วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 469 คู่แค้นชำระแค้น



ตอนที่  469  คู่แค้นชำระแค้น
เมื่อเข้าไปในสุสานทะเล แม้จะเข้าไปในหุบเหวแก้วผลึก จักรพรรดิสมุทรก็ยังไม่เผชิญอะไรที่แปลกประหลาด

ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดคลุมเครือ
ความจริง เขาเตรียมพร้อมจะต่อสู้  เขาเป็นเหมือนนักมวยที่ได้สาบานว่าจะต้องสังหารคู่ต่อสู้ในเวทีต่อสู้ และได้ฝึกฝนสภาพร่างกายให้พร้อมสุดยอด  เลือดของเขากำลังเดือด กำลังใจของเขาก็ดีและพละกำลังที่สะสมไว้ก็เป็นเหมือนภูเขาไฟรอเวลาระเบิด  สถานการณ์เช่นนี้เป็นเหมือนก่อนการแข่งขัน  ฝ่ายตรงข้ามยอมรับความพ่ายแพ้ทันทีโดยไม่ยอมสู้และปล่อยให้อยู่บนสนามมวยตามลำพังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางระบายออก
นั่นคือความรู้สึกที่แน่นอนของจักรพรรดิสมุทร ความรู้สึกของการไม่มีที่ให้แสดงความสามารถในเมื่อเขามีพลังเต็มเปี่ยม
 “ออกมา, อันซี  ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่”  แม้ว่าจักรพรรดิสมุทรจะมองไม่เห็นอันซี  แต่เขารู้ว่าคู่แค้นเก่าคนนี้ ในรอบหลายร้อยปีมานี้ เขาจะไม่ยอมพลาดโอกาสเช่นนี้แน่
นอกจากนี้เขาเชื่อว่าอันซีจะไม่ปรากฏตัวได้ง่ายดายนัก
เวลาโจมตีที่ดีที่สุดก็คือทันทีที่เมื่ออุทกแม่พระธรณีถือกำเนิด  เมื่อเขาดูดซับอุทกแม่พระธรณีแล้ว อันซีจะโจมตีอย่างสุดกำลัง
แม้ว่าจักรพรรดิสมุทรจะรู้ผลเช่นนี้แล้ว  เขาก็ต้องเสี่ยง  ถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะอันซีได้  เขาก็ควรลืมเรื่องเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสูงๆ ขึ้นไป  วันนี้ ไม่ว่ายังไง เขาต้องได้อุทกแม่พระธรณีหมื่นปี  นี่คือโอกาสสุดท้ายที่ดีที่สุดของเขา  ศักยภาพที่จะยกระดับได้ของเขาได้ถูกนำไปใช้หมดแล้ว  ถ้าเขาต้องการจะบรรลุขอบเขตใหม่  เขาต้องใช้ตัวช่วยภายนอก    ในโลกนี้มีสมบัติอยู่มากมาย  แต่มีสมบัติอยู่สามอย่างที่สามารถทำให้คนยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดชั้นสูงได้
อันดับแรก คือเลือดเทพในตำนาน
อันดับสองคือวิญญาณนักรบในตำนาน
อันดับสาม อุทกแม่พระธรณีหมื่นปีที่กำลังจะเกิดอยู่เบื้องหน้าของเขา
สำหรับเลือดเทพเจ้าและวิญญาณนักรบนั้น ไม่สามารถหาได้พบในหอทงเทียน  ของเหล่านั้นสามารถหาได้พบในจักรวาลนี้และนั่นอยู่ในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพที่ทวีปมังกรทะยาน
อย่างไรก็ตาม  การเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ อาจกล่าวได้ว่าเป็นไปไม่ได้อย่างมาก  ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว ภายในดินแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเป็นแดนลึกลับในบรรดาที่ลึกลับทั้งหลาย  แม้ทุกคนจะรู้ว่ามีสมบัติอยู่ข้างใน  แต่ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปได้  และไม่มีผู้ใดสามารถหยิบฉวยสมบัติเหล่านั้นมาได้
เมื่อเปรียบเทียบแล้ว อุทกแม่พระธรณีหมื่นปีเป็นสมบัติในโลกที่หมื่นปีเกิดครั้งเดียว ดูแล้วน่าจะรับได้ง่ายที่สุด
จักรพรรดิสมุทรรู้สึกว่าโชคดีมาก  เพราะการรอคอยการกำเนิดของอุทกแม่พระธรณีอย่างยาวนานจะถึงจุดสิ้นสุดเสียที
เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว  การอดทนรออย่างขมขื่นของเขาจะได้รับการตอบแทนในที่สุด
ปัญหาเพียงประการเดียวก็คือ เขายังต้องจัดการรับมือกับสหายเก่า
สหายสนิทของเขาในตอนนั้น อันซี
ชรายชราชุดปอค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาจากเสาแก้วผลึก  เมื่อชายชราชุดปอปรากฏตัว  องค์ชายองค์หญิงที่ติดตามจักรพรรดิตกใจจนหน้าซีดด้วยความกลัว  กลับกลายเป็นว่าสุดยอดนักฆ่าอันซี ผู้ที่ตามตำนานกล่าวว่าฆ่าคนไปล้านคน กลับอยู่ใกล้พวกเขานัก  แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างน้อยกว่ายี่สิบเมตรก็ตาม  พวกเขาไม่อาจตรวพบเขาได้เลย  ถ้าอันซีโจมตีใส่เดี๋ยวนี้  พวกเขาจะทำอะไรได้.. เมื่อพวกเขาคิดเช่นนี้  เหงื่อกาฬก็ไหลออกมาขณะที่พวกเขาพากันตัวสั่น  แม้ว่าองค์ชายไห่หลงและองค์หญิงไห่กุ้ยจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ด  แต่พวกเขาก็อาจถูกฆ่าได้ในพริบตาเมื่อเผชิญหน้ากับสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ อันซี
 “จักรพรรดิสมุทร  เจ้ามาถึงที่นี่เร็วดีนี่  ยังมีเวลาอีกสี่สิบห้านาทีกว่าอุทกแม่พระธรณีจะถือกำเนิด”  น้ำเสียงของชายชราชุดปอเบามาก  แต่พลังในร่างของเขาเหมือนกับมังกรเร้น ลักษณะภายนอกของเขาเหมือนกับชายชราอ่อนแอที่แหย่เท้าข้างหนึ่งลงไปในหลุมฝังศพแล้ว  อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิสมุทรไม่กล้าประมาทเขา
 “ข้าจะไม่รีบได้ยังไง  ในเมื่อจะได้พบกับสหายเก่า?”  จักรพรรดิสมุทรหัวเราะลั่น “หลังจากเฒ่ามังกรไร้เขาจากไป เจ้าก็เป็นสหายเก่าคนสุดท้ายแล้ว”
 “ถ้าเพียงแต่เจ้าจำได้ว่าเราเคยเป็นสหายเก่ากัน  ในเวลานั้นทำไมเจ้าถึงเลือกที่จะหักหลังพวกเรา”  ชายชราชุดปอถอนหายใจเบาๆ
 “ก็มันไม่มีทางเลือกอื่น, ถ้าข้าไม่หักหลังพวกเจ้า  ข้าก็คงถูกฆ่า..  เจ้าเองก็รู้ว่าข้ามีพรสวรรค์มากเพียงไหน ข้าไม่ยินดีจะตายตั้งแต่อายุยังน้อยนัก แม้ว่าตอนนั้นข้ายังคงเป็นแค่นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งก็ตาม ข้าไม่มีทางเลือก นอกจากยอมพวกเขา  ถ้าเป็นเจ้า  เจ้าก็ต้องยอมอย่างแน่นอนในสถานการณ์ที่กดดันอย่างนั้น  พวกเขาจับข้าและทรมานข้าไม่หยุด พวกมันใช้ทุกวิธีที่คิดได้ทรมานข้า  ถ้าพวกมันฆ่าข้าทันทีและไม่ให้โอกาสข้ายอมจำนนและหักหลัง  ข้าคงไม่มีทางหักหลังอย่างนั้นแน่  สิ่งที่ข้าไม่สามารถทนได้จริงๆ ก็คือการทรมานไม่หยุดหย่อน  ในที่สุดข้าก็รอดชีวิต และได้ลอบฝึกฝนตนเองอย่างหนักจนสามารถยกระดับได้และฆ่าพวกมันได้ทั้งหมด ล้างแค้นให้ทุกคน  อันซี ไม่สิ น้องข้า นั่นไม่ควรคิดว่าเป็นการทรยศหักหลัง  นั่นเป็นความทุกข์ทนอย่างเงียบๆ แม้แต่หัวหน้ากองกำลังในตอนนั้นก็ยังไม่ตำหนิข้าเลย  เมื่อข้ากอดเขาในอ้อมแขนและกล่าวคำสำนึกผิด  เมื่อเขาใกล้จะตายเต็มที ได้ใช้มือที่เต็มไปด้วยเลือดลูบศีรษะข้า  เจ้าไม่รู้ แต่เขาได้ให้อภัยข้าแล้ว”  จักรพรรดิสมุทรค่อยๆ คิดถึงเหตุการณ์ของปีนั้น  เสียงของเขาสงบไม่ปั่นป่วน
 “หัวหน้ากองกำลังจิตใจอ่อนโยนมาตั้งแต่เกิด  เขายอมตำหนิตนเองว่าไม่ดีพอ แต่ไม่ยอมตำหนิสหายของเขา  บางทีหัวหน้ากลุ่มได้ยกโทษให้เจ้า  แต่ว่าจักรพรรดิสมุทรก้วนหลาน  แค่รู้ว่าข้าไม่ยกโทษให้เจ้า ไม่ว่าจะเป็นภาษาไพเราะที่เจ้าพูดเพื่อปกป้องอดีตของเจ้ายังไงก็ตาม ก็ไม่อาจบรรเทาความเกลียดในหัวใจข้าได้เลย  ปีนั้น พี่น้องหญิงสิบสองคนตายอยู่ต่อหน้าข้า  ถูกศัตรูฆ่าอย่างหยามหยันอัปยศ  ก่อนที่พวกนางตาย  พวกนางร้องด้วยความเจ็บปวด  และฉากนองเลือดที่ข้าได้เห็น  พวกเขาต้องเห็นประจักษ์ว่าลูกๆ ของพวกเขาถูกศัตรูเลือกกินทั้งเป็น ความสิ้นหวังมีอยู่เต็มดวงตาของพวกเขา” ชายชราชุดปอนั่งอยู่บนแก้วผลึก  ประกายความโกรธแค้นวาบผ่านนัยน์สีเทาของเขา แต่ก็วูบหายไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม แม้จะน้อยกว่าเสี้ยววินาทีที่เขาปล่อยรังสีฆ่าฟันออกมา แต่ก็เพียงพอทำให้องค์ชายไห่หลงและองค์หญิงไห่กุ้ยต้องถอยหลังด้วยความตกใจถึงสามก้าว
แม้แต่ราชาฉลามผู้ภักดีก็ยังหนาวสะท้านไปทั้งร่าง
อันซี
รังสีมรณะของสุดยอดนักฆ่าช่างน่ากลัวจริงๆ
ถ้าเป็นนักรบธรรมดา  มีทางเป็นไปได้ว่าเขาอาจกลัวตายเพราะถูกรังสีสังหารระเบิดร่างไปอย่างอำมหิตก็ได้  แม้แต่ราชาฉลามที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปดก็ยังถูกความสะดุ้งกลัวครอบงำ
 “ยิ่งใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ?  สหายเก่า หนึ่งปีผ่านไป การฝึกฝนของเจ้าก้าวหน้าขึ้นอีกแล้ว”  จักรพรรดิสมุทรที่อยู่ในชุดคลุมไม่ได้รับผลกระทบ และยังหัวเราะได้อยู่
 “เจ้าก็เหมือนกัน  เจ้าก็เช่นกัน”  ชายชราชุดปอค่อยๆ ยืนขึ้นและเตรียมตัวโจมตี
 “พวกเจ้าสี่คนควรออกไปซะ,  องค์ชาย! ที่ทะเลด้านนอก พวกเจ้าทุกคนต้องฟังราชาฉลาม  ถ้าใครก็ตามเข้ามาในสุสานทะเล ให้ฆ่าพวกมัน  ถ้าพวกมนุษย์มัจฉากลายพันธุ์ก่อความยุ่งยาก  พวกเจ้าทุกคนต้องต้านทานไว้ให้เต็มที่สี่สิบห้านาที” จักรพรรดิสมุทรโบกมือ  เขาตัดสินใจเผชิญหน้ากับอันซี ชายชราชุดปอ เมื่อเขายกมือ ราชาฉลาม, องค์ชายไห่หลงและองค์หญิงไห่กุ้ยล้วนถอยออกไปด้วยความเคารพ
 “จักรพรรดิสมุทร  ถ้าข้าฆ่าเจ้าได้  ข้าจะปล่อยให้โอรสและธิดาของเจ้ามีชีวิตต่อไป  บอกตามตรงเลย ไม่ว่าจะเป็นโอรสหรือธิดาเจ้าก็ตาม ไม่ได้เรื่องสักคน”  ชายชราชุดปอประเมินองค์ชายไห่หลงและองค์หญิงไห่กุ้ย โอรสและธิดาของจักรพรรดิสมุทรด้วยความรังเกียจ
 “ยังคงมีพวกที่ไม่เลวอยู่เหมือนกัน  แต่พวกเขาตายเสียตั้งแต่ยังเล็ก นั่นเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดของคนเป็นจักรพรรดิจริงๆ”  จักรพรรดิสมุทรยิ้มขมขื่น  ดูเหมือนว่าเขาก็รู้อะไรหลายอย่าง
 “เรามาเริ่มกันเถอะ  คืนนี้ไม่เจ้าก็ข้าที่จะได้ออกไป  เราควรจบเรื่องทั้งหลายกันที่นี่”  รัศมีของชายชราชุดปอระเบิดออกมาทันทีเหมือนกับภูเขาไฟระเบิด  ผู้พิทักษ์โบราณที่เดิมรายล้อมอยู่ด้านนอกถอยออกมาทันที  แม้ว่าพวกมันจะไม่มีปัญญา  แต่พวกมันมีสัญชาตญาณที่ยอดเยี่ยม  และรู้สึกถึงอันตรายได้ไวมาก
อีกด้านหนึ่ง ชายชราชุดปอ อันซีเรียกจ้าวมังกรดำนรก อสูรเพชรระดับสิบออกมา
อีกฝ่ายหนึ่ง จักรพรรดิสมุทรก้วนหลานก็เรียกมังกรทองสามหัว อสูรเพชรระดับสิบออกมา
สงครามชี้ขาดเริ่มขึ้นแล้ว
ที่สุสานทะเล สี่ราชันย์นำโดยราชาฉลามและโดยการช่วยเหลือของแปดแม่ทัพใหญ่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกน้ำวนใหญ่ทั้งห้า
ขณะเดียวกันมีองค์ชายและองค์หญิงนับสิบ ที่นำโดยองค์ชายไห่หลงและองค์หญิงไห่กุ้ยตั้งค่ายใหญ่สองค่าย  ที่ด้านนอกมีขุนพลทะเลร้อยแปดและกองทัพของจักรพรรดิสมุทรมากกว่าสามพันคอยคุ้มกันพวกเขา
ขุนพลทะเลและกองทหารของจักรพรรดิสมุทรเกือบทั้งหมดมาจากหอทงเทียนชั้นที่เก้า  แต่ละคนเป็นนักสู้ชั้นเตรียมปราณก่อกำเนิดเป็นอย่างน้อย และขุนพลทะเลบางตนก็เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดไปแล้ว  เพียงแต่พวกเขาไม่มีคัมภีร์อัญเชิญเท่านั้น  ที่หอทงเทียนระดับที่สูงกว่า  มีเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย  พวกเขาเกิดมาก็ได้เปรียบคนอื่นอย่างมากมาย เพียงแต่พวกเขามีข้อบกพร่องตามธรรมชาติอย่างหนึ่ง  คือเกือบทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเข้าถึงการทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญ
ประการแรกคือพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังตามธรรมชาติ  อย่างไรก็ตามเมื่อเผ่าพันธุ์เหล่านั้นเช่น มนุษย์, เอลฟ์ฝึกฝนในระดับสูงกันหมด  พวกเขาจะล้าหลัง
นี่คือความจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้มีชีวิตในหอทงเทียนระดับสูง
 “ข้าพลาดอะไรไปหรือเปล่า”  เมื่อเย่ว์หยางปรากฏตัว  สี่ราชาถึงกับหน้าถอดสี  ไม่เว้นแม้แต่ราชาฉลาม  คนผู้นี้ก็ด้วยหรือนี่
 “ไตตันน้อย..ถ้าท่านยินดีจะร่วมมือ  จักรพรรดิสมุทรจะจ่ายเป็นของระดับศักดิ์สิทธิ์สองชิ้น”  แม้ว่าราชาฉลามจะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้  เขาก็ต้องลองดู  ถ้าเขาสามารถใช้สมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามยกเลิกความตั้งใจ  นั่นนับเป็นเรื่องที่ดี
 “ราชาฉลาม, โปรดช่วยข้าส่งสาส์นให้จักรพรรดิสมุทรด้วย ข้าต้องการเข้าไปในหุบเขาแก้วผลึกเพื่อขอบคุณความปรารถนาดีของเขาเป็นการส่วนตัว  ข้าหวังว่าเขายินดีจะพบข้า  ยิ่งกว่านั้น  เขาตั้งใจยกองค์หญิงคนหนึ่งให้แต่งงานกับข้าเชื่อมสัมพันธ์ไม่ใช่หรือ?  ในฐานะว่าที่เขยขวัญ  ข้าจะไม่มาขอบคุณว่าที่พ่อตาได้ยังไง?  ถ้าข่าวเช่นนั้นแพร่สะพัดไป  คนอื่นเขาจะว่าร้ายข้าเอาได้ หาว่าทางบ้านข้าอบรมสั่งสอนมาไม่ดี”  นัยน์ตาเย่ว์หยางกำลังเยาะเย้ย  เขาเพียงแต่มองดูสี่ราชันย์ โดยไม่สนใจแม่ทัพทะเลทั้งแปดและองค์ชายองค์หญิงอีกนับสิบ
 “....” ราชาฉลามรู้สึกขมขื่นใจ วันนี้ไม่ใช่วันที่ดีเลย
 “คุณชายสามตระกูลเย่ว์  แม้ว่าเจ้าจะสร้างชื่อมาด้วยตนเอง  แต่เจ้าคิดจะมาวางท่าต่อหน้าข้าหรือ?  งั้นเจ้าก็คิดผิดแล้ว”  องค์ชายไห่หลงไม่อาจทนได้ที่เย่ว์หยางเมินเขา เขาก้าวออกมาและโต้ตอบอย่างเย็นชา  “ถ้านัยน์ตาเจ้ายังใช้ได้อยู่  เจ้าสามารถนับจำนวนผู้แข็งแกร่งในเผ่าพันธุ์ทะเลเราดูได้ ใครก็สามารถจัดระเบียบในหอทงเทียนได้  ยิ่งกว่านั้น คุณชายสามตระกูลเย่ว์  ตอนนี้ราชาเฮยอวี้กำลังบุกบ้านเกิดเจ้า ทำไมเจ้าไม่คิดกลับไปป้องกันที่นั่น จะอยู่ที่นี่จะก่อความยุ่งยากกับเผ่าพันธุ์ทะเลของเราหรือ?  ยิ่งเจ้าหยิ่งมากเท่าไหร่ ก็ประมาทมากขึ้นเท่านั้น จริงไหม?”
 “นี่ใครกำลังพูดอยู่นี่? อย่างเจ้านี่ ยิ่งโตก็ยิ่งผิดรูปน่ารังเกียจ  ทำให้คนเห็นแล้วสะอิดสะเอียนพาลจะอ้วก?”  เย่ว์หยางโต้ตอบไม่ลดราวาศอก
 “เจ้า....”  องค์ชาย์ไห่หลงถึงกับมีสีหน้าบิดเบี้ยว
 “ต่อให้เจ้าแต่งชุดยาวมังกร แต่ดูยังไงก็ไม่เหมือนรัชทายาทสักนิด  ถ้าข้าเป็นเจ้า คงขายขี้หน้าจนเอาหัวโขกกำแพงตายไปแล้ว” ปากของเย่ว์หยางคมกว่ามีดและกรรไกรเสียอีก
 “ชื่อของคุณชายสามตระกูลเย่ว์นั้น ข้าเคยได้ยินมาก่อน  แต่ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่า เขาจะเป็นคนที่เลินเล่อมากกว่าที่ร่ำรือเป็นร้อยเท่า  บางทีเจ้าคงไม่เคยได้ยินคำพูดเช่นนี้มาก่อน  คนประมาทที่ไม่มีฝีมือ ก็คือคนที่ทั้งหยิ่งและโง่” องค์หญิงไห่กุ้ยหัวเราะเยาะ
 “ยอดเยี่ยม  คำพูดที่ยอดเยี่ยมนี้สมแล้วที่มีเจ้าเป็นตัวอย่าง”  เย่ว์หยางปรบมือด้วยความภูมิใจ

14 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ขอบคูรครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สงสัยมีคนระดับ 7 ได้ตายโชว์คนแรก

Unknown กล่าวว่า...

ประโยคสุดท้ายด่าเขาเอามากินเองชะงั้น ไม่น่าพูดเลยองค์หญิง

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

5555+ จะมาแข่งเรื่องฝีปากกับเย่ว์หยางมันเร็วไปล้านปีเฟ้ย!!

ป.ล. ขยี้มัน!!

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น