วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 472 ใครบังอาจขวางข้า?


ตอนที่  472  ใครบังอาจขวางข้า?
องค์หญิงไห่กุ้ยชี้ไปที่นางเงือกวายุในท่ามกลางพายุและกรีดร้องสุดเสียงของนาง “เร็วเข้า, รีบเลย ใครก็ได้ ไปฆ่านาง ฆ่านางเดี๋ยวนี้”

ขุนพลทะเลจำนวนหนึ่งและองครักษ์อีกเป็นสิบได้ฟังคำบัญชาจึงพุ่งเข้าหาอย่างไม่กลัวตาย
แม่ทัพทะเลอีกส่วนหนึ่งเห็นสถานการณ์แล้วรีบกระโจนเข้ามาอย่างกล้าหาญเตรียมทำลายสังข์เรียกพายุของนางเงือกวายุ  ธนูทองปักเข้าที่ไหล่ของเขา ในทันใดนั้นไหล่ของแม่ทัพทะเลกลายเป็นหิน  เขาไม่สามารถมีปฏิกิริยาตอบสนองได้ทันเวลาขณะที่สายฟ้าระเบิดฝ่าอากาศฟาดลงที่ศีรษะของเขา
ศีรษะและหน้าของเขาไหม้เกรียม
โลหิตพุ่งออกจากดวงตา, หู, ปากและจมูก
ขณะที่เขาตกลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง  แม่ทัพทะเลที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเห็นดาบน้ำแข็งสองเล่มฟันใส่ลำคอเขา
สติของเขาดับวูบทันที....
ถ้านางเงือกวายุปรากฏตัว  เมดูซาศิลา, นาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็งจะไม่ปรากฏตัวได้อย่างไร?
แม่ทัพทะเลที่เหลืออีกห้าคนรีบถอยไปอยู่ในพื้นที่ๆ ปลอดภัย ด้วยเกรงว่าจะไปตามเส้นทางเดียวกับสหายของเขา
เมดูซาศิลาและนาคาสายฟ้าก็ว่าน่ากลัวพอแล้วที่แย่ที่สุดก็คือมีปีศาจอสรพิษน้ำแข็งเพิ่มขึ้นมาด้วย  นอกจากนี้  พวกนางทุกคนอยู่ภายใต้การปกป้องของทะเลดอกหนาม  สภาพนางพญาดอกหนามมงกุฎทองในตอนนี้ หากจะเดินเข้าทะเลดอกหนามก็เท่ากับหาที่ตายชัดๆ
มีแม่ทัพทะเลอยู่แปดคน  และตอนนี้สูญเสียแม่ทัพทะเลไปแล้วสามคน
อย่างไรก็ตาม จำนวนของศัตรูกลับทวีคูณ
เวลาผ่านไป เหลือเวลาไม่ถึงสิบนาที  ภารกิจที่จักรพรรดิสมุทรมอบหมายให้เขาก็จะสำเร็จ  พวกเขาต้องรั้งศัตรูให้ได้อีกยี่สิบนาที
พอเห็นว่าสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้  ราชาฉลามอดปวดหัวไม่ได้
คุณชายสามตระกูลเย่ว์มีพลานุภาพมากกว่าที่เขาคิดไว้เป็นสิบเท่า  ไม่เพียงแต่ครอบครองเพลิงอมฤตและวงจักรล้างโลกเท่านั้น  เขายังมีอสูรที่ว่องไวและทรงพลังอย่างมาก  เขาไม่เหมือนนักสู้ปราณก่อกำเนิดอายุน้อยเลยแม้แต่น้อย  ทักษะต่อสู้ของเขาคล่องแคล่วว่องไวเหมือนกับสุนัขจิ้งจอกที่บำเพ็ญตบะมาเป็นพันๆ ปี  สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือคุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้นี้ ยังไม่ได้แสดงพลังทั้งหมดของเขา  เขายังคงเก็บพลังไว้อยู่
บางทีเขาต้องการจะออมแรงไว้ช่วงชิงอุทกแม่พระธรณีหมื่นปีก็เป็นได้
แม้ถ้าเป็นกรณีนั้น  ย่อมไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งเขาได้
แม้แต่ไท่หูที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้า สูงที่สุดในที่นี้ ก็ยังหวั่นเกรงเพลิงอมฤตและวงจักรล้างโลก  ทั้งสองนี้คือดาวข่มของเขา
สิ่งที่ทำให้ไท่หูและราชาฉลามรู้สึกสิ้นหวังที่สุดก็คือ จู่ๆ ปีศาจอสรพิษน้อยว่ายน้ำออกมาจากทะเลลึก  เธอดำลงใต้ทะเลอย่างสง่างามและรวดเร็ว  และบริเวณนั้นเป็นที่ๆ อสูรทะเลและเผ่ามนุษย์ทะเลไม่สามารถลงไปได้  เธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ดำและโผล่ขึ้นมาจากทะเลอย่างง่ายดาย  สิ่งที่ทำให้คนอื่นแทบเป็นบ้าก็คือ เธอถือมุกทะเลสงบอยู่ในฝ่ามือของเธอ!
มุกทะเลสงบที่สิ่งมีชีวิตในทะเลและเผ่ามนุษย์ทะเลไม่อาจแตะต้องได้กลับอยู่ในมือเธออย่างง่ายดาย
เป็น..เป็นไปได้ยังไง!
เมื่อเห็นการกระทำของเธอไม่ถูกจำกัดและสามารถทะลุผิวน้ำที่เหมือนกระจกลงไปได้  เธอลอยตัวเข้ามาอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยางแล้วมอบมุกทะเลสงบให้เขาในที่สุด  ราชาฉลามและไท่หูต่างกอดไหล่กันร้องลั่น  แผนการที่สมบูรณ์ของเขาซึ่งเขาวาดขึ้นทุกวิถีทางกลับกลายเป็นฟองอากาศหายไปต่อหน้าปีศาจอสรพิษน้อย
ที่มากกว่านั้น พวกเขายังสูญเสียสมบัติอย่างมุกทะเลสงบไปด้วย
 “เก่งมาก ลูก!” เย่ว์หยางรับมุกทะเลสงบไว้และกอดเสี่ยวเหวินหลีและหอมแก้มเธอเบาๆ
 “แหะ แหะ” เสี่ยวเหวินหลียิ้มและกอดเย่ว์หยางอย่างน่ารัก  เธอจูบเขาคืน
ดวงตากลมโตงดงามของเธอหรี่โค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว น่ารักเป็นพิเศษ
ทันทีที่มุกทะเลสงบอยู่ในมือของเย่ว์หยาง  ผิวน้ำทะเลที่เหมือนกระจก พลันสลายหายไปทันที กลับคืนสู่สภาพเดิม
เนื่องจากปราณก่อกำเนิด  ผิวน้ำกระเพื่อมทันที  นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบจากสังข์วายุของนางเงือกวายุทันที   พายุโหมกระหน่ำกวาดไปทั่วผิวทะเล
องครักษ์ฝีมือดีจำนวนมากและขุนพลทะเลจากกองทัพจักรพรรดิสมุทรร่วงลงในน้ำ  จ้าวปีศาจลาวาเปียกน้ำร้องโหยหวนขณะที่พวกมันจมลงสู่ก้นทะเลและกลายเป็นรูปปั้นหิน
สถานการณ์สำหรับฝ่ายจักรพรรดิสมุทรเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน มนุษย์มัจฉากลายพันธุ์ทุกตนที่ก่อนนั้นหม่นหมองใจคอไม่ดีไปชั่วขณะ ได้ผ่อนลมหายใจยาว... ในที่สุดคราวนี้ก็ถึงคราวที่พวกเขาจะได้ใช้พลังเสียที
เนื่องจากพวกเขากลายเป็นมนุษย์มัจฉากลายพันธุ์ไปแล้ว  การไม่อาจสู้ใต้น้ำได้ทำให้พลังของพวกเขาลดลงไปครึ่งหนึ่ง  ในทางกลับกัน ถ้าพวกเขาสามารถสู้ในน้ำได้  พลังรบของพวกเขาจะเพิ่มมากเป็นทวีคูณ  จะมีความแตกต่างใหญ่ขนาดไหน ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้น?  แน่นอนว่าเหล่านักสู้ของจักรพรรดิสมุทรไม่อ่อนแอ พวกเขาก็ยังคงมีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นอีกด้วย  อย่างไรก็ตาม  พวกเขาไม่เคยสู้กับมนุษย์มัจฉากลายพันธุ์ในใต้น้ำ  ทั้งนี้เพราะพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับนักสู้ปราณก่อกำเนิดถึงสามสิบกว่าตน  พลังของพวกเขาจะขยายมากขึ้นเป็นทวีคูณ
 “ไตตันน้อย, ให้เรารับมือทางนี้เอง”  หัวหน้ามนุษย์ปลาหมึกส่งสัญญาณให้เย่ว์หยางว่าสามารถจากไปได้  เขามั่นใจพอที่จะทำศึกนี้  แม้ว่าเขาจะไม่รับรองชัยชนะขั้นสุดท้าย  แต่ก็คงไม่มีปัญหา
 “เร็วเข้า พาคนเข้าไปที่หุบเขาแก้วผลึกและขวางน้ำวนใหญ่ทั้งห้าเอาไว้”  องค์ชายไห่หลงตะโกนอย่างกังวล
เนื่องจากมีความจริงว่า คนเพียงห้าคนเท่านั้นสามารถเข้าไปในหุบเขาแก้วผลึกได้ และจักรพรรดิสมุทรกับอันซีอยู่ข้างในแล้ว  ถ้ามีคนเข้าไปอีกสามคน  ก็จะไม่มีคนอื่นเข้าไปได้
ทันใดนั้น ผู้ช่วยสามคนผู้ภักดีและเชื่อฟังได้เข้าไปที่น้ำวนใหญ่
เย่ว์หยางมองผ่านรอยพับแขนตน เขาไม่ได้พยายามจะห้ามพวกเขา
ราชาฉลามยังคงปวดหัวของตนอยู่  องค์ชายไห่หลงประเมินฝีมือตนเองสูงเกินไปแล้ว
ถ้าวิธีขวางคนนั้นใช้ได้  อย่างนั้นทำไมจักรพรรดิสมุทรถึงให้ทุกคนออกมาอีกเล่า?  อย่างนั้นอาจปล่อยคนอื่นให้ขวางเอาไว้ก็ได้ไม่ใช่หรือ?
ต้องรู้ไว้ก่อนว่ามีสุดยอดนักฆ่าอย่างอันซีอยู่ข้างใน  อย่าว่าแต่อันซีเลย  ยังคงมีผู้พิทักษ์โบราณเป็นร้อยอยู่ข้างใน สามคนที่เพิ่งเข้าไปจะทนได้นานแค่ไหน?  ต่อให้ไม่มีผู้พิทักษ์โบราณ ไม่มีอันซีโจมตี  ในการต่อสู้ระหว่างยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งสองที่มีระดับปราณก่อกำเนิดอยู่ในขั้นที่สิบ  สามคนนั่นจะทนอยู่ได้นานเพียงไหน  พวกเขาอาจแตกสลายกลายเป็นเถ้าถ่านและระเหยกลายเป็นควันทันทีที่เข้าไปก็ได้
 “ฉลาดเหลือเกิน องค์ชายไห่หลง สมองของเจ้าเยี่ยมจริงๆ คงเป็นเพราะเจ้ากินอาหารประเทืองปัญญาอ่อนลงไปกระมัง?”  เย่ว์หยางปรบมือยกยอ
 “เจ้า...”  องค์ชายไห่หลงสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ
ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงวิ่งเข้าไปฉีกทึ้งฝ่ายตรงข้ามเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม  คนที่อยู่ต่อหน้าของเขาก็คือเย่ว์หยาง  เขาไม่กล้าแตะต้องเย่ว์หยางแม้แต่ปลายนิ้ว  ต่อให้เย่ว์หยางบอกว่าเขาจะไม่เคลื่อนไหวโต้ตอบก็ตาม  องค์ชายไห่หลงก็คงไม่กล้าโจมตีอยู่ดี  เขาเห็นมาแล้วไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ขุนพลทะเลของเขาถูกตัดขาดเป็นท่อนถูกเพลิงอมฤตของเย่ว์หยางเผามอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน
เขาเกลียดเย่ว์หยาง
เขาเกลียดเย่ว์หยางมากถึงขนาดกัดฟันกรอดๆ  อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้เย่ว์หยางแม้แต่ก้าวเดียว
ถึงเวลานี้ไท่หูค่อยกระโดดออกมาแสดงความสามารถของนักสู้อาวุโส  เขาโบกไม้เท้างูสายฟ้าและชี้มาที่เย่ว์หยาง
ตอนนี้, เขาไม่สนใจอีกต่อไป  เขาแสดงพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้าขั้นสูง  อาจกล่าวได้ว่าช่วงเวลานี้ เขาแข็งแกร่งกว่าซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำเล็กน้อย  อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่มีอะไรเมื่อเทียบกับจักรพรรดิชื่อตี้และราชาเฮยอวี้  ต่อให้จักรพรรดิชื่อตี้อยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุดก็ตาม  เขาก็ยังสามารถฆ่าไท่หูได้ในหนึ่งวินาที
เย่ว์หยางผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเผชิญหน้ากับจักรพรรดิชื่อตี้, สนมชื่อเฟย, ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำซึ่งร่วมมือกันโจมตีมาแล้ว ยังรู้สึกสบายใจที่จะเผชิญหน้ากับนักสู้อาวุโส
แม้แต่ช่วงซ้อมฝีมือกับนางเซียนหงส์ฟ้าก็ยังไม่ง่ายดายเช่นนี้
ไท่หูนั้นส่วนใหญ่จะครอบงำคู่ต่อสู้ของเขาโดยใช้พลังจิตโจมตีและด้วยความเร็ว  พร้อมด้วยทักษะทำให้ฝ่ายตรงข้ามอัมพาตแล้วจึงใช้ไม้เท้างูสายฟ้า
คนอื่นๆ อาจจะหวั่นเกรงพลังเหล่านี้  แต่สำหรับเย่ว์หยาง อาวุธเหล่านี้เป็นแค่เหมือนละอองแสง  พูดถึงการโจมตีด้วยพลังจิต  ไท่หูยังมิอาจเทียบได้กับนางเซียนหงส์ฟ้าด้วยซ้ำ  ทักษะแฝงเร้นเสน่ห์ของนางเซียนหงส์ฟ้าสามารถใช้ได้กับสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง  ขณะที่นัยน์ตาภูตผีของไท่หูเป็นของตลกสำหรับเย่ว์หยาง  ฮุยไท่หลางแข็งทื่อเพราะถูกตาภูตผีจ้องทำให้มันโกรธ
ส่วนพลังนัยน์ตาทำลายล้าง เป็นของไท่หูตั้งแต่เมื่อไหร่?
เนตรประหารของอาหมันอาจทำให้ไท่หูต้องร้องไห้อับอายขมขื่นใจและไม่อาจโผล่มาให้เห็นหน้าก็เป็นได้ 
 “โจมตี”  ไท่หูใช้ไม้เท้างูสายฟ้าฟาดใส่ไหล่เย่ว์หยาง  เขายินดีมาก และต้องการฟาดซ้ำอีก
 “เจ้าโง่” เย่ว์หยางคำราม  ปีกเพลิงอมฤตเปลี่ยนเป็นเกราะคุ้มครองเขาไว้แล้ว  การฟาดครั้งนี้ไร้ผลและทำให้เจ็บปวดนิดหน่อยเท่านั้น  อย่างไรก็ตาม ไท่หูตกอยู่ในอำนาจทักษะแฝงเร้นโซ่ล่องหนของเสี่ยวเหวินหลี  ตอนนี้เขาหมดโชคแล้ว  ก่อนที่ราชาฉลามจะทันได้ช่วย เย่ว์หยางรีบโจมตีทันที  เขาใช้หมัดขวาต่อยเข้าที่หัวใจของไท่หู  ใช้นิ้วมือข้างซ้ายสองนิ้วแทงนัยน์ตาของไท่หู  ไท่หูหลับตาไม่ทัน ต่อให้หลับตาทัน แต่ก็ไม่อาจต่อต้านปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเย่ว์หยางได้  หลังจากทำลายนัยน์ตาภูตผีของไท่หูแล้ว  เย่ว์หยางเตะเข้าที่หว่างขาของไท่หูอย่างรุนแรง ส่งผลให้เขาปลิวกระเด็นไปไกล พร้อมกันนั้นเหมือนกับว่าเขาได้ยินเสียงแตก  เขาได้ยินเสียงลูกอัณฑะแตกลางๆ
 “พลังทะเลคลั่งกลืนกิน”  ราชาฉลามก็เร่งลงมือในที่สุด  แต่ก็สายเกินไป
 “ช้าเกินไป” เย่ว์หยางเลียนแบบพลังมังกรคชสารของซุ่นเทียน ขณะใช้หมัดฮิปโปดาวตกของเจ้าอ้วนไห่ก่อเกิดเป็นพลังเหมือนเม็ดฝนโจมตีใส่ร่างของราชาฉลาม เงายักษ์บวกกับพลังของยักษ์ที่เพิ่มขึ้นมหาศาล  ร่างของราชาฉลามถูกต่อยจนเป็นกำปั้นลึกลงไป  โชคดีที่ร่างของเขามีหนังฉลามที่หนาซึ่งเพิ่มพลังป้องกันให้เขา  ด้วยพลังปราณก่อกำเนิดระดับแปดของเขา  เขาคว้าตัวไท่หูและรีบหนีออกไป เขาไม่ตั้งใจจะรับมือเย่ว์หยาง
ในท้องฟ้า สามราชาหลบหนีการโจมตีของหัวหน้ามนุษย์ปลาหมึก, ปลาวาฬจางและมนุษย์ปลาดาบจี๋ฟง  พวกเขาเข้ามาปกป้องราชาฉลามและไท่หูที่ได้รับบาดเจ็บปางตาย
เย่ว์หยางถือทวนทองฆ่ามังกรและพุ่งเข้าใส่กองทัพและขุนพลของจักรพรรดิสมุทร
การสังหารหมู่เริ่มขึ้นแล้ว
เย่ว์หยางหยุดมือหลังจากที่ทุกคนหนีห่างออกไปด้วยความกลัวและไม่มีใครกล้าเข้ามาหาเขาอีก
ตัวเขาย้อมไปด้วยเลือด เหมือนกับเทพปีศาจยุคโบราณ ไม่มีใครที่ไม่กลัว
เย่วหยางกวาดตามององค์ชายไห่หลงอย่างรวดเร็ว  “องค์ชายผู้ฉลาด  เจ้ายังวางแผนให้คนมาขัดขวางข้าอีกหรือเปล่า?  ถ้าไม่มีใครกล้าเอาชีวิตมาทิ้ง  อย่างนั้นข้าจะเข้าไปทักทายบิดาของเจ้าแล้วนะ,  องค์ชาย!  จะเล่นกับข้าไหมเล่า? เจ้าก็ยังอายุน้อยมาก ถ้าเจ้าคิดว่าการมีพ่อเป็นจักรพรรดิสมุทรแล้วจะทำให้เจ้าเป็นองค์ชายที่แท้จริง  อย่างนั้นเจ้ามันก็แค่นกน้อยที่หวาดกลัวและไร้ประโยชน์  กลับไปซุกใต้เตียงบิดาเจ้าเสียเถอะ  โลกภายนอกนั้นอันตรายเกินไป”
เผชิญกับถ้อยคำที่เยาะเย้ยและเย็นชาของเย่ว์หยาง  องค์ชายรู้สึกว่าหน้าบัดเดี๋ยวแดง บัดเดี๋ยวเขียว
เขาไม่กล้าตอบโต้
เพราะเย่ว์หยางแผ่รังสีอำมหิต  และไท่หูผู้ทรงพลังก็ยังอยู่ในสภาพน่าสงสารเช่นนั้น  องค์ชายแทบจะปัสสาวะราดกางเกงอยู่แล้ว มันทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก
ราชาฉลามกระอักโลหิต  ขณะที่ไท่หูยังมีขุนพลทะเลสองสามคนคอยพยาบาลรักษา  ราชาอีกสามคนกำลังวุ่นกับการต่อสู้กับหัวหน้ามนุษย์ปลาหมึก, ปลาวาฬจางและมนุษย์ปลาดาบจี๋ฟง  พวกเขาไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจของคู่ต่อสู้ได้  ขณะที่เย่ว์หยางตัดสินใจเข้าไปในหุบเขาแก้วผลึก  ไม่มีผู้ใดกล้าขัดขวาง  องค์ชายไห่หลงและองค์หญิงไห่กุ้ยทั้งสองคนได้แต่ก้มหน้าทำเป็นไม่เห็นอะไร
เย่ว์หยางพาแต่เสี่ยวเหวินหลีไปและทิ้งฮุยไท่หลาง, นางพญาดอกหนามมงกุฎทอง, นางพญากระหายเลือด, เมดูซาศิลา, เงือกวายุ, นาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็งไว้ด้านนอก
ด้วยเหล่าอสูรที่ทรงพลังเหล่านี้ ทหารของจักรพรรดิจะไม่มีเปรียบอะไร
ยิ่งกว่านั้น มนุษย์ปลาตีนและมนุษย์มัจฉากลายพันธุ์อีกสามสิบกว่าตนก็ยังอยู่ที่นี่
หุบเขาแก้วผลึก
เมื่อเย่ว์หยางเข้าไปในหุบเขาแก้วผลึก  เขามีเวลาอีกสิบนาที ก่อนที่อุทกแม่พระธรณีจะถือกำเนิด
อย่างไรก็ตาม เขาคาดไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะกลายเป็นนรกเลือดไปแล้ว
มีอสูรขนาดยักษ์สิบตัวตายแล้ว เลือดสดดูเหมือนจะย้อมหุบเขาแก้วผลึกจนแดงฉาน  แม้แต่ผู้พิทักษ์โบราณที่ได้รับบาดเจ็บและเสียหายไปด้วย  เนื่องจากพวกมันกำลังดูดกลืนพลังงานจากแก้วผลึกเพื่อฟื้นฟูสภาพของมัน  ในอากาศ ดูเหมือนจะมีพระอาทิตย์สองดวง  จักรพรรดิสมุทรก้วนหลานและอันซีนั่นเอง  การต่อสู้ของพวกเขาเข้าสู่จุดตัดสิน  ทั้งสองฝ่ายโจมตีต่อสู้โดยไม่มีถอย  ความตึงเครียดกำลังเข้มข้นทุกขณะ...
ในใจกลางของหุบเหวแก้วผลึก  ในส่วนถ้ำที่ลึกที่สุด  มีแก้วผลึกงอกขึ้นจำนวนมาก  แก้วผลึกงอกขึ้นทีละนิดๆ เหมือนกับดอกไม้บาน  เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปช้ามาก
นั่นคือที่เกิดของอุทกแม่พระธรณีหมื่นปี!
 

15 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

ใช่ใช่ม่ะ กล่าวว่า...

เดียว? ถังเทียนมาได้ยังไง

Unknown กล่าวว่า...

ไม่ต้องตกใจครับ เย่หยางอันเชิญพี่ถังเถียน มาจากคำภี เฮียแกเองครับแกทำสัญญาตั้งแต่คนแปล แปลสองเรื่องครับ

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ใครจะได้ไปหนอ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

lawling กล่าวว่า...

ถังเทียน มาถึงนี่แล้ว

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

tho กล่าวว่า...

555

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

แหม่ ช่างน่าสงสารผู้อาวุโสจริงๆ ตาบอดไม่พอแม้แต่ไข่ยังแตก! 5555+

8lek8 กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

akekapoj-tee กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น