ตอนที่ 479 โลงทอง
หลังจากกลับมาปราสาทตระกูลเย่ว์ที่ทวีปมังกรทะยานแล้ว
เย่ว์หยางไม่มีอะไรจะทำ เย่คง,
เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ไปฝึกฝีมืออยู่หุบเขามรณะ
เย่ว์หยางเตร็ดเตร่ไปเรื่อยจนถึงมิติลวงในวังหลวงเทียนหลัว
เจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหินยังคงอยู่ทั้งคู่ เนื่องจากว่ายังเป็นเวลากลางวัน
พวกนางจึงไม่ได้สนิทสนมพัวพันเย่ว์หยาง
ถ้าเป็นกลางคืนเจ้าหนุ่มผู้มาจากโลกอื่นอาจจะเล่นบทรักสองต่อหนึ่งก็เป็นได้ นางเซียนหงส์ฟ้าจากไปแล้ว บางทีนางอาจไปหาจักรพรรดินีราตรี เย่ว์หยางไม่ห่วงนาง ในฐานะที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าคนใหม่ ต่อให้นางเผชิญกับราชาเฮย์อวี้
นางก็สามารถถอยหนีได้
ถ้าเย่ว์หยางไม่กังวลเรื่องการเปิดเผยทักษะที่แท้จริงของนางจนทำให้ราชาเฮยอวี้หันหางเสือ เย่ว์หยางคงคิดจะพานางเซียนหงส์ฟ้าไปท้าสู้กับราชาเฮยอวี้ในมิติลึกลับแล้ว
สำหรับเรื่องที่เย่ว์หยางโจมตีเผ่าพันธุ์ทะเลที่สุสานทะเลและได้ชัยชนะ
แม่สี่ของเขาและเย่ว์หวี่แสดงความยินดีกับเขาจากใจจริงอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนเย่ว์ปิงน้องสาวของเขาทั้งเทิดทูนบูชาและสรรเสริญเขาอยู่แล้ว
จักรพรรดิสมุทรก้วนหลาน
ในฐานะหนึ่งในห้าจักรพรรดิแห่งหอทงเทียนพ่ายแพ้ด้วยฝีมือของพี่ชายนางเอง
แม้ว่าเหตุผลหลักที่เขาตายเป็นเพราะอันซี
สุดยอดนักฆ่ามือหนึ่งและเผ่าพันธุ์ทะเลผู้ทรยศ
แต่ชัยชนะสุดท้ายก็ตกอยู่ที่พี่ชายนาง
การเดินทางครั้งนี้มิเพียงแต่ทำให้เขาได้รับอุทกแม่พระธรณีและกริชสังหารเทพเท่านั้น
แต่เขายังคงเลื่อนขึ้นเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้า เย่ว์ปิงคิดว่าพี่ชายนางเป็นบุรุษที่สมบูรณ์ที่สุดในโลกไม่มีผู้ใดเอาชนะเขาได้
“นั่นอันตรายมากเลยนะ เจ้าได้ชัยชนะเพราะฉวยโอกาสได้ดี”
เมื่อหญิงงามอู๋เหินได้ยินเรื่องการต่อสู้ที่หุบเขาแก้วผลึก นางเอามือทาบอกเพื่อบรรเทาความกลัวของนาง
“ข้าขำแทบตาย ที่จักรพรรดิสมุทรชิงอุทกแม่พระธรณีของปลอมไป
เขาเข้าใจผิดว่าผลึกเหลวเป็นอุทกแม่พระธรณีของจริง ฮ่าฮ่าฮ่า
ความเข้าใจของเขาเป็นเช่นนั้น...” โล่วฮัวตอนนี้กลายเป็นภรรยาอันดับสองของเย่ว์หยางแล้ว
อย่างไรก็ตามเสียงหัวเราะห้าวและเย้ายวนใจของนางไม่เปลี่ยนแปลง
นางโน้มตัวให้เย่ว์หยางกอด นางหัวเราะเสียจนไหล่นางไหว
กลับกลายเป็นว่านางหัวเราะจนหมดแรงแล้วอิงตัวเข้ากับอ้อมกอดเย่ว์หยาง ความจริงไม่ใช่แต่เพียงนางเท่านั้น
แม้แต่เย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงก็ยังพบว่าเป็นเรื่องตลก
ที่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่รอมานานหลายร้อยปี แต่ในที่สุดแล้วกลับได้ของปลอมไป
เขาก็ยังคิดว่าตนเองประสบความสำเร็จชิงเอาของจริงมาได้ แค่คิดถึงเรื่องนี้แล้วทำให้ผู้คนพูดไม่ออกจริงๆ
“ไม่มีผู้ใดหนีพ้นผลกรรมทรยศหักหลังไปได้ จักรพรรดิสมุทรเหลือบุตรหนึ่ง ธิดาอีกหนึ่ง
เขายังนับว่าโชคดี ซานเอ๋อ! ครั้งนี้เจ้าทำได้ดี”
แม่สี่ยกย่องเย่ว์หยางที่ตัดสินใจส่งมอบไห่อิงอู่ให้จักรพรรดิสมุทร นางรู้สึกว่าเขาจัดการได้อย่างเหมาะสม
ปกติ แม่สี่ก็ยกย่องเย่ว์หยางมากอยู่แล้ว
ไม่ว่าเขาจะได้รับสมบัติมากเพียงใดก็ตาม
แต่ครั้งนี้เย่ว์หยางยอมสละเกราะจักรพรรดิสมุทรและง้าวสามง่ามของจักรพรรดิสมุทร
และให้ไห่อิงอู่ได้รับบัลลังก์ของจักรพรรดิสมุทรคนต่อไป
การกระทำคราวนี้สร้างความพึงพอใจให้แม่สี่ นางชื่นชมเย่ว์หยางอย่างมีความสุข
ความจริงเย่ว์หยางไม่ต้องการชิงเกราะศักดิ์สิทธิ์และง้าวสามง่ามของจักรพรรดิสมุทรอยู่แล้ว
เพราะสมบัติเหล่านั้นมีเงื่อนไขพิเศษจึงจะใช้ได้ ต่อให้เขาได้รับมาก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี
ดังนั้นเขาจึงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ทำสิ่งที่ถูกต้อง
ปล่อยให้ไห่อิงอู่กลายเป็นจักรพรรดินีสมุทรคนใหม่จะเป็นเรื่องที่ดีในอนาคต
แม้จะมีความช่วยเหลือกจากราชาฉลาม
ไห่อิงอู่บางทีอาจไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จในบัลลังก์ของจักรพรรดินีก็ได้ เผ่าพันธุ์ทะเลที่ถูกครอบงำโดยองค์ชายไห่หลงและตระกูลของมารดาเขา
พวกเขาคงวางแผนชิงราชบัลลังก์เป็นแน่
ที่สำคัญจากนี้..
เย่ว์หยางคาดว่าเขาคงมีหลายเรื่องต้องจัดการเป็นธรรมดาแน่
เย่ว์หยางไม่แน่ใจเกี่ยวกับพัฒนาการในอนาคต แต่เขาได้วางหมากตัวสำคัญเอาไว้ก่อนในการเคลื่อนไหวครั้งแรกนี้
“พี่สาม, อุทกแม่พระธรณีไม่มีโอกาสได้เห็นแล้ว พี่สามอวดกริชสังหารเทพได้ไหม
ให้เราดูของดีหน่อย” หนูน้อยเย่ว์ซวงกระตุกแขนเย่ว์หยาง หน้าของเธอแดงเล็กน้อยเนื่องจากความตื่นเต้น
แม้กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังระงับความตื่นเต้นไม่ได้ เธอต้องการเห็นสินสงคราม
“ต้องระวังนะ เพราะมันคมมาก ไม่งั้นมันอาจตัดมือเจ้าขาดได้”
เย่ว์หยางกังวลว่าเธอจะเล่นกับสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาต้องจับมือเธอเบาๆ
ก่อนวางกริชสังหารเทพในมือเธอ
“ไม่เห็นจะสวยเลย” หนูน้อยเย่ว์ซวงไม่สนใจเรื่องอาวุธ ความจริงเธอสนใจแต่เพียงอาหารอร่อยเท่านั้น
“เกาะอัคคีมีมะพร้าวขาวเหมือนหิมะ รสชาติอร่อยอย่าบอกใครเลย”
เมื่อเย่ว์หยางพูดถึง เย่ว์ซวงดีใจทันที เธอรีบตะโกนทันที “พี่สามคนดีที่สุด!”
และโน้มคอเขาลงมาจูบ ในที่สุด เธอก็ถือมะพร้าวหิมะ
อาหารพิเศษจากเกาะอัคคีวิ่งพล่านไปทั่ว เธอไม่ได้กินทันที
แต่เล่นกับของกินนี้ก่อน
เมื่อเห็นเธอทำท่าน่ารัก เจ้าเมืองโล่วฮัวอดหัวเราะไม่ได้
“อุทกแม่พระธรณีและกริชสังหารเทพเหรอ
เป็นรางวัลของดีจริงๆ” เย่ว์ปิงอุทานอย่างชื่นชม
ความจริง
เย่ว์หยางไม่ได้แค่เพียงรับอุทกแม่พระธรณีและกริชสังหารเทพเท่านั้น อสูรของเขาเกือบทั้งหมดยกระดับจากการรบทางทะเลครั้งนี้ด้วย
หลังจากได้รับพลังงานของอุทกแม่พระธรณีแล้ว
เสี่ยวเหวินหลียกระดับจากอสูรเพชรระดับห้าเป็นระดับหก
นางพญากระหายเลือด อาหงจะกลายเป็นอสูรในตำนานอีกไม่ช้า
แค่เพียงได้รับความช่วยเหลือจากเย่ว์หยางเพิ่มเท่านั้น
โคเงาอาหมันไม่ได้รับเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มากมายนัก
แต่หลังจากผสานกับหัวใจธรณีสารและอาบลำแสงที่ปล่อยออกมาจากอุทกแม่พระธรณี นางใกล้จะสมบูรณ์แบบเต็มที่แล้ว
แม้แต่ภูตเพลิงปฐพี,
ตั๊กแตนมัจจุราชและหนูเบญจธาตุค้นสมบัติก็ได้รับรางวัลจากการเดินทางครั้งนี้ด้วย
คำถามก็คือ ได้รับมากเพียงไหน
เย่ว์หยางรู้สึกว่าหนูเบญจธาตุที่ก่อนหน้านั้นไม่มีสัญญาณของการวิวัฒนาการเลย
จะมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างหลังจากซึมซับพลังงานที่ปล่อยออกมาจากอุทกแม่พระธรณี
เพราะขณะที่เกิดเหตุ เย่ว์หยางไม่มีเวลาพอจะตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเพื่อปณิธานของเย่ว์กง
เย่ว์หยางรู้สึกว่า เขาจะมีความก้าวหน้าในอีกไม่ช้า
ผู้ที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์มากที่สุดย่อมเป็นนางพญาดอกหนามมงกุฎทองอย่างมิต้องสงสัย นางพญาดอกหนามมงกุฎทองที่เป็นอสูรทองระดับหนึ่งจะยกระดับเป็นอสูรแพลตตินัมระดับหนึ่ง
หรือบางอาจเป็นอสูรเพชรระดับหนึ่งก็เป็นได้
เนื่องจากในการต่อสู้
ต้นดอกหนามที่นางควบคุมกลืนกินคนไปมากทำให้นางมีโอกาสยกระดับ สิ่งที่นางกินลงไปก็มี
มนุษย์มัจฉากลายพันธุ์มากกว่าสามสิบซึ่งเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้าขึ้นไป นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ไม่ทราบนามหลายสิบคน
ราชันย์มัจฉาอีกสามซึ่งมีระดับเดียวกับราชาฉลามและแม่ทัพทะเลอีกแปด,
ขุนพลทะเลอีกร้อยแปด
ทหารฝีมือดีของจักรพรรดิสมุทรอีกสามพันและองค์ชายองค์หญิงอีกหลายสิบคน ที่มีพลังมากที่สุดก็คือไท่หู
นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้า
แม้ว่าส่วนเล็กน้อยจะถูกฮุยไท่หลางแทะไปก็ตาม แต่ก็นับว่าน้อยนิด
เย่ว์หยางคาดว่าถ้านางพญาดอกหนามมงกุฎทองปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง นางคงจะเหนือธรรมดาแน่
แม้จะไม่ได้เขาช่วยหนุนเสริมก็ตามแต่นางจะไปถึงระดับอสูรในตำนานแน่นอน
อสูรทองน้อยได้กินไม้เท้าทองของไท่หูและย่อยสลายจนกลายเป็นขยะ
เย่ว์หยางไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายแม้แต่น้อย ตราบใดที่เจ้าตัวน้อยนี่สามารถกินได้
ไม่ว่าสมบัติอะไรมันก็กินหมด
ความจริงเย่ว์หยางเก็บเกี่ยวผลกำไรมหาศาล
เช่นสมบัติขององค์ชายไห่หลงและแหวนขององค์หญิงไห่กุ้ย สมบัติและผลึกเวทมากมาย
ตอนนั้นเขาไม่มีเวลาจะจัดของทุกอย่าง
เพราะเจ้าอสูรทองน้อยสวาปามผลึกเวทอย่างบ้าคลั่ง
เย่ว์หยางจงใจไม่ห้ามมัน ไม่ต้องคำนึงถึงความจุในกระเพาะของมัน
มันกินผลึกเวทลูกแล้วลูกเล่า
เทียบกับอสูรโลกาที่เป็นอสูรประเภทม่านพลัง ยังนับว่าธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นผลึกเวทมากมายเพียงใดก็ตาม
ถ้าหลุดเข้ามาในเขตม่านพลัง ต่อให้กองเป็นภูเขา
ก็โดนกลืนกินทั้งหมด ไม่มีอะไรทำให้เจ้าอสูรนั้นพอใจได้
เนื่องจากมันเป็นอสูรที่น่าประทับใจ
เย่ว์หยางให้ความสำคัญในพัฒนาการของพวกมัน
ราชาเฮยอวี้มีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั่วตัว
เย่ว์หยางคาดว่าแม้แต่กริชสังหารเทพก็ไม่สามารถฆ่าเขาได้ สิ่งเดียวที่มีโอกาสฆ่าเขาได้มากที่สุด
ก็คงเป็นอสูรทองน้อยที่สามารถละเลยการป้องกันเช่นนี้
หลังจากมันเปลี่ยนรูปเป็นดาบมังกรฟ้าแล้ว ใช้ร่วมกับปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยาง
แม้ว่าราชาเฮยอวี้จะมีเกราะชั้นศักดิ์สิทธิ์คอยป้องกัน แต่เขามีหวังเจ็บตัวเป็นแน่
“นี่คือผลึกเวทของจิ้งจอกปีศาจเก้าหัว
ข้าใช้เพลิงอมฤตกลั่นเรียบร้อยแล้ว”
เย่ว์หยางมอบผลึกพลังงานโปร่งใสมีประกายไฟฟ้าให้เจ้าเมืองโล่วฮัว
“หวา..มาได้เวลาเลย.. ถ้าเราได้ดอกไม้วิเศษเพิ่มอีกอย่างจะยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
ภูตจิ้งจอกหกหางของเจ้าเมืองโล่วฮัวได้วิวัฒนาการเป็นสาวจิ้งจอกแล้ว
อย่างไรก็ตามนางยังห่างจากการเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์เพียงไม่กี่ก้าว ปกติภูตจิ้งจอกหกหางจะอยู่ในสภาพจิ้งจอกหิมะสามหางเป็นส่วนใหญ่
แต่นางสามารถแปลงร่างเป็นสาวจิ้งจอกเมื่อใดก็ได้ อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ขัดขวางการยกระดับของเธอก็คือยังขาดเม็ดพลังของบุรุษเผ่าปีศาจบูรพา จะสร้างด้วยตัวเองก็จะช้าเกินไป
เจ้าเมืองโล่วฮัวพยายามอย่างหนักเพื่อจะช่วยให้นางได้วิวัฒนาการ
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องช้าถ้าเป็นเพียงยกระดับเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์
แต่ถ้านางต้องการยกระดับเป็นอสูรในตำนานบางทีนางต้องกลายเป็นภูตจิ้งจอกเก้าหางก่อน
“ค่อยๆ ทำก็ได้ ยังไงก็จะต้องยกระดับในที่สุดจนได้นั่นแหละ แม่เสือสาวกับอี้หนานอยู่ไหนหรือ?” เย่ว์หยางพูดถึงองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและอี้หนาน
“อี้หนานอยู่ที่หุบเขาภมรบุปผา นางก้าวหน้าได้ไม่เบา ตอนนางกลับมาครั้งล่าสุด เจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ นางกลับไปหุบเขาภมรบุปผาเพื่อฝึกฝนต่อไปแล้ว ระดับความก้าวหน้าของนางนับว่าเร็วมาก ครั้งต่อไปเมื่อเจ้าเห็นนาง เจ้าอาจทึ่งก็ได้ ข้าไม่รู้เรื่ององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเลย นางส่งจดหมายมาให้เราครั้งล่าสุด
มาให้เราเมื่อสิบวันที่แล้ว” สาวงามอู๋เหินรู้จักเย่ว์หยางดีที่สุด นางรู้ว่าในใจของเขา
เย่ว์หยางกังวลห่วงใยเสวี่ยอู๋เสียมากที่สุด แต่เขาไม่ถาม
เสวี่ยอู๋เสียติดตามไปฝึกฝนกับจื้อจุน บางทีนางยังไม่กลับมาง่ายๆ
เย่ว์หยางผงกศีรษะ “ก็ดี, ทุกคนก้าวหน้ากันทั้งนั้น นี่นับเป็นข่าวดี ข้าก็ต้องฝึกฝนหนักเช่นกัน
เนื่องจากยังมีเวลา
มาดูกันว่าเราจะเติมเต็มปณิธานของภูตอัจฉริยะเย่ว์กงได้ยังไง?”
แม่สี่นั่งอยู่ข้างๆ เขา
หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด นางเอ่ยปากตำหนิเย่ว์หยาง
“อย่าเรียกบรรพบุรุษของเจ้าด้วยชื่อฉายา
เจ้าควรจะเรียกท่านด้วยความเคารพกว่านี้”
เย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงแอบหัวเราะคิกคัก
เมื่อแม่สี่ไม่อยู่บ้าน
เย่ว์หยางมักจะเรียกบรรพบุรุษตระกูลเย่ว์โดยเรียกชื่อตรงๆ เสมอ
ตอนนี้ เขาก็ถูกแม่สี่ตำหนิจนได้
เย่ว์หยางต้องรีบทำตัวเป็นเด็กดี ทันใดนั้น เขานึกอะไรบางอย่างได้
“เมื่อครั้งล่าสุด ข้าได้รับโลงทองมาใบหนึ่ง เพราะข้ามัวแต่วุ่นๆ
จึงไม่มีโอกาสได้เปิดดู ตอนนี้ได้เวลาพอดี
ข้าตั้งใจว่าจะเปิดโลงเพื่อดูว่าข้างในมีอะไรอยู่”
“โลงทอง?”
เจ้าเมืองโล่วฮัวและคนที่เหลือสงสัยมากที่ได้ยินเช่นนี้
“ข้าไปได้มาจากสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง..” เมื่อเย่ว์หยางนึกย้อนเวลากลับไป
เขาไม่ได้พูดให้เจ้าเมืองโล่วฮัวฟัง ตอนนั้นหลังจากกลับเข้าไปโลกคัมภีร์ เขาก็พาอู๋เหินไปอาบน้ำด้วยกันกับเขา
เขาก็ไม่ได้พูดถึงมันเช่นกัน
หลังจากนั้นเขาไปพบนางเซียนหงส์ฟ้าและมีเรื่องตามมายืดยาวจนกระทั่งได้ลงเอยกับนาง
พวกสาวๆ
นอกจากได้รับทราบข่าวว่านางเซียนหงส์ฟ้ายกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า เย่ว์หยางจึงลืมเรื่องโลงทองสนิท
หลังจากนั้นเขาต้องไปพบกับสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงกระทั่งได้รับอุทกแม่พระธรณีและหลายๆ
เรื่องที่เกิดตามมา
เขาพบไห่อิงอู่และเกือบจะมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง
ในที่สุด เขาก็ร่วมมือกับอันซีและมนุษย์มัจฉากลายพันธุ์สู้กับจักรพรรดิสมุทรก้วนหลาน
ได้รับอุทกแม่พระธรณีและฝังพวกเผ่าพันธุ์ทะเลทุกคนในสุสานทะเล จากนั้นเขาจึงระลึกถึงเรื่องโลงทองได้
เขานำโลงทองออกมา
มีอักษรรูนลึกลับถูกแกะสลักไว้บนโลง
แม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่สามารถเข้าใจได้
เขาไม่รู้อะไรแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม แม่สี่ประหลาดใจ
นางโพล่งออกมา “นี่ดูเหมือนโลงทองที่ใช้ผนึกผู้รับใช้เทพภายในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ”
“อ๋า, แม่สี่, ท่านรู้จักมันด้วยเหรอ?” เย่ว์หยาง, เจ้าเมืองโล่วฮัวและคนอื่นๆ
ทุกคนมองมาที่นาง
“ไม่, ไม่ใช่ ข้าได้ยินมาจากพี่สาว.. ซานเอ๋อ, เจ้าควรจะตรวจสอบดูช้าๆ ข้าจะไปปอกมะพร้าวให้ซวงเอ๋อก่อน” สีหน้าของแม่สี่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป
นางโบกมือทันที แสดงว่านางไม่รู้
นางจูงมือเด็กหญิงน้อยไปด้วยเพื่อปอกมะพร้าวให้เธอ เย่ว์หยาง, เย่ว์หวี่, เย่ว์ปิงและเจ้าเมืองโล่วฮัวต่างมองหน้ากันเอง พวกเขาไม่อยากเชื่อว่าแม่สี่ผู้ไม่เคยย่างเท้าออกไปภายนอกจะรู้จักโลงทองนี้จริงๆ
นางยังบอกว่าเป็นโลงของผู้รับใช้เทพเจ้าจากแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ?
บางทีแม่สี่อาจเคยไปภายในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพกระมัง?
เนื่องจากแม่สี่ไม่ยอมรับ เย่ว์หยางรู้สึกไม่ดีถ้าจะถามดูอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินคำพูดของนาง
เย่ว์หยางรู้สึกดีขึ้น
การณ์กลับปรากฏว่าไม่มีสัตว์ประหลาดใดๆ อยู่ภายในโลงทอง ถ้ามีอันตราย นางคงจะเตือนพวกเขาไปแล้ว
เย่ว์หยางตัดสินใจจะเปิดและดูว่าอะไรอยู่ในโลงทองกันแน่
13 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
มีตัวอะไร อยู่ในโลงทองกันแน่ จะได้สาวเพี่มอีกท่านหรือว่าเบ้ ไว้ค่อยช่วยงาน
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณคับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ToT คิดถึงเหล่าสาวๆคนอื่นๆจัง หายไปนายมากกก อี้หนานนี่แทบลืมชื่อไปแล้วด้วยซ้ำ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับ
Thx
แสดงความคิดเห็น