แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเจ้านั้นรวดเร็วมาก
บางทีเจ้าอาจจะได้รับการถ่ายทอดความเร็วในการเคลื่อนที่โดยธรรมชาติจากมังกรเกราะหนาม
ความเร็วของเจ้าเทียบเท่ากับนักรบระดับ 8 ที่มีความคล่องตัวสูง
ส่วนพลังป้องกันของเจ้านั้นข้าไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้ เนื่องจากข้ายังไม่ได้เห็น"
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
เขาเข้าใจว่าร่างมังกรของเขานั้นมีลักษณะสัมพันธ์กับมังกรเกราะหนาม
ก็สมเหตุสมผลที่ร่างมังกรของเขามีลักษณะหลายอย่างที่เหมือนกันกับมังกรเกราะหนาม
"อันว่านักรบเลือดมังกรของตระกูลเรานั้น
ความแข็งแกร่งอย่างหนึ่งคือ ความแตกต่างระหว่างพลังของทั้งสามร่าง
ตอนนี้ข้านั้นเป็นนักรบระดับ 6
และด้วยร่างมังกรข้านั้นมีพลังในระดับเริ่มต้นของนักรบระดับ 8
จากคัมภีร์ที่ข้าได้อ่านนั้น นักรบเลือดมังกรที่มีพลังถึงช่วงเริ่มต้นของระดับ 9
ในร่างมนุษย์แล้วนั้น เมื่ออยู่ในร่างมังกร เขาจะมีพลังไปถึงระดับเริ่มต้นของเซียนนักรบเลยทีเดียว
และถึงแม้ระดับพลังในร่างมนุษย์ของเขาถึงระดับเซียน แล้วก็ตามในร่างมังกร
เขาจะยังคงอยู่เพียงระดับเซียนเท่าเดิม
ที่เพิ่มมามีเพียงสามารถต่อสู้ได้ดีขึ้น"
ลินลี่ย์เองก็ค่อนข้างจะเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติและต้นกำเนิดพลังของร่างมังกรแล้ว
วัตถุประสงค์ของการใช้ร่างมังกรนั้นก็เพราะในช่วงแรกนั้นการใช้พลังในร่างมนุษย์ปกติจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพลังทั้งหมดของเลือดมังกรในเส้นเลือดของเขาได้เต็มที่
มีแต่การเปลี่ยนไปใช้ร่างมังกรเท่านั้นจึงจะทำให้เขาสามารถใช้พลังทั้งหมดของเลือดมังกรได้อย่างเต็มที่
แต่เมื่อเขามีระดับพลังถึงระดับเซียนแล้ว
ได้เรียนรู้และสามารถควบคุมการใช้พลังอันยิ่งใหญ่ของเลือดมังกรในตัวเขาได้เต็มที่แล้ว
เมื่อถึงตอนนั้นดูมีเหตุผลเพียงพอที่ร่างมังกรจะเพิ่มพลังให้เขาได้เพียงเล็กน้อย
"ลินลี่ย์ลุกขึ้นและรีบจัดการซากของอสูรเวททั้งสองซะ
อสูรเวททั้งสองหนึ่งนั้นมีแก่นเวทระดับเซียนส่วนอีกหนึ่งก็เป็นแก่นเวทของมังกรระดับ
9" เดลิน โคเวิร์ท กระตุ้นเตือนลินลี่ย์
ลินลี่ย์ตกใจสะดุ้งตื่นจากอาการเหม่อลอยทันที
แก่นระดับ 9 กับ
แก่นระดับเซียน?
ลินลี่ย์รู้ค่าของแก่นเวทระดับ
9 ดีมันมีมูลค่าไม่น้อยไปกว่าห้าล้านเหรียญทอง เป็นจำนวนเงินที่เกินกว่าจะจินตนาการ
แม้ในเมืองเฟนไลเอง
เงินขนาดนี้นั้นนับเป็นรายได้สุทธิตลอดปีของตระกูลที่ค่อนข้างใหญ่
แต่แก่นของอสูรเวทระดับเซียน? นั่นมันสมบัติที่หาค่าไม่ได้ชัดๆ
"ได้เลย" ลินลี่ย์คงร่างมังกรไว้
แล้วรีบวิ่งไปยังศพเซียนหมีลายม่วง เพราะลินลี่ย์พังผนังและเพดาน
แม้แต่ศพหมีก็ยังถูกฝังอยู่ใต้กองหินที่พังลงมา
ด้วยคลื่นจากแขนขวาซึ่งปกคลุมไปด้วยเกล็ดดำของเขา, ลินลี่ย์ทุบหินขนาดใหญ่บนกองซากปรักหักพังเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยออกไป
เผยให้เห็นลำตัวท่อนบนและศีรษะของเซียนหมีลายม่วง
ลินลี่ย์พยายามฉีกขนของหมีลายม่วงตรงๆ
ด้วยกรงเล็บสองข้างที่คมดั่งมีดสองชุดของเขา
"ฮึบบบบ!" ลินลี่ย์ใช้พละกำลังทั้งหมดของเขา
แต่ขนของหมีลายม่วงระดับเซียนกลับไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย
“ลินลี่ย์นี่มันอสูรเวทระดับเซียน
ถึงแม้เจ้าจะอาศัยพลังของร่างมังกร เจ้าก็ยังเป็นแค่นักรบระดับ 8 ขั้นแรกเท่านั้น
หากเจ้าต้องการฉีกขนเจ้าหมีนี่ไม่มีทางที่ตัวเจ้านั้นจะกระทำได้ด้วยตัวคนเดียว"
เดลิน โคเวิร์ท หัวเราะออกมา
ลินลี่ย์ได้แต่ฝืนใจยอมรับความจริงข้อนี้
"แต่ดูนั่นสิลินลี่ย์
มีหนามแหลมจำนวนมากบนร่างกายของเจ้าหมีลายม่วงระดับเซียน
หนามเหล่านี้ทั้งหมดล้วนคมกริบมาก ด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้
เจ้ายังไม่สามารถใช้งานมันเพื่อตัดเปิดขนและหนังของมันได้ในตอนนี้ แต่ดูหนามที่ปักอยุ่ใกล้ดวงตาของเจ้าหมีลายสักม่วงระดับเซียน
ที่เจ้าต้องทำก็แค่ดึงหนามออกมาแล้วใช้กรงเล็บของเจ้าแทงลงไปที่แผลนั้นและพยายามเปิดมันให้กว้างที่สุด
ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะได้แก่นเวทระดับเซียนมาครอบครองแน่นอน" เดลิน โคเวิร์ท
แนะนำลินลี่ย์
สำหรับมังกรเกราะหนามตัวใหญ่ยักษ์
หนามเหล่านี้ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าขนเส้นหนึ่ง!
แต่สำหรับมนุษย์ตัวเล็กๆเช่นลินลี่ย์
หนามเหล่านี้เป็นเหมือนสว่านยาว 20 เซ็นติเมตร หลังจากดึงหนามขนาดใหญ่ออกมาจากแผลที่เปิดอยู่ใกล้ดวงตาของหมีลายม่วง
เหลือเพียงสิ่งง่ายๆอย่างการดึงแก่นเวทผ่านรอยแผล
นอกจากขนอันแข็งแกร่งแล้ว
สมองและอวัยวะส่วนอื่นของอสูรเวทระดับเซียนไม่ได้แข็งแกร่งนัก
ลินลี่ย์ใช้พละกำลังทั้งหมดของเขาดึงเจ้าสว่านยักษ์แล้วใช้แขนที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดดำของเขาเข้าไปควานหาแก่นเวท
ขนาดหัวของเจ้าหมีลายสักม่วงนั้นใหญ่กว่า 1 เมตร ลินลี่ย์ยืดแขนของเขาเข้าไปจนข้อศอกจมลงไปในแผล
ก่อนที่เขาจะเจอแก่นเวทระดับเซียนและดึงมันออกมาได้
แก่นเวทระดับเซียนปกคลุมไปด้วยโลหิตแห้งเกรอะกรัง
แก่นเวทสีดำมีขนาดเท่ากำปั้น
"สัมผัสถึงกลิ่นอายของลักษณะของธาตุมืดที่มันมีอยู่ไม่ได้เลย"
ลินลี่ย์รู้สึกประหลาดใจมาก ถ้าเขาไม่ได้รู้อยู่ก่อนแล้วว่าแก่นเวทของหมีลายม่วงมีขนาดเท่ากำปั้นหินสีดำ
เขาไม่มีทางเดาได้เลยว่านี่คือแก่นเวท
"พลังงานที่อยู่ในแก่นเวทของอสูรเวทระดับเซียนนั้นมีความหนาแน่นสูงและสงบมาก
เช่นเดียวกันกับแก่นเวทของอสูรเวทระดับ 9"เดลิน โคเวิร์ท อธิบาย,
ลินลี่ย์พยักหน้า
"ร่างกายของอสูรเวทระดับเซียนทั้งหมดนั้นเป็นขุมทรัพย์อันล้ำค่า
อย่างเช่นกระดูกขาของมันมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ"เดลิน โคเวิร์ท
ถอนหายใจออกมา
"น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีพลังมากพอจะทำลายพลังป้องกันอันแข็งแกร่งของขนนี่ได้"
ลินลี่ย์ได้แต่พยักหน้าอย่างจนปัญญา
หมีลายม่วงระดับเซียนมีขนาดร่างกายใหญ่มาก
เขาไม่มีความสามารถมากพอแม้แต่จะขนซากศพมันกลับไป
“ช่างสูญเปล่ายิ่งนัก"
บีบีพูดพร้อมกับเดินออกไปด้านข้าง
ลินลี่ย์หัวเราะหึๆ
"เราทำได้ค่อนข้างดีแล้ว ส่วนที่มีค่าที่สุดของอสูรเวทคือแก่นเวทของมัน
แค่แก่นเวทระดับเซียนเพียงอย่างเดียวก็เป็นสมบัติอันหาค่ามิได้แล้ว
ข้ารู้สึกพอใจมากแล้วที่ได้มันมา ยิ่งกว่านั้น ข้ายังมีผลึกมังกรระดับเก้าอีก"ลินลี่ย์หัวเราะในขณะที่เขาเดินไปที่ศพของมังกรเกราะหนาม
ศพของมังกรเกราะหนามมีแผลเหวอะบนหัวของมัน
การหาผลึกมังกรไม่ควรมีปัญหามากนัก
ลินลี่ย์จ้วงกรงเล็บอันคมกริบของเขาไปยังแผลบนหัวของมังกรเกราะหนาม
"เอ๊ะ?"
หลังจากควานหาอย่างละเอียดในกะโหลกของมังกรเกราะหนาม
ลินลี่ย์กลับไม่พบสิ่งใด ทำให้ลินลี่ย์สงสัยเป็นอย่างยิ่ง
"ทำไมถึงไม่มีผลึกมังกร?
นี่มันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?"ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
"เป็นไปไม่ได้
อสูรเวทอยู่ไม่ได้หากขาดแก่นเวท และเจ้ามังกรนี่ก็ต้องมีผลึกมังกรแน่ๆ
หลังจากอสูรเวทตาย ไม่มีทางที่ผลีกเวทจะหายไปเช่นนี้" เดลิน โคเวิร์ท
เองก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
ทันใดนั้นลินลี่ย์พลันนึกอะไรบางอย่างออก...
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขากำลังคลั่งและดื่มเลือดของมังกรเกราะหนาม
เขาได้กลืนบางสิ่งที่เย็นเป็นน้ำแข็งลงไปในท้องของเขา
แต่ในเวลานั้นเนื่องจากความบ้าคลั่งและความเศร้าโศกของเขา เขาไม่ได้สนใจอะไร
และจากนั้นเมื่อเขาได้กินหญ้าใจฟ้า ความเจ็บปวดในร่างกายของเขาค่อยๆจางไป
เว้นแต่จุดที่สิ่งนั้นเคยอยู่
"ไม่มีทาง...หรือว่ามันคือผลึกมังกร?" ลินลี่ย์ถามดัวเอง,
ลินลี่ย์
ยังคงเหลือความรู้สึกของความเย็นที่ไหลผ่านลำคอของเขาลงไปในท้องของเขา
"ข้ากินผลึกมังกรลงไป? นี่...มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ในคัมภีน์ลับเลือดมังกร มีเพียงคำอธิบายเกี่ยวกับการดื่มเลือดมังกร
เป็นไปได้ว่าการกิน แก่นผลึกมังกรก็ได้ผลเช่นกัน?" ลินลี่ย์
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันไม่สำคัญ ดูเหมือนเขาได้กลืนแก่นนั่นเข้าไป
ดูจากสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้ผลกระทบร้ายๆหรือสร้างความเจ็บปวดให้กับเขา
ลินลี่ย์หัวเราะหึๆ
"นี่ข้ากินอะไรลงไปนั่นมันไม่ใช่แค่ผลึกมังกร
มันคือเงิน 5 ล้านเหรียญทองเชียวนะ" ลินลี่ย์คร่ำครวญกับตัวเอง
"นายท่าน ด ด
ดูนั่น!" บีบีส่งเสียงอันแตกตื่นออกมา
ลินลี่ย์ชำเลืองมองไปที่บีบี
ซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงกลางของกองเศษหิน และจ้องมองอย่างซึมเซาไปยังเพดานของถ้ำ ลินลี่ย์หันไปทางซ้ายทันทีและ
มองขึ้นไปยังเพดานถ้ำเช่นกัน
"…นั่นคืออะไร?"
ที่จุดบนสุดของถ้ำ
ปรากฏมีแท่นกลมดำขนาดใหญ่ แท่นกลมดำนี้ฝังอยู่บนเพดานถ้ำ
แม้ตอนนี้ส่วนใหญ่ของมันจะถูกปกคลุมด้วยหิน
ชัดเลยว่า...การโจมตีอย่างป่าเถื่อนบนเพดานถ้ำก่อนหน้านี้เป็นสาเหตุให้หินจำนวนมากร่วงลงมา
และนั่นทำให้แท่นกลมดำนี่ปรากฏขึ้นมา
ลินลี่ย์ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเพราะแท่นดำนี่
สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ
มีอักขระเวทมนต์อันซับซ้อนมากบนแท่นดำ
ประเภทของอักขระเวทมนต์ทั้งหมดบนแท่นเป็นรูปแบบที่ซับซ้อนอย่างที่สุด
เห็นได้ชัดว่าบนแท่นดำด้านบนนั้น มีการจัดเรียงของค่ายกลเวทสักอย่างแน่ๆ แต่ลินลี่ย์ย่อมไม่เคยเห็นการจัดเรียงของอักขระเวทเช่นนี้มาก่อน
หากให้อธิบายค่ายกลเวทที่คุ้มกันประตูของสถาบันเอินส์คือ
‘ดาบสายลม’หนึ่งเล่มแล้ว ค่ายกลเวทลึกลับนี่ก็เป็น‘ทอร์นาโดพิโรธ’
โดยเฉพาะเมื่อตรงกลางแท่นกลมดำนั้น
มีกระบี่ที่ปกคลุมไว้ด้วยประกายแสงม่วงปักอยู่ตรงกลางแท่น
"ค่ายกลเวทมนต์นี้
... เป็นไปได้อย่างไรกัน?"
เดลิน โคเวิร์ทปรากฏตัวขึ้นข้าง ลินลี่ย์แหงนหน้าของเขาและมองขึ้นไป
เขาพูดออกมาว่า "เป็นไปไม่ได้ ค่ายกลเวทนี้มาปรากฏอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
แล้วยังมีกระบี่ประหลาดๆนั่นอีก"
เดลิน โคเวิร์ท
ผู้ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมักจะสงบและเยือกเย็นอยู่เสมอตกอยู่ในอาการตกใจ
ในช่วงชีวิตกว่าพันปีของเขา เขาไม่เคยเห็นค่ายกลเวทที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตามค่ายกลเวทนี้ยังคงสงบอยู่และยังไม่ทำงาน
เขาบอกได้เลยว่าค่ายกลเวทนี้มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวอยู่แน่นอน
"ท่านปู่เดลิน
ค่ายกลเวทนี่แข็งแกร่งมากใช่หรือไม่?" ลินลี่ย์เอ่ยถาม
เดลิน โคเวิร์ท มองลินลี่ย์
"แข็งแกร่งมาก?
เราไม่สามารถใช้คำว่า 'แข็งแกร่ง' อธิบายพลังของค่ายกลเวทนี้ได้
พลังของค่ายกลเวทนี้เหนือกว่าคาถาต้องห้ามใดๆเสียอีก เจ้าถามว่าข้าว่า มัน'แข็งแกร่ง'หรือไม่
ในชั่วชีวิตของข้าไม่เคยเจอค่ายกลเวทที่ซับซ้อน ทรงพลังอย่างค่ายกลเวทนี้มาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้นค่ายกลเวทนี้ยังยืมพลังจากกระบี่ประหลาดเพื่อเสริมพลังของมันเองด้วย
หรือว่าผู้ที่สร้างค่ายกลเวทนี้รู้สึกว่าพลังของค่ายกลเวทเพียงอย่างเดียวไม่แข็งแกร่งพอ?"
1 ความคิดเห็น:
ขอบคุณคะ
แสดงความคิดเห็น